บทที่ 224
การพยากรณ์ รายเดือน
ในการพยากรณ์เหตุการณ์รายเดือนที่นิยมกันและใช้กันมากคือ
1. ดวง วันอมาวสี ( New Moon ) คือแรม 15 ค่ำ ของทุกเดือน ถึง New Moon ต่อไป
ดวง New Moon นี้ จะบอกเหตุการณ์ว่าเดือนนี้จะมีเรื่องที่เราต้องการทราบเกิดขึ้นหรือไม่
ให้ดูที่ตำแหน่งดวงจันทร์ทับกับดวงอาทิตย์ เป็นจุดตั้ง และดูว่า เรื่องที่เราต้องการค้นหา
เช่น ดาวโดด ศูนย์รังสี จุดอิทธิพล ฯลฯ มาทำมุมถึงจุด นี้หรือไม่ ซึ่งในโปรแกรมจะมีเมนูให้กด
ที่
New Moon
เราก็จะได้ตำแหน่ง
พร้อมทั้งปรับเวลามาเป็นประเทศไทยได้เลย
ถ้าเปิดในปฏิทิน
Raphae*s
เราจะต้อง บวก
7
เพื่อให้เป็นเวลาทางตะวันออกเสียก่อนถึงจะนำมาใช้ได้
2.
ดวง
วันปูรณมี
( Full Moon )
คือขึ้น
15
ค่ำ
ของทุกเดือน ถึง
Full moon
ต่อไป
ดวง Full Moon นี้ ใช้สำหรับหาเหตุการณ์รายเดือน เหมือนกัน โดยใช้จุดดวงจันทร์ เป็นตัวกำหนดว่า
มีดวง หรือปัจจัย ที่เราต้องการทราบทำมุม หรือเข้าเรือนชะตาอะไรบ้าง ถ้าไม่เข้ามุม หรือเข้าเรือนที่ต้องการ
ก็อาจยังไม่เกิดในเดือนนี้ ให้ทำการตรวจเช็คต่อไป ว่าเดือนไหนจะทำมุมหรือเข้าเรือนที่แรง ๆ ก็น่าจะเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ ที่เราต้องการทราบ
หลักในการพยาการณ์เหตุการณ์รายเดือนนี้ ทั้ง New Moon และ Full Moon ท่านสามารถเลือกใช้ได้
ว่าอย่างไหนจะให้ความรุนแรงกว่ากัน ควรจะทำการทดสอบให้บ่อย ๆ จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น แต่ส่วนมากจะ
ดูดวง New Moon มากกว่า ทั้งด้านดี และด้านร้าย เพราะมีผลที่เด็ดขาดในการให้คำพยากรณ์มากกว่า
ส่วน Full Moon ก็ใช้ได้เหมือนกัน
หลังจากเราทราบว่าเดือนไหนจะเกิดเหตุการณ์ที่เราต้องการทราบ เราก็เริ่มหาวันให้แคบคงไป
โดยดูที่จันทร์ย้ายราศี หรือ ให้ดูที่ First Quarter และ Last Quarter ซึ่งจะได้วันที่แคบลงไปจาก 28 วัน
นี้จะเกิดอะไรขึ้น ก็อาจจะลดลงไปเหลือ ประมาณ 8 วัน ซึ่งเราก็จะต้องจุด First และ Last Quarter
ว่าทำมุมถึงจุดที่เราตั้งขึ้นมาหรือไม่ บางครั้งเราอาจดูให้แคบลงไปอีก คือดวงจันทร์ย้ายราศี ว่าตรงกับ
จุดที่เราที่การทราบหรือไม่ เราก็จะได้วันแคบลงไป เหลือ 3 วัน โดยประมาท
ในบางโอกาสนักพยากรณ์บางท่านก็ให้ดวง อาทิตย์ย้ายราศีเป็นตัวดูเหตุการณ์รายเดือนก็ได้
เราก็จะทราบวันที่แคบลงมาจากอาทิตย์ย้ายราศี จากเดือนนี้ไปถึงเดือนหน้า โดยไปวัดมุม ณ. จุด
ตำแหน่งที่อาทิตย์เข้าจุดราศีต่าง ๆ ว่าจะทำมุมแรง ๆ ถึงจุดที่เรากำหนดขึ้นมาหรือไม่
การอ่านให้อ่านดาววงนอก เป็นเหตุการณ์ 28 วัน 30 วัน หรือ 3 วัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้เลย
แต่ตรงจุดนี้มีข้อแนะนำให้มีความอดทน บางครั้งอาจหา New Moon ไม่พบ แต่อาจไปพบ ที่ Full Moon
ก็เป็นไปได้ รวมถึงดวงต่าง ๆ ก็กล่าวมา ตรงจุดนี้นักศึกษาควรให้ความสำคัญในเรื่องของเวลาเกิดของผู้ดู
ด้วยบางครั้งเวลาที่ไม่ตรงอาจทำให้การพยากรณ์ไม่ตรงมาวันที่กำหนดไว้ได้ เหมือนกัน ตามที่ข้าพเจ้าได้
พบมา แต่จะไปเกิด เร็ว หรือ ช้ากว่า ที่เรากำหนดเอาไว้ ถ้าเป็นอย่างนี้ แนะนำให้ตรงสอบเวลาเกิดอีกครั้ง
และถ้าเป็นไปได้ควรปรับเวลาเกิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ก็สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นเหตุการณ์ที่
น่าประทับใจทั้งด้านดีและด้านร้าย เราสามารถนำมาใช้ในการปรับหาเวลาเกิดได้ ซึ่งจะกล่าวในส่วนต่อไป
เมอริเดียน จร แปลว่า นาที หรือขณะนั้น ไม่ได้แปลว่า ฉัน
อาทิตย์ จร แปลว่า วันนั้นวันที่ควรพิจารณาที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ
จันทร์ จร แปลว่า ชั่วโมงนั้น หมายถึงชั่วโมงที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ
จากความหมายทางโหราศาสตร์ของ ปัจจัยจรปัจจุบัน ตามที่ได้กล่าวข้างต้น ทำให้เราสามารถที่จะ
พอมองเห็นภาพได้ว่า อันดวงชะตานั้น ๆ เทียบได้รับ เป็น นาฬิกา เรือนหนึ่ง ซึ่งมีความสลับซับซ้อน
กล่าวคือ
เข็ม เมอริเดียน จร ตีบอก นาที
เข็ม จันทร์ จร ตีบอก ชั่วโมง
เข็ม อาทิตย์ จร ตีบอก วัน
เข็ม อาทิตย์ จย ตีบอกปี
วิชาโหราศาสตร์นิยมเทียบ วัน ว่าเหมือนปี และโดยทั่วไปบุคคลทั่ว ๆ ไป ก็มักนิยมนำเอาวันกับ ปี
มาเทียบกัน เช่นเดียวกัน ดังจะเห็นได้จากบทประพันธ์ต่าง ๆ กล่าวคือ เหมือนเพลง 16 ปี เหมือน 16 วัน แห่งความหลัง เป็นตัน
เวลาเช้า เทียบได้กับ ฤดูใบไม้ผลิ 12.00, 00.00
เวลาเที่ยง เทียบได้กับ ฤดูร้อน
เวลาเย็น เทียบได้กับ ฤดูใบไม้ร่วง 9.00 , 21.00 15.00 .03.00
เวลากลางคืน เทียบได้กับ ฤดูหนาว
6.00 ,18.00
ในวันหนึ่ง ๆ อาจแบ่งออกได้เป็น 8 ห้วงด้วยกัน แต่ละห้วงมี จุดเปลี่ยน คือ
00.0 น. 6.00 น. 12.00 น. 18.00 น. และตรงจุดกึ่งกลางของห้วงเวลา 03.00 น. 09.00น. 15.00น. 21.00
จุดเปลี่ยนทั้ง 8 นี้ การเปลี่ยนแปลงทางอุตุนิยมวิทยาและทางเคมี จะเป็นไปในลักษณะ สูงสุด กับต่ำสุด
อันได้แก่ ความกดอากาศ การเคลื่อนไหวของอากาศ อาการสั่นของแม่เหล็กโลก เป็นต้น
บรรดาพืชพันธ์ทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จะผลิดกลูโคสมากที่สุดและน้อยที่สุด ดูดน้ำและคลายน้ำ ฯลฯ ณ
บทที่ 225
หลักการพยากรณ์พื้นดวงเพื่อสรุปหาแนวทางการพยากรณ์
1. ดู ลักษณะทั่วไป ( ควรตั้งจุดสะท้อนไว้ด้วยทุกครั้ง )
1.1 ดูอุปนิสัยพื้นดวงว่าเป็นคนแบบไหน ดูได้จากจุดเจ้าชะตา เช่น อาทิตย์อยู่ในราศี
หรือในเรือนอะไร รวมถึงดวงจันทร์ ( เพศหญิง ) รวมไปถึงอารมณ์ความรู้สึกของ
เจ้าชะตา
1.2 ดูพื้นฐานความเป็นอยู่หรือฐานะ ให้ดูดาว พฤหัส หรือดาวดี ๆ ที่อยู่ในเรือนดี และทำมุมถึงจุดเจ้าชะตา
1.3 ดูพื้นฐานกรรมเก่าของเจ้าชะตา เราดูได้จากดาวร้าย ๆ เช่น ดาวเสาร์ เนปจูน อังคาร
1.4 ดูพื้นฐานเรื่องความรัก และครอบครัว ว่าดาวศุกร์ อยู่ในเรือนดี หรือทำมุมดีกับดาวดี หรือดาวร้าย
1.5 ดูพื้นฐานเรื่องความสูงส่ง ตำแหน่งหน้าที่
