บทที่ 268
    
จักระทั้ง 7 เป็นสีของดาวที่เราใช้กันอยู่ จะเรียกได้ว่าพลังจากดวงดาว หรือพลังของจักรวาลนั้นเอง มีส่วนสำคัญกับชีวิตและสุขภาพของเรา ทางด้านโหราศาสตร์การแพทย์ เราใช้ในการรักษาโรคต่าง จักระไหนมีปัญหาเราก็จะเจ็บป่วยตามจุกนั้น ๆ จะเกี่ยวกับ ออร่า ในตัวของเราด้วย คนเราจะมีเกาะป้องกันภัยจากโรคต่างๆ ถ้าเกาะถูกทำลายลงไปตรงจักระไหน เราก็ต้องทำการรักษา ท่านต้องจำสีต่างๆไว้ให้ได้ และวางหิน หรือสี ตามจุดนั้นเพื่อเป็นการบำบัดจุดที่เสื่อมเสียไปนะครับ การรับแสงเราได้มาจากดวงอาทิตย์กับหินสี ที่เรามาทำการรักษา และน้ำดื่มสีต่างๆ ก็ได้ ถ้ามีอาการปวดหัวก็ใช้สีม่วงในการรักษา เป็นการเพิ่มสีให้กับจุดนั้นให้มีความสูงมากขึ้น
 

จักระทั้ง7เป็นอย่างไร

จักระ 1 (ดอกบัว 4 กลีบ)
มีชื่อว่า มูละธารณะ

- อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก
- เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
- ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ

จักระ 2 (ดอกบัว 6 กลีบ)
ชื่อว่า สวาธิษฐานะ
- อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในตนเอง
- ควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด
- ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ, ท่อปัสสาวะ, อวัยวะสืบพันธุ์, มดลูก, รังไข่, ช่องคลอด, ทวารหนัก, กามโรค

จักระ 3 (ดอกบัว 8 กลีบ)
มีชื่อว่า มณีปุระ
- อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย
- ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย
- ใช้รักษากระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, ลำไส้อ่อน, ลำไส้แก่, ไส้ติ่ง, ตับ, ม้าม, ดี, กระเพาะปัสสาวะ, ไต, โรคเบาหวาน, ถุงน้ำดี, ต่อมหมวกไต

จักระ 4 (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ)
ชื่อว่า อะนาหตะ
- อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ
- ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด
- ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจโต, หัวใจเล็ก, หัวใจรั่ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเส้นเลือด, หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยเร็ว

จักระ 5 (ดอกบัว 16 กลีบ)
ชื่อว่า วิศทะ
- ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความสมดุลของสติปัญญา
- อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง
- ควบคุมระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง
- ใช้รักษาโรคปอด, หลอดลม, ลำคอ, ไซนัส, ต่อมผิวหนัง, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ไอ, จมูก, ผื่นคัน, โรคผิวหนัง

จักระ 6 (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ)
ชื่อว่า อะชะ
- อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ห้าม ผู้สำเร็จ ระดับ1, 2,3,4 และ 5 ใช้จักระนี้ในการรักษาโรคอย่างเด็ดขาด
- ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท
- ผู้ที่เรียนถึงระดับ 5 จะใช้จักระนี้ทำสมาธิเท่านั้น (ถ้ารักษาโรคด้วยจักระนี้ จักระที่เปิดไว้ทุกจักระจะปิด)

จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ)
ชื่อว่า สหสราระ

- อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว
- ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง
- ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสียง

จักร ทั้ง 7 นี้ทำหน้าที่ควบคุม จิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมอง เรียกว่า ไมโครเซลล์ ไมโครเซลล์นี้ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกายและสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว เมื่อผู้ฝึกสมาธิ และจะสั่นไหวแรงขึ้น เมื่อ ฝึกในระดับที่สูงขึ้น จนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายในทั่วร่าง และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้ จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์ และกายทิพย์นี้ เป็นเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์เลยทีเดียว บางที่อาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้ครับ



จากหลัก การสั่นไหว มากับพลังจักรวาล มาอีกหลักหนึ่งคือ การหมุน หรือการเคลื่อนไหวเป็นทรงกลม ดูดพลังจักรวาล เข้ามาเพื่อเป็นกลไกการทำงาน


คนโบราณได้ค้นพบว่า รูปทรงต่าง ๆ บางรูปเปล่งหรือปล่อยพลังจักรวาลออกมาเองโดยอัตโนมัติ และแรงกว่าธรรมดา ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลังจักรวาลเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก และเป็นทรงกลมที่หมุนอยู่ตลอดเวลา เมื่ออนุภาคมาเกาะตัวกันมันก็หมุน โดยเคลื่อนไหวของอนุภาคเหล่านี้ก็จะเกิดการถ่ายเทพลังงาน และนำไปสู่รูปทรงที่ต่างกันย่อมก่อให้เกิดคลื่น ของจักรวาลที่ต่างกันออกไป

ปราณ เป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งในจักรวาล ดังนั้น ย่อมสามารถนำมันมาใช้เพื่อการพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณของคนได้แน่นอนครับ

การหมุน การหมุน จะถ่ายเทพลังงานตามหลักการสั่นไหวร่วมกัน เห็นได้ชัด ตามตัวอย่างทั่วไป ก็คือ พายุ ไต้ฝุ่น ซึ่งหมุนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา และเวลาผ่านไป มันจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ การหมุนนี้ ก็คล้ายกับวิชาอื่น ก็คือ ไทเก็ก และ ฝ่ามือมังกรแปดทิศ ก็มีการเคลื่อนไหว เป็นวงกลม และถ้ายิ่งฝึกวิชามังกรแปดทิศ พลัง รวมถึง ดูดซับพลังจักรวาลด้วยแล้ว พลังก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณเลยครับ
บทที่ 269
สวัสดีครับ วันนี้จะมาคุยเรื่องสีกันต่อว่าทำไม ถึงเน้นเรื่องนี้มาหลายบท เพราะอยากให้ท่านนำไปทดลองใช้ดูว่าการรักษาโรคต่าง ๆ ที่เป็นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ตามจุดเจ้าชะตาหรือจันทร์พื้นดวงอยู่ในราศีต่าง ๆ นั้นทำให้เกิดผลทางร่างกายและเราจะหาทางแก้ไขกันอย่างไร ขั้นแรกเราอาจแก้มันด้วยสีก่อน และหลีกหนีอาการต่าง ๆ ด้วยอาหาร และการออกกำลังกาย และสิ่งที่เรารู้ว่าจะเป็นเช่นการเกิดมะเร็ง เราควรแก้ไขตั้งแต่ต้น เราก็จะไม่เป็นหรือเป็นก็น้อยลงไป คือขั้นแรกเรามาบำบัดด้วยสีกันก่อน และตามด้วยอาหารการกิน ควรแก้ไขด้วย ไม่ด้วยการรักษาโรคด้วยสีจะไม่เป็นผล เราต้องทำตัวให้ประสานกับสีด้วย จะเล่นสีอย่างเดียวก็อาจทำให้โรคต่าง ๆ อาจไม่หายได้ แต่ถ้ายังเป็นน้อย สีก็อาจรักษาโรคต่าง ๆ ได้ เช่นอาการปวดหัว เราก็ใช้สีน้ำเงินซึ่งเป็นสีเย็นเข้าช่วยในการนำมาพันที่หัวไว้สามชั่วโมงอาการก็จะหายไป หรือดื่มน้ำสีน้ำเงิน การดื่มน้ำสีเราก็เอาแก้สีน้ำเงินใส่น้ำแล้วไปวางกลางแดดสักสองสามชั่วโมงแล้วเอามาดื่ม ควรทำไว้มาก ๆ และเก็บไว้ในตู้เย็น เวลาเป็นก็เอาน้ำนั้นมาดื่มก็จะช่วยด้วย และถ้าอาการเกี่ยวกับอาหารไม่ย่อย เราก็ใช้สีม่วงแดง หรือสีแดง ซึ่งเป็นสีร้อนในการทำให้อาหารในกระเพาะย่อยได้ เช่นใส่กางเกงสีแดงไว้ ตอนนอน หรือดื่มน้ำสีแดงที่ทำเหมือนน้ำสีน้ำเงิน ตื่นขึ้นมาอาการก็จะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่องข้าพเจ้าทดสอบมาแล้ว ถ้าเป็นไม่มากก็จะดีขึ้นในสองสามวัน หรือใช้คลื่นเสียงในการบำบัด ทุกอย่างที่กล่าวมาเป็นโหราศาสตร์การแพทย์ทั้งหมด เช่นคนที่มีอาหารทางด้านสมอง ก็ควรให้ใส่สีน้ำเงินไว้ เช่นอาการเครียดหรือกังวล ฯลฯ เราใช้สีเย็นให้สวมใช่ไว้ หรือเอาหินสีน้ำเงินวางไว้ใต้หมอน ก็จะช่วยทีละนิดจนอาการดีขึ้น หินก็มีพลังในการรักษาเช่นกัน แต่ก็ควรทานยาประกอบกันไปด้วยถ้าเป็นมาก เราอาจใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ต้องดูที่อาการเป็นมากเป็นน้อย ถ้าไม่มากใช้สีก็พอแล้ว การรักษาแบบธรรมชาตินี้ต้องใช้เวลาแต่หายแน่นอน และหายขาด ไม่เหมือนทานยาก็จะหายในระหว่างทาน พอยาหมดการทำงานก็เป็นอีก แต่เราแก้ที่ต้นเหตุแห่งการป่วยก็จะหายขาด ทดลองดูคนที่เป็นอาการทางสมอง มีมาก สีน้ำเงิน สีม่วง ช่วยได้ครับ
บทที่ 270
 

อิทธิพลและความหมายของดาวทิพย์ที่ใช้ระยะการโคจรต่างกับดาวในระบบสุริยะจะเดินช้ามากดังนั้นก็จะส่งผลแรงและนาน แต่การทำงานของดาวนานกว่าจะออกจะเรือนหรือมุมที่ทำกับพื้นดวง

คิวปิโด  CU

ส่วนผสมของอิทธิพล ของดาวศุกร์ และ ดาว พฤหัส มีคุณสมบัติของราศีตุลย์

ความหมายเกี่ยวกับ ศิลป ความเกี่ยวดวงกัน เข้ากันได้ การร่วมมือกัน ความขยายตัวของความรู้สึก ครอบครัว ความเกี่ยวดอดภายใน การแต่งงาน โรงเรียน การสังคม หุ้นส่วน การรวมทุน  

