บทที่ 247
 

    สวัสดีครับ วันนี้เป็นวันสิ้นเดือนแล้ว หมดไปอีกหนึ่งเดือน เดือนหน้า มีวันหยุดยาว เราก็คงหยุดให้นักเรียนด้วย จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 -16 คิดว่าจะไปเข้าวัดสักหน่อยที่นครราชสีมา อาทิตย์ย้ายราศีไปแล้ว ตอนนี้เราเข้าหน้าร้อนไปแล้ว ปีนี้จะร้อยมากหน่อย เพราะอากาศมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก มีผลจากน้ำแข็ง ที่อยู่ทาง ขั้วโลก เหนือมีการ เริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำ และความร้อนก็เพิ่มมากขึ้น ผลจากธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ฤดูกาลมีการเปลี่ยนไป เพราะเราใช้ธรรมชาติผิด เอาธรรมชาติมาใช้มากเกินไป และไปทำลาย ด้วย เช่นตัดไม้ ที่เป็นตัวติดต่อโลกกับฟ้า ต้นไม้เป็นตัวเชื่อม โลกคน และฟ้า เราไปตัดไม้ก็เป็นส่วนทำให้ฟ้าเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน เอาไว้จะมาคุยเรื่องต้นไม้ มีผลอะไรกับชะตาชีวิตเรา มาต่อกันเรื่องการทำนายจรรายปี กันต่อ ท่านที่เริ่มเรียน อ่านบทที่ผ่านมาเข้าใจไหม ถ้าเข้าใจเราก็จะไปต่อ ศูนย์รังสี จุดอิทธิพล ดาวเคราะห์ ก็มีส่วนไว้ดูจรได้ และเป็นตัวบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้น ในอนาคต ได้ โดยใช้ จร และ จรพื้นดวง ถ้าเราต้องการดูรายเดือน เราต้องตั้งจุดต่าง ๆ ไว้ที่จร เสมอ และรายปี เราจะไปตั้งจุดต่างๆ  ไว้ที่พื้นดวงว่าปีนี้มีไหม ถ้ามีเราก็ไปดูรายเดือน คือ new moon จันทร์จรทับจันทร์กำเนิด อันนี้ก็น่าเล่นเพราะในการดูรายเดือน จะมีการแรงมากกว่า new moon ถ้าเวลาเกิดแน่นอน เราใช้จันทร์จรทับจันทร์กำเนิด ดีกว่ามาก เพราะเป็นจันทร์ของแต่ละคน และเวลาก็แคบกว่าทำให้เราดูได้ง่ายกว่า พอได้เดือนแล้ว เราก็มาดูรายสามวัน ต่อ ว่า สามวันไหน ในเดือนนั้น ที่เกิดเหตุที่เจ้าชะตาถามมานะครับ วันนี้เอาแค่นี้ก่อน คิดว่าจะ งง กันแล้ว ไปทำความเข้าใจก่อนนะครับ

บทที่ 248
วันนี้เดือนเมษายนเข้าไปแล้ว ช่วงใครเกิดราศีสิงห์ ให้ระวังหน่อย เพราะดาวอังคารกำลังเริ่มเดินแล้ว และมีดาวเสาร์ เริ่มทำงานแล้ว จะมีผลต่อสองราศี คือสิงห์ กันย์ ตุลย์ ถ้าเรามองการสะท้อนของดาวเข้าไปด้วย โปรแกรมตัวใหม่จะมีดาวจรสะท้อนทำให้เราสามามองเห็นจุดสะท้อนของดาวจร ก็มีผลส่งไปตามราศีที่มีเงาของดาวร้าย ๆ พวกนี้ได้เช่นเดียวกันแต่ผลไม่เท่าตัวจริงแต่ก็ทำให้เจ้าชะตาครึ่งหนึ่งเหมือนกัน การที่เราอ่านดาวจรสะท้อนจะทำให้เรามองเห็นอะไรได้มากขึ้นไปอีก อยากให้ทดลองเล่นดู พื้นดวงสะท้อนเป็นอย่างไร ดาวจรสะท้อนก็มีผลอย่างนั้น นะครับ หลักการสะท้อนคือเงาของดาวนั่นเอง เหมือนคนต้องมีเงา ถ้าคนคิดจะทำร้าย มองเห็นเงาเราก็จะเห็นตัวจริงอยู่ตรงไหนมันก็จะตามไปหาตัวจริงที่อยู่ตรงข้ามได้ หลักการเดียวกันนี้เราก็สามารถเห็นความแรงของเงาดาวได้เช่นนี้ นะครับท่านพี่น้อง อย่าไปมองข้ามเงาหรือการสะท้อนของดาวน้อยไป มีผลมากนะครับ ก่อนอื่นการอ่านพื้นดวงควรเปิดจุดเจ้าชะตาสะท้อนไว้ด้วยจะได้อ่านรายละเอียดของเจ้าชะตาได้มากขึ้นในสิ่งที่เค้าแอบเราอยู่ รายละเอียดมีมากขึ้น และโค้งฯจุดเจ้าชะตาสะท้อนก็มีผลมาก สองสิ่งนี้ควรเปิดไปอันดับแรก เหมือนโค้งฯเสาร์ เช่นกัน ที่จะบอกความเป็นไปของเจ้าชะตาในปีนี้ว่า มีอะไร เราจะเล่นโค้งฯ จุดเจ้าชะตา หรือดาวเคราะห์นำมาทำโค้งฯ ก็ได้ อย่างไหนแม่นกว่าตอบได้ว่า เหมือนกันแต่ดูควรดูทั้งสองอย่าง เพราะจะบอกอะไรเหมือนกัน ส่วนมากจะไม่ค่อยเล่นจุดโค้งฯเจ้าชะตา ตรงนี้ก็สำคัญทีเดียว ทำไว้ให้แล้วในโปรแกรม ควรเปิดเป็นครั้งแรกในการเปิดฉากการทำนายนะครับ แล้วท่านจะเป็นอะไรได้มากขึ้น
บทที่ 249
สวัสดีครับวันนี้เราจะมาดูเหตุการณ์ สำหรับที่ผ่านมา เพื่อใช้ปรับเวลาเกิด เรื่องนี้ก็สำคัญ ท่านต้องจำเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นกับตัวท่าน เช่น วันสูญเสียของรักในชีวิต หรือวันที่มีบุตร วันได้รับตำแหน่ง ส่วนมากเราจะจำเรื่องร้ายๆ ได้มากกว่า หรือการโยกย้ายครั้งใหญ่ในชีวิต นำมาปรับเวลาเกิดของเรา โดยปรับโค้งฯ ไปยัง ณ ปี ที่เกิดก่อน ว่ามีไหม เช่นเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาเราได้จบการศึกษาและเข้าทำงาน เราก็หมุนโค้งฯ ถอยหลังไปยัง ณ ปีนั้น ว่าโค้ง จุดเจ้าชะตาไปโดนอะไรบ้าง หรือโค้ง
KR  ก็ได้ว่าปีนั้นมีเรื่องที่เกิดหรือไม่ ถ้ามี ก็แปลว่าปีนั้นตรงแล้ว และถ้าท่านจำวันได้ยิ่งดี ก็จะนำไปปรับเวลาเกิดได้ ข้อสำคัญมันอยู่ที่ว่า ณ ปี วัน ที่เป็นเรื่องสำคัญ ลัคนา เมริเดียนจร ปี วัน จะไปตรงกับ ลัคนา เมริดียน ในพื้นดวงเสมอ หรือทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาเรา ก็สามารถปรับลัคนาและเมริเดียน พื้นดวงได้ หรือว่ามันพอดีแล้วก็ไม่ต้องปรับ อันนี้เป็นการปรับแบบเดิม แต่สมัยใหม่เราจะปรับได้ง่ายกว่าแล้วเอาเรื่องสำคัญคัญมาทดสอบการปรับของเราอีกที ก็จะเห็นว่ามันทำมุมกันพอดีระหว่า as mc จร กับ พื้น ดวงเสมอ อันนี้คือการปรับเวลาเกิด คราวหน้าจะมาคุยเรื่องการปรับเวลาเกิดแบบใหม่กันว่าเราจะทำอย่างไร เพราะบางคนจำเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ เราต้องมาหากันใหม่ และรอวันสำคัญที่มันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง อันนี้แน่นอนเหมือนกัน ทำได้เช่นเดียวกัน เพราะวันสำคัญ จะต้องมีจุดที่มาทำมุมถึง as mc  พื้นดวงด้วย ถึงเวลาเกิดตรงนะครับท่าน

