|
บทที่ 285
จุดเจ้าชะตาสถิตในราศีต่างให้ความหมายดังนี้
อนึ่งเนื่องจากาการศึกษา โดยละเอียดเป็นรายราศีมีความเป็นอย่างไรทำนองการวินิจฉัยจุดเปลี่ยนทั้งสี่ ในที่นี้จึงของกล่าวแต่เฉพาะเนื้อหาสาระ และเพื่อให้ท่านสามารถนำไปใช้อ่านดวงชะตาในทางปฏิบัติได้เลย จึงได้ชี้แนะความหมายทางโหราศาสตร์สำหรับกรณีที่ จุดเจ้าชะตา ทั้งหลาย สถิตในราศีนั้น ๆ เอาไว้ด้วย เพื่อท่านจะได้สามารถนำไปเรียบเรียงใช้ได้ทันที
อิทธิพลทั่วไป การเกิดขึ้น การทำให้เกิด บุกเบิก การเริ่มต้น กระตือรือร้น การริเริ่ม ความไม่สงบ ความร้อนรอน กระวนกระวาย ความต้องการ
เมอริเดียน MC เป็นผู้มองโลกในแง่ดีด้านดี ดิ้นต่อสู้อย่างผู้มีสติอันแข็งกล้า ทะเยอทะยาน เชื่อมั่นในตนเอง ไม่ยอมแพ้ใคร ใจร้อน มัก
โลภโมโทสัน
อาทิตย์ SU กระตือรือร้น บุกบากและบากบั่น มีลักษณะผู้นำ กล้า ชีวิตมีแนวโน้มก้าวหน้า ซึ่งบางทีก็เนื่องมาจากการกระทำที่ไร้สติ
ไม่โลเล ลำบากเพราะความใจร้อน
จันทร์ มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีจิตใจเข้มแข็งไม่ยอมแพ้อุปสรรค์สิ่งใดง่าย ใจร้อน ตื้อ
ลัคนา AS สิ่งแวดล้อมไม่สงบ และประกอบไปด้วยบุคคลที่มีความขยันขันแข็งหรือเข้มแข็ง
ทำอะไรทำจริงมีเป้าหมายที่แน่นอน หุนหันพลันแล่น ชอบก่อการทะเลาะวิวาท คิดหน้าคิดหลัง กระหายอำนาจ
ราหู NO ไม่สงบเพราะบุคคลหรือสิ่งดังกล่าว
ราศีพฤษภ คือ การได้รับ
อิทธิพลทั่งไป การบำรุงเลี้ยง การสะสม เก็บรักษา เพิ่มพูม สมบัติเงินทอง อาหารการกิน การบริการ การดูดซึม
เมอริเดียน ดำรงความมุ่งหมาย มีความพากเพียร ช้าแต่แน่นอน ดิ้นรนไปสู่การมี ความมั่นคงในชีวิต มานะอดทน มักโลภ ขี้ระแวงสงสัย เห็นแก่ตัว
อาทิตย์ ชื่นชมทางวัตถุ มีความพยายามดี มีความอดทนสูง ถนัดการปฏิบัติ ชอบสนุก มีอารมณ์ขัน ฝันเฟื้อง รักการประดิษฐ์ สมบัติเงินทองมักจะเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตแสวงความมั่นคงและความปลอดภัยแก่ชีวิต
จันทร์ มีความมั่นคงแน่นอน มีมานะในการหาเลี้ยงชีพ ดื้อ ชอบความสวยงาม ชอบความสะดวกสะบาย รักการเย็บปักถัดร้อย เปลี่ยนทัศนคติยาก ทรัพย์สมบัติขึ้น ๆ ลง ๆ
ลัคนา สภาพแวดล้อมงดงามและสงบ มีหรือเกี่ยวข้องกับที่ดิน มีสัมพันธภาพที่แน่นอนและมั่นคง เหนียวแน่น มัธยัสถ์ ชีวิตมีรูปแบบไปทางด้านปฏิบัติ สมบูรณ์พูนสุขฟุ่มเฟือย หรูหรา หัวรั้น ตระหนี่