การโคจรรอบจักรราศี 262.5ปี ราศีละ 21 ปี 10 เดือน 15 วัน

ฮาเดส  HA

มีคุณสมบัติผสมของอิทธิพล ดวงจันทร์ กับ เสาร์ และราศีกันย์

ความหมาย คือ ความไม่ปกติ การซ้ำเติมในทางไม่ดี วัตถุโบราณ ปกปิด บ้าๆ บอ ๆ อันตราย อาชญากรรม ความหยาบช้า ความไม่แน่นอน ยังไม่ถึงเวลา  ความโหดร้าย ความไม่ยอมรับ ความละเอียดลออ ความลำบาก ฝุ่นละออง ความเสียเปรียบ การมีทุกข์ ความสกปรก ขยะ การนินทา ความเศร้าโศก ความซ่อนเร้น การหน่วงเหนี่ยว การขัดขวาง การจนลง แย่ลง ด้วย ความเปล่าเปลี่ยว โรคภับเรื้อรัง ความยุ่งเหยิง ความลึกลับ ความลับ การเจ็บไข้ที่ใช้เวลานาน ของเสีย ความเป็นหม้าย

การโคจรรอบจักรราศี 360.66 ปี ราศีละ 30 ปี 7 เดือน 28 วัน

เซอุส  ZE

มีคุณสมบัติของราศีสิงห์

ความหมายคือ โทสะ น้ำมัน เชื้อเพลิง เครื่องจักรกล ฟ้าแลบ  ฟ้าร้อง ดอกไม้ไฟ ปืน การวางแผน การมีเซ็กซ์ อำนาจจากเครื่องแบบ อาวุธ สงคราม

การโคจรรองจักรราศี 455.7ปี ราศีละ 37 ปี 11 เดือน 21 วัน

โครโนส   KR

มีคุณสมบัติของ  ดวงจันทร์ กับ พฤหัส และราศีกรกฏ

ความหมายการจัดากร สิทธิอำนาจ ข้าราชการ เจ้านาย หัวหน้า ผู้บังคับบัญชา การบงกร พระราชา เผด็จกร นายแพทย์ ที่สูง หยิ่ง พิพากษา กฎหมาย ทนายความ ความเป็นผู้นำ ตำรวจ ครู หอคอย กฏเกณฑ์

การโคจรรอบจักรราศี 521.8 ปี ราศีละ 43 ปี 5 เดือน 24 วัน

อาพอลลอน   AP

มีคุณสมบัติของ ดาวพฤหัส กับ ราศีมิถุน

ความหมายคือ การแพ่ขยาย การค้าธุรกิจ มีการประสบการณ์ดี การเงินดี ศิลปะที่ละเอียด มีบารมี ใฝ่รู้ ชอบการเรียนรู้ มีหัวในทางดนตรีดี การเพิ่มจำนวน การศึกษา ความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ง่าย การมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

การโคจรรอบจักรราศี 589.4 ปี ราศีละ 49 ปี 3.5 วัน

แอดเมทตอส     AD

มีคุณสมบัติของดาว เสาร์ กับ ราศีพฤษภ

ความหมาย ความสงบ ความเปล่าเปลี่ยว ความตาย ความอดทน จุดจบ การจบสิ้น เฉื่อยชา อุปสรรค ของแท้ การหมุนเวียน ความแน่นอน การอยู่กับที่ การอุดตัน การถูกห้าม การจำกัด การแช่แข็ง ความเย็น

การโคจรรอบจักรราศี 631.7 ปี ราศีละ 52 ปี 6 เดือน 30 วัน

วอลคานุส   VU

 คุณสมบัติของดาว เท่ากับดาว อังคาร กับ พูลโต ผสมกับราศี เมษ

ความหมาย คือ การมีสิทธิอำนาจ การบังคับ การอำนวยการ ความตั้งใจ อำนาจสูงสุด ผู้มีความสามารถมากเป็นพิเศษเหลือล้น การมีอำนาจเหนือผู้อื่น การน่าเกรงขาม สถานที่ใหญ่โต ความสามารถจะเอาพลังใจและพลังกายมาใช้ผสมกันได้ มีคุณสมบัติเหนือว่า ดาว
โครโนส
 

การโคจรรอบจักรราศีใช้เวลา 679 ปี ราศีละ 56 ปี 6 เดือน 30 วัน

โพไซดอน  PO

มีคุณสมบัติของดาว พฤหัส กับดาว เนปจูน ผสมกับราศีมีน

ความหมายของดาว อมตะ ความดลใจ ความคิดที่น่าเชื่อถือ คนทรง สื่อกลาง แนวโน้มจะเป็นลัทธิ โฆษณา ผู้วิเศษ การมีความสามารถที่จะติดต่อกับวิญญาณ ศาสนา  การเปิดเผย  ความทะเยอทะยานในเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยา หรือเป็นนักจิตวิทยา การเห็นการณ์ไกล การรู้แจ้ง หลุดพ้นจากโลกนี้

การโคจรรอบจักรราศี 765.3ปี ราศีละ 63 ปี 9 เดือน 9 วัน
บทที่ 271
วงรอบของดาวจรที่จำเป็นต้องรู้เพราะมีผลต่อชีวิตคนในโลกนี้มีอยู่สองดวงที่สำคัญคือการโคจรของดาวสองดวงนี้ จะบอกเรื่องดีและร้ายตามวงรอบของเค้า ว่าปีไหนเราจะเกิดเรื่องดีเรื่องร้าย ในวงรอบของเค้า
ดาวพฤหัส
 ดาวพฤหัสจรปัจจุบันหรือ ทรานสิต ต้องใช้เวลาราวๆ 12 ปี จึงจะโคจรมาครอบ 1 รอบ หรือหนึ่งวงรอบ ถึงพฤหัสกำเนิด แต่ละครั้ง จะแสดงถึงความหมายการมองโลกในแง่ดี การหลงใหลในการเรียนรู้เพื่อที่ให้ได้ประสพการณ์ และยังเกี่ยวข้องกับโชคลาภ จึงอาจแสดงถึงการบรรลุถึงจุดสุดยอดเพื่อรับผลแห่งความสำเร็จ และเรายังดูได้จากดาวพฤหัสโคจรผ่าน จุดเจ้าชะตาในพื้นดวงก็จะส่งผลดีในด้านต่าง ๆ ตามจุดเจ้าชะตานั้น เช่น อาทิตย์ ก็จะมีความสุขทางกายสังขาร หรือมีโชคดีครั้งใหญ่ ถ้าผ่านลัคนาก็จะได้รับการยกย่องการมีชื่อเสียง ฯลฯ
ดาวเสาร์
เป็นดาวที่น่าประทับใจมากที่สุด วงรอบของดาวเสาร์ใช้เวลา 29-30 ปี ต่อ 1
วงรอบ ถ้าดาวเสาร์โคจรมาทับดาวเสาร์กำเนิด จะบ่งบอกถึงเรื่องความวิกฤติ เช่นการโยกย้ายครั้งสำคัญในชีวิต การเดินทางไกล การพลัดพรากการลาจากของบุคคลใกล้ชิด บางคนก็จะจนที่สุด ฯลฯ จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีทั้งนั้น และถ้าดาวเสาร์จรมาถึงจุดเจ้าชะตาในพื้นดวงก็จะบ่งบอกถึงเหตุร้ายต่าง ๆ ตามจุดเจ้าชะตานั้นในรอบปีนั้นด้วย เช่นเสาร์ถึง ลัคนา ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพแวดล้อมใกล้ตัว เกิดขึ้น หรือทับอาทิตย์ ก็จะมีเรื่องการพลัดพรากทางด้านกายสังขารเกิดขึ้น
บทที่ 272
การพยากรณ์จร เรือนชะตา+โค้งรายปี

การพยากรณ์จร โดย โค้งสุริยยาตร์ ในทฤษฏีเรือนชะตา ท่านควรสนใจดาวหรือปัจจัยที่สถิตตรงเส้นแบ่งเรือนของเรือนชะตาจร กับ ปัจจัยหรือดาวในเรือนที่สัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตา

ตัวอย่าง เช่น mc(จย) ทำมุม 45 องศากับ พฤหัส และพฤหัส สถิตในเรือนที่ 2 ของเรือน

mc(จย) ก็จะแปลได้ว่าปีนี้ เจ้าชะตาจะมีโชคลาภและความสำเร็จทางด้านการเงิน

ตัวอย่างที่ 2 อาทิตย์ (จย) ทำมุม 90 องศากับ  Ap และ Ap สถิตทับเส้นแบ่งเรือน

ที่ 7 ของเรือนชะตาอาทิตย์(จย)

เนื่องจาก ตรงจุดเส้นแบ่งเรือนชะตานี้ มีอิทธิพลแรงที่สุด เพราะฉะนั้นดาวที่สถิตที่เส้นแบ่งเรือนก็ดีมีตำแหน่งสัมพันธ์กับเส้นแบ่งเรือนก็ดี จะมีอิทธิพลที่แรงที่สุดสำหรับเรือนชะตานั้น ยิ่งสัมพันธ์สนิทก็ยิ่งแรงมากขึ้น และแรงกว่าดาวที่สถิตในเรือนชะตานั้นเสียอีก

ตัวอย่าง อังคาร ทำมุม 45 องศากับเส้นแบ่งเรือนที่ 2 จะมีอิทธิต่อเรือนที่ 2 มากกว่าดาวที่สถิตในเรือนที่ 2 เสียอีก

เราสามารถนำโค้งฯ mc, su, mo, as, no มาทำเป็นเรือนชะตาจรตามโค้งได้สามารถให้ผลที่แม่นยำยิ่งขึ้นก็เรือนชะตาปกติ

                เรือนชะตาเมอริเดียน เป็นเรือนชะตาที่สำคัญที่สุด และใช้เป็นหลักในการพยากรณ์

                เรือนชะตาอาทิตย์  สำหรับเจ้าชะตาชาย :สำหรับหญิงใช้สำหรับทำนายคู่ครอง

                เรือนชะตาจันทร์   สำหรับเจ้าชะตาหญิง  สำหรับเจ้าชะตาชายทำนายคู่ครอง

ทฤษฏีเรือนชะตาสำหรับโหราศาสตร์ทุกระบบ เส้นแบ่งเรือนชะตา มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีสภาพเสมือนเป็น จุดอิทธิพล ซึ่งมีความหมายตามความหมายของเรือนชะตานั้น ๆ ตัวอย่างเช่น

เส้นแบ่งเรือนชะตาที่ 2 แปลว่า การเงิน ของเจ้าชะตา เป็นต้น ซึ่งดาวหรือปัจจัยที่มีสัมพันธ์กับเส้นแบ่งเรือน จะบอกถึงความเป็นไปของสิ่งตามความหมายของเรือนชะตานั้น ๆ

 เราสามารถนำโค้งของดาวต่าง ๆ มาทำเป็นเรือนชะตาจรได้ซึ่งจะบ่งบอกถึงเรื่องต่าง ๆ ของดาวนั้นๆ จรตามโค้ง ฯ รายปี

อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติจริง ๆ นั้น ผู้พยากรณ์มักจะพบสัมพันธ์หลาย ๆ สัมพันธ์ในขณะเดียวกัน