บทที่ 250
สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาคุยเรื่อง
mc as su no กันหน่อยว่าที่มาเค้ามาอย่างไร เราเริ่มจาก mc ความหมายของเค้าคือ วิญญาณ ของเจ้าชะตา ที่เกิดมาพร้อมกับตัวเรา ส่วน as คือสภาพแวดล้อมของจิต ไม่ใช่ตัวเราแต่เป็นสิ่งแวดล้อมของวิญญาณ ทั้งมีชีวิต และไม่มีชีวิต เช่น บ้าน คนใกล้ชิด รถ ต้นไม้ ฯลฯ จะปรุงแต่งวิญญาณ ของเราให้เป็นไปตามสภาพแวดล้อม ส่วน su คือกาย ของเรา เวลาเราตายไปก็จะกลับไปอยู่บนโลก คือเป็น ดินน้ำลมไฟ ไป คือ ดินนั่นเอง ส่วนจิตเวลาเจ้าชะตาตายไปก็จะไปเกิดใหม่ อยู่ไปจนกว่าจะถึงจุดหนึ่งก็จะไปรวมกับที่เค้ามา เป็นที่สะอาด เหมือนผ้าขาว นั่นคือการเป็นนิพาน ไป และไม่ได้ลงมาเกิดอีก ส่วนจิตเราจะต้องไปดูที่ราหู เป็นส่วนหนึ่งของจิตเรา คือคนใกล้ชิด ตัวเรา ดังนั้นจิตและวิญญาณ ต่างกันแต่จะเหมือนกันมาก อาจแยกไม่ออกถ้าท่านเรียนไปที่จะสามารถเข้าความหมายนี้ จุดใหญ่ของตัวเราคือ mc  นั่นเอง เป็นตัวสั่งการให้เราทำอะไรต่ออะไรไปตามที่วิญญาณ อยู่ในสภาพไหน คือ as จะปรุงแต่งวิญญาณ ให้ดีหรือไม่ดี ตอนลงมาเกิดวิญญาณจะสะอาด แต่เมื่อมาเกิดแล้วก็จะถูกบนสิ่งดีไม่ดีเข้าไป เลยต้องไปเกิดอยู่นั่นไม่มีวันที่จะกลับไปจนกว่าจะถึงจุดหนึ่งถึงได้ไปรวมกับวิญญาณ ใหญ่ ส่วนจิต ของเรานั้น ขึ้นอยู่กับคนใกล้ชิดว่าจะปรับแต่งจิตเราให้เป็นอย่างไร ดังนั้น mc มักจะตั้งฉากกับ as คือกับผสมประสาน ทำให้ mc เป็นไปตาม as นั่นเอง มันอาจจะยากหน่อยบทนี้แต่ท่านต้องทำความเข้าใจตรงจุดนี้ ดังนั้นตัวเราก็จะมี mc su เป็นบอกว่าเราเป็นอย่างไร ส่วนจันทร์คือความรู้สึกของจิต นั่นเองที่แสดงออกมา ทางร่างกาย พอไหวไหมครับ ถ้าท่านเข้าใจท่านก็สามารถปรับลัคนาและเมริเดียนได้ อันนี้เป็นพื้นฐาน ก่อนที่ท่านจะเริ่มทำปรับ ma as  ท่านต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน
 

บทที่ 251
สวัสดีครับ วันนี้เราจะพูดเรื่องเกี่ยวกับจุดเจ้าชะตาว่าสำคัญอย่างไรในพื้นดวง กายคืออาทิตย์ วิญญาณ คือจะเป็นเมริเดียน ที่จะดับไปพร้อมกับอาทิตย์ และไปเกิดใหม่ จนถึงระดับหนึ่งก็จะไม่เกิดเป็นคนอีกไปอยู่ ณ จุดรวมของเค้า ส่วนจิต มีความเกี่ยวข้องกับราหู คือคนใกล้ชิดเป็นอย่างไรจิตก็จะเป็นอย่างนั้น ดังนั้นราหูเป็นอย่างไรจิตคนเราก็จะเป็นอย่างนั้น ที่กล่าวมาเป็นส่วนของเจ้าชะตาและลัคนาไม่ใช่ตัวตนเองเราแต่จะปรุงแต่งวิญญาณ อีกที ส่วนราหูก็จะปรุงแต่ง จิตอีกที การปรับลัคนา เมริดียน จึงมีความสำคัญมากในการที่จะให้เราทราบตัวตนเองเค้า การปรับอย่างง่าย ๆ คือต้องถามเจ้าชะตาว่าหรือสังเกต ว่าเค้าเป็นคนอย่างไร และน่าจะเป็นราศีอะไร เราก็เอาเมริเดียนไปวางไว้ ณ ราศีนั้น ส่วนมากเราจะดูสภาพแวดล้อมของวิญญาณก่อนว่าจะดีกว่าว่าสภาพแวดล้อมของวิญญาณ เป็นอย่างไร เช่นเค้าอยู่ในสภาพชอบธรรมชาติ หรือชอบสะสม เราก็เราลัคนาไปวาง ณ ราศี ตุลย์ หรือราศีมังกรไปก่อน แล้วถ้าเราว่างลัคนาได้ เมริเดียนมันก็จะตั้งฉากกันเสมอ แล้วมาทอสอบดูว่าเรื่องที่ผ่านมาตรงกับจุดที่เราตั้งหรือไม่ หรือถ้าจะไม่ได้ก็เราจนกว่ามีเรื่องสำคัญเกิดเราก็จะเห็นว่าเราปรับถูกหรือไม่ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือเช็ค ลัคนา เมริเดียนว่าใช่ตัวตนของเค้าไหม บางทีเวลาเกิดก็อาจทำให้เรามองผิดได้ ต้องทอสอบจะได้ของแท้จะดีกว่า หรือเค้าเป็นคนชอบจิตนาการ ก็ปรับลัคนาไปทำมุมถึง เนปจูน ถ้าเราทราบว่าเค้าเกิดกลางวันหรือกลางคืน ก็สามารถง่ายในการจับวางลัคนาได้ พอเราวางได้ตำแหน่งเค้า ปัจจัยต่าง ๆ ก็จะตามมาเอง เช่น เมริเดียน ราหู จันทร์ ก็จะตรงของเค้าเอง เพราะเราลับเป็นนาทีย่อมต่อไปถึงชั่วโมงคือจันทร์ได้
 