1.6 ดูพื้นฐานเรื่องสุขภาพให้ดูเป็นคนราศีอะไร เสาร์ในราศีอะไร และจันทร์ ฮาเดส
1.7 ดูพื้นฐานทางด้านการเงิน ชั้นแรกให้ดูเรือนการเงิน และตามด้วย ดาวการเงินมีอะไรมาทำมุม
1.8 ดูพื้นฐานดาวต่าง ๆ ที่เราต้องการทราบข้อมูล โดยใช้หลักการวัดเชิงมุม
1.9 ทำการสรุปออกมา ว่าพื้นดวงนี้ออกมีจุดเด่นเรื่องอะไร หรือเป็นบุคคลที่มีกรรมดีหรือไม่ดี
1.10 ทำการตั้งจุดศูนย์รังสี หรือจุดอิทธิพล
เพื่อตรวจสอบเรื่องราวต่าง ๆ ว่าในพื้นดวงมีเรื่องนั้น ๆ
บทที่ 226
วันนี้เราจะมาพูดเรื่องดาวในความหมายทางการแพทย์ ว่าดาวอะไรแปลว่าโรคอะไร
ท่านสามารถนำไปใช้ในการทำนายสุขภาพได้ถ้าดาวนั้นทำมุมกับจุดเจ้าชะตาพื้นดวง
นั้นคือกรรมเก่านั่นเอง
ดวงดาวกับโรคภัยต่าง ๆ
อาทิตย์ หัวใจ ตาขวาของชาย ตาซ้ายของหญิง มันสมอง ประสาท ประสาทการมองเห็น และร่างกายซีกขวา
จันทร์ สมอง กระเพราะอาหาร ท้อง เต้นมน ลำไส้ ร่างกายซีกซ้าย กระเพาะปัสสาวะ ตับของหญิง และอวัยวะของหญิง
พุธ ส่วนที่เกี่ยวกับการพูดและการได้ยิน การมองเห็นภาพพจน์ต่าง ๆ ความทรงจำ ลิ้น นิ้วมือและมือ น้ำดีของตับ ต้นขา ปอด ประสาทมันสมอง
ศุกร์ ได้แก่ ไต ก้นกบ ตับ กลิ่น มดลูก อวัยวะสืบพันธ์สตรี เต้นนม และบั้นเอว
อังคาร ได้แก่ อัณฑะ อวัยะเพศชาย ไต น้ำดีในตับ หูซ้าย หลอดโลหิดดำ
พฤหัส ได้แก่ อสุจิชาย ชีพจร ตับ เส้นโลหิตแดง
เสาร์ ได้แก่ กระดูกและฟัน หูขวา ม้าม กระเพาะปัสสาวะ
มฤตยู คุณภาพทางระบบประสาทและมันสมอง ไขสันหลัง น่อง ข้อเท้า
เนปจูน นิ้วเท้า และเท้า เนื้อร้ายต่าง
พลูโต หลอดปัสสาวะ ฝีเย็บริมทวารหนัก ระบบสิบพันธ์ภายใน
ส่วนมากเราจะดูว่าดาวเคราะห์พวกนี้ทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาหรือไม่
และที่เน้นหนักคือทำมุมถึงจันทร์กำเนิดไม่ว่าจะเป็นมุมอะไรทั้งสิ้น
และดาวพวกนี้เด่นในดวงชะตา และเข้าแกนทั้งสี่ และแกนแบ่งราศีด้วย แต่ให้แน่ ๆ
ให้ทำการเช็คจุดอิทธิพลอีกครั้งเพื่อเป็นการมั่นใจว่าในพื้นดวงเค้ามีโอกาสเป็น
โรคดังกล่าว แล้วก็หาการหลบเลี่ยงเสีย มันก็จะไม่เป็นไปตามพื้นดวง
ทุกอย่างมีทางแก้ไขได้
บทที่ 227
ดาวพระเคราะห์แสดงความเป็นสามี คือ
เมอริเดียน อาทิตย์ ราหู ลัคนา พุธ อังคาร
ดาวพระเคราะห์แสดงความเป็นภรรยา คือ
เมอริเดียน อาทิตย์ ราหู จันทร์ พูลโต อาพอลอน
ถ้าหากว่า ดาวพระเคราะห์สำคัญ อันแสดงถึง สามี คือ พุธ กับ อังคาร ในดวงชะตาชาย
ไม่เป็นปกติแล้ว จันทร์ กับ ศุกร์ ในดวงชะตาของ ภรรยา จะพลอยไม่เป็นปกติไปด้วย
เพศชาย จะมีสัมพันธ์ระหว่าง
เมอริเดียน อาทิตย์ คิวปิโด ลัคนา อังคาร
เพศหญิง จะมีสัมพันธ์ระหว่าง
เมอริเดียน อาทิตย์ คิวปิโด จันทร์ ศุกร์
การให้ข้อสรุปเกี่ยวกับ การเงิน การงาน และครอบครัว
การเงิน พิจารณาจาก เรือนที่ 2 และใช้เรือนที่ 10 กับ 6 ประกอบ ดาวพระเคราะห์ที่เกี่ยวกับ
การร่ำรวยคือ พฤหัส และอาจพิจารณา ศุกร์ ประกอบด้วย
การงาน พิจารณาจาก เรือนที่ 10 และใช้เรือนที่ 2 กับ 6 ประกอบ ในขณะเดียวกันควรพิจารณาดาว
พระเคราะห์ในเรือนที่ 4 ด้วย ดาวพระเคราะห์ที่เกี่ยวกับ การประสบความสำเร็จทางก้านการเงินและ
ชื่อเสียงเกียรติยศคือ อาทิตย์ พฤหัส ซึ่งเรือนที่เหมาะคือ เรือนที่ 10 หรือ เรือนเกณฑ์ ส่วนจันทร์ ทำให้
เป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังถ้าสถิตในเรือนที่ 10
ครอบครัว พิจารณาจาก เรือนที่ 7 และใช้เรือนที่ 11 กับ 3 ประกอบ ดาวพระเคราะห์ที่เกี่ยวกับการแต่ง
งานโดยทั่วไปคือ ศุกร์ จันทร์ กับ ศุกร์ หมายถึง ภรรยาของเจ้าชะตาชาย อาทิตย์กับอังคาร หมายถึง
สามีของเจ้าชะตาหญิง
ราศี และ เรือนชะตา ที่มีความหมายหรือมีอิทธิพล จำพวกเดียวกัน
ราศี เมษ สิงห์ ธนู และเรือนที่ 1 5 9
ราศี กรกฏ วิจิกิจฉา มีน และ เรือนที่ 4 8 12
ราศี ตุลย์กุมภ์ มิถุน และเรือนที่ 7 11 3
ราศี มังกร พฤษภ กันย์ และ เรือนที่ 10 2 6
การวิเคราะห์ทางด้านใด
หมายถึงการวิเคราะห์ดวงชะตา เพื่อสำรวจ ความรู้สึกนึกคิด หรืออีกนัยหนึ่งคือ สัญชาตญาณ โดยทั่วไปของเจ้าชะตา ในการสำรวจ นักโหราศาสตร์จะใช้ จักราศี ในการพิจารณา กล่าวคือ
1. เพศ อันได้แก่
เพศชาย มีอิทธิพลคือ เชิงรุก แสดงออก รู้สำนึก
เพศหญิง มีอิทธิพลคือ เชิงรับ ประทับใจ ไร้สำนึก
2. ธาตุ อันได้แก่
ธาตุไฟ มีอิทธิพลคือ ส่งออกไป แรงกว่า รับเข้ามา แผ่อิทธิพลทางบุคลิกภาพและข่มสิ่งแวดล้อม
ธาตุลม มีอิทธิพลคือ ส่งออกไป แรงเท่า รับเข้ามา สร้างพันทะกับบุคลิกภาพอื่นและร่วมด้วย
กับหมู่คณะ
ธาตุน้ำ มีอิทธิพลคือ รับเข้ามา แรงกว่า ส่งออกไป ทำให้เพิ่มบุคคลิกภาพ และป้องกันตนจาก
สิ่งแวดล้อม
ธาตุดิน มีอิทธิพลคือ เฉลี่ยการรับเข้ามาและการส่งออกไป สร้างความมั่นคงภายในสิ่งแวดล้อม
และสร้างความปลอดภัยให้แก่ตนจากสิ่งแวดล้อม
3. คุณะ อันได้แก่
ราศี แสดงออกจากพลังงานที่มากเกินพอ มีความดิ้นรนและทะเยอทะยาน ดีทางแสดงออก
สถิยราศี พลังงานอยู่ในอาการสมดุลย์และเต็มพอดี แสดงออกในแนวทางที่แน่วแน่พินิจพิจารณาและใช้เวลา เอาดีด้วยการกัดตุ
บทที่ 228
ไว้พยากรณ์เหตุการณ์ที่สำคัญประจำวันให้ทำการตั้งจุดดังนี้
กด t.1= สร้างตัวแปร AR+AR-SU จุดนี้ไปตรงกับดาวหรือปัจจัยอะไรก็ตามทั้งในพื้นดวงและจรก็จะบอกเหตุการณ์นั้น ทั้งด้านดีและด้านร้าย หรือไปตรงกับศูนย์รังสี หรือจุดอิทธิพลที่เราสร้างขึ้นมาก็ได้ หรือไปตรงกับดาวดีหรือดาวร้ายก็สามารถไปใช้ในการบอกเวลาดี ๆ ประจำวันได้
ใช้สำหรับการพยากรณ์ในรอบวัน ใช้คำนวณดวงกำเนิด ดวงทินวรรษ( Solar ) โค้งสุริยาตร์ประจำวันนี้ จะโคจรวันละประมาณ 1 องศา
สูตรในการคำนวณ กด t.1= สร้างตัวแปร SU(จร) – SU (กน) เราสามารถใช้ดวงสงการณ์แทนได้ก็ทำการเปลี่ยน SU(กน) เป็น SU ในดวงสงการณ์ คืออาทิตย์ที่ตำแหน่ง 00.00 ในราศีมังกร ให้ใช้ในการดูเหตุการณ์รายเดือนบนดวง Full Moon ก็ได้ ว่าภายใน Full Moon นี้ ถึง Full Moon หน้าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันไหนของช่วง Full Moon หรือ New Moon ถึง New Moon ก็ได้ เป็นการพยากรณ์รายเดือนเพื่อการวันก็ได้