ซึ่งในการพยากรณ์จะต้อง ผนวก ความหมายของสัมพันธ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วให้คำทำนายด้วยวิธีอุปมา เข้าช่วย เราจะใช้การอ่านจาก คัมภีร์สูตรเรือนชะตา โดยตรงก็ได้ แต่อย่าลืมดัดแปลง

โดยอาศัยสามัญสำนึกด้วย เพราะคำแปลในคัมภีร์นั้น ตามปกติจะใช้เพียงเป็น แนวทาง อันหนึ่งเท่านั้น
บทที่ 273
 

หลักการพยากรณ์ดวงชะตาแบบเรือนชะตา

                สิ่งแรกที่เราทำการตรวจดวงชะตานั้นเราจะต้องมองไปที่ดาวสองดวงที่มีความสำคัญต่อชะตาชีวิตที่ส่งผลแรงต่อเจ้าชะตา คือ ให้สังเกตดาว เสาร์ กับ ดาวพฤหัส เป็นอันดับแรกเสียก่อนว่าอยู่ในราศีอะไร เรือนชะตาอะไร เป็นหลัก ในกรณีที่ในพื้นดวงมีดาวพฤหัสอยู่ในเรือนเกณฑ์ก็จะส่งผลดีกับเจ้าชะตาในเรื่องนั้น ๆ เช่น พฤหัสพื้นดวงอยู่ในเรือนที่ 10 ก็จะบ่งบอกว่าเจ้าชะตามีหน้าที่การงานสูงส่งจะประสบความสำเร็จในการรับราชการหรือมีธุรกิจส่วนตัว ถ้าพฤหัสอยู่ในเรือนที่สองก็จะเป็นการมีโชคย่อย ๆ ไม่ใหญ่โตเท่ากับพฤหัสอยู่ในเรือนที่ 10 และในกรณีที่มีดาวเสาร์อยู่ในเรือนที่ 10 การงานของเจ้าชะตามักประสพปัญหาหรือไม่มีความก้าวหน้าในชีวิตการงานมากนักมักประสพอุปสรรค์อยู่เนือง ๆ อันเป็นผลมาจากดาวในเรือนที่มีความรุนแรงกว่าดาวที่อยู่ในราศี ประการสำคัญเราจะให้ความสำคัญกับดาวในเรือนชะตาต่าง ๆ ว่ามีความรุนแรงสูงกว่าดาวในราศีเพราะดาวในราศีจะบ่งบอกถึงกรรมกว่าเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในชีวิตที่กำลังจะมาถึง วิธีง่าย ๆ ในการดูการก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานให้ดูดาว ดี ๆ อยู่ในเรือนเกณฑ์เป็นหลัก ถ้าได้ดาวพฤหัสอยู่ในเรือนที่ 10 ด้วยยิ่งมีการประสพความสำเร็จมากที่สุด ก่อนอื่นขอให้ทั้งดูเรือนชะตาลัคนาไว้เป็นการตรวจทั่ว ๆ ไปก่อน ก็สามารถบอกภาพรวมได้ในชีวิตของเจ้าชะตาได้แล้ว โดยที่เรายังไม่ต้องลงไปถึงดวงชะตาจันทร์ หรือ อาทิตย์  โดยการตั้งเรือนที่  1-12 ไว้ที่ลัคนา พื้นดวง แล้วอ่านดาวในเรือนชะตาลัคนาก็สามารถบอกสภาพแวดล้อมได้อย่างแม่นยำอีกวิธีหนึ่ง อนึ่งเราสามารถอ่านเรือนชะตาผสมกับราศีได้โดยจะบอกรายละเอียดของชะตาชีวิตมากขึ้น

                หลังจากที่เราตรวจดูดาว เสาร์ และพฤหัส ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับพื้นดวงหรือดวงจรแล้ว เราก็กลับมาสำรวจจุดเจ้าชะตาต่าง ๆ ว่าอยู่ในเรือนชะตาใด เป็นขั้นต่อไป ในการประกอบการตรวจดวงชะตา ข้อยกเว้นถ้าดาวเสาร์โคจรเข้าเรือนที่10 ห้ามทำงานใด ๆ ทั้งสิ้น จนกว่าดาวจะออกจากเรือน และให้เริ่มให้เจ้าชะตาเริ่มทำงานในช่วงดาวพฤหัสโคจรเข้าเรือนที่ 10 ก็จะเริ่มดีสามารถทำงานใหญ่ ๆ สำคัญได้  

                การอ่านดาวกับราศี  บอกพื้นดวงและชาติที่แล้ว

                การอ่านดาวกับดาว   บอกเหตุการณ์ปัจจุบัน

                การอ่านดาวกับเรือนชะตา        â€œ
บทที่ 274
 

ความหมายของดาวพระเคราะห์ พิจารณาตามระยะห่างจากดวงอาทิตย์

1.      การพัฒนาการของพื้นที่ ตามเวลา

 

พุธ       = การเคลื่อนไหว                     เมื่อกายสังขารหนึ่งมีการเคลื่อนไหว ผูกพันกับ

ศุกร์     = ความผูกพัน                                       กายสังขารอื่น จะพัฒนาเป็น การคุ้นเคย การวิสาสะ

                                                     การทำความรู้จักกัน

                        ต่อจากนั้น ก็จะเกิดเป็น

ศุกร์     = ความผูกพัน                          ความสนิทสนม ความสัมพันธ์ทางเพศ การร่วมทางเพศ

อังคาร  =การกระทำ การลงมือ                การร่วมเชื้อสาย การปฏิสนธิ

                        ผลที่เกิดขึ้น คือ

อังคาร =การกระทำ การลงมือ                 การประสบผล และการเกิด

พฤหัส =ความสำเร็จ                           

                        ทั้งนี้ จะต้องกลายเป็น

พฤหัส =ความสำเร็จ โชคลาภ                ผู้ใหญ่ และแก่ชรา

เสาร์     =ความกระด้าง                        การกลายเป็นกระดูก

                        ในที่สุด ก็สิ้นสุดโดย

เสาร์     =ความแข็งเทื้อ                       จากไป ถึงแก่กรรม การเก็บเกี่ยว

มฤตยู   =ความอกสั่นขวัญหาย

                        ความตายคือ

มฤตยู   =ความอกสั่นขวัญหาย               การเข้าไปอยู่ในโลกอื่นในโลกหน้า

เนปจูน  =การสลายตัว                         ความรู้สำนึกและความไร้สำนึก

                        สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ ย่อมถูกนำกลับคืนเอาไป

เนปจูน=การสลายตัว                           การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้จาก

                                                    ภายนอก

พูลโต=การเปลี่ยนแปลงภายใน              หมดสิ้นไป การเปลี่ยนแปลงที่เห็นไม่ชัด อวสาน ชีวิต

                                                    กลายเป็นสิ่งในอดีต

 

                        สิ่งที่หมุนเวียนมาใหม่โดยไม่มีวันจบสิ้น

พูลโต=การเปลี่ยนแปลงและพัฒนา                การขยายตัวของชีวิตใหม่ ขนบธรรมเนียม

                                                           จารีตประเพณี การเกิดใหม่ ชีวิตใหม่

คิวปิโด=สังคม ครอบครัว

 

วิวัฒนาการของชีวิตสำหรับ ขั้นแรกยุติลงเพียงเท่านี้ วิถีโคจรของพูลโต ตัดกับ วิถึโคจรของ

เนปจูน ณ จุด ใกล้สุด จากดวงอาทิตย์ และยังตัดกับวิถีโคจรของฮาเดส ณ จุด ไกลสุด จากดวง

อาทิตย์ด้วย พูลโตจึงเป็นจุดอวสาน และเป็นจุด เชื่อมต่อ กับ วิวัฒนาการของบรรใดชีวิตใน

ระดับต่อไป การที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพลูโต เป็นผู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการแปร

สภาพที่สำคัญ และด้วยเหตุนี้เอง พูลโต จึงเป็นดาวแห่งการวิวัฒนาการ

ในลำดับต่อไป คือ ปฐมบท ซึ่งควรแก่การพิจารณาอย่างที่สุดบทหนึ่ง สำหรับโหราศาสตร์แนว

ปรัชญา

2.      พัฒนาการของ เวลา ใน พื้นที่

พูลโต =พลังงานในการสร้างอดีต       มีพันธ์ใหม่ เชื้อ ทารกในครรค์

คิวปิโด=พลังงานในการสร้างอนาคต

                                    มี

คิวปิโด=พลังงานการสร้างอนาคต      การได้รับการถ่ายทอดสิ่งบกพร่องติดมา ชีวิตใหม่

ฮาเดส=พลังงานในการทำลายอดีต     เหล่านี้นำเชื้อแห่งความตายติดตัวมาจากอดีต จาก

                                                บิดามารดา และโดยการบังคับ

                                    จากนี้จะก่อให้เกิด

ฮาเดส=ความบกพร่องหรือความขาดแคลน การเกิดที่มีการติดเชื้อโรค และเด็กทารก

            ที่ป่วยเป็นโรคทั้งหลายที่ได้รับมาจากอดีต

เซอุส=การให้กำเนิดและสร้างสรร

                                    จากนั้นจะมีการตื่นตัว

เซอุส=การให้กำเนิดและการสร้างสรร ชีวิตแห่งการต่อสู้ การฟันผ่าอุปสรรคต่าง ๆ

โคโนส=ความสูงส่ง ความเด่น

บทที่ 275
 

การตรวจดวงชะตาทินวรรษ  sola return

ขั้นที่ 1
การตั้งดวงทินวรรษ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบเหตุการณ์รายปีว่ามีเรื่องหรือเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นกับตัวเจ้าชะตาหรือไม่เป็นอันดับแรกในการพยากรณ์จร การพยากรณ์จรรายปีถือเป็นขั้นแรกในการบอกว่าปีนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่เราตั้งคำถามไปก็ไม่ต้องไปดูรายเดือน รายวัน ฯลฯ กันอีก เพราะรายปีไม่บอกแล้ว ก็ไม่ต้องหาต่อไป วิธีการมีดังนี้

ก็ให้อ่านดาววงนอกทำมุมกัน และผสมกับดาววงในที่เป็นพื้นดวง ว่ามีดาวดีหรือดาวร้ายจรมาถึง

จุดเจ้าชะตาหรือไม่ รวมไปถึงให้ทำการตั้งจุดอิทธิพลที่ต้องการทราบลงไปในวงนอกว่าทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาวงในหรือวงนอกหรือไม่ ให้ทำการใส่สูตรที่ต้องการลงไป เช่น n1=SU+JU-UR

หรือ n1= SU$JU (ศูนย์รังสี) และทำการวัดมุมว่าจุดที่เราตั้งขึ้นนั้นทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาอะไรบ้าง ก็ให้

อ่านออกมา รวมทั้งจุดเจ้าชะตาสะท้อนด้วย

ขั้นที่ 2
ทำการตรวจสอบโค้งอายุรายปี  โดยจะดูโค้งอายุทั้งโค้ง + และโค้ง – ของดาวที่เราตั้งขึ้นมา