บทที่ 252
สวัสดีครับวันนี้เป็นนกน้อย ไปตามลมอีกแล้ว ได้เวลาเดินทางไกลอีกแล้ว รู้สึกว่ามีดาวอะไรมาทำให้ต้องเดินทางไกลอีก มาเข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้เราจะมาพูดเรื่องจุดสะท้อนมีไว้ทำไม สิ่งแรกที่เรามองข้ามมันไปคือการสะท้อนของดาว การสะท้อนมีสองแกน คือแกนเมษ กับแกนกรกฎ แต่ส่วนมากเราจะใช้แกนเมษกันเป็นส่วนใหญ่เพราะมองได้ง่ายดี หลักการสะท้อนของดาว คือมุมตกเท่ากับมุมสะท้อน คือดาวอยู่ตำแหน่งไหนของเกนเมษ ก็จะสะท้อนไปอยู่อีกตรงข้ามเป็นระยะห่างจากแกนเมษเท่ากัน ดาวสะท้อนนี้มีความรุนแรงเท่ากับดาวจริง แต่ต้องเป็นสะท้อนจุดเจ้าชะตา เป็นเรื่องของการอ่านเจ้าชะตาในอีกแง่มุมหนึ่ง เราจะได้เนื้อหาจากดวงมากขึ้นถ้าตั้งจุดสะท้อนขึ้นมานะครับ หรือจะตั้งทั้งหมดก็ไม่ว่าอะไรกันแต่อ่านยากหน่อย การตั้งเฉพาะจุดเจ้าชะตา ก็พอแล้ว ดังนั้น เราควรตั้งสะท้อนไว้ทุกครั้งที่เราจะดูพื้นดวงนะครับ เราจะเป็นอะไรที่อีกด้านหนึ่งของเจ้าชะตา เพราะเราถือว่า จุดสะท้อนคือจุดสำคัญจุดหนึ่ง เช่นจุดอิทธิพลเช่นเดียวกัน แต่เราอ่านได้มากกว่า อย่าลืมจุดเจ้าชะตาสะท้อนนะครับท่านพี่น้อง   


บทที่ 253
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องดาวสองจำพวกด้วยกันที่ให้ผลต่างกัน คือดาว รุ่งอรุณ ดาว สนธยา และดาวสันโดษ เป็นอย่างไรมีผลอะไรกับตัวเราบ้าง เค้าจะบอกเรื่องต่างๆ ได้ อีกแง่มุมหนึ่ง ในพื้นดวงเจ้าชะตา

ดาวอรุณ
คือดาวที่สถิต หลัง อาทิตย์  ดาวสนธยา คือดาวที่อยู่หน้า อาทิตย์

พุธอรุณ ประสิทธิภาพในทางความคิด จะมากขึ้นตามอายุ

พุธ สนธยา ชอบการเสนอแนะ หรือสอนง่าย

เกี่ยวกับทางด้าน ความคิด พุธ เดินช้า วัตถุนิยม ปกติ อุดมการณ์

ศุกร์อรุณ รักสวนรักงาม ศิลปะ ศุกร์สนธยามัก เกรงใจผู้อื่น

ดาวสันโดษ

พฤหัส สันโดษ เป็นคนที่มีโชคประสบความสำเร็จ

เสาร์ สันโดษ จน หนี้สิน คนใช้ หรือมีความวิตกกังกลในชีวิต

จันทร์ สันโดษ อยากดัง ไม่อยู่นิ่ง

ศุกร์ สันโดษ มีโชคในเรื่องของความรัก

อังคาร สันโดษ ในด้านดี มีสัญชาติญาณในการอาสา ถ้าเป็นด้านร้าย กระด้างกระเดื่อง

ฤตยู สันโดษ นักประพันธ์ที่ปากกล้า ชีวิตมัก เปลี่ยนแปลง

เนปจูน สันโดษ หลอกลวง  คลุมเครือ

พลูโต สันโดษ มีโชตชะตาเกี่ยวข้องกับความเป็นกลุ่มก้อน

บทที่
254 (พิเศษวันหยุด)
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง โค้งจุดเจ้าชะตามีความสำคัญอย่างไร กับพื้นดวง จะมีทั้งหมดหกโค้งด้วยกันเราถือว่าเป็นจุดเจ้าชะตารายปีด้วย ดาวอะไรมาทำมุมถึงก็จะมีเรื่องตามดาวหรือจุดอิทธิพลนั้นไป ได้ และเราสามารถดูย้อนหลังไปได้ว่า สามสี่ปี หรือ สิบปี ที่ผ่านมาไปทับอะไรกับดาวพื้นดวงเราก็ทำนายได้เช่นกัน เราให้ความสำคัญตรงโค้งฯ เมษ จะบอกถึง ต้นกำเนิดของเรื่องต่างๆได้อย่างแม่นยำมาก และเรื่องต่าง ๆ มักจะเกิดซ้ำ ๆ กันในช่วงทีโค้งเมษเข้าไปทำมุมถึงดาวต่าง ๆ ในพื้นดวง ในแต่ละปีเสมอ สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งควรถามเจ้าชะตาก่อนว่ามีอะไรเกิดขึ้นในปีนั้นไหม ถ้าจำได้ก็จะเป็นการเช็คเวลาเกิดไปด้วยในตัว เพราะโต้งรายปีถือว่าเป็นจุดเจ้าชะตาจุดหนึ่งเสมอ และเค้าจะกางออกไปปีละหนึ่งองศาโดยประมาณ แต่จริงแล้วโค้งจะเดินเป็นองศากว่า ๆ หรือน้อยกว่าหนึ่งองศา ในสมัยก่อนยากในการคำนวณโค้งให้ถูกเลยเอาว่าโค้งจะเกิดปีละหนึ่งองศาเสมอ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ โค้งนั้นเป็นตัวแทนของอายุจริงเรานะครับท่าน ถ้าอยากรู้อายุจริงให้ไปดูตัวเลขที่มีไว้ให้ดู เช่นคนเราอายุ 50 ปี แต่อายุจริงอาจไม่ถึงแค่ 49.5968 ก็ได้ เราก็ยังไม่แก่นะครับ  คุยกันไปได้ความรู้กันไปอย่างไปเครียด บางคนถามเรื่องอายุเปลี่ยนสีหน้ากันเลยเราก็บอกจุดค่าโค้ง ก็ได้นะครับ ถามหลังจุดมีค่าให้ด้วยค่านี้คือเดือนนะครับ วันหลังจะบอกให้ว่า เป็นกี่เดือนเราแปลออกมาได้ครับ จงยึดหลังอายุตามโค้งไว้นั่นคืออายุจริงของท่าน โดยแท้จริงครับ นอกเรื่องนิดหนึ่งความเป็นครูนั้นคือการให้ด้วยจิต ที่จะให้ ถึงนักเรียนจะไม่เข้าใจ ก็จะไปสอนให้ ข้าพเจ้ามีนักเรียนใหม่อยู่ที่นครราชสีมา ท่านว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องทาง net เพราะอาจไม่ชำนาญทางใช้เครื่อง หรือสื่อสารกันไม่ตรงก็ได้ ข้าพเจ้าก็ขับรถออกจากบ้านตอนหนึ่งทุ่มถึงเที่ยงคืน ตื่นขึ้นมาก็สอน ตอนนี้เข้าเป็นวันที่สองแล้ว ดีขึ้น ข้าพเจ้าถือว่านักเรียนได้รู้หนึ่งคนเท่ากับว่ามีคนสืบวิชาได้อีกหนึ่งมันจะได้ไม่ตายไปพร้อมกับตัวข้าพเจ้า นี้คือจุดมุ่งหมายที่ต้องเกินทางมานี่ครับ ทำคนดียาก กว่าทำคนให้ไม่รู้เรื่อง จิตวิญญาณ การเป็นครูจะมีอยู่สำหรับคนที่จบด้านครูมาจะรู้ว่านักเรียนต้องการอะไรจะสอนอย่างไรจะทำให้เค้าเก่ากว่าเราให้ได้นั่นคือจุดมุ่งหมายหลักของการสอนวิชานี้ เราไม่ง้อใคร ใครอยากมีความรู้ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเป็นดินไปก็มาเรียนเอาไปเสีย อ.ประยูร จะได้ภูมิใจว่าวิชาไม่สูญหายไปจากเมืองไทย เป็นวิชาแท้ ๆ บอกหน่อยร้อนมากนะครับ
 