ให้ดูการโคจรของจันทร์จร จะให้ดูเหตุการณ์รายชั่วโมง โดยใช้เวลา 2.50 ชั่วโมง ต่อ 1 องศา
ตรวจเหตุการณ์รายนาที ให้ดูที่ MC จรรายวันโคจรได้ประมาณชั่วโมงละ 13.33 องศา หรือ 4 นาทีต่อ 1 องศา
เป็นการพยากรณ์ที่ต้องใช้ความชำนาญพอสมควร เพื่อหาชั่วโมงที่จำเกิดเหตุการณ์ สำคัญที่จะเกิดเหตุที่ต้องการค้นหาทั้งด้านดีและด้านร้าย โดยใช้สูตร ดังนี้
กด
t. สร้างตัวแปรขึ้นมา 1= MO (จร)
– SU (จร) แล้วเลื่อนเปลี่ยนชั่วโมงในโปรแกรมไปเรื่อย ๆ
จนถึงจุดหรือปัจจัยที่เรากำหนดขึ้นที่น่าสนใจก็เป็นชั่วโมงนั้น
หรือหาชั่วโมงดีประจำวันก็ได้
บทที่ 229
การตรวจสอบพื้นดวงชะตา
สิ่งที่ทุกคนคัดค้านไม่ได้ก็คือ ชีวิตจริง จะต้องเป็นไปตามที่อ่านได้จากพื้นดวงชะตา ทั้งด้านอุปนิสัย
และความเป็นมาของชีวิต ( ตามวิธีการพยากรณ์จร ) หากปรากฏว่า มิได้เป็นไปดังที่ตรวจสอบ กล่าวคือ ไม่ปรากฏว่ามีความสอดคล้องกันเลย ระหว่าชีวิตจริงกับสิ่งที่ตรวจสอบจากดวงชะตา ไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้ท่านสันนิษฐานว่า ดวงชะตานั้นไม่ใช่ดวงชะตาของเขา เอาไว้ก่อน หรืออย่าไปเชื่อตามคำบอกกล่าวของเขา จงเชื่อในดาวที่พื้นดวง
วิธีสอบพื้นดวงชะตา ในกรณีสามารถที่จะพูดคุยกับเจ้าชะตาโดยตรง ควรปฏิบัติตามลำดับดังนี้
1. ตั้งลูกศรของจานที่จุด AR แล้วตรวจปัจจัยต่าง ๆ เช่น ดาวโดด พระเคราะห์สนธิ จุด สะท้อนที่สำคัญโดยเลือกที่แรงที่สุดสอบดวงชะตาดู ว่าเจ้าชะตาเขาเป็นไปตามคำพยากรณ์ในคัมภีร์หรือไม่
ตัวอย่างเช่น
AR = MA = UR ( มุม 0 หรือ 180 หรือ 45 หรือ 90 )
เจ้าชะตาต้องเป็นบุคคลกล้าหาญ ( MA ) ขี้โมโหโทโส มักสร้างความวุ่นวายอยู่เนือง ๆ
( MA/UR ) อาจได้รับบาดเจ็บบ่อย ๆ ( AR/MA ) มีเหตุการณ์ฉับพลันเกิดขึ้นอยู่เนือง
หากปรากฏว่า ไม่เป็นไปตามนี้ ก็แสดงว่า ดวงชะตาไม่สอดคล้องกับชีวิตจริงของเขา ซึ่งจำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยกันต่อไป
2. ตั้งลูกศรของจานคำนวณที่ ราหู แล้วตรวจทำการตรวจดาวปัจจัยต่าง ๆ เช่น ดาวโดด พระเคราะห์สนธิ จุด สะท้อนที่สำคัญ โดยเลือกที่แรงที่สุดและมีความคามหมายชัดเจนที่สุด ว่าเขาเป็นบุคคลตามคำแปลในคัมภีร์ หรือไม่ ในกรณีที่หา
ไม่ได้ ก็ทำการ สำรวจจุดอื่น ๆ กันต่อไป ไม่บังคับ
ตัวอย่างเช่น
NO = CU = ZE ( มุม 0 หรือ 180 หรือ 45 หรือ 90 )
แสดงว่า เจ้าชะตามีชีวิตพัวพันกับสมาคมหรือหมู่คณะ หรือมีพันทะกับงานช่างศิลปต่าง ๆ
3. ตั้งลูกศรของจานที่ SU แล้วทำการตรวจปัจจัยต่าง ๆ เช่น ดาวโดด พระเคราะห์ สนธิ จุด สะท้อนที่สำคัญ
ตัวอย่างเช่น
SU = UR = JU/PL
แสดงว่า หากเจ้าชะตาเป็นชาย เขาก็จะมีชีวิตอยู่อย่างผู้ประสบความสำเร็จ กล่าวคือ มีการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างฉับพลันทันทีทันใดหรืออย่างคาดไม่ถึงปัจจัย UR=JU/PL คือการตื่นเต้นพร้อมกับมีโชคจากการเปลี่ยนแปลง หากในกรณีที่เป็นเจ้าชะตาหญิง สามีหรือบิดา หรือญาติที่เป็นชายของเขา จะต้องเป็นบุคคลในทำนองนี้
4. ตั้งลูกศรของจานที่ MO แล้วทำการตรวจปัจจัยต่าง ๆ เช่น ดาวโดด พระเคราะห์สนธิ จุดสะท้อนที่สำคัญ
ตัวอย่างเช่น
MO = SA = UR
แสดงว่าหากเจ้าชะตาเป็นหญิงเขาก็จะเป็นบุคคลที่มักต้องจากที่อาศัยอยู่เป็นประจำ อารมณ์ไม่แจ่มใส มักชอบเก็บกด หากเจ้าชะตาเป็นชาย ก็จะเป็นผู้ที่มีอารมณ์หงุดหงิด มีแต่ความ
ทุกข์ พลัดพรากจากญาติที่เป็นหญิง หรือภรรยา
5. ให้ทำการตรวจ MC และ AS ดังที่กล่าวมาข้างต้นด้วย
ตัวอย่างเช่น
MC = MA = แสดงว่าเจ้าชะตาเป็นบุคคลมีความกระตือรือร้น ระวังระไว หรืออีก นัยหนึ่งก็คือ เป็นคนที่ชอบขวนขวายอยู่เสมอ
AS = JU/KR = แสดงว่าเจ้าชะตาเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับบุคคลชั้นสูง แต่ก็ไม่ได้
หมายความว่าจะเป็นบุคคลชั้นสูงด้วย เช่นมีเพื่อนฝูงเป็นข้าราชการชั้นสูง ถ้าตรงตามนี้ก็อาจสรุปได้ว่าลัคนา ได้สถิตอยู่ที่ตรงนี้จริงอนึ่ง เนื่องจาก ลัคนา กับ เมอริเดียน นั้น มีความสัมพันธ์กันโดยทางการคำนวณ ดังนั้นเมื่อจุดหนึ่งจุดใดสอดคล้องกับชีวิตจริงของเจ้าชะตา อีกจุดหนึ่งที่เหลือก็ย่อยจะต้องสอดคล้องไปด้วยโดย อัตโนมัติ จะไม่ตรงก็จะไม่ตรงทั้งสองจุดด้วย เพราะสองจุดนี้จะทำมุม ฉาก กันเสมอตามระยะการโคจรของทั้งสองจุดเสมอ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลการแปลให้อยู่ เพียงแง่มุมเดียว คือไม่แปลงได้หลาอย่างจะทำให้ท่านสับสนในการให้การพยากรณ์ชะตานั้นได้ ควรตีมุมให้แคบ ๆ และท่านจะได้คำตอบที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ผู้พยากรณ์จะต้องระลึกอยู่เสมอ เมื่อมีการพยากรณ์เกี่ยวกับ จันทร์ และ เมอริเดียน ว่า
กำลังตกเป็นเป้าของความหลอกหลวงจากสิ่งที่เห็นได้จากภายนอก และบุคลิกภาพของเจ้าชะตาอยู่
ตลอดเวลา ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะ
สิ่งที่อ่านได้จาก จันทร์ หรือ เมอริเดียน นั้น เป็นสิ่งที่อยู่ ทางด้าน
ในของบุคคล
ซึ่งเจ้าชะตามักไม่ยอมที่จะเปิดเผยหรือเอาความลับของตนมาตีแผ่ได้ง่าย ๆ
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นทางด้านดีหรือทางด้านร้ายก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น
คนที่ชอบฟังเพลงในจังหวะเร็ว ๆ มิได้หมายความว่าเขาจะเป็นใจร้อนเสมอไป
เช่นเดียวกับบุคคลที่ชอบฟังเพลงเย็น ๆ ก็มิได้ใจเย็นเสมอไป เราจะพบอยู่บ่อย ๆ
เสียด้วยซ้ำที่ คนใจร้อนมักชอบที่จะฟังเพลง เย็น ๆ
ใจเย็นชอบตรงกันข้ามก็ได้จึงเห็นได้ว่า การมองบุคคลเพียงภายนอกนั้น
จะเองข้อมูลมาใช้ประกอบการพิจารณาผลของการพยากรณ์จากดวงชะตา โดยตรง ไม่ได้
แต่จะต้องมีการกลั่นกรองโดยอาศัย จิตวิทยา หรือ จิตวิเคราะห์หรือความรู้อื่น ๆ
เสียชั้นหนึ่งก่อน เสมอไป
บทที่ 230
เสียงเพลงแห่งต้นไม้บนเขาใหญ่