เมื่อต้องการดูโชคลาภให้ตั้งโค้ง พฤหัส โดยเลือกใน planet  ใส่ JU  จุดพฤหัสโค้ง + และพฤหัสโค้ง – จะมีค่าเหมือนจุดเจ้าชะตาจรรายปีด้วย เมื่อไปทำมุมถึงดาวอะไรก็ให้อ่านออกมาได้เลยเช่น

โค้ง + ของ พฤหัสไปทำมุม 45 กับ อาทิตย์ กำหนด หรือ จันทร์จรวงนอกในดวงรายปี ก็แปลได้ว่า

จะมีโชคดี เราแบ่งประเภทโค้งออกเป็นดังนี้ การดูโค้งจะเป็นการดูโดยภาพรวม ๆ ไปก่อนและค่อยๆดูรายละของเรื่องนั้น ๆ อีกครั้งหนึ่ง แต่ความแม่นยำถือว่าโค้งดาว ให้ความแม่นยำสูงมาก

โค้ง JU   ไว้ดูเกี่ยวกับเรื่องโชคลาภ ความสำเร็จ การประสพโชค สิ่งที่มุ่งหวังไว้

โค้ง AP   ไว้ตรวจดูความมีชื่อเสียงโค้งดังความสำเร็จ ในหน้าที่การงาน

โค้ง KR   ไว้ตรวจดูเรื่องการปรับตำแหน่งหน้าที่การงาน เลื่อนยศ การสอบได้ในปีนี้

โค้ง VE    ไว้ตรวจดูเรื่องเกี่ยวกับความรักหรือการแต่งงานการพบรัก การมีบุตร
โค้ง No   
ไว้ตรวจดูเรื่องการมีความสัมพันธ์ทางด้านความรักต้องตั้งพร้องกับโค้ง ศุกร์ เสมอ

โค้ง CU    ไว้ตรวจดูเรื่องการมีครอบครัว การแต่งงานควรดูคู่ไปกับโค้ง VE

โค้ง JU     ไว้ตรวจสอบเรื่องโชคลาภประจำปี อาจดีผสมกับไปโค้ง AP ก็ได้

โค้ง ZE   ไว้ตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่อง การถูกทำร้ายด้วยอาวุธ หรืออุบัติเหตุเกี่ยวกับเครื่องยนต์

โค้ง SA     ไว้ตรวจดูเรื่องการพลัดพราก การลาจาก การออกจากงาน การโยกย้าย การเปลี่ยนแปลง

               การเดินทางจากที่อยู่อาศัยไป ณ แดนไกล หรือการจากโลกนี้ไป

โค้ง AD      ไว้ตรวจดูเรื่องความยากลำยาก ความตาย ความอึกอัดใจ การไม่ประสพความสำเร็จ

โค้ง HA     ไว้ตรวจดูเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่จะเกิดในปีนี้

โค้ง UR      ไว้ตรวจดูเรื่องเหตุการณ์ฉับพลัน หรือเรื่องน่าตื่นเต้นในชีวิต

โค้ง MA      ไว้ตรวจดูเรื่องกิจการงาน ต่าง ๆ ในชีวิต

โค้ง NE      ไว้ตรวจดูเรื่องความเจ็บป่วย การหลอกลวง ความไม่กระจ่างในชีวิตปีนี้เป็นโค้งที่

                สามารถไว้ตรวจดูเรื่องสุขภาพได้ด้วย ควรดูควบคู่ไปกับโค้ง SA , HA, AD

โค้ง VU      ไว้ตรวจดูเรื่องความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่ในชีวิต ควรดูประกอบกับโค้ง KR

โค้ง PO      ไว้ตรวจดูเรื่องการบรรลุถึงจุดสูงสุดของปัญญา การเรียนรู้สิ่งที่เหนือธรรมชาติ

ขั้นที่ 3
การตรวจดูโค้งจุดเจ้าชะตา

เราสามารถทำการตรวจดูโค้งจุดเจ้าชะตาก่อนตรวจดูโค้ง อื่น ๆ ได้ก็จะบอกเหตุการณ์ที่ต้องการ

ทราบได้เหมือนกัน เช่น โค้ง AR,SU,MO,AS,MC ,NO ว่าไปทำมุมถึงดาวดีหรือดาวร้ายอย่างไร

ดูทั้งดาวในพื้นดวงและดาวจรรายปีวงนอกเช่นเดียวกัน

ขั้นที่ 4 เมื่อทำการตรวจโค้งพอทราบแล้วว่าชีวิตในปีนี้น่าจะมีเรื่องดีหรือเรื่องร้ายแล้วขั้นต่อไป

ก็ให้ทำการตรวจดูเรื่องว่าเรื่องดีหรือร้ายนั้นเป็นเรื่องอะไรกันแน่ หรือเจ้าชะตาอาจถามขึ้นมาตอนนี้ก็สามารถตั้งจุด อิทธิพล หรือจุดศูนย์รังสี เข้าไปจับบอกได้อีกว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่น

ขั้นที่ 5
 ให้ทำการตั้งจุดอิทธิพลและศูนย์รังสีที่ต้องการทราบในพื้นดวงก่อน โดยกด n และใส่จุด

ที่ต้องการทราบลงไปและ + ARC และ – ARC ท้ายจุดที่เราตั้งลงไป เช่น ต้องการรู้ว่าจะรวยไหม(ใน compute)

ก็ให้ป้อนคำว่า n 1= SU+JU-UR+ARC และกด n  ใหม่ และป้อนคำว่า 2=SU+JU-UR-ARC  n 3= su+ju-ur พื้นดวงด้วย และให้สังเกตดูว่าทั้งสามจุดทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาในพื้นดวงหรือจุดเจ้าชะตาจรรายปีหรือไม่ ถ้าจุดที่เราตั้งสัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตาจรหรือพื้นดวงหรือเข้าแกนทั้งนี้ก็ถือว่าน่าจะมีเหตุการณ์สำคัญในเรื่องที่เราถามเกิดขึ้นถ้าเข้าตั้งแต่สามจุดขึ้นไปก็นับได้ว่าใช้ได้แล้ว

ขั้นที่ 6 (compute) >
 เป็นการตรวจจุดอิทธิพลหรือศูนย์รังสีที่ต้องการถามลงในดาวจรรายปีเพื่อเป็นการย้ำเพื่อให้

แน่ใจว่าจะมีเรื่องนี้เกิดแน่ ใส่  n และใส่สูตรลงไปเช่น 4=SU+JU-UR ถ้าไปทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาในดาวจรรายปีหรือในพื้นดวงก็เป็นอันว่าแน่นอนเรื่องนี้จะเกิด

การตัดสินใจว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะเกิดกับเจ้าชะตานั้นจะต้องมีจุดที่ต้องการทราบเจ้าจุดเจ้าชะตาอย่างน้อย 2-3 ก็ถือได้ว่าเกิดเรื่องนี้ ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเข้าทั้งสาม จุดเลยก็มั่นใจได้ว่าเกิดแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์  และควรดูโค้งประกอบเพื่อเป็นการตัดสินใจอีกครั้งว่าชีวิตของเจ้าชะตาในปี

นี้จะออกไปในทางด้านดีหรือด้านร้ายกันแน่ เพื่อให้เจ้าชะตาคอยระวัง

เราสามารถทำการตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลังหรือเดินหน้าโดยการดูโค้งต่าง ๆ ว่าจะมีเรื่องร้ายหรือเรื่องดีเกิดขึ้นในปีไหนได้โดยให้ทำการตั้งดวงรายปีไว้ แล้วทำการใน เปลี่ยน พ.. ใน transit ให้เดินหน้าไปในอนาคตว่าโค้งต่าง ๆ จะวิ่งเข้ามาทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาหรือปัจจัย หรือดาวต่าง ๆ ในปีไหนกันเพื่อเป็นการคอยระวัง หรือหมุน พ.. ถอยหลังเพื่อไปทดสอบความแม่นยำในโค้งต่าง ๆ ที่ผ่านมาว่ามีเรื่องดีหรือเรื่องร้ายที่ชะตาเกิดขึ้นได้ สรุปโค้งอายุ สามารถบอกถึงเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้กี่ปีก็ได้เท่าที่ต้องการทราบ และเดินหน้าไปกี่ปีก็ได้เท่าที่ต้องการทราบ โดยยึดหลังว่าต้อง

ตั้งดวงจรรายปีไว้เป็นหลักเสมอเท่านั้นท่านก็สามารถทราบว่าปีไหน ๆ จะเกิดอะไรขึ้นโดยภาพรวม

และไปหารายละเอียดอีกครั้งดังที่กล่าวมา

 การกำหนดโค้งต่าง ๆ ในการเช็คเรื่องสำคัญที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้

เช็คเรื่องการงาน เปลี่ยนงาน ได้งาน การเงิน ได้ตำแหน่ง ใช้ตั้งโค้ง KR กับ AP กับ JU กับ VU ตรวจสอบ เรื่องการพลัดพรากจากการเดินทาง เช็คโค้ง SA โค้ง ME
ตรวจสอบเรื่องการเสียชีวิตจากเหตุร้าย โค้ง
AD โค้ง SA โค้ง UR โค้ง
MA

ตรวจสอบเรื่องการเสียชีวิตเพราะการเจ็บป่วย ใช้โค้ง  AD โค้ง SA โค้ง HA โค้ง NE

ตรวจสอบเรื่องความรัก ใช้โค้ง VE โค้ง NO โค้ง CU

ตรวจสอบเรื่องอุบัติเหตุ ควรใช้โค้ง MA โค้ง UR เป็นอันดับแรก ก่อนเช็คโค้ง การเสียชีวิตต่อไป คือ โค้ง SA โค้ง AD และโค้ง ze ไว้ตรวจการได้รับบาดเจ็บจากเครื่องจักร หรืออาวุธ

 ตรวจสอบเรื่องการเรียนรู้การบรรลุเรื่องวิชาการความรู้ หรือการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ ใช้โค้ง PO ,NE

ส่วนโค้งจุดเจ้าชะตาเอาไว้ใช้ในการตรวจสอบครั้งจุดท้ายหลังจากตั้งโค้งที่ต้องการทราบไปไว้เพื่อเป็นการมั่นใจยิ่งขึ้น

การตรวจวันสำคัญที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราจะใช้โค้ง AR วิธีตรวจโดยหมุดวันให้อาทิตย์จรเข้าทำมุมถึงจุด AR มุม 45 90 180 0 วันไหนทั้งโค้งบวกและลบ เราก็จะทราบวันสำคัญที่จะเกิดเรื่องดีหรือร้าย ในระดับหนึ่ง