บทที่ 255
สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาคุยเรื่อง เสาร์ทับลัคนา คืออะไร ถ้าแปลกันง่าย เสาร์ คือการพลัดพราก ลัคนาคือสภาพแวดล้อมตัวนี้สำคัญ ใครจะเสาร์ทับลัคนาพื้นดวงก็ต้องระวังไว้หน่อย มันจะบ่งบอกถึงท่านต้องจากที่อยู่ ที่ทำงาน หรือมีการจากกันเกิดขึ้นกับราหู มันจะเกี่ยวข้อกับ mc ด้วย มันจะร้อนใจ ไม่อยากอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ วิธีแก้คือการเดินทาง หรือเปลี่ยน as เสียมันก็จะดีขึ้น ถ้าเราไม่เปลี่ยนเราก็จะได้ของแถมจากฟ้าจะเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้นนะครับ จำไว้ รวมไปถึงโค้งเสาร์ด้วย มีผลแรงกว่าดาวจรเสียอีก นานหนึ่งปี ควรเดินทางให้มากขึ้น แล้วท่านจะไม่เป็นอะไร หรือเสาร์ อังคารทับ su กำเนิด ก็ได้ มีผลให้เรามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางไม่ดี ถือว่าแรงเหมือนกันนะครับ หรือจันทร์ก็ได้ ดาวเสาร์เป็นดาวร้าย มาโดนอะไรในพื้นดวงมันก็จะทำงานทันทีระยะหนึ่งองศาก็ทำแล้ว หรือย้ายห้องก็ได้ อย่าไปนอนที่เดิมจะช่วยได้ระดับหนึ่ง เอาไว้ต่อวันพรุ่งนี้นะครับ
 

บทที่ 256
สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาคุยเรื่อง การดูรายปี มีกี่แบบกัน และแต่ละแบบ มีความสำคัญอย่าง บ้างในการนำไปใช้เช็คดวง ของเจ้าชะตานะครับ ก่อนอื่นเราจะมาสนใจเรื่อง ดวงรายปี ที่เรียกว่า
sola return หรืออาทิตย์จรโคจรมาทับอาทิตย์กำเนิด ปีหนึ่งจะมีครั้งเดียวเท่านั้น เราก็เอามาเช็คดวงรายปีได้ เป็นดวงยอดนิยม เพราะเราสามารถลงไปดูราย สามเดือน รายเดือน รายสามวัน และรายนาที ได้ ส่วนดวงอื่นส่วนมากจะดูรายปีเท่านั้น และดวงอาทิตย์ยกเข้าราศีมังกร ไว้ดูคนที่เวลาเกิดไม่ค่อยจะตรงนัก แต่ก็สามารถลงไปได้ ในการดูรายเดือน มีสองดวง ที่มีความสามารถทำได้ นอกนั้นเราจะปีแค่รายปี มีทั้งหมด สี่แบบด้วยกัน และสิ่งที่นำมาใช้คือโค้ง และจุดอ่อนไหว และศูนย์รังสี นำมาใช้ได้ ถ้ารายปีมีสิ่งที่เค้าต้องการทราบ เราก็สามารถหารายสามเดือน ได้ เราจะแบ่งจักรราศีเป็นสี่ส่วน ส่วนละสามเดือน ดวงคนเราจะเปลี่ยนทุก ๆ สามเดือน ก็เป็นที่มาการดูรายสามเดือนที่ไม่ค่อยมีใครเล่นกันแต่ควรจะฝึกไว้นะครับเพราะจะบอกอะไรที่สำคัญในพื้นดวงและจร ว่าจะเกิดในช่วงไหน มันจะทำให้เราดูได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องมาหารายเดือนจนหมด เอาไว้ต่อคราวหน้าว่าเราจะดูกันอย่างไรนะครับ ตอนนี้ข้าพเจ้าได้มาอยู่ที่ราบสูง คงอาทิตย์หน้าถึงจะกลับและเริ่มการสอนใหม่ ตอนนี้หน้าร้อนเราก็หยุดให้ท่านกลับบ้านไปพักสมองบ้างแล้วอย่าลืมเปิดดูดวงทุกวันนะครับจะได้ไม่ลืม ใครสนใจก็ได้ไป ใครไม่สนใจมีแผนที่จะส่งคืนกลับบ้านเพราะต่อไปจะเอาคนทีสนใจจริง ไม่ใช่มาเรียนเล่น ค่าเวลา ไมเอา แน่นอน คงมีบางคนเป็นแบบนี้ข้าพเจ้าก็จะไม่เรียกหรือถามอะไร ใคร ใคร เรียนก็มาเรียน นะครับ อาจจะเด็ดขาดไปหน่อยแต่ผลดีจะเป็นของท่าน ไม่มาถ่วงคนอื่นเค้านะครับ นำไปคิด เพราะที่นี่สอนจนกว่าจะเป็น แต่ใครไม่สนใจก็จะ ไม่ตามให้มาเรียน ตามสะดวก ของท่านสักวันท่านจะเสียใจที่ไม่สนใจมัน ก็จะสายเกินไป เพราะมันจะเป็นเพื่อนเรายามเราแก่นะครับ เวลาคนสนก็ใกล้จะกลับไปสู่ธรรมชาติ คือโลก กายก็จะเปลี่ยนเป็นดินไป วิญญาณ ก็ไปเกิดใหม่ อีกหกปี เท่านั้นเอง ตอนนี้ปล่อยสิ่งดี หมด เพื่อให้โหราศาสตร์นี้คงอยู่ต่อไป คนสอนตายไป แต่วิชายังอยู่กับตัวท่าน คิดดี ๆ นะครับแล้วท่านจะเห็นธรรมะ
 