วันนี้เราจะพาท่านไปเที่ยวเขาใหญ่ดินแดนแห่งความสงบและธรรมชาติอันสวยงาม
มาดูต้นไม้พูดได้ จริงหรือ ข้าพเจ้าออกเดินทางจากกรุงเทพฯ วันที่ 17
ตอนบ่ายหลังสอนเสร็จแล้วได้ ก็เดินทางขึ้นเขาใหญ่ใช้เวลาไม่เกิน
สองชั่วโมงก็ถึงแล้ว อยู่กันสามคน ไป กางเต้นท์ อยู่กับดิน
ทำอาหารทานกันเอง ก็มีรสชาติสนุกไปอีกแบบ คนที่มีความเครียดก็จะหายไป
และเราได้เปลี่ยน ลัคนาไปอยู่ ที่ใหม่ จิต หรือ
mc
ก็จะเปลี่ยนไปด้วย พอไปถึงก็ได้พบกับอากาศที่สดชื่น
มีลมพัดมาเอื่อยๆ กระทบใบหน้า จนรู้สึกถึงความสดชื่น กลิ่นไอแห่งธรรมชาติ
ของเขาใหญ่ที่ผากล้วยไม้ เราต้องไปวันที่ไม่มีคน เราไปสัมผัสกับธรรมชาติได้เต็มที่
ต้นไม้พูดได้จริงหรือ มันเป็นเรื่องแปลก ข้าพเจ้าชอบตื่นตามตอนตี สาม
ก็ตื่นขึ้นมาสัมผัสเสียงเพลงแห่งธรรมชาติ ได้ยินเสียงสัตว์ป่าน้อยใหญ่
และมีลมพัดเสียงเพลงแห่งความสงบมันมาจากไหนกัน ข้าพเจ้าก็ งง อยู่
ก็ออกเดินหาเสียงที่มา พอดีไปพักบริเวณ ที่มีต้นไม่ขึ้นหนาแน่น ทันใดนั้น
ข้าพเจ้าก็ได้สัมผัสกับเสียงเพลงจากต้นไม้ เหมือนเค้าคุยกัน มันมากับสายลมเอื่อย ๆ
และน้ำค้าง ในยามตึก ถ้าเราทำจิตสงบเราก็จะได้ยินเค้าคุยกัน
เราได้เจอสิ่งที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้ว
มันเป็นความสุขทางใจที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง อากาศบนนั้น เย็นสบายตลอดปี
ตอนไปมีฝนนิดหน่อย แต่สิ่งได้รับกลับมาจากเขาใหญ่คือธรรมะ แห่งธรรมชาติ
เราไม่ควรไปทำลายต้นไม้ เค้ามีชีวิต และคุยกับเราได้ด้วยจิต
ข้าพเจ้ายังมีแนวความคิดที่จะพานักเรียนไปเรียนบนนั้น เราได้เห็นกฎแห่งธรรมชาติ
และดวงดาว ถ้าเราเข้าถึงรสชาติของธรรมชาติแล้วท่านจะไม่ยอมลงมาเลย อยากอยู่ต่อ
เพราะบนนั้นอากาศสะอาดสดชื่น ยังใส่กระป๋องมาฝากพวกท่านเลย คุยกันสนุก ๆ นะครับ
ในภาพรวมจริงแล้วธรรมชาติคือธรรมะนั้นเอง
อยากให้ท่านไปปลดปล่อยความเครียดบนนั้นบ้างมีภาพสวย มีสัตว์น้อยใหญ่ที่ไม่ทำร้ายคน
ถ้ามีจังหวะ ทีมเราจะขึ้นไปอีก ใครสนใจจะไปก็ไปด้วยกันได้
ไม่ต้องเสียเงินมากก็มีความสุขได้ ที่นั้นมี กวาง ลิงที่แสนซน ตอนกลางคืนมี ตัว
เม่น เดินมาหาของกิน เราเจอสัตว์พวกนี้ทุกวัน บางทีก็อาจได้ยินเสียงช้างบ้าง
แต่ก็มีพนักงานคอยดูแลเรื่องความปลอดภัย เราก็ไปสนิทกับพวกท่านหมด
คราวนี้ไปก็สบายหน่อย วันมาแปลกต้นไม่พูดได้ไม่เชื่อไปฟังดูซิครับ แต่ต้องดึก ๆ
นะครับ เค้าจะคุยกับเราด้วยจิต คือ จิตต่อจิต เชื่อมโยงกับธรรมชาติ และความสงบเงียบ
จะทำให้เราสัมผัสกับต้นไม้แต่ละต้นได้ แต่ละต้นก็มีประวัติเป็นของส่วนตัว
จากการได้แอบใช้จิตเราเข้าไปฟังต้นไม้ แต่ละต้นคุยกัน จริงแล้ว
การเปลี่ยนลัคนาที่ให้เราหนีจากดาวร้าย ๆ ได้ เข้าป่าก็ดีไปอีกแบบ
อยากให้ท่านไปสัมผัสกับเสียง จิ้งหรีด เรไร ประสานเสียง
ยิ่งดึกยิ่งเห็นธรรมชาติคุยกัน เป็นเสียงเพลง แห่งธรรมชาติบนเขาใหญ่
บทที่
231
วันนี้เราจะมาคุยการปรับเปลี่ยนสถานที่อยู่เพื่อแก้ไขดวงได้หรือไม่
จริงแล้วมันสามารถใช้ได้ และทำให้จิตวิญาณ ของเราได้รับการแปลสภาพไปอีกรูปแบบหนึ่ง
ทำให้ดาวที่มาทำงานเปลี่ยนองศาไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราก็จะเบาบางลง
คนเราจะหนีกรรมเก่าไม่ได้ แต่ทำให้เบาบางลงได้ อย่างเช่น
การที่เราได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติ ได้เปลี่ยนที่นอน ไปอยู่กับป่าเขา หรือชายทะเล
ก็ทำให้เราพ้นจากสิ่งที่มากวนใจเราได้อย่างหนึ่ง
ข้าพเจ้าจึงต้องย้ายที่นอนไปนอนในป่าบ้างเพราะอีกสองเดือนสามเดือนข้างหน้าดาวเสาร์จะถอยหลังเข้ามาหาราศีกันย์อีกครั้ง
ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายและจะออกในเดือน ก.ค. นี้
ข้าพเจ้าได้เห็นธรรมชาติที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้สัมผัสกับกลิ่นไอของดิน สายลมเอื่อย
ๆ เย็นสบาย เมื่อได้ขึ้นมาอยู่บนเขาใหญ่ ได้คุยกับต้นไม้
จะถือว่าข้าพเจ้าบ่าไปแล้วหรือคุยกับต้นไม้ จริง ๆ
เค้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถสื่อสารกับเราได้ และเค้าต้องการความสงบเหมือนกับเรา
สังเกต เวลาคนมาพักมาก เค้าจะไม่ยอมคุยกัน
และพอนักท่องเที่ยวไปหมดความเป็นธรรมชาติก็มา เค้าก็เริ่มให้ความสุขกับเรา
ให้ความสดชื่นทางใจ และในสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในยามค่ำคืน
ก็มีเสียงคนคุยกันเป็นภาษาหนึ่ง ที่แปลกมาก
ถ้าท่านไม่เชื่อไปทดลองดูท่านจะได้สัมผัสกับต้นไม้ที่คุยกับเราได้
เหมือนเราไปอยู่บนฟ้า การที่เอาฟ้ามาพูด ก็จะมีบทหนึ่งของ ท่าน อ.ประยูร บอกว่า
โลกเป็นอย่างไร ฟ้าจะเป็นอย่างนั้นเราก็หาฟ้าที่ดี ๆ
ไปอยู่ตรงนั้นเราก็สามารถหนีดาวได้ คนที่เจ็บป่วย หรือมีเคราะห์
ก็หาตำแหน่งที่ดาวทำงานไม่ถึง เราจะรู้ได้จากการไปสถานที่แห่งนั้นแล้วสบายใจนั่นคือ
ตำแหน่งของฟ้าที่ปลอดภัยกับตัวเรา จากรังสีของดาวร้ายได้
ข้าพเจ้ามีอะไรมาเล่าให้ท่านฟังอีกมากบนเขาใหญ่ เอาไว้ในวันต่อไปจะมีรูปให้ดู
ว่าเขาใหญ่เค้ามีความสวยงามอย่างไร มีหมอก และไอน้ำที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่น จิตสงบ
การทำสมาธิก็เกิดขึ้นมาเอง เพียงไม่นาน ท่านก็จะเห็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อมากมาย
ว่าธรรมชาติ ก็คือธรรมะนั่นเอง ข้าพเจ้าอยากแนะนำคนที่เครียด ๆ
ควรปรับเปลี่ยนลัคนาบ้างแล้วจิตจะดีขึ้น ลัคนา สัมพันธ์ กับจิต คือ เมริเดียน
ลัคนาเป็นอย่างไรจิตเราก็เป็นอย่างนั้น สองจุดนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก
เพราะเป็นจุดชีวิตของเรา บนโลกใบนี้ มาคุยกับต้นไม้กับเรา แล้วท่านจะมองเห็นธรรมะ
ในจิต
บทที่ 232
เราทราบหรือไม่ว่าฟ้ากับดินมีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร
ถึงเกิดมีสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ก่อนอื่นต้องมาเข้าใจธรรมชาติก่อน
ว่าฟ้ากับดินจะต้องมีการสมสู่กันก่อน การสมสู่จะมีตัวกลางคือต้นไม้