ในกรณีที่โค้งจุดเจ้าชะตาจรมาทับโค้งร้าย ๆ หรือโค้ง ดี ๆ ก็จะบ่งบอกถึงเรื่องนั้น ๆ เช่นเดียวกัน เราก็สามรถเช็คได้เช่นเดียวกันแต่ค่อนข้างจะยากกว่าการตรวจเช็คที่แยกโค้งไว้ให้แล้ว จะดีกว่า
บทที่ 276
18/05/2010
ความหมายจุดอิทธิพล มาอย่างไร ท่านอาจอยากทราบ อันนี้เป็นวิธีคิด
เราสามารถแปลง
A/B = C  เป็น A+B-C = C ได้ หรือในทางกลับกันอาจแปลงจาก A+B-C=C เป็น A/B = C ได้เช่นกัน แสดงผลคำนวณได้ดังนี้
 A/B        = C                     
 (A+B)/2  = C                    
 (A+B)/2  = (C+C)/2       
 A+B       =  C + C
 A+B-C    =  C
A+B       =   C + C
 A+B-C    =  C
เช่น ma/ju = ao ก็คือ ma+ju-ap=ap
รือ อาจได้เป็นสูตร B = C +C -A , A = C + C - B
หากย้ายข้างกลับไปกลับมา
หมายเหตุ กรณีการแปลงเป็น A+B-C ดังกล่าว จะมีผลทำให้ ค่ามุมสัมพันธ์และ ระยะวังกะ เพิ่มขึ้นเป็น 2 ไปด้วย จากการนำค่า ไปคูณทั้งสมการ เราจึงได้ความรู้เพิ่มเติมว่า หากเราใช้จุดอิทธิพลประเภท A+B-C ไม่ควรใช้มุมสัมพันธ์ที่เล็กเกินไป (แนะนำไม่ควรต่ำกว่า 45 องศา) และไม่ควรใช้พระเคราะห์สนธิที่มีค่าระยะวังกะสูงเกินไป (แนะนำไม่เกิน 30 ลิปดา)
 
 จากความรู้ที่ได้ทางคณิตศาสตร์ เราจะสามารถทำความเข้าใจในการแปลงรูปแบบ พระเคราะห์สนธิต่างๆ ได้มากมาย อาทิเช่น
 A/B = C / D สามารถแปลงเป็น A+B-C=D
 A/B = -C แปลงเป็น A+B+C = -C
 A/B = (C/D) แปลงเป็น A+B+C = -D
 A/B = -C/D แปลงเป็น A+B-D = -C หรือ A+B+C = D หรือ A = D-C-B หรือ B = D-C-A
 ฯลฯ
เราก็จะได้ที่มาขอบจุดอ่อนไหวในโหราศาสตร์ แต่ให้รายละเรียกมากมาย แต่ต้องทำมุมถึงจุดเจ้าชะตา จุดต่างๆ ห้าพันจุดก็จะได้มาโดยวิธีนี้นะครับ มีทั้งขยะ และจุดที่เราต้องการทราบเวลาดาวทำมุมก็จะดึงจุดพวกนี้มาหมดว่าถึงกี่องศาเราต้องเลือกหาสิ่งที่เราต้องการสิ่งที่เราไม่ต้องการก็ไม่ต้องอ่านนะครับ มีโปรแกรมอยู่ตัวหนึ่งไว้คัดจุดพวกนี้ได้แล้วว่าจุดไหนที่เราต้องการอยู่ในส่วนหนึ่งของ
Apollon r10 เราสามารถนำมาใช้ได้คราวหน้าจะสอนวิธีใช้ ง่ายดีในการนำมาตัดสินใจครั้งสุดท้ายเพราะมีจุดมากมายที่เข้ามาเราต้องเลือกให้ดี ๆ เราก็จะได้สิ่งที่ต้องการนะครับ
บทที่ 277
19/05/2010
 

ดาวประจำราศี ดาวเกษตร จะส่งผลดีต่อเจ้าชะตา ur32              

อาทิตย์   1                สถิต          ราศีสิงห์

จันทร์     2                สถิต          ราศีกรกฏ

อังคาร    3                สถิต          ราศีเมษ กับ ราศีพิจิก

พุธ        4                สถิต          ราศีมิถุน กับราศีกันย์

พฤหัส    5                สถิต          ราศีธนู กับราศีมีน

ศุกร์       6                สถิต          ราศีพฤษภ กับ ราศีตุลย์

เสาร์      7                สถิต          ราศีมังกร กับ กุมภ์

ดาวเกษตร จะแสดงการเพิ่มความแรงทางด้านดีของดวงชะตาว่าเจ้ามีราศีอะไรเด่นในพื้นดวงนั้น

เป็นสำคัญ

ดาวที่เป็นประ ดาวทางด้านส่งผลเสียทางด้านราศี

อาทิตย์                   สถิต        ราศีกุมภ์

จันทร์                     สถิต        ราศีมังกร

อังคาร                    สถิต        ราศีพฤษภ กับ ราศีตุล

พุธ                          สถิต        ราศีธนู กับ ราศีมีน

พฤหัส                    สถิต        ราศีมิถุน กับ ราศีกันย์

ศุกร์                        สถิต        ราศีเมษ กับ ราศีพิจิก

เสาร์                       สถิต        ราศีกรกฏ กับ ราศีสิงห์

ดาวที่นำโชคให้กับโชคชะตา หรือ ราชาโชค

อาทิตย์                   สถิต        ราศีมิถุน

จันทร์                     สถิต        ราศีกันย์

อังคาร                    สถิต        ราศีพฤษ

พุธ                          สถิต        ราศีสิงห์

พฤหัส                    สถิต        ราศีเมษ

ศุกร์                        สถิต        ราศีกรกฏ

เสาร์                       สถิต        ราศีพิจิก

ดาวแสดงถึงเพศชาย                                         ดาวแสดงถึงเพศหญิง

อาทิตย์                                                                   จันทร์

อังคาร                                                                     ศุกร์

พฤหัส                                                                     เสาร์

มฤตยู                                                                     เนปจูน

                                  พุธ เพศกลาง ๆ

การโคจรของดวงดาวไปสู่….ดาว….

อาทิตย์ โคจรไปสู่  พฤหัส  ศุกร์   ดวงชะตาจะมีโชคลาภดีมากจะดีทั้งชีวิตมีโชคอยู่เนื่อง ๆ

อาทิตย์ โคจรไปสู่ มฤตยู ต้องระวังวังเรื่องการแต่งงานจะมีการหย่าร้างหรือไม่มีความสุขใน

ชีวิตสมรส

พุธ โคจรไปสูง อาทิตย์ มีความดิ้นรนไปสู่ความปราดเปรื่อง

อาทิตย์ โคจรไปสู่ พุธ ไม่สู้จะมีความดิ้นรนไปสู่ความปราดเรื่องนัก

จันทร์ โคจรไปสู่ ดาวไม่ดี จะทำให้อายุสั้น หากโคจรไปสู่ อังคาร จะเกิดการไม่สงบในชีวิต

จันทร์ โคจรไปสู่ เสาร์ จะเกิด ความขัดสน อุบัติเหตุ

จันทร์ โคจรไปสู่ อังคาร เจ้าชะตาจะมีความขันแข็ง ในชีวิตมีแต่การทะเลาะวิวาท

อังคาร โคจรไปสู่ มฤตยู จะมีการผ่าตัด อุบัติเหตุ หากมฤตยูสถิตในเรือนที่ 8 อันตรายอย่างยิ่ง

ศุกร์ โคจรไปสู่ จันทร์ มีภรรยาหลายคน ในด้านเจ้าชะตาชาย

ดาวศุภเคราะห์ โคจรไปสู่ ดาว ศุภเคราะห์ จะส่งผลดีกับเจ้าชะตา

ดวงชะตาชาย

จันทร์ หรือศุกร์ โคจรไปสู่ พูลโต  ภรรยานำความเดือดร้อนมาให้

จันทร์ หรือศุกร์ โคจรไปสู่ เนปจูน ภรรยาเป็นโรคประสาท หรือหลอกลวง หรือภรรยาอาจทำงานด้านแทพย์ หรือ นักศิลป

จันทร์ หรือ ศุกร์ โคจรไปสู่ มฤตยู ภรรยาเป็นคนมีหัวนำสมัย

จันทร์ หรือ ศุกร์ โคจรไปสู่ เสาร์ ภรรยาทำงาน ตราตรำ หรือป่วย สุขภาพไม่ดี

จันทร์ หรือ ศุกร์ โคจรไปสู่ พฤหัส ภรรยาร่ำรวย หรือการมีโชค

จันทร์  โคจรไปสู่ ศุกร์  ภรรยาสวย หรือเป็นนักศิลปะ

จันทร์ หรือ ศุกร์ โคจรไปสู่ อาทิตย์ ภรรยาเป็นคนมีชื่อเสียง

ดวงชะตาหญิง
อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ พลูโต สามีนำความวิบัติมาให้

อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ เนปจูน สามีเป็นโรคประสาท เป็นคนหลอกลวง

อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ มฤตยู สามีไม่จริงจัง หรือมีการหย่า

อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ เสาร์ อาจมีสามีจน ไม่มีทรัพย์

อาทิตย์ หรือ อังคาร  โคจรไปสู่ พฤหัส สามีเป็นคนมีโชค
บทที่ 278
สวัสดีครับท่านพี่น้อง วันนี้จะมาคุยเรื่องบ้านเมืองกันนิด เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมานั้นมาจากดาว
ur เข้าแกนเมษ และทับพอดีเมื่อวานบ้านเมืองเลยวุ่นวายไปหมด คงเป็นอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง เพราะดาวดวงนี้เดินช้า ทางที่ดีก็อยู่แต่ในบ้านจะดีกว่า เห็นทีว่าคงไม่หยุดอยู่แค่นี้ มันเป็นสงครามกลางเมืองไปแล้ว ดูจากมุม จะเห็นว่า ดาว ur เข้าแกนเมษคือจุดมวลชนประชาชน และทำมุม 90 องศากับ ur ดวงเมืองเข้าด้วย จะไปเหลืออะไรครับ ณ วันที่เขียนตอนเช้าของวันที่ 20 จันทร์จรมาทำมุมกับ ur อีก คงวันนี้ก็ยุ่งอีก คงต้องเตรียมอาหาร น้ำ ไว้ให้พร้อมเพราะได้ข่าวมาว่ามีทหารจากนม เข้ามาอีกแต่เป็นทหารอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งตรงข้ามกับรัฐเข้ามาอย่างเงียบ ๆ คงจะวุ่นอีก ขอให้บ้านเมืองอย่าวุ่นไปกว่านี้เลย อันนี้มันเป็นเรื่องของวงรอบการเกิดเหตุ ที่จะเกิดขึ้นทุก 12 ปี ถ้าท่านพอดูดาวเป็นก็สามารถเห็นความวุ่นวายของดาวบนทองฟ้า (ฟ้าเป็นอย่างไรบนดินก็เป็นอย่างนั้น) ในที่สุดคงจบลงด้วยความเสียหายทั้งคู่ มันยังไม่จบรอดูไป นะครับ แนะนำให้เตรียมตัวไว้ ดูง่าย ๆ ว่า ur(จร)=as=ur=sa=ju  (พื้นดวง) ด้วย
ดวงเมือง วันที่ 21/04/2325 เวลา 06.54 น กรุงเทพฯ รัชกาลที่ 1 ได้วางไว้ให้เป็นอย่างนี้นะครับท่าน อยากให้ท่านฝึกอ่านดวงไว้การทำมุมต่างจะเห็นผลที่ตามมาตามดาวนะครับ ใครอ่านได้มากก็จะรู้เรื่องมากนะครับ เอาพอหอมปากหอมคอพอนะครับไม่แล้วอาจโดนปิด
web ก็ได้ เจอกันใหม่นะครับท่านรักษาตัวรอดเป็นยอดดีนะครับ
มีอีกนิด
ze จร 180 กับ ze พื้นดวง แปลเอาเองนะครับ