บทที่ 257
สวัสดีครับ คุณต่าย ไม่รู้เข้ามาอ่านหรือเปล่า และอีกหลายคน ที่เข้ามาอ่าน สวัสดีทุก ๆ คนนะครับ และกลุ่มวันอังคารด้วย เอาไว้เรามาเริ่มกันใหม่ การเรียนโหราศาสตร์นั้น เป็นการทำให้เรารู้ชีวิตว่าคนเรา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป กันทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่มีใครจะอยู่ค้ำฟ้า ทิ้งไว้บนโลกเราคือ คุณงามความดี และวิชาความรู้ ที่ยังคงอยู่ไป ข้าพเจ้าหวังว่า สิ่งที่ให้ท่านไปจะได้สืบต่อกันไปอีกนานเท่านาน จากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง ไม่จบไม่สิ้น ข้าพเจ้าทราบว่าธรรมชาติเป็นอย่างไร และมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปถ้าเราให้น้ำสะอาดกับคนหิวดื่ม เค้าก็จะจดจำ ความดีของเราไปนานเท่านาน เอามาเข้าเรื่องกันดีกว่า คุยมานานแล้ว วันนี้เราจะมาจับเรื่องอะไรดี เอาเป็นว่าการดู รายสามเดือนยังไม่จบ นักเรียนส่วนมากจะดูรายปีแล้วไปดูรายเดือนกันเลย หารู้ไม่ มันก็เป็นการทำที่ข้ามขั้นตอนไปหน่อยแต่ก็ดูได้ แต่อาจมีการผิดพลาดในการทำนายรายเดือนได้ เราต้องลงรายสามเดือนก่อน เราจะเริ่มจากช่วงหลังวันเกิดเค้าว่าเกิดในช่วงไหน เราก็เริ่มเอาอาทิตย์ไปว่าไว้ ณ จุดประตูทั้งสี่ คือ มังกร เมษ กรกฎ ตุลย์ ถ้าเกิดสิงหาคม เราก็จับอาทิตย์ไปวางไว้ตรง แกนกรกฎได้เลย และดูไปทุกประตูจนเวียนมาถึงอายุเค้าอีกครั้งหนึ่ง เราจะดูวันเกิดชนวันเกิดนะครับ เค้าเรียกว่าหนึ่งปีเกิด เราก็ตั้งจุด อิทธิพล จร เข้าไปหาว่าเรื่องต่าง ๆ จะเริ่มช่วงไหน ของรายสามเดือน มันจะง่ายกว่า ดีกว่าจะมานั่งกด new moon สิบสองครั้ง เรากดแค่ สี่ครั้งเราก็ทราบแล้ว และก็หรืออีกสามเดือน ที่เราจะมาหา new moon กันต่อ ง่ายไหมครับ ข้าพเจ้าว่าการหาอย่างนี้มีความมั่นใจมากว่านะครับและเป็นไปตามขั้นตอน โอกาส ทำนายผิดน้อย เพราะเราบีบเรื่องลงมาเป็นช่วง ๆ ที่เหมาะสมแล้ว ไม่พลาดแน่นอนครับ นักเรียนก็ทดสอบดูนะครับว่า เป็นอย่างไร ในการดูรายสามเดือน เมนูการย้ายอาทิตย์เข้าแกนก็มีให้แล้ว ง่ายด้วย ทำดูแนะครับ Solar Quaterly
 

บทที่ 258
 

การพยากรณ์ รายเดือน

มีเท็คนิคสำคัญอยู่ที่ การใช้ดวงชะตาจร ซึ่งนิยมใช้กันดังนี้

ในการพยากรณ์เหตุการณ์รายเดือนที่นิยมกันและใช้กันมากคือ

1.    ดวง วันอมาวสี  ( New Moon ) คือแรม 15 ค่ำ ของทุกเดือน ถึง New Moon ต่อไป

ดวง New Moon นี้ จะบอกเหตุการณ์ว่าเดือนนี้จะมีเรื่องที่เราต้องการทราบเกิดขึ้นหรือไม่

ให้ดูที่ตำแหน่งดวงจันทร์ทับกับดวงอาทิตย์ เป็นจุดตั้ง และดูว่า เรื่องที่เราต้องการค้นหา

เช่น  ดาวโดด ศูนย์รังสี จุดอิทธิพล ฯลฯ มาทำมุมถึงจุด นี้หรือไม่ ซึ่งในโปรแกรมจะมีเมนูให้กด

ที่ New Moon เราก็จะได้ตำแหน่ง พร้อมทั้งปรับเวลามาเป็นประเทศไทยได้เลย ถ้าเปิดในปฏิทิน Raphae*s เราจะต้อง บวก 7 เพื่อให้เป็นเวลาทางตะวันออกเสียก่อนถึงจะนำมาใช้ได้

2.    ดวง วันปูรณมี  ( Full Moon )  คือขึ้น 15 ค่ำ ของทุกเดือน ถึง Full moon ต่อไป

ดวง Full Moon นี้ ใช้สำหรับหาเหตุการณ์รายเดือน เหมือนกัน โดยใช้จุดดวงจันทร์ เป็นตัวกำหนดว่า

มีดวง หรือปัจจัย ที่เราต้องการทราบทำมุม หรือเข้าเรือนชะตาอะไรบ้าง ถ้าไม่เข้ามุม หรือเข้าเรือนที่ต้องการ

ก็อาจยังไม่เกิดในเดือนนี้ ให้ทำการตรวจเช็คต่อไป ว่าเดือนไหนจะทำมุมหรือเข้าเรือนที่แรง ๆ ก็น่าจะเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ ที่เราต้องการทราบ

     หลักในการพยาการณ์เหตุการณ์รายเดือนนี้ ทั้ง New Moon และ Full Moon ท่านสามารถเลือกใช้ได้

ว่าอย่างไหนจะให้ความรุนแรงกว่ากัน ควรจะทำการทดสอบให้บ่อย ๆ จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น  แต่ส่วนมากจะ

ดูดวง New Moon มากกว่า ทั้งด้านดี และด้านร้าย เพราะมีผลที่เด็ดขาดในการให้คำพยากรณ์มากกว่า

ส่วน Full Moon ก็ใช้ได้เหมือนกัน

     หลังจากเราทราบว่าเดือนไหนจะเกิดเหตุการณ์ที่เราต้องการทราบ เราก็เริ่มหาวันให้แคบคงไป

โดยดูที่จันทร์ย้ายราศี หรือ ให้ดูที่ First Quarter และ Last Quarter ซึ่งจะได้วันที่แคบลงไปจาก 28 วัน

นี้จะเกิดอะไรขึ้น ก็อาจจะลดลงไปเหลือ ประมาณ 8 วัน  ซึ่งเราก็จะต้องจุด First และ Last Quarter

ว่าทำมุมถึงจุดที่เราตั้งขึ้นมาหรือไม่  บางครั้งเราอาจดูให้แคบลงไปอีก คือดวงจันทร์ย้ายราศี ว่าตรงกับ

จุดที่เราที่การทราบหรือไม่ เราก็จะได้วันแคบลงไป เหลือ 3 วัน โดยประมาท

     ในบางโอกาสนักพยากรณ์บางท่านก็ให้ดวง อาทิตย์ย้ายราศีเป็นตัวดูเหตุการณ์รายเดือนก็ได้

เราก็จะทราบวันที่แคบลงมาจากอาทิตย์ย้ายราศี จากเดือนนี้ไปถึงเดือนหน้า โดยไปวัดมุม ณ. จุด

ตำแหน่งที่อาทิตย์เข้าจุดราศีต่าง ๆ ว่าจะทำมุมแรง ๆ ถึงจุดที่เรากำหนดขึ้นมาหรือไม่