ราหู มีสัมพันธ์อันถาวร มั่นคง และรักษาความสำคัญ ก่อตั้งและปกป้องหมู่คณะ ได้ประโยชน์ จากการอาศัยผู้อื่น
ราศีมิถุน คือการเรียรรู้
อิทธิพลทั่งไป การทำความใกล้ชิดทุกรูปแบบ การศึกษาเล่าเรียน การคิด การพูดจา การคมนาคม กาคติดต่อ การทำความรู้จัก การแลกเปลี่ยนความคิด การสอน การพูดการติดต่อสื่อสาร
เมอริเดียน มีเป้าหมายในชีวิตมากมาย ดิ้นรนไปอย่างมีชีวิตชีวา ทำงานเป็นช่วง ว่องไว รวดเร็วดี แต่ไม่ค่อยแน่นอน ไม่ค่อยตรงไปตรงมา ไม่ค่อยลึกซึ้ง
อาทิตย์ กระชุ่มกระชวย สนุกสนาน ไม่นิ่งเฉย หลายด้าน รอบตัว ไม่ค่อยจะถี่ถ้วน รักการศึกษาหาความรู้ สอนง่าย ชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ค่อยจะมั่นคงแน่นอน
ลัคนา สิ่งแวดล้อมคึกคัก หลายรูปแบบ พลุกพล่าน น่าคบ มีปฏิกริยาต่ออิทธิพลของสิ่งแวดล้อมเร็ว เข้ากับผู้อื่นได้ดี คล่องแคล้ว จำเก่ง พูดคล่อง ฉาบฉวย ไม่คงเส้นคงวา
จันทร์ แสดงความรู้สึกไว้หลายรูปแบบ อย่างมีชีวิตชีวา อารมณ์ไม่ค่อยแน่นอน คล่องแคล้วในทางร่างกายและปัญญา ทำงานหลายอย่าง อุดมไปด้วยความหวังและปรารถนา ผิดหวังบ่อย ๆ เปลี่ยนแปลงบ่อย ความสัมพันธ์มาก
ราหู มีการติดต่อมากมายหรือหลายด้าน และไม่สงบเพราะแสวงหาการติดต่อดังกล่าวดำรงรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้อง
ราศีกรกฏ คือ การปกป้อง
อิทธิพลทั่งไป อ่อนตัว เต็มไปด้วยความรู้สึก พิทักษ์รักษา หวงแหน อ่อนไหน ไวต่อการรับ พึ่งพาอาศัย บ้าน ที่อยู่ที่หลบหาความปลอดภัยให้กับตัวเอง เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
เมอริเดียน กลวิธีมากและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก แสดงความอิสระเสรี ถึงแม้จะเป็นคนที่ขี้เกรงใจผู้อื่น ง่าย ๆ เรียบ ๆ
อาทิตย์ ขี้สงสาร ชื่นชมชีวิตคู่ครอง ความรู้สึกไว อ่อนไหวง่าย มีจินตนาการ กระดากอายประหยัด มักเฉื่อยชา ใจดีชีวิตครอบครัวกลมเกลียวกันดี
ลัคนา ชะตาขึ้น ๆ ลง ๆ เจ้าอารมณ์ ชีวิตครอบครัวสุขสมบูรณ์ บริเวณที่เปี๊ยกชื้นอยู่แบบง่าย ๆ มีความเห็นอกเห็นใจ เป็นห่วง เสียสระ อ่อนตัว ใจน้อย ขยัน ขี้เล่น ไม่ค่อยจะเป็นอิสระ
จันทร์ อารมณ์รุนแรง อาศัยผู้อื่น รักครอบครัวประหยัด ง่าย มัธยัสถ์ ไม่มั่นคง อารมณ์กับระบบการย่อยไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กัน เรื่องราวที่เกี่ยวกับครอบครัวทั้งหลาย
ราหู รักษาการติดต่อกับบ้านเกิดหรือถิ่นกำเนิด พันทะทางใจมาก ไม่ค่อยจะลงรอยกับญาติ ๆ