  AR+ZE-MA: จุดสงคราม




บทที่ 279

วันนี้เรามาคุยเรื่องเหตุบ้านเมืองกันอีกนิดแต่เราใช้จุดอิทธิพลที่ได้กล่าวเอาไว้ คือ
ar+ze-ma ได้เราจะตั้งไว้ที่ จร วงนอก และกด newmoon หารายเดือน ท่านจะเห็นว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นเดือน พ.ค ตรงกับ newmoon พอดี เพราะจุด ar+ze-ma ทับจุด newmoon พอดีเลย และทับ mc ดวงเมืองด้วย มันก็เริ่มจากวันที่ 14 เป็นต้นไปอีกหนึ่งเดือน การดูรายเดือน คือ newmoon เดือนนี้ ถึง newmoon เดือนหน้า และเข้าศูนย์รังสี me/ze ด้วย ก็แปลเอาเองนะครับว่าใครเป็นคนชนะ อย่างแน่นอน ใครเริ่มก่อน การใช้จุดอิทธิพล ก็ดีอย่างหนึ่ง เพราะจะบอกรายละเอียดของเรื่องนั้น ๆ ได้ มากขึ้น แต่ท่านต้องเลือกใช้จุดอิทธิพล ที่แรงหน่อย คือมีจุดเจ้าชะตามาผสมอยู่ด้วย ณ ที่นี้ข้าพเจ้าได้เลือก จุดที่มี ar เข้ามาเพราะเป็นจุดเกี่ยวกับมวลชน ก็จะมีความแรงดีครับ เห็นไหมว่า ถ้าดาวบอกอะไรมันก็จะเป็นอย่างนั้น นอกเสียจากเราจะแก้ลำมันก่อน เรื่องมันก็จะเปลี่ยนไป แต่ถ้าเราไม่แก้ไขก่อนมันก็จะเป็นไปตามดาวครับท่านพี่น้องครับ จุด a คือจุดการเกิดเหตุ ทับกับ newmoon คงจะมองเห็นนะครับไม่ยากเกินที่จะเข้าใจนะครับท่านพี่น้อง เรื่องนี้ยังไม่จบนะครับมีต่ออีก เป็นบทเรียนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ดวงเมืองบอกอะไรกับเราได้เหมือนคนเช่นกัน
 

บทที่ 280
22/05/2010
สวัสดีครับ วันนี้เรามาดูเรื่องเบา ๆ กันนิด เราสามารถคำนวณบริเวณการที่ฝนตกได้จากดาวนะครับว่าจะตกตอนไหน แต่อยากให้ใช้ตอนหน้าฝน คงพอดี เพราะจะได้เห็นผลแรงหน่อย ถ้าเราไปคำนวณตอนหน้าร้อนอาจไม่ตกตามที่คำนวณก็ได้ มันต้องอยู่ที่จังหวะและฤดูของมันด้วย หรือท่านเห็นการต่อตัวของฝนมาท่านก็สามารถใช้การคำนวณนี้ได้นะครับ ลงใช้ดูนะครั

          การทำนายฝนว่าจะตกเวลาไหน เราจะดูจันทร์บนท้องฟ้า จึงจะ ผ่านจุดเมอริเดียน

ตรงศรีษะ ของตำบลต่าง เราใช้สูตร

          12.00 + ค่าองศาจันทร์ – ค่าองศาอาทิตย์  .

                                      15      

ตัวอย่าง วันที่ 16 กรกฏาคม 2518 จันทร์จรสถิตประมาณ 25 องศาราศีตุลย์ หรือ  =  205   องศา

                                      อาทิตย์จรสถิตประมาณ 23 องศา ราศีกฏ หรือ113  องศา

                                      ผลลบ คือ                                                   92 องศา

                                      92 หาร 15 = ประมาณ 6 ชั่วโมง

          จันทร์ จะตรงศรีษะเมื่อเวลาประมาณ 12.00 + 6 = 18.00 . โดยประมาณ ฝนจะตก เมื่อจันทร์อยู่ตรงศรีษะ หรือ ขณะที่จันทร์ทำมุม 90 องศา กับจุดตรงศรีษะนี้ ควรใช้สูตรนี้ในช่วงข้างขึ้นฤดูฝนจะได้ผลมากกว่า และสามารถนำไปหาเวลาดีบนท้องฟ้าได้ด้วย

 

ปกิณกะ เมื่อดาว พฤหัส กับ เสาร์ หาจรมาทำมุม ทับ เล็ง  ฉาก อากาศจะเย็นลง หากเป็นฤดูฝนฝนจะตก มากน้อยขึ้นอยู่กับสัมพันธ์ของดาวอื่น ประกอบด้วย

ปกิณกะ

          อันเนื่องมาจาก อิทธิพลแรงดึงดูดของ ดวงจันทร์

          ปลูกต้นไม้ ให้ปลูกข้างขึ้น ( จันทร์ จะช่วยดูดน้ำจากพื้นดินให้ต้นไม้)

ตัดแต่งกิ่งไม้ ให้ตัดแต่งข้างแรม เพราะข้างขึ้น กระแสน้ำเลี้ยงของต้นไม้จะอยู่ที่ส่วยยอดถ้าตัดข้างขึ้น ต้นไม้จะขาดน้ำเลี้ยงอาจเฉา และถึงตายได้

การเลี้ยงสัตว์ที่เป็นจำนวนมากเช่นเลี้ยงปลา กุ้ง ฯลฯ ควรปล่อยเค้าช่วยขึ้น 15 ค่ำจะทำให้เจริญเติบโตได้ดีกว่าข้างขึ้น เพราะปัจจัยจากดวงจันทร์ช่วยทำให้เจริญเติบโตได้เร็วและมีโอกาสรอดตายมากกว่า

ปกิณกะ

          ผู้ที่เกิดข้างขึ้น จะถนัดปฏิบัติ  วัยเด็กแข็งแรง

          ผู้ที่เกิดข้างแรม จะถนัดทฤษฏี วัยเด็กอ่อนแอ

ปกิณกะ

          กฎการคุมกำเนิด สตรี จะสามารถ รับการปฏิสนธิ ได้ เพียง ในขณะที่ จันทร์ ที่โคจรอยู่บนท้องฟ้าในปัจจุบัน ทับ หรือ เล็ก ลัคนา ของตน เท่านั้น สารถใช้ในการให้กำเนิดบุตรได้ในช่วงนี้เช่นกัน ระยะเวลาก่อน สามวัน หรือ หลัง หนึ่ง วันก็ได้ ควรปฏิบัติการช่วงข้างขึ้นจะทำให้ได้ผลดีมาก
 

บทที่ 281
 

การพยากรณ์จรรายปี  จังหวะใด ๆ ก็ตามบนฟ้า เราสามารถจะนำเอามาใช้

สำหรับการพยากรณ์จร ได้ทั้งสิ้น

                ความต้องการของมนุษย์ ดิ้นรนไปตามหนทาง 2 หนทางคือ

1.       ตามเป้าหมาย ของ แรงผลักดัน

2.       ตามเป้าหมาย ของ ความต้องการ

                 กิจของชีวิตมนุษย์ ปฏิบัติเพื่อการบรรลุถึงเป้าหมายทั้ง 2 นี้ เพราะฉะนั้น ความหมายของชีวิต จึงได้แก่ การเจริญเติบโต การพัฒนาการ การรู้และการกระทำ การเพิ่มพูนประสบการณ์ การอำนวยการ การทำให้เกิดความสมบูรณ์และการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น การถึงแก่กรรม การทำความชั่วร้ายและการรับใช้ประเทศชาติ อันเป็นเรื่องของการทำลายหนทาง และการต่อสู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลสำเร็จตามเป้าหมายทั้งสอง ตามกาลเวลาที่เรามีอยู่ ซึ่งมีลีลาขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวแพ้เดี๋ยวชนะ เรียกว่า โชคชะตา

โชคชะตา ไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ แต่เป็น สิ่งที่ได้ ถูกกำหนดไว้โดยแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งกรรม  เป็นกฎสำคัญ ที่มั่นคง และเป็นอมตะ

ปัจจัยของโชคชะตา คือ ลักษณะทางกายสังขาร พันธุกรรม การศึกษา พื้นเพ สิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ ฟ้า ในความหมายอย่างกว้างที่สุด จากประสบการณ์ พบว่าโชคชะตานี้ อยู่ในอิทธิพลของดวงดาว นั่นก็คือ หลักพื้นฐานของปรัชญาแห่งโลก สาขาวิชา โหราศาสตร์ ซึ่งเรากำลังศึกษากันอยู่ ปัจจัยของโชคชะตานี้เป็นสิ่งที่ ฟ้า ประทานมาให้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นสิ่งที่ได้กำหนดขึ้นไว้โดยแน่นอนด้วย โครงสร้าง อันสูงส่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับอำนาจลึกลับชนิดหนึ่ง ลำพังตัวของเราเองย่อมจะไม่มีทางที่จะเรียกร้องความต้องการใด ๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตา เราได้ชีวิตของเรามาด้วย การเกิด ซึ่งการเกิด นี้ หาใช่เป็นความต้องการของเราไม่ จุดจบของชีวิตที่เป็นไปตามกาลเวลา คือ ความตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นแก่มนุษย์เช่นเดียวกันกับ การนอนหลับ

ชีวิตของคนนั้นมีขั้นมีตอน ลีลาของชีวิตจะแบ่งออกได้เป็นขั้น ๆ ตามกาลเวลา เช่น วัยเด็ด หรือ ปฐมวัย วัยเจริญเติบโตหรือมัชณิมวัย วัยชราหรือปัจฉิมวัย เป็นต้น  มาตราที่สำคัญซึ่งเราใช้การวัดหรือใช้สำหรับการแบ่งการคำนวณขั้นตอนดังกล่าวนี้ คือ วัน เดือน และ ปี มาตรานี้ เราเอามาจาก อาทิตย์ ถึงแม้ในบางกรณีเราจะเอามาจากการโคจรของดวงจันทร์ ก็ตาม และ โลก กล่าวคือ เมื่อโลกหมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบ เราได้ วัน และเมื่ออาทิตย์โคจรรอบจักรราศีครบ 1 รอบ เราจะได้  ปี จึ่งเห็นได้ว่า ความจริงนั้น บทบาทของ อาทิตย์ ที่มีต่อชีวิตคน หาใช่เพียงเป็นผู้บันดาลแสงสว่างกับความร้อนเท่านั้นไม่ แต่ยังทำหน้าที่เป็น นาฬิกา บอกถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของชีวิตอีกด้วย