     การอ่านให้อ่านดาววงนอก เป็นเหตุการณ์ 28 วัน 30 วัน หรือ 3 วัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้เลย

แต่ตรงจุดนี้มีข้อแนะนำให้มีความอดทน  บางครั้งอาจหา New Moon ไม่พบ แต่อาจไปพบ ที่ Full Moon

ก็เป็นไปได้ รวมถึงดวงต่าง ๆ ก็กล่าวมา ตรงจุดนี้นักศึกษาควรให้ความสำคัญในเรื่องของเวลาเกิดของผู้ดู

ด้วยบางครั้งเวลาที่ไม่ตรงอาจทำให้การพยากรณ์ไม่ตรงมาวันที่กำหนดไว้ได้ เหมือนกัน ตามที่ข้าพเจ้าได้

พบมา แต่จะไปเกิด เร็ว หรือ ช้ากว่า ที่เรากำหนดเอาไว้ ถ้าเป็นอย่างนี้  แนะนำให้ตรงสอบเวลาเกิดอีกครั้ง

และถ้าเป็นไปได้ควรปรับเวลาเกิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ก็สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นเหตุการณ์ที่

น่าประทับใจทั้งด้านดีและด้านร้าย เราสามารถนำมาใช้ในการปรับหาเวลาเกิดได้ ซึ่งจะกล่าวในส่วนต่อไป

ความหมายทางโหราศาสตร์ และปัจจัยต่าง ๆ ที่บอกแปลในเรื่องของเวลา

เมอริเดียน จร          แปลว่า   นาที หรือขณะนั้น ไม่ได้แปลว่า ฉัน

อาทิตย์  จร             แปลว่า   วันนั้นวันที่ควรพิจารณาที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ

จันทร์ จร                แปลว่า   ชั่วโมงนั้น  หมายถึงชั่วโมงที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ

จากความหมายทางโหราศาสตร์ของ ปัจจัยจรปัจจุบัน ตามที่ได้กล่าวข้างต้น ทำให้เราสามารถที่จะ

พอมองเห็นภาพได้ว่า อันดวงชะตานั้น ๆ เทียบได้รับ เป็น นาฬิกา เรือนหนึ่ง ซึ่งมีความสลับซับซ้อน

กล่าวคือ

     เข็ม เมอริเดียน    จร       ตีบอก นาที

     เข็ม จันทร์         จร       ตีบอก ชั่วโมง

     เข็ม อาทิตย์       จร       ตีบอก วัน

     เข็ม อาทิตย์       จย       ตีบอกปี

วิชาโหราศาสตร์นิยมเทียบ วัน ว่าเหมือนปี และโดยทั่วไปบุคคลทั่ว ๆ ไป ก็มักนิยมนำเอาวันกับ ปี

มาเทียบกัน เช่นเดียวกัน ดังจะเห็นได้จากบทประพันธ์ต่าง ๆ กล่าวคือ เหมือนเพลง 16 ปี เหมือน 16 วัน แห่งความหลัง เป็นตันเ

     เวลาเช้า              เทียบได้กับ      ฤดูใบไม้ผลิ                    

     เวลาเที่ยง          เทียบได้กับ         ฤดูร้อน

     เวลาเย็น             เทียบได้กับ       ฤดูใบไม้ร่วง     

     เวลากลางคืน       เทียบได้กับ        ฤดูหนาว

                                                                                   

ในวันหนึ่ง ๆ อาจแบ่งออกได้เป็น 8 ห้วงด้วยกัน แต่ละห้วงมี จุดเปลี่ยน คือ

00.0 . 6.00 . 12.00 . 18.00 . และตรงจุดกึ่งกลางของห้วงเวลา 03.00 . 09.00. 15.00. 21.00

จุดเปลี่ยนทั้ง 8 นี้ การเปลี่ยนแปลงทางอุตุนิยมวิทยาและทางเคมี จะเป็นไปในลักษณะ สูงสุด กับต่ำสุด

อันได้แก่ ความกดอากาศ การเคลื่อนไหวของอากาศ อาการสั่นของแม่เหล็กโลก เป็นต้น

บรรดาพืชพันธ์ทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จะผลิดกลูโคสมากที่สุดและน้อยที่สุด ดูดน้ำและคลายน้ำ ฯลฯ ณ  จุดเปลี่ยนทั้ง 8 นี้   สำหรับมนุษย์ ตรงจุดเปลี่ยนทั้ง 8 ตับและไตจะมีการขับถ่ายในลักษณะ มากที่สุดและน้อยที่สุด ความดันโลหิตจะสูงที่สุดและต่ำที่สุด อุณหภูมิในร่างกายสูงที่สุดและต่ำที่สุด ฯลฯ

บทที่ 259
วันนี้เราจะมาคุยเรื่องวิญญาณกัน แต่เป็นเรื่องของ ปัจจัยชนิดหนึ่งที่เราไม่ค่อยสอนใจกันแต่มีความสำคัญกับการดูมากอยากให้อ่านตรงนี้ดูนะครับว่าท่านจะมีความเข้าใจอย่างไรบาง เรือนลัคนาและราหูต่างกัน วันนี้เอาเรื่องเรือนมาขัดบ้างจะได้ไม่เบื่อ

 

ตามลักษณะทั่วไป

                เรือนชะตาราหู ท่านควรต้องมีความเข้าใจให้แจ่มแจ้งเสียก่อน ว่า ราหู นี้นั้นในทางดาราศาสตร์ คือ อะไร กันแน่

                เป็นที่ทราบกันดีว่า ราหู นี้คือ จุดตัด ระหว่าง วิถีโคจรของ จันทร์ กับ วิธีโคจรของอาทิตย์ ( ซึ่งเราเรียกว่า ระวิมรรค ) ซึ่งจะมีอยู่ 2 จุด คือ จุดตัดขาขึ้น กับ จุดตัดขาลง

                ในขณะที่จันทร์โคจร ตัด ระวิมรรค หาก อาทิตย์ โลก และ จันทร์ อยู่เรียงเป็นเส้นตรงเส้นเดียวกัน ในดวงชะตา ขณะนั้น ก็จะเกิดปรากฏการณ์ อุปราคา ขึ้น ซึ่งอาจเป็น สุริยุปราคา หรือ จันทรุปราคา ก็ได้ จึงเห็นได้ว่า ราหู นี้คือ จุด ที่จะก่อให้เกิดปรากฏการณ์ อุปราคา หรือ คราส ด้วย

                ในตำราโหราศาสตร์ ยุคศิลป เก่า ๆ บางเล่ม เรียก จุดตัดขาขึ้น ซึ่งเราเรียกกันตามภาษาโหรว่า  ราหู ว่า หัวมังกร  และกำหนดว่า แสดงอิทธิพลทางด้าน คุณ และเรียก จุดตัดขาลง ซึ่งในต่างประเทศเรียกว่า เกตุ ( ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามทำมุม 180 องศา กับ จุดตัดขาขึ้น เสมอ ) ว่า หางมังกร และกล่าวว่า แสดงผลทางด้าน โทษ

                อย่างไรก็ตาม โรงเรียนฮัมเบอร์ก พิจารณา ราหู กับ เกตุ นี้ รวมกันไป โดยทำนองเดียวกันกับ เสมือน จุดเมษ กับ จุดตุลย์ และ ลัคคนา