ถ้าเราไปตัดไม้ทำลายป่า ก็จะไม่มีการสมสู่เกิดขึ้นใครที่มีดวง อาทิตย์
/อังคาร/เสาร์ เขาจะต้องเกิดมาเพื่อการทำลายล้าง เพื่อที่จะอยู่ได้
เรากลับมาคุยการสมสู่ฟ้ากับดินว่ามีตัวกลางคือต้นไม้ ถ้าไม่มีต้นไม้ก็จะไม่มีฝน
ไม่มีอากาศ และไอน้ำที่จะทำให้มีฝนตกลงมาบนพื้นดิน ต้นไม้คือดาวเสาร์นั่นเอง
ฝนจะตกได้เพราะต้นไม้ ฝนก็จะทำให้ลูกไม้มีการเจริญเติบโตได้ เป็นหลักของราศีพิจิก
การสมสู่ จะต้องมีน้ำทำให้ลูกไม้โตได้ การติดต่อระหว่างฟ้ากับดินคือต้นไม้
และสิ่งมีชีวิตบนโลก คนเราก็เกิดมากจากน้ำเช่นเดียวกัน
คือการสมสู่ระหว่างหญิงกับชาย เหมือนกับธรรมชาติ ก็จะก่อเกิดชีวิตใหม่ขึ้นมา
ถึงมีคำกล่าวว่าฟ้าเป็นอย่างไรบนโลกเป็นอย่างนั้น น้ำเป็นตัวการทำให้เกิดชีวิต ในราศีพิจิก
คือการให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา เป็นการก่อเกิดชีวิตขึ้นมา
คือน้ำเชื้อของชายไปผสมกับมดลูก
เทียบได้กับการฝังตัวของลูกไม่ที่ตกลงมาจากต้นลงสู่ดิน พร้อมที่จะเกิด
แต่ต้องรอน้ำฝนจากฟ้า คือฝนครั้งสุดท้ายของการสิ้นหน้าฝนนั่นเอง ถ้าเรามองดี ๆ
จะเป็นไปตามอย่างนั้นเสมอไป ถ้าดวงใครมีจุด อังคาร/เสาร์ เค้าเกิดมาเพื่อการทำลาย
เพราะจะช่วยให้สิ่งมีชีวิตมีไม่มากเกินไป ไม่แล้วก็จะไม่มีที่อยู่
แต่ผลกลับกันคนที่เกิดไม่ทำลายก็จะถูกทำลายเช่นเดียวกัน ฟ้ากับดิน คือชีวิตของเรา
ขาดสิ่งหนึ่งไปก็จะไม่ก่อเกิดชีวิตบนพื้นโลกใบนี้ นะครับท่าน
บทที่ 233
โค้งฯ คืออะไร ก็คือเครื่องมือชนิดหนึ่งในวิชาโหราศาสตร์ยูเรเนียนที่เอาไว้ใช้ดูเหตุการณ์รายปีตามอายุของเจ้าชะตา
ซึ่งโค้งนี้เราจะดูจากพื้นดวงเป็นหลักเสมอ จะเรียกได้ว่า การดูพื้นดวงจรตามอายุไข
การดูจร ก็คือดูสิ่งที่กำลังจะเกิดภายในปีหน้าหรือไปไหนที่ยังมาไม่ถึง
หรือใช้ย้อนกลับไปตรวจดูปีที่ผ่านมาแล้วก็ได้ และมีจรอีกชนิดหนึ่งคือการดูจรรายปี
ตามดาวจรบนท้องฟ้า สองอย่างนี้ต้องมีความสัมพันธ์กันเสมอ จะไม่ขัดแย้งกัน
เราถึงนำการดูจรทั้งสองระบบมาใช้ร่วมกันในการดูเหตุการณ์รายปีที่จะเกิดขึ้นในปีนี้
หรือปีไหน ๆ ก็ได้อย่างแม่นยำ ก่อนอื่นเราควรจะศึกษาพื้นดวงจรตามอายุไขก่อนก็คือ
โค้ง สุริยยาตร์ นั่นเอง มีกฎอยู่ว่าดาวที่ดวงในพื้นดวงจะเดินไปปีละหนึ่งองศา
หรือมีความหมายเท่ากับ 1 ปีเสมอ
แต่การเดินทางนี้ไม่ใช่เป็นการโคจรเหมอนดาวจรบนท้องฟ้า
แต่เป็นการโคจรตามหลักวิชาโหราศาสตร์เท่านั้น ที่ท่าน
Alfred
ท่านเป็นผู้คิดขึ้นมาและมีความแม่นยำสูงในการใช้ตรวจดวงชะตาในอันดับแรก
เราสามารถนำดาวเคราะห์ หรือจุดเจ้าชะตามาทำเป็นโค้งฯได้หมด
เราจะแยกประเภทของโค้งฯออกเป็น 2 ชนิดคือโค้งจุดเจ้าชะตา และโค้งดาวเคราะห์
ความหมายของโค้งเจ้าชะตาก็มีโค้ง
อาทิตย์ จันทร์ เมริเดียน ลัคนา ราหู เมษ และเราจะใช้เค้าอย่างไรมันก็เป็นคำถามอีก
เราจะใช้เค้าดังนี้
ใช้ดูว่าตัวเจ้าชะตาว่าปีนี้เค้าเกิดอะไรขึ้นหรือตัวเค้าต้องเข้าไปเผชิญกับสิ่งที่อยู่ในพื้นดวงที่เป็นกรรมเก่าที่นอนรออยู่รอให้โค้งอายุมันเข้ามาปลุกมัน
ให้ทำงานเช่นปีนี้ท่านอาจเป็นโรคมะเร็งเป็นต้น
โรคมะเร็งมันจะต้องมีปรากฏอยู่ในพื้นดวงอยู่แล้วเค้าถึงจะเป็นและจะตอนไหน
ก็คือตอนที่โค้งฯ อายุเข้ามาทำมุมสัมพันธ์กับจุดอิทธิพล หรือดาวร้าย ๆ
ในพื้นดวงนั่นเอง รวมไปถึงศูนย์รังสีด้วย ในปีนั้น ๆ
โค้งจุดเจ้าชะตาจะต่างกับโค้งดาวเคราะห์หรือไม่ความจริงแล้วเราสามรถใช้แทนกันได้และให้ผลเหมือนกัน
แล้วแต่เราจะใช้
แต่ข้าพเจ้าแนะนำมือใหม่ให้ใช้โค้งดาวเคราะห์ไปก่อนจะเข้าใจง่ายกว่า
เช่นเราต้องการหาความทุกข์ความพลัดพรากก็ตั้งโค้งเสาร์เข้าไป
ดูเรื่องโชคลาภเราก็ตั้งโค้ง พฤหัสเข้าไปเช็คดูว่าปีนี้มีหรือไม่
ถ้าเครื่องไหนทำงานมากกว่าเราก็ไปตรวจดูเรื่องนั้น โดยใช้จุดอิทธิพล
หรือศูนย์รังสีไปจับอีกเพื่อบอกรายละเอียดว่าเป็นเรื่องแบบไหน
เช่นปีนี้โค้งพฤหัสเข้าแก่นกรกฏ
ก็อาจจะแปลได้ว่าท่านจะมีโชคดีแต่เป็นโชคดีเกี่ยวกับเรื่องอะไร
บางครั้งเราอาจต้องมีการถามเจ้าชะตาว่าปีนี้ท่านมีโครงการที่จะทำอะไรหรือไม่เช่นขายที่ดิน
หรือมีแนวโน้มปรับตำแหน่ง ฯลฯ
เราก็เข้าไปตั้งจุดอิทธิพลได้ตรงตามที่เจ้าชะตามีความมุ่งหวังเอาไว้
แต่ถ้าเราไม่ถามเราก็ต้องตั้งจุดอิทธิพลไปหลายจุดหน่อยว่าจะเป็นเรื่องอะไรในทางที่ดี
เพราะพฤหัสเป็นตัวบังคับแล้วว่าปีนี้ดี
แต่ก็ไม่แน่บางทีโค้งพฤหัสทำงานแต่โค้งเสาร์ก็ทำงานด้วยก็มี
ไม่ควรประมาทควรเช็คด้านร้าย ๆ ด้วยเช่นว่ามีเรื่องอุบัติเหตุด้วยหรือไม่
ตอนนี้ขึ้นอยู่กับไหวพริบของนักโหราศาสตร์แต่ละคนว่าจะมีการดูอย่างไรถึงจะได้เรื่องที่เราต้องการทราบ
ความหมายของของต่าง ๆ มีดังนี้
1. โค้งเมษ
ถ้าโค้งนี้ไปถึงดาวดีก็จะส่งผลดี ถ้าไปถึงดาวร้ายก็จะบอกเรื่องนั้น ๆ
หรือไปทำมุมกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เราตั้งขึ้นก็ถือว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นในปีนี้
และการเดินทางของโค้งเมษก็จะบอกความเปลี่ยนแปลงของชีวิตได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในปีต่าง
ๆ
เช่นโค้งเมษไปทับเสาร์ในช่วงอายุตอนไหนเราก็อาจทำนายได้ว่าเจ้าชะตามีการพลัดพรากหรือการเดินทาง
การเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะย้ายโรงเรียน ย้ายบ้าน
หรือมีการสูญเสียบุคคลใกล้ชิดเกิดขึ้นในปีนั้น ๆ
โค้งเมษจะดีตรงนี้คือบอกรายละเอียดในปีที่ผ่านมาได้เพื่อเป็นการตรวจสอบดาวในพื้นดวงว่าตรงหรือไม่
โค้งเมษไปทับหรือทำมุมกับอะไรก็อ่านได้เลยว่าปีนั้นเจ้าชะตาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเกี่ยวกับดาวเคราะห์นั้น
ๆ
2. โค้ง ราหู โค้งนี้ไว้ตรวจเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ทางใจ หรือการมีคู่
หรือพบรักก็ได้ หรือการมีความสัมพันธ์ใหม่ๆ ในปีนั้น ว่าปีนี้อาจได้พบคนที่ถูกใจ
หรือเพื่อนสนิท หรือมีความผูกพันกับใครบางคนก็ได้
3.