ในการพยากรณ์เหตุการณ์ ก่อนอื่นท่านจะต้องทำความคุ้นเคยถึงธรรมชาติของ เวลาให้มากขึ้นอีกสักนิด เพราะเป็นสิ่งที่เราจะต้องใช้สำหรับระบุการปรากฏของเหตุการณ์ต่าง ๆ นักปรัชญาคือ คันท์ ( Kant ) กับ โชเปนเฮาเออร์ ( Schopenhouer ) กล่าวว่า เวลาของเรานั้นไม่มี แต่จะมีขึ้นได้ ก็โดยการอาศัยความนึกคิดเท่านั้น  คำกล่าวนี้ ถึงแม้จะเข้าใจยากสักนิด แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามีประโยชน์มากถ้าหากลองคิดให้ดี ๆ ตราบใดที่เวลายังหมายถึงอดีตและอนาคต เวลาของเราย่อมจะไม่มี เพราะอดีตจะมีขึ้นได้ก็โดยอาศัยการจำของเราเท่านั้น ถ้าจำไม่ได้ อดีตก็ไม่มี อนาคตก็เช่นเดียวกัน เราต้องคิด ต้องการสังหรณ์ จึงจะมี ที่มีอยู่จริง ๆ นั้น คือ ปัจจุบัน ตราบเท่าที่เรายังเป็นตัวของเราอยู่ ปัญหาสำคัญที่กำลังเป็นอยู่คือ อันปัจจุบันนั้นขนาดไหน วันนี้หรือ ไม่ใช่ เพราะส่วนหนึ่งของวันนี้ย่อมกลายเป็นอดีตไปแล้ว ชั่วโมงนี้ ก็ไม่ใช่อีก ปัจจุบันนั้นคือ ขณะนี้ ซึ่งนานชั่วพริบตา หรือหากกล่าวเป็นภาษาคำนวณ ก็นานเพียงขนาดปรมาณของเวลาเท่านั้น เวลาจึงมีอยู่ชั่วขณะเดียว แล้ก็ผ่านเลยไป เมื่อเทียบกับความไม่สิ้นสุด จึงถือว่าไม่มี

กฎการดลบันดาล กฎของ ต้นเหตุ กับ การแสดงผล สร้างสะพานเชื่อมโยงจากอดีตไปสู่ อนาคต การพยากรณ์ล่วงหน้า คือการประเมินค่าจาก เหตุในอดีต เพื่อหา ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากการพยากรณ์ที่หวังผลได้ อย่างแน่นอนที่สุด จำต้องอาศัย วิชาดาราศาสตร์ เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ข้อมูลต่าง ๆ อันเกี่ยวกับท้องฟ้า เพราะฉะนั้น จึงต้องมีการใช้ การคำนวณ ประกอบการพยากรณ์ด้วย
 

ดวงชะตากำเนิด กับ การพยากรณ์จร

เวลา ย่อมผ่านไป ตามแนวทางของมัน โดยมิได้พวงว่า เราจะรู้อนาคตของเราหรือไม่ โดยการพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ นักอุตุนิยมวิทยาไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ฉันใด นักโหราศาสตร์ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้ฉันนั้น อย่างไรก็ดี เรามีความสามารถที่จะรู้และเข้าใจ สามารถที่จะทราบเรื่องราวและสาเหตุที่มาของโชคชะตาได้ฉันนั้น ๆ  และสามารถที่จะปรับตนให้สอดคล้องกับแนวทางต่าง ๆ ได้ แต่ในขณะเดียวกัน การพยากรณ์จึงมิใช่การปฏิบัติเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะ ขุดทองจากดวงชะตา เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง นักโหราศาสตร์เองก็คงกลายเป็นเศรษฐีกันไปตามกันหมดแล้ว

สิ่ง ที่แสดงอยู่ในดวงชะตากำเนิดนั้น ในระยะต้น จะอยู่ในลักษณะ แอบแฝง อยู่เฉย ๆ กล่าวคือจะ สงบนิ่ง

อยู่ในบุคคลเป็นรูปของ คุณสมบัติต่าง ๆ ความโน้มเอียงหรือความชอบพอ ความสนใจ ความสามารถ ประสิทธิภาพ เหมือน หลับอยู่  ครั้นเมื่อถึงเวลา สิ่ง ต่าง ๆ เหล่านี้ ก็จะถูก ปลุกให้ตื่น โดย การพัฒนาการ ที่เหมาะ สิ่งที่มีอยู่ในตัวบุคคลนั้น ย่อมจะแสดงออกมา ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่งตามพัฒนาการของมัน ในรูปต่าง ๆ เช่น แบบ รูปร่าง ความชื่นชมยินดี ความดีใจ การแสดงกาย ประสบการณ์ การมีชีวิตอยู่ การเกิด

 การพยากรณ์ เพื่อต้องการทราบว่า เมื่อใด สิ่งที่มีอยู่ในดวงชะตาในสภาพของการ แอบแฝง อยู่นี้ จะปรากฏขึ้น คือ การพยากรณ์จร นั้นเอง

ปรัชญาของการตรวจดวงชะตา

ในการตรวจดวงชะตาในวิชาโหราศาสตร์ โดยทั่วไปกับนักโหราศาสตร์มีปรัญาว่า

ไม่ใช่ ตรวจเพื่อจะทราบว่า วันนี้จะมีอะไร ดังที่เคยกว่ากันเล่น ๆ  แต่ตรวจเพื่อ ให้ทราบว่า

วันนี้ จะมีเหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นหรือไม่

กล่าวคือ ใช้วิธี ตรวจเป็นเรื่อง ๆ

1.        วิธีตรวจเรื่องร้าย

เพ่งเล็ง ไปที่ ดาวบาปเคราะห์

อังคาร เสาร์ มฤตยู เนปจูน ฮาเดส แอดเมตอส

สำหรับ จุดเจ้าชะตา ที่ใช้ ให้ใช้ จุดเมษ อาทิตย์ หรือ จันทร์ หากเจ้าชะตาเป็นหญิง สำหรับ เมอริเดียน กับ ลัคนา นั้น เมื่อมั่นใจจึงใช้ (มั่นใจในการปรับดวงชะตา )
บทที่ 282
 

จุดเมษคืออะไร
จุดเมษ

เราถือเป็นจุดเจ้าชะตาชนิดหนึ่ง แต่จะเป็นจุดเจ้าชะตาที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมของเจ้าชะตา ไม่ใช่ตัวของเจ้าชะตาแต่ก็มีผลต่อเจ้าชะตาได้เช่นเดียวกัน เพราะสภาพแวดล้อมจะมีบทบาทต่อตัวเจ้าชะตาไม่น้อยกว่าจุดเจ้าชะตาอื่น ๆ และถือว่าเป็นจุดเจ้าชะตารวมที่สำคัญ สามารถใช้บอกว่าเจ้าชะตาเป็นคนอย่างไร มีลักษณะอย่างไร ความหมายของจุดเมษคือ

  1. เป็นจุดเจ้าชะตาจุดหนึ่งแต่เป็นแบบสภาพแวดล้อมของตัวเจ้าชะตา
  2. เป็นจุดบ่งบอกถึงมวลชนประชาชน ถนนหนทาง คนหมู่มาก
  3. เป็นจุดที่บ่งบอกถึงการแบ่งโลกออกเป็นสองส่วน  The equator line.
  4. เป็นบ่งบอกสภาพแวดล้อมของเจ้าชะตาด้วย
  5. เป็นจุดเริ่มต้นเปลี่ยนฤดูกาลจุดหนึ่ง บอกถึงการเริ่มต้นของชีวิตในโลกนี้
จุดเมษมีผลต่อตัวเจ้าชะตามากถ้ามีดาวเคราะห์ทำมุมถึงหรือเข้าแกนทั้งสี่ หรือมีดาวดีดาวร้ายทับแกนอยู่ก็จะบอกถึงความเป็นมาเป็นไปของตัวเจ้าชะตาด้วย เช่น อังคารทับเมษ ก็จะแปลได้ว่าเจ้าชะตามีอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รีบร้อน การใช้กำลัง หรือตัวเค้าถูกสภาพแวดล้อมใหญ่ควบคุมอยู่เลยทำให้ตัวเจ้าชะตากลายเป็นคนกล้า ดื้อ เอาแต่ใจตนเอง ชอบเอาชนะ ไม่ยอดแพ้ใคร หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องแบบเช่นทหารหรือตำรวจ เพราะดาวอังคารแบบว่าทหารตำรวจหรือบุคคลที่อยู่ในเครื่องแบบ หรือตัวเจ้าชะตาอาจมีความเกี่ยวข้องกับคนที่มีเครื่องแบบก็ได้ หรืออย่างน้อยบ้านเจ้าชะตาอาจอยู่ให้โรงพักก็ได้ หรือใกล้กับค่ายทหารก็ได้ ถ้าเป็นทับเสาร์ ก็จะแปลว่าเจ้าชะตามีสภาพแวดล้อมที่มีดาวเสาร์ควบคุมอยู่ทำให้เจ้าชะตามีเหตุของดาวเสาร์เข้าทำงานเช่น เจ้าชะตาต้องเข้าไปมีส่วนกับดาวเสาร์ เช่น อยู่ใกล้ชิดกับคนยากคนจน คนเจ็บป่วย รวมไปถึงเจ้าชะตาก็อาจมีความทุกข์เข้าไปด้วย หรือสภาพแวดล้อมเป็นดาวเสาร์เช่นบ้านอาจอยู่ใกล้โรงพยาบาล วัด หรือป่าช้า (ดาวเสาร์) หรือชีวิตมักไม่ค่อยมีความสุขมีแต่เรื่องทุกข์ใจอยู่เนื่อง ๆ จากดาวเสาร์ เราจะเอาความหมายของดาวมาพูดผสมกับความหมายของจุดเมษเข้าไปเราก็ได้คำแปลออกมาแล้วคงไม่ยากในการตีความ แต่ท่านต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือตัวตนของเจ้าชะตาอะไรคือสภาพแวดล้อมของเจ้าชะตาให้ได้ มันมีความแตกต่างกันอยู่แต่มองรวม ๆ แล้วอาจเป็นภาพเดียวกันที่บ่งบอกถึงตัวเจ้าชะตาแต่ในรายละเอียดแล้วไม่ใช่ โดยเราแบ่งจุดเจ้าชะตาออกเป็นสองจำพวกคือพวกที่เป็นตัวของจุดเจ้าชะตา เช่น อาทิตย์ จันทร์ เมริเดียน  เป็นจุดเจ้าชะตาจริงคือตัวตนของเค้า ส่วน เมษ ลัคนา ราหู คือสภาพแวดล้อมของตัวเจ้าชะตาที่จะทำให้เจ้าชะตามีความเป็นไปตามสภาพแวดล้อมนั้นด้วย ภาพรวมมองรวม ๆ แล้วอาจไม่แตกต่างกันนัก ยกตัวอย่าง เหมือนคนที่เป็นทหาร เครื่องแบบ ยศ สถานที่ทำงานเป็นสภาพแวดล้อมของเค้าเราก็มองเค้าว่าเค้าเป็นทหาร แต่ถ้าถอดเครื่องแบบออกเค้าก็เป็นบุคคลธรรมดาเดินตามถนนก็เป็นคนธรรมคนหนึ่ง แต่ธาตุแท้อาจชอบของสวยงามชอบปลูกต้นไม้ ชอบธรรมชาติ ชอบความสงบ สิ่งนี้คือตัวตนของเจ้าชะตาจริง ๆ แต่บทบาททางทหารก็จะมีบทบาทถึงชีวิตของเค้าด้วยเช่นกัน
บทที่ 283
วันนี้เราจะมาคุยเรื่องฤกษ์ดีต่าง ๆ ที่เราสามารถปรับวันต่าง ๆ ให้ดีได้โดยใช้จังหวะของดวงจันทร์นะครับ ที่เราจะหาวันดี ๆ ทำอะไรสักอย่าง ให้เป็นวันดีต่อสิ่งที่เราทำนั้น เช่นเราต้องการที่จะแต่งงาน เราก็ควรหาวันดี ๆ สำหรับการนี้ เป็นต้น ทุกอย่างเราต้องคอยจังหวะดี จากฟ้าเป็นการดำเนินการต่าง ๆ ให้สิ่งที่เราทำนั้นดีตลอดไป