                ทางที่มีความคิดเห็นเป็นเช่นนั้น ก็เพราะตามหลักของวิชาโหราศาสตร์นั้น ในทฤษฏีเรือนชะตา เรือนชะตาที่อยู่ตรงข้ามกัน ย่อมจะแสดงอิทธิพลต่อกันและกัน อยู่แล้ว ดังตัวอย่างเช่าน ราหู สถิตในเรือนที่ 11 / เมอริเดียน  เกตุ ซี่งเป็นจุดตรงกันข้ามก็จะต้องสถิตในเรือนที่ 5 ของเมอริเดียนด้วย จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่า เมื่อ ราหู ก่อให้เกิดผลดีทางด้านเพื่อนฝูง ( เรือนที่ 11 ) และ ก็ย่อมจะเป็นไปไม่ได้ที่จะก่อให้เกิดผลดีทางด้านความรักและบุตรด้วย ในคราวเดียวกัน เรือนที่ 5 อยู่แล้ว จึงสรุปได้ว่า ใช้เพียง ราหู อย่างเดียว ก็พอแล้ว ไม่ต้องพิจารณาถึงเกตุ จึงสรุปได้ว่า ใช้เพียง ราหู อย่างเดียว ก็พอแล้ว ไม่ต้องพิจารณาถึงเกตุ และให้ความหมายโหราศาสตร์ตามธรรมชาติทางดาราศาสตร์คือ ความสัมพันธ์ โดยทั่ว ๆ ไป

การตั้งเรือนชะตาราหู

                เมื่อพิจารณาว่า ราหู มีความหมายทางโหราศาสตร์ ถึง ความสัมพันธ์โดยทั่ว ไป ก็จะพอได้กับ ลัคนา ซึ่งมีความหมายทางโหราศาสตร์ในทำนองเดียวกัน คือ ความสัมพันธ์โดยใกล้ชิด  ปฏิบัติโดยเข้าไปที่ house และเข้าเรือน Node  การตั้งเรือนชะตา ราหู ตัวเรามีแต่ วิญญาณมาทั้งกายและจิตล้วนมีสภาพไม่ผิดอะไรกับเครื่องแบบ ที่เราสวมใส่อยู่ การถึงแก่กรรมคือการถอดเครื่องแบบนี้ออก ไปเสียเพื่อการไปสู่โลกใหม่และใช้ เครื่องแบบ ใหม่ของชีวิตเรา

บทที่ 260
วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย ขอให้ทุกคนคิดสิ่งใดขอให้สมหวังนะครับ ปีนี้เจ้าข้าพเจ้าขอรถใหม่สักคันหนึ่ง อิอิ คนเก่าใช้มา 17 ปีแล้ว น้ำมันก็หายาก วันนี้ต้องค่อย ๆ วิ่งจากโคราชมาไม่กล้าวิ่งเร็วน้ำมันจะหมดเพราะหาเต็มยากมาก จะต้องเติม 95 เพราะเป็นรถคนรวย ไปเติมอย่างอื่นมันไม่วิ่ง เหตุผลมันก็มีว่าน้ำมันใกล้เลิกออกมาในตลอดแล้ว ถ้าใช้อยู่คนต้องไปติดแก๊ซ ซึ่งไม่ชอบ เลยตัดใจไปดูคนใหม่ เงินก็ยังไม่มี แต่เพื่อความจำเป็น ปีนี้มีจุดรถใหม่เข้ามาต้องทำให้ได้ มันมีอยู่ว่าจุดรถมาแต่เราไม่ทำมันเราก็ไม่ได้ ปีที่ได้คิดว่าได้ดันไปได้จักรยานแทนไป ปีนี้ปีสุดท้ายต้องจัดการจุดรถยนต์ให้สำเร็จ เอาใจช่วยหน่อยนะครับ วันนี้ก็เป็นวันพระไปวัดกันหรือยังครับข้าพเจ้าพึงกลับมาก็รีบเขียนให้ท่านเลยเพราะมีหลายท่านติดตามอยู่ เอาเป็นว่าวันนี้เรามาดูเรื่องการหารายสามวันกันนะครับ
 

การทำนายรายสามวัน

            การทำนายรายสามวันเป็นการดูหลังจาการดูรายเดือนมาแล้วคือมาจาก new moon หรือ อาทิตย์ย้ายราศี จันทร์จรทับจันทร์กำหนด ถ้าเราได้เดือนที่ต้องการมาแล้วเราก็จะมาลงรายสามวันซึ่งเราจะดูจากจันทร์ย้ายราศีทุก ๆ สอง-สามวัน เราก็ใช้หลักการดูรายเดือนคือดูเหมือนกัน ว่าจันทร์ย้ายราศีช่วงไหนแรงที่สุดก็มองตรงจุดนั้น จะมีจันทร์ย้ายทั้งหมด 12 ครั้ง เราควรเช็คทุก ๆ ที่จันทร์ย้ายเพื่อเป็นการป้องการคำนวณผิด และใหม่ควรบอกแค่ภายในสามวันนี้น่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ต้องลงถึงรายวันเพราะความชำนาญยังไม่ดีนักอาจผิดพลาดได้ เราบอกเพียงสามวันก็พอสำหรับช่วงนี้แต่คนที่มีความมั่นใจก็สามารถบอกได้ถึงวันที่จะเกิดเหตุการณ์สำคัญในเรื่องที่เค้าถาม มา เป็นการดูรายวันชนิดหนึ่ง

            แต่ในกรณีที่เหตุการณ์วันเกิดไปแล้วยิ่งง่ายในการดูเราก็ตั้งวันเวลาให้ตรงกับเรื่องที่เกิดและดูลัคนาเมริเดียนจรและอาจตั้งจุดอิทธิพลหรือศูนย์รังสีเข้าไปด้วยก็ได้ ก็จะเห็นเด่นชัดเพราะมันเกิดขึ้นไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่เกิดอาจมีตัวแปรทำให้เกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ เช่นผู้ดูอาจไปแก้ไขเรื่องนั้น ๆ มันก็อาจไม่เกิดขึ้นก็เป็นไปได้สูง แต่ควรบอกเรื่องดี ๆ จะดีกว่าเจ้าชะตาจะได้ไม่เข้าไปแก้ไขเรื่องร้าย ๆ ที่เราบอกไป ก็จะตรงตามที่เราคำนวณวันให้เค้า มันเหมือนการวางฤกษ์เช่นกันแต่ดาวบนท้องฟ้ามันบอกไว้หมดแล้วว่าจะเกิดในวันไหน เวลาไหน นาทีไหน นั่นเป็นสิ่งที่สุดยอดของนักโหราศาสตร์ที่สามารถทำนายได้แม่นยำถึงวันได้ก็นับว่าท่านมีความสามารถถึงมากทีเดียว อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีกว่าจะได้ถึงจุดนี้จงพยายามต่อไปท่านจะถึงจุดนี้เอง อย่าไปท้อแท้มันความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น
 