ราศีสิงห์ คือการเสรี
อิทธิพลทั่วไป ความต้องการที่จะประสพความสำเร็จ เชื่อมั่นในตนเอง ความมีเสรี อิสระ ข่ม ชนะ โอ่อ่า
เมอริเดียน ทะเยอทะยาน มีความหวังอันสูงลอย ดิ้นรนไปสู่การมีตำแหน่งในสังคมทุกรูปแบบมั่นใจตนเอง มองโลกในด้านดี ใจใหญ่ ต้องการที่จะเป็นผู้นำ การจัดตั้ง หน่วยงานเห็นแก่ตัว เต็มไปด้วยข้อเรียกร้องต่าง ๆ สนใจเป็นพิเศษในสิ่งเกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศ
อาทิตย์ เป็นหัวหน้าหรือผู้นำ เชื่อมั่นตัวเอง มีความมุ่งหวังการในการสร้างสรรค์ ต้องการที่จะครอบครอง ร่ำรวยความคิด นักการจัดตั้งมีคุณสมบัติความเป็นผู้นำ เจริญก้าวหน้าโดยอาศัยลำแข้งของตนเอง ป้องกันรักษา
ลัคนา มีบุคลิกภาพเป็นที่เลื่อมใส หรือน่าประทับใจอย่างยิ่ง สภาพแวดล้อมโอ่อ่า ลักษณะดี มีอำนาจในตัว เสรีนิยม เที่ยงธรรม เปิดเผย ฟุ่มเฟือย เจ้าสำราญ หยิ่ง รักการผจญ
ภัยภูมิใจในตนเอง
จันทร์ ลักษณะเป็นบุคคลเจ้าอารมณ์ มีความทะนง ใจกว้าง มักใหญ่ใฝ่สูง มีกิเลสชอบความหรูหรา ชอบการสมาคม ชอบสนุก มีทิฐิหรือเห่อเหิมมักชอบยก ตนข่มท่านตีราคาตัวเองสูงเกินไป
ราหู ชอบอยู่ในหมู่คณะใหม่ ชอบงานมหกรรม ชอบการนับเทิงเริงรมณ์ กระทำตนให้เป็นที่รักของหมู่คณะ องค์การ ความสุรุ่ยสุร่าย อยากเด่น ร่วมการเก็งกำไรร่วมกับบุคคลอื่น
ราศีกันย์ คือการประสบ
อิทธิพลทั่วไป การงาน ความถูกต้อง การสังเกต พนิจพิจารณา ขวนขวาย จู้จี้จุกจิก ระเบียบแบบแผน ระวังระไว การปรับแก้
เมอริเดียน ดิ้นรนไปสู่ความมั่นคงในอาชีพการงาน และการมีชีวิตเป็นหลักฐาน เจ้าระเบียบก้าวหน้าโดยอาศัยวิธีการง่าย ๆ หรือพื้น ๆ วิตกวิจารณ์ จู้จี้ ชอบการสรรเสริญเยินยอ ความรู้สึกไวมาก
อาทิตย์ ระมัดระวัง สัมผัสหรือพัวพันกับสิ่งที่ถูกต้องหรือที่ต้องแก้ไข ฉงนสนเท่ห์ระเบียบแบบแผน ช่างวิเคราะห์ ชอบง่าย ๆ ช่างติ ขี้ระแวงสงสัย ก่อศัตรูเพราะการจับผิด มักพลาดโอกาสงาม ๆ
ลัคนา อยู่ในสภาพที่มีธรรามชาติเป็นระเบียบเรียบร้อย ระวังระไว ช่างสังเกต ละเอียดถี่ถ้วน มีระเบียบ แบบแผนมาก อวดรู้อวดฉลาด มีอุปทาน
จันทร์ เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ พินิจพิจารณา มีระเบียบแบบแผน ปราณีบรรจง ชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย รักความถูกต้อง เรียบง่าย มักเห่อความรู้ ชีวิตมีแนวโน้มไปในทางนักปฏิบัติ