โค้ง ลัคนา
โค้งนี้ไว้ดูสภาพแวดล้อมว่าเจ้าโค้งนี้ไปโดนดาวอะไรเช่นปีนี้ไปโดนดาวไม่ดี
หรือดาวดี ก็จะบอกสภาพแวดล้อมในปีนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร
ทำหน้าที่เหมือนจุดเจ้าชะตาจร ทุกโค้งเราถือเป็นจุดเจ้าชะตาจรทั้งหมดอย่าลืมข้อนี้
เช่นโค้ง ลัคนาไปถึงจุดถึงแก่กรรม
เราก็อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้รวมถึงตัวเราด้วยแต่ต้องเช็คหลายจุดหน่อยถ้าเป็นตัวเราท่าต้องไปก่อนเอกสารเรื่องการเช็คเกี่ยวกับจุดถึงแก่กรรม
4. โค้งเมริเดียน
โค้งนี้ไว้ตรวจดูว่าตัวเราไปตรงกับจุดหรือปัจจัยอะไรหรือเรามีความกังวลอะไรในปีนี้
ก็ได้ ก็ดูเหมือนจิตเรามีความเกี่ยวค้องกับเรื่องอะไรในพื้นดวงก็ได้
5. โค้งอาทิตย์
โค้งนี้ไว้ดูเรื่องตัวเราหรือกายสังขารเราเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับดาวในพื้นดวง
หรือดาวจรวงนอกก็ได้ด้วยเช่นกัน
โค้งทุกโค้งเราสามารถยิงไปทำมุมสัมพันธ์กับดาววงนอกได้ด้วย
ว่าปีนี้เรามีโชคดีโค้งอาทิตย์ก็จะถึงจุดหรือปัจจัยที่บอกเกี่ยวกับโชคดีด้วย
แต่ให้ดูโค้งพฤหัสประกอบด้วยเพื่อความมั่นใจอีกที
6. โค้งจันทร์ โค้งนี้ไว้ดูบุคคลเพศหญิง หรือจิตใจเราว่าปีนี้เราคิดอะไร
มีอารมณ์อย่างไร เมื่อโค้งจันทร์ไปทำมุมกับดาวเคราะห์ในพื้นดวง
หรือดาวจรวงนอกแต่ต้องดาววงนอกเป็นรายปีก่อนที่นำมาใช้งาน
แต่ก็สามรถดูจรรายวันก็ได้เช่นโค้งจันทร์โดนเสาร์จรทับอยู่ก็บอกได้ว่าอาจมีการเจ็บป่วยของบุคคลเพศหญิง
หรือท่านมีความวิตกกังวลใจอะไรบางอย่าง มีทุกข์ในใจเกิดขึ้นก็ได้
แต่ถ้าไปทับดาวพฤหัสพื้นดวงก็จะแปลว่าปีนี้ท่านดวงดี
หรือมีอารมณ์แจ่มใสไม่มีเรื่องทุกข์ใจประการใด เป็นต้น
เราสามารถดูโค้งเจ้าชะตาผสมกับโค้งดาวเคราะห์ก็ได้เช่นเดียวกัน
มีผลความแม่นยำสูงควรตรวจโค้งดาวเคราะห์ว่าแน่ใจ
และสุดท้ายตรวจโค้งจุดเจ้าชะตาอีกครั้งเพื่อเป็นการ
ส่วนโค้งดาวเคราะห์ก็มีดังนี้
1. โค้งเรื่องงาน ตำแหน่ง โครโนส
พฤหัส พาพอสลอน
2. โค้งเรื่องความรัก โค้ง ศุกร์ ราหู คิวปิโด
3. โค้งการมีเคราะห์ โค้ง เสาร์ และการพลัดพราก การออกจากงาน
4. โค้งการเจ็บป่วย ความตาย
โค้ง เสาร์ แฮดมตอส ฮาเดส เนปจูน
5. โค้งอุบัติเหตุ โค้ง มฤตยู อังคาร เซอุส เนปจูน
6. โค้งการเดินทาง โค้งพุธ
เสาร์ ลัคนา
7. โค้งแห่งการเรียนรู้ศาสตร์ต่าง ๆ โค้ง โพไซดอน เนปจูน
บทที่ 224
ระยะทางของดวงดาว
ที่จะส่งผลถึงเจ้าชะตา
อย่ามองข้ามดาวพระเคราะห์ที่อยู่ไกล เป็นอันขาด ขอให้นึกถึงธรรมชาติ ซึ่งอุปมาเหมือนกับไฟฟ้าคือ ยิ่งไกล ยิ่งศักย์สูง ยิ่งใกล้ ยิ่งกระแสสูง
ยิ่งอยู่ไกลกันยิ่งทำให้คิดถึงกัน การพบปะน้อย ยิ่งอยู่ใกล้กันยิ่งไม่ค่อยจะนึกถึงกัน การพบปะมีมาก
ดาวที่อยู่ไกล เมื่อโคจรมา ทำมุม จะแสดงอิทธิพลให้เห็นประจักษ์เสมอไป เหมือนกับบุคคลรู้จักซึ่งนาน ๆ จะพบกันสักครั้งเพราะอยู่ไกล อย่าไรก็ดี เมื่อมีศักย์สูง การส่งพลังงานย่อมมาในลักษณะเป็นบีม หรือ โพคัส คือ เป็นจุดมากกว่าที่จะแผ่กระจาย เพราะฉะนั้น ระยะวังกะที่ใช้ จึงต้องแคบมาก ๆ ซึ่ง วังกะ 1 องศา นับว่า เหมาะสมแล้วสำหรับดาวพระเคราะห์ที่อยู่ไกล ๆ ดาวที่อยู่ไกล หรือดาวใหญ่ ในที่นี้หมายถึง พฤหัส เสาร์ มฤตยู เนปจูน พลูโต และ ดาวทิพย์ ทั้ง 8 ท่านอย่าทอดทิ้ง ดาวทิพย์จรปัจจุบัน เป็นอันขาด ถึงแม้จะโคจรช้ามาก็ตาม เพราะแสดงอิทธิพล เด็ดขาด นัก ซึ่งในการใช้สำหรับกิจการพยากรณ์ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย เพราะโคจรช้า ฮาเดส จร ทับ อาทิตย์ จะทำให้เจ้าชะตา ป่วย หรือ อยู่ในสภาพที่ไม่น่ารื่นรมณ์นานเป็นปี จนกว่า ฮาเดสจะจรจากไป เกิน 1 องศา ไปแล้ว ทั้งนี้รวมทั้ง ศูนย์รังสีของดาวพระเคราะห์เหล่านี้ด้วย เช่น พลูโต/อาพอลลอน เป็นต้น ที่จรอยู่บนท้องฟ้าในขณะปัจจุบัน หากทับ หรือ เล็ง ฉาก กับจุดเจ้าชะตาของผู้ใด ชีวิตของเขาผู้นั้น จะเปลี่ยนไปอย่าง ฮวบฮาบทีเดียว ท่านทดสอบดวงชะตาของท่านเองดูประกอบ
คำนึงถึง จุดเจ้าชะตา เป็นสำคัญ
แต่ก็มิได้หมายความว่า เมื่อดาวพระเคาะห์เหล่านี้ โคจรมา ทำมุม กับดาว กำเนิดในดวงชะตาแล้วจะไม่แสดงผลอะไรนั้น หามิได้ คงแสดงผลเช่นเดียวกัน แต่ถ้ามีสัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตา อิทธิพลจะปรากฏชัดเจนและรุนแรงยิ่งขึ้นสำหรับดาวพระเคราะห์จรสุริยยคติก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นดาวพระเคราะห์ที่โคจรเร็จหรือช้าก็ตามล้วนแสดงอิทธิพล ทั้งสิ้น ทั้งนี้ รวมทั้ง ราหูจรสุริยคติ ด้วยซึ่งมีอิทธิพลเป็น จุดเจ้าชะตาจร ที่สำคัญยิ่งจุดหนึ่งเช่นเดียวกันในการพยากรณ์ถึงปี การแต่งงานของเจ้าชะตา ศุกร์จรสุริยคติ จร ถึง จุดเจ้าชะตา ในดวงชะตากำเนิด เจ้าชะตามักแต่งงานในปีนั้น ดังเช่น ศุกร์จรสุริยคติจรถึงอาทิตย์กำเนิดเป็นต้น อย่างน้อย ก็ต้องพัวพันกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ จนได้