บทที่ 261
สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องพื้นดวงกันว่ามีความสำคัญในการทำนายอย่างไร เคยคุยกันไปแล้ววันนี้จะเน้นให้อีก ว่า พื้นดวง จะนำพาชีวิตเราไปตามกฎแห่งกรรมที่เราทำมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว เราได้สังเกต จากกลุ่มดาวที่ประจำในราศีต่างๆ ในพื้นดวงเราก็จะทราบว่าชีวิตเริ่มต้นเป็นอย่างไร จบลงด้วยอย่างไร พื้นดวงจะบอกหมดเช่น ในราศีเมษ เรามีเสาร์อยู่ ก็จะแปลว่าเกิดมาต้องต่อสู้ลำบากตอนเด็ก ๆ เพราะเราจัดระบบไว้ว่า ตั้งแต่ราศีเมษ ถึง มิถุน เป็นวันตั้งแต่เกิด จนถึงวันรุ่น ส่วนตั้งแต่กรกฎ ถึงตุลย์ เป็นวันหนุ่มสาว จาก ตุลย์ไปถึงราศีมังกร เป็นวันกลางคน หลังมังกรไปแล้วเป็นวัยชรา แต่ละวัยก็จะแบ่งเป็นสามราศี นี่เป็นที่มาของการทำนายรายสามเดือน การดูดาวในพื้นดวงเราให้ทำการสังเกตดูว่าดาวอะไรดีรายอยู่ในช่วงไหนก็ทำนายได้ การทำตัวตามดาวพื้นดวงก็จะทำให้เราไม่มีปัญหาในชีวิตเรา มันคือแผนที่ชีวิตเกิดจนตาย เช่นช่วงนี้ดาวพฤหัสมาทับอาทิตย์ก็จะแปลว่ามีโชค แต่เราไม่ทำอะไรเลย มันก็จะออกเป็นเรื่อง กินอิ่มนอนหลับ และต่อไปก็จะมีเรื่องสุขภาพขึ้นมาอาจมีของแถมเป็นเนื้องอกให้ด้วย ดาวมาเราต้องทำ เหมือนกับข้าพเจ้าปีนี้มีดวงได้รถแต่ไม่ทำมันก็จะมีของแถมมาให้เป็นเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นถ้าเราเก็บสิ่งที่ดาวนำมาให้เราในแต่ละปีไว้เราก็ไม่มีปัญหาในชีวิตนะครับ จำไว้ ทำตัวตามดาว แต่ถ้าดาวไม่ดีเราก็หาทางเดินทางไปให้ไกล ๆ เสีย ก็จะช่วยได้ การดูเรื่องวัยไหนจะตั้งตัวได้ให้ดูจากพฤหัสพื้นดวงว่าอยู่ในช่วงไหน ของการแบ่งวัยนะครับ ถ้าไปอยู่ช่วง มังกร ก็อาจจะมีเงินมีทองหรืออยู่อย่างสุขสบายยามแก่ แต่วัยเด็กต้องต่อสู้กว่าจะได้มา บางคนเกิดมามีดาวพฤหัสอยู่ในช่วงต้นราศีก็สบายตอนเด็ก ถ้าไม่รู้จักทำงานหรือเก็บเงินยามแก่ก็จะมีปัญหา นะครับ พอเป็นแนวทาง และดูว่าดาวอะไรเด่นก็ให้ทำงานนั้นไป เช่นดาวเนปจูนเด่น ก็ให้ทำเรื่องจิตนาการ สารเคมี หมอ ฯลฯ ไปเสีย ก็จะส่งผลดีกับตัวเจ้าชะตาไปเลย ถ้าเราฝืนพื้นดวงก็จะหักเหลี่ยมไปอีกรูปแบบหนึ่งอาจทำให้ชีวิตไม่เจริญหรือรุ่งเท่าที่ควรก็ได้ มีหลายคนที่ถามตัวเองว่าทำอะไรก็เสีย ไม่รุ่ง เพราะท่านไม่ทำตัวตามพื้นดวง ที่เค้ากำหนดมาตามกรรมของเรานะครับ
 

บทที่ 262
สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาต่อเรื่องราศีหรือพื้นดวงกันเกี่ยวกับโรคตามราศีต่าง ๆ จะถามท่านว่าใครไม่เป็นโรคบ้าง คงได้รับคำตอบว่า ไม่มี หรือ มี  บ่อเกิดแห่งโรคอยู่ที่ดาวร้าย ๆ อยู่ในราศีต่าง ๆ และราศีก็จะบอกส่วนต่าง ๆ ตามร่างกาย เช่นมีดาวร้าย ๆ อยู่ในราศีเมษ ก็มักจะมีอาการทางสมอง ฟัน ผม ฯลฯ แต่ถ้าจะเอาแน่ ๆ ให้ดูจันทร์พื้นดวงอยู่ในราศีไหนท่านจะต้องระวังส่วนนั้นของร่างกาย เพราะจันทร์เป็นตัวบอกโรค เช่นจันทร์อยู่ในราศีกันย์ ก็มักจะมีเรื่องอาหารไม่ย่อยเป็นต้น จันทร์ไปอยู่ราศีมังกร มักจะมีอาการทางเข่า ขา เป็นต้น รวมไปถึงดาว เสาร์ อังคาร เนปจูน ไปอยู่ในราศีไหนเราก็มักจะมีอาการตามส่วนนั้น ส่วนต่าง ๆ เราเริ่มจากเมษก่อน คือ หัว  ราศี พฤษ คือ ลำคอ หลอดลม มิถุน หน้าอก แขนขา ไหล่ ราศี กรกฏ หน้าอก เช่น ปอด ระบบหายใจ ลำไส สิงห์ ก็เกี่ยวกับหัวใจ การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงหัวใจ กันย์ ท้อง ลำไส ตุลย์ ช่องท้องทั้งหมด ตับไต ถุงน้ำดี ฯลฯ พิจิก ส่วนขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย การสืบพันธ์ ถ้ามีดาวไม่ดีอยู่ก็จะเป็นโรคทางนั้น ธนู น่อง ขา เอว  มังกร เข่า  ราศีกุมภ์ ขาอ่อน  ราศีมีน เท้า ถ้ามีดาวเสาร์อยู่ก็มักจะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเท้า ถ้าถามว่าเป็นไหมตอนนี้ยังไม่เป็นต่อไปพอโค้งมันทำงานก็จะแสดงอาการของกรรมขึ้นมาทันที และถ้าแรงมาก ๆ จะต้องมีจุดเจ้าชะตาและดาวร้ายในราศีนั้นด้วย ไม่พลาดเป็นแน่นอน และจุดอิทธิพล ที่เกี่ยวกับโรคต่าง ๆ ควรตรวจเช็คดู ว่ามีไหม ทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาไหม ส่วนจันทร์ เป็นตัวบอกตำแหน่งของโรคต่าง ๆ ตรงส่วนนั้น ถ้ามีดาวร้ายเข้ามาด้วยก็จะแรงมากขึ้น อันนี้เป็นการเอาโหราศาสตร์การแพทย์ มาคุยกัน คนเราเกิดมา ตั้งอยู่ และดับไป ด้วยโรค ไม่ว่าโรคอะไรก็ตามแต่ การประสพอุบัติเหตุ ก็ถือเป็นโรคชนิดหนึ่ง ต้องมีดาว ยูเรนัส  อังคาร แรง จำไว้นะครับ วันนี้เอาแค่นี้ก่อน ลืมไป การแบ่ง ราศีเค้าเรียกว่าจตุรางคด  เมื่อบทที่แล้ว เราแบ่งออกเป็นสี่ส่วนพรุ่งนี้จะมาคุยให้ฟัง