                หลักการวางฤกษ์ที่สำคัญที่สุดท่านควรวางฤกษ์ช่วงข้างขึ้นจะดีกว่าข้างแรม เพราะจะทำให้กิจการหรือสิ่งต่าง ๆ ได้รับอิทธิพลจากดวงจันทร์ไปด้วย เราถือว่าเวลาข้างขึ้นเป็นสิ่งดี ๆ เราจะเริ่มตั้งแต่ ขึ้น หนึ่งค่ำไปถึง สิบห้าค่ำได้เลย การใช้ฤกษ์ดาวพฤหัสจร หรือพื้นดวง เราถือว่าพฤหัสพื้นดวงสำคัญกว่าพฤหัสจร ถ้าไม่มีจริงก็สามารถใช้พฤหัสจรก็ได้ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้พฤหัสพื้นดวง บางที่พฤหัสพื้นดวงของเจ้าชะตาติดดาวร้าย ก็จะทำให้ฤกษ์ที่เราให้ไปมีผลต่อเนื่องไปด้วย เราควรใช้ดาวที่วางฤกษ์เป็นดาวพื้นดวงจะดีกว่าแต่ถ้าดาวพื้นดวงสัมพันธ์ถึงดาวร้ายเราก็อาจโยกย้ายไปใช้ดาวจรก็ได้

1.                   ฤกษ์ JU  สามารถใช้ได้หมดทุกกิจกรรมถ้าเราหาวันไม่ได้

2.                   ฤกษ์ KR  ใช้ในการติดต่องานหรือเปิดกิจการร้านค้า

3.                   ฤกษ์ AP ใช้ในการดำเนินกิจการเปิดร้านค้าและธุรกิจเป็นส่วนมาก

4.                   ฤกษ์ ME ใช้ในการติดต่อประสานสาน และการออกรถยนต์

5.                   ฤกษ์ ma ใช้ในการออกรถกระบะ

6.                   ฤกษ์ ze ใช้ในการออกรถจักรยานยนต์

7.                   ฤกษ์ ne ใช้ในการออกเรือหรือเครื่องบิน

8.                   ฤกษ์ no ใช้เปิดร้านที่เปิดในเวลากลางคืน ควรใช้ข้างแรมจะดีกว่า

9.                   ฤกษ์ VE ใช้เกี่ยวกับเรื่องความรัก และการเงินเป็นหลัก

10.                ฤกษ์ PO ใช้ในการตั้งศาลหรือวางเสาร์เอก หรือฤกษ์เกี่ยวกับสิ่งเร้นลับ

11.                ฤกษ์ PL ใช้ในการดำเนินธุรกิจที่หวังว่ามีการขยายงานออกไป ส่วนมากใช้ฤกษ์นี้ควรมีกิจกรรมทำมาก่อนแล้ว

การวางฤกษ์ควรใช้ดวงจันทร์ทับดาวสำคัญที่เราตั้งการวาง คือมุมทับจะดีที่สุด และ 180 องศา และมุม 90 องศา ความรุนแรงจะเริ่มน้อยไปตามมุมดาว ถ้าเราวางฤกษ์จันทร์ได้แล้ว ก็เหลือแต่นาที คือลัคนา และเมริเดียน เราควรวางให้ลัคนา และ
เมริเดียน ทับดาวดี ๆ เป็นหลัก และอย่าในราศี 6 8 12  และท่านควรสำรวจดาวร้าย ๆ ในดาวจรว่าวันที่เราวางนั้นมีผลอะไรกับวันนั้นหรือไม่ ตัวอย่าง ถ้าเราได้วันดี ๆ แล้ว แต่วันนั้น ดาวเสาร์มาทับอาทิตย์ พื้นดวง ก็ไม่ควร หรือดาวมฤตยู หรือ เนปจูน เข้าทำมุมกันวันนั้นก็ไม่ควรใช้วันนั้น และควรวางฤกษ์ช่วงกลางวันตั้งแต่ ตี่สี่ถึง หกโมงเย็น เป็นต้นไป แต่จะให้ฤกษ์กลางคืนส่วนมากเป็นฤกษ์ที่เอาไว้ใช้ในการเข้าหาบุคคลสำคัญและต้องทำการให้เร็ว เสร็จสิ้นในเวลา
บทที่ 284
วันนี้เราจะมาคุยเรื่องความหมายอันแท้จริงของดาวดวงหนึ่งที่มีผลต่อเรามากคือดาวเนปจูนตอนนี้ก็รอเข้าแกนเมษ เมื่อวาน
web มีปัญหานิดหน่อยเลยเข้ามาเขียนไม่ได้ตอนนี้ปกติแล้ว ทำไมข้าพเจ้าถึงเอาความหมายดาวดวงนี้มาคุยเพราะมีการตีความได้หลากหลายมาก เลยเอามาให้ท่านวิเคราะห์ดูว่าเราจะตีความอย่างไรให้ได้ใจความนะครับรองอ่านดูแล้วจะได้ความหมายที่ดีๆ เอาไปใช้ก็ได้
 

ความหมายของดาวเนปจูน

                ดาวเนปจูนนี้มีความหมายมากมาย เป็นดาวที่เป็นกลุ่มก๊าซ ไม่เป็นของแข็ง ดังนั้น เราจึงใช้ดาวเนปจูนแทน เรื่องเกี่ยวกับของเหลว ก๊าซ หมอก ควัน ไอ น้ำ ถ้าแยกความหมายของดาวเนปจูนออกเป็นสองรูปแบบมีดังนี้

1.                   ระดับอารมณ์และความรู้สึก เจ้าชะตาที่มีดาวเนปจูนส่งผลถึง หรือทำมุมถึง และขึ้นอยู่กับมุมแรงหรือไม่แรงก็จะเป็นคนชอบจิตนาการ อยู่กับความฝัน หรือถูกหลอกได้ง่าย หรือทำอะไรไม่แน่ไม่นอน เปลี่ยนแปลงบ่อย ช่างคิดแต่ไม่ชอบทำ เหมาะกับงานด้านออกแบบการใช้จิตนาการ  หรืองานที่จับต้องไม่ได้เช่น การสื่อสาร จิต การทำงานก็จะเป็นแบบผักชีรวยหน้า ปกปิด ความลับ คนที่มีความในใจ

2.                   ระดับวัตถุที่จับต้องได้ เช่นอาจต้องไปทำงานเกี่ยวข้องกับของเหลวเช่นน้ำ ก๊าซ น้ำมัน เครื่องหอม สารเคมี ยาต่าง ๆ คนที่เนปจูนแรงอาจเป็นหมอ หรือต้องทำงานเกี่ยวกับยาก็ได้ ดังนั้นพวกดาวเนปจูนแรง อาจต้องทำงานให้เป็นไปตามดาวเพื่อแก้ไข ไม่แล้วตัวเจ้าชะตาอาจโดนดาวเนปจูนเล่นงานเช่นมีการเจ็บป่วย เกี่ยวกับของเหลวในร่างกายเช่นมะเร็ง ความดัน มีปัญหาทางเลือด หรือทางประสาท ดาวนี้มีความหมายมากกถ้าเป็นทางด้านพระก็เป็นพระที่มีจิตเป็นสมาธิ มีพลังอำนาจทางด้านจิตสูง ดาวเนปจูนแปลว่าจิตและความรู้สึกก็ได้ หรืออาจต้องมีบ้านหรือที่ทำงานอยู่ใกล้กับน้ำ หรือกิจกรรมของเค้าอาจเกี่ยวข้องกับน้ำของเหลวต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ของแข็ง เช่นน้ำแข็ง น้ำมัน ถ้าเป็นของกินก็คือกาแฟ อาหารที่เป็นของเหลว น้ำหอม ธูป ก็ได้ ยาสมุนไพร ยาเคมี หรือทำงานอยู่กับร้ายขายยาก็ได้ หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร ที่จับต้องไม่ได้เช่นคอมพิวเตอร์ ก็ได้ ช่างทำทอง งานที่เกี่ยวกับน้ำเสีย น้ำดื่ม

3.                   ดาวเนปจูน มีผลต่อจิตใจของเจ้าชะตาด้วย เช่นทำให้เค้าเป็นช่างคิดฝัน เหมาะกับงานด้านแต่งหนังสือ หรืออยู่ในโลกของจิตนาการ เป็นคนสร้างหนัง  หรือทำงานเกี่ยวกับหุ้น ที่ต้องใช้จิตนาการสูงในการวิเคราะห์กำไรขาดทุน นักเขียนหนังสือ เพราะจิตใจของเจ้าชะตาเป็นคนช่างคิดฝัน เค้าจะเป็นคนสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ถ้าเจ้าชะตาไม่ได้ทำงานทางด้านดีก็อาจอยู่ในด้านเสียไปเลยเช่นเป็นคนติดยา หรือ เป็นคนชอบหลอกลวง เชื่อถือไม่ได้ หรือทำอะไรที่ผิด ๆ ดาวเนปจูนอย่างเดียวจะไม่ทำให้เกิดอะไรขึ้นแต่ถ้าไปผสมกับจุดเจ้าชะตา หรือดาวเคราะห์ก็จะส่งผลออกมาในรูปแบบของมันเข้าไปด้วย