แกนดาว
ตามหลักการตรวจดวงชะตาของเรานั้น เมื่อต้องการจะสำรวจ เรื่องอะไร ก็จะตั้งจานคำนวณ ที่ตรงจุดในดวงชะตาซึ่งมีความหมายตามเรื่องที่จะพยากรณ์นั้น แล้วก็อ่านเรื่องราวออกมาโดยตรงจากพระเคราะห์สนธิชุดนั้น ๆ
พระเคราะห์สนธิชุดดังกล่าวนี้ จะแสดงอิทธิพลตามเรื่องราวที่เราอ่านได้ ใน 2 กรณี คือ
กรณีที่1 ดาวพระเคราะห์ที่ร่วมอยู่ในชุด โคจร (ตามโค้งสุริยยาตร์ arc ) ถึงแกนดาว
กรณีที่2 แกนดาว โคจร (ตามโค้งฯ) ถึง ดาวพระเคราะห์ที่ร่วมอยู่ในชุด
ในการวินิจฉัยถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามความหมายของพระเคราะห์สนธิชุดที่พิจารณานั้น ๆ ก่อน อื่น จะต้อง พิจารณาดูก่อนว่า พระเคราะห์สนธิชุดที่กำลังพิจารณานี้ มี จุดเจ้าชะตา ร่วมอยู่ชุดมากน้อยเพียงใด เพราะเกี่ยวกับ น้ำหนัก ในการพยากรณ์ ซึ่งถ้าหากพระเคราะห์สนธิชุดนั้น ๆ มี จุดเจ้าชะตา เข้าไปร่วมอยู่มาก ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็จะมีลักษณะ รุนแรง และประจักษ์ชัด แต่ถ้าหากมีจุดเจ้าชะตาร่วมอยู่ด้วย ความรุนแรงจะน้อยลงตามส่วน
กรณีที่1 ดาวพระเคราะห์ในชุดโคจรถึงแกนดาว
แกนดาว ซึ่งแสดงถึงเรื่องราวที่เราพิจารณา จะแสดงผล เมื่อดาวพระเคราะห์ที่ร่วมแกนด้วย โคจรมาถึงเป็นกรณี ทับ เล็ง ฉาก ด้วยแล้ว ความรุนแรงย่อมมีมาก ส่วนมุมเล็ก เช่น 22ครึ่ง เหตุการณ์จะลักษณะอ่อนลงมาก
เหตุการณ์หลักที่จะเกิดขึ้น คือ เหตุการณ์ตามความหมายของ แกนดาว กับ ความหมายของ ศูนย์รังสี หรือความหมายของดาวพระเคราะห์ หากเป็นกรณีดาวดวงนั้นมีสัมพันธ์กับแกนดาวดาวอยู่แล้ว ซึ่งจะปรากฏทุก โค้งฯ 22 องศาครึ่ง
ตัวอย่าง เสาร์/โพไซดอน = อาทิตย์/โครโนส จะแปลได้ว่า การศึกษา คือความสูงส่งของเขา
เจ้าชะตา จะสูงส่ง ความหมายของศูนย์รังสี อาทิตย์/โครโนส เพราะการศึกษา เมื่อ
อาทิตย์ หรือโครโนส จรตามโค้งฯ = เสาร์/โพไซดอน
ดังเช่น อาทิตย์โค้งฯ ทำมุม 45 องศา กับ เสาร์/โพไซดอน
โครโนสโค้งฯทำมุม 45 องศา กับ เสาร์/โพไซดอน
กรณีที่2 แกนดาวโคจรถึงดาวพระเคราะห์ในชุด
เช่นเดียวกับกรณีที่ 1 พระเคราะห์สนธิชุดที่พิจารณา ตามความหมายของแกนดาว จะแสดงผลเมื่อแกนดาว นั้น ๆ โคจรตามโค้งฯ ถึง ดาวพระเคราะห์ที่ร่วมอยู่ในชุดนั้น
ตัวอย่าง เสาร์/โพไซดอน = อาทิตย์/โครโนส
เจ้าชะตาจะสูงส่ง เพราะการศึกษาของเขา เมื่อ แกน เสาร์/โพไซดอน จรตามโค้งฯ
ถึง = อาทิตย์ หรือ โครโนส
แกนดาว
ที่พิจารณา คือ การศึกษา ซึ่งตรงกับ ภาษาดาว คือ เสาร์/โพไซดอน
เมื่อตรวจดูศูนย์รังสีที่มีสัมพันธ์กับแกนดาวนี้แล้ว ทำให้สามารถพยากรณ์ได้ว่า
การศึกษา(เสาร์/โพไซดอน)
จะสร้างความสูงส่งโชคลาภและความสำเร็จอันมั่นคงให้ อย่างไรก็ดี
สิ่ง ที่ตรวจได้จากดวงชะตา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการศึกษาดังกล่าวมานั้น
มิได้เกิดขึ้นพร้อมกัน
แต่จะปรากฏให้เห็นเด่นชัดเมื่อศูนย์รังสีแต่ละศูนย์แสดงอิทธิพลตามโค้งฯ
สำหรับในที่นี้ ได้แสดงให้ถึงถึง ปี ที่
การศึกษาสร้างความสูงส่งให้แก่เจ้าชะตาเท่านั้น คือพิจารณาเฉพาะ เสาร์/โพไซดอน=อาทิตย์/โครโนส
เท่านั้น ซึ่งจะแสดงผลให้เห็น ประจักษ์ชัด เมื่อ โค้งฯ 39 40 50 51
องศา เพื่อให้ง่ายแก่การอ่านโค้งฯได้นำเอาโค้งลบ
หรือ โค้งจะต้องเป็นที่เข้าใจกันว่า ความสูงส่ง ในแต่ละปี
ย่อมจะมีระดับเท่ากัน ไม่ได้ เพราะทั้งนี้ย่อมจะขึ้นอยู่กับพระเคราะห์สนธิชุดอื่น ๆ
ที่แสดงอิทธิพลในปีเดียวกันประกอบกันด้วย โดยเฉพาะแกน
โครโนส ทั้งนี้รวมทั้ง ดาวจรบนท้องฟ้าปัจจุบัน ด้วย ว่าส่งผลเพียงใด
บทที่ 225
วันนี้จะมาคุยเรื่องความรุนแรงของข้างแรมว่ามีผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้
ระยะนี้ดาวเสาร์กำลังเดินถอยหลังเข้าราศีกันอีกครั้งสุดท้ายจะทำให้คนราศีกันย์มีผลกับดาวเสาร์ครั้งสุดท้าย
ดาวเสาร์จะใช้เวลาตั้งแต่เดือน พ.ค ถึง ก.ค
และข้างแรมจะทำให้มีผลทางด้านพลังงานของดาวมาก
เดือนมืดพลังงานจะมาได้มากกว่าข้างขึ้น
ระยะนี้ข้าพเจ้าก็เป็นคนราศีกันย์อาจต้องหลบหรือเคลื่อนย้ายตัวเองให้มากขึ้นไม่แล้วพลังงานของดาวเสาร์ก็จะทำงานกับข้าพเจ้า
เลยมีเรื่องจะบอกว่าถ้าแรม 1 ค่ำ ไป 5 วัน
เราจะหยุดเรียนไปก่อนจนกว่าดาวเสาร์จะออกไป จนถึงเดือน ก.ค.
กระแสของดาวทุกดวงจะทำงานตอนข้างแรมได้ดีมาก
ดังนั้นควรย้ายลัคนาในช่วงนี้จะดีกว่าช่วงอื่นถ้าท่านจะหนีการทำงานของดาว
เราจะหลีไป สามถึงห้าวันก็ใช้ได้แต่ต้องทำจนกว่าดาวจะออกไปจากราศี ทำได้ทุกคน
ชาวราศีตุลย์ก็เช่นเดียวกันควรหลบหลัง ก.ค แต่คงต้องหลบนานหน่อยนะครับ
และพลังงานที่จะส่งมาจะอ่อนแรงตอนแรมแปดค่ำไปแล้วก็
จะเป็นข้างขึ้นแสงของดวงจันทร์จะมาช่วยลดพลังงานของดาวได้ดีมาก ข้างขึ้นไปอยู่รับ
ข้างแรมไว้ถอยรับนะครับ
บทที่ 226
สวัสดีครับท่านที่เข้ามานั่งทนอ่านเรื่องต่างๆ
วันนี้หมดไปอีกหนึ่งเดือนแล้วเร็วจังเลย เวลาผ่านไปเหมือนเข็มนาทีนะครับ
เราก็แก่ไปอีกหนึ่งเดือนแล้ว รู้ไหมว่าหนึ่งเดือนเราก็สามารถแก่ลงไปได้ แต่ละวินาที
มั่นทำความดีไว้นะครับ
เราจะไปวันไหนไม่ทราบจนกว่าโปรแกรมตัวใหม่จะสำเร็จก็จะบอกปีที่ท่านจากโลกนี้ไปได้อย่างแม่นย่ำซึ่งคิดว่าจะออกมาใช้ปลายปีนี้นะครับตอนนี้มีตัวใหม่ออกมาให้ท่านใช้เล่นก่อนใครสนใจก็มา
update ได้
แต่คงต้องช่วยค่ายเขียนกันบ้างเพราะหมดไปมากทีเดียวแต่ละ version
ต้องออกแบบเองและให้น้องเขียนให้ ค่าเขียนก็แพง แต่ version
เก่าก็ยังใช้ได้อยู่อีกเป็นพันปี นะครับท่าน
แต่มีของเพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควรรับรองว่าตัวนี้เป็นลูกผสมระหว่าสากลกับดวงจีน
มีดาวบินไว้ดูตำแหน่งบ้าน
ปีราศีแบบจีนด้วยเพื่อช่วยให้ท่านดูคนที่ไม่มีเวลาเกิดหรือจำวันเดือนปีไม่ได้
ก็ดูว่าเกิดปีอะไรเช่นปีเสือเป็นต้นปีนี้ดีไหม
วันนี้เราจะมาคุยเรื่องจุดสะท้อนดาวจรวงนอกซึ่งมีอยู่ใน version
ใหม่ สามารถแสดงดาวจรสะท้อน ความสำคัญหรือครับ ให้ผลรุนแรง
เรามีสะท้อนพื้นดวง
แต่ขาดดารจรวงนอกสะท้อนไปก็จะช่วยให้ท่านสามารถมองเห็นอะไรบนท้องฟ้าได้มากขึ้น
คงไม่คิดว่าดาวจรสะท้อนมีบทบาทสำคัญไม่แพ้สะท้อนพื้นดวงนะครับ
ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดีมากถึงนำไปใช้ จากคำบอกของท่านผู้รู้ทั้งหลาย
เมืองนอกก็มีเราก็มีนะ ตอนนี้โปรแกรมเราออกจะมีเครื่องมือมากมาย
บางท่านยังใช้ไม่หมด รุ่น Back นี้จะออก version
นี้ สุดท้าย และจะขึ้น เป็น version ใหม่
ตอนนี้ก็ใช้กันยาวไปเลยครับ เพราะรวบรวมผลงานของท่าน อ.ประยูรไว้หมดจากที่เรียนมาก
ก็อาจมีคำถามว่าทำไมไม่เขียนทีเดียว
ก็เพราะว่าเครื่องมือแต่ละอย่างต้องอ่านตำราที่เรียนมาและดูว่าใช้ได้ผลไหมถึงนำมาเขียนถ้าไม่มีประโยชน์อะไรก็จะไม่นำมาเขียน
ดาวจรสะท้อนเราสามารถมองการทำงานของดาวจรในอีกแง่มุมหนึ่งที่มีผลทำไม่เราพลาดไป
ว่าดาวมันออกไปแล้วแต่ยังมีผลอยู่นะครับ เรื่องนี้สำคัญมาก
และมีดาวเคราะห์น้อยที่ยังไม่ได้คุยกัน มีแล้ว
แต่ดาวเคราะห์น้องไว้ดูเรื่องสุขภาพเป็นส่วนมาก
ท่านที่ยังเรียนไม่ไปถึงไหนเล่นแค่มีอยู่ก็ไปทำมาหากิน หรือดูดวงตัวเองได้แล้ว
แต่ว่าผู้ที่ต้องการสิ่งใหม่ ๆ สอบผ่าน ร้อยข้อไปแล้ว ก็สามารถนำสิ่งใหม่ ๆ
ไปเล่นได้ เพราะจะเกิดความ งง ๆ หวังว่าคงเข้าใจนะครับ ตัวใหม่ จะมีของเล่นมากขึ้น
รับรองเปิด อกเขียนกันเลยนะ มีทั้งโค้งจันทร์ ไว้ดูรายเดือนที่แม่นยำ มีวันที่แสดง
พร้อมวัน มีจุด indexday ให้ไม่ต้องไปต้องให้เมื่อยมือ
เปลี่ยนโค้งใหม่ให้ดูง่ายไม่ยุ่งเหมือนโค้งเก่า และที่สำคัญมีโค้งแห่งความตาย
เข้ามาด้วยเพิ่งหาเจอ อันนี้เฉียบขาดรับรองไม่มีใครเขียนแน่เพราะเป็นของลับของท่าน
อ. ประยูร เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าว่าจุดสะท้อนให้ความรุนแรงพอ ๆ กับดาวตัวเค้าเอง
ทุกครั้งที่เปิดดวงควรใช้จุดสะท้อนเข้ามาด้วย เราจะเห็นภาพของตัวเราในอีกมุมหนึ่ง
ตัวอย่าง ดวงข้าพเจ้ามี เมริเดียนอยู่ราศีมีน
ก็จะแปลว่าเป็นคนรักสงบไม่ชอบไปไหนแต่ถ้าไปก็ไปยาว และเมริเดียนสะท้อนอยู่ราศีเมษ
ก็จะทำให้เป็นคนใจร้อน อยู่กับมวลชน ที่จะเข้ามาหาเอง
เพิ่งคิดได้ว่าทำไมตัวเราถึงต้องมาทำงานแบบนี้ก็เพราะว่า mc
สะท้อนอยู่ในราศีเมษ คนคนไม่ยอมคน แต่ใจดีนะครับ ชอบริเริ่มอะไรใหม่ ตลอด ถึง มี
version ใหม่ ออกมาตลอด บางที่เค้าเขียนแล้วก็จบ ไม่มีการ
update อะไร
ก็เป็นผลไม่ดีสำหรับโปรแกรมที่ไม่มีการพัฒนาการตัวของมันเอง
การเรียนดวงนี้ไม่มีวันสิ้นสุด อยู่ที่เราจะพอตรงไหนนะครับ สวัสดีเจ้า
บทที่ 227
สวัสดีครับ วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นวันพระคงจะใช่นะ
เย็นก็ไปเข้าวัดเข้าวากันหน่อย ทำจิตให้สงบ
วันนี้ใครออกมาตากแสงจันทร์ก็จะได้รับพลังจากดวงจันทร์
ใครมีของดีอะไรก็เอาออกมาตากได้ พลังงานจากดวงจันทร์ข้างขึ้นจะเป็นพลังงานที่ดี
จะทำให้ตัวเราและสิ่งของต่าง ๆ เช่น ไพ่ หรือ หิน ได้รับพลัง
ถือเป็นการอาบแสงจันทร์เพิ่มกำลังของสิ่งนั้นดาวร้าย ๆ
ก็ไม่มาเยี่ยมเราเพราะแสงจากดวงจันทร์บทบังไว้หมด นะครับ ต่อจากนี้ได้ ก็จะเป็นแรม
1 ค่ำ ไปถึง 15 ค่ำซึ่งตรงกับวันที่ 15 เดือนนี้
ท่านมีเวลาพบกับแสงจันทร์ถึงแรมแปดค่ำ เป็นช่วงเวลาที่ดีจะทำงานมงคลต่าง ๆ
ทำได้เลยครับ จะขออะไรจากดวงจันทร์ก็วันนี้กับพรุ่งนี้จะจันทร์ยังเต็มดวงอยู่
วันนี้ข้าพเจ้าต่อตี่ห้าออกนั่งอาบแสงจันทร์เรียบร้อยแล้ว
หรืออาบน้ำใต้แสงจันทร์เพื่อชำระสิ่งไม่ดีออกจากร่างกายเราก็ได้ ดีมาก
เค้าเรียกวันนี้ว่า
Full moon นะครับ ใช้ในการวางฤกษ์ดี ๆ
ช่วงนี้ดีมากครับ หาวันที่ดวงจันทร์ทับพฤหัสพื้นดวงก็ทำการใหญ่ได้เลยครับท่าน
เราถือว่าดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ที่ใกล้โลกมากที่สุด
พลังงานได้มากจากดวงอาทิตย์ ที่อยู่อีกฝากหนึ่งอยู่ประเทศไทยเรา
คือทำมุมตรงข้ามกับโลก วันนี้เอาเงินใส่กระเป๋าให้ตุง ๆ
ไว้จะได้มีเงินทั้งเดือนนะครับ อันนี้เป็นของ อ. จรัล พิกุล เค้าบอกมา
ตอนนี้ท่านก็ไม่อยู่แล้วไปอีกโลกหนึ่งแล้ว แต่ความเก่งก็ไม่แพ้ท่านพระอาจารย์
ประยูร เพราะได้รับการถ่ายทอดโหราศาสตร์มาจากท่านเต็มพุงเลยครับ
ข้าพเจ้าก็นับถือท่าน นับจากท่าน อ.ประยูร ฯ เพราะมีสิ่งดีๆ
ที่เอาโหราศาสตร์มาต่อยอดให้มากขึ้น ใครมาก่อนมาหลังถือไม่สำคัญ
ใครให้ความรู้ได้เรารับถือทั้งนั้นครับ
|