ราหู คณะทำงาน การรวมกันทางด้านวิทยาการ เกี่ยวกับสถาบันการศึกษา หรือค้นคว้าเกิดความไม่ลงรอย เพราะชอบจับผิด หรือวิตกวิจารณ์ โดยไม่รู้จักกาลเทศะ
ราศีตุล คือการให้
อิทธิพลทั่วไป การผสมผสาน การกลมกลืน ความสมัครสมาน ความสมานฉันท์ ความสงบสุข ถ้อยทีถ้อยอาศัย ความพอใจกัน ศิลป ความสวยงาม การให้ รักความเที่ยงตรง รักหมู่รักคณะ
เมอริเดียน ผู้มีความอ่อนโยน ก้าวหน้าด้วยวิธีการป้องกัน โดยอาศัยพักพิงไปกับผู้อื่น ทำงานร่วมกับผู้อื่น ฝ่าฟันไปโดยอาศัยหมู่คณะและการเข้ากันกับบุคคลอื่น สนใจทางวัตถุเป็นอย่างยิ่ง ใช้บุคคลอื่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีความสุภาพอ่อนโยน โดยไม่ตั้งใจ
อาทิตย์ รักหมู่รักคณะ การสังคมดี อ่อนโยน เข้าไหนเข้าได้ ชอบอวด มีเหตุมีผล อัธยาศัยดีรักศิลป ไม่เด็ดขาด เสมอต้นเสมอปลาย การติดต่อสัมพันธ์มีความสำคัญต่อชีวิตมาก
ลัคนา สิ่งแวดล้อมงาม อยู่ด้วยความสมานฉันท์ มีน้ำใจ ร่าเริ่งแจ่มใจ มัอัธยาศัย เมตตา
กรุณา สำอาง สำรวย ไม่ชอบงานหนักหรืองานสกปรก มักคล้อยตามผู้อื่น
จันทร์ มีความรู้สึกอันมีชีวิตชีวา มีมนุษย์สัมพันธ์ เจ้าชู้ ให้ความเชื่อถือต่อคู่ครอง ชอบ
การสังคมมักปล่อยตัว ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบในตัวเอง ขี้โอ่ หุ้นส่วนหรือ คู่ครองชะตาชีวิตไม่ปกติ
ราหู ศรัทธาการทำงานเป็นหมู่คณะ ซึ่งมีการติดต่อกับบุคคลทั้งหลาย มีความเป็นมิตร
เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นความสงบสุขทั้งหลาย หรือเกี่ยวข้องกับหมู่คณะทางสันติ
ราศีพิจิก การสละ
อิทธิพลทั่วไป การต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ทรหด อดทน การละหรือการสละ การทำลายล้าง กิเลส การประมาณตนสูงเกินไป การสมสู่ การสืบพันธ์
เมอรีเดียน ความปรารถนาแรงกล้า ไม่รู้จักเหนื่อย ไม่เคยกลัวงาน ขยัน มานะ อดทน
เข้าถึงจิตใจผู้อื่น เข้าใจสถานการณ์ได้ถูกต้อง ดิ้นรนขวนขวาย หุนหัน
พลันแล่น มักสำคัญตนผิด สมบุกสมบันเกินไป
อาทิตย์ เมื่อชีวิตยังไม้สิ้นก็ดิ้นไป ชีวิตคือการต่อสู้ ถึงไหนถึงกัน ใจแข็ง ทรหด ทนง ตนมีความรู้สึกรุนแรงจนเกินกว่าเหตุ ไม่
เคยมีความกลัว คลั่งไคล้ กระด้าง กระเดื่องเสียหายเพราะการกระทำของตนเอง
ลัคนา สิ่งแวดล้อม ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียว ชอบต่อสู้ ระมัดระวัง พร้อมที่จะลงมืออยู่ตลอดเวลา ตัดสินใจเร็ว กระตือรือร้นสูง
ขยันขันแข็ง รุนแรง บ้าบิ่น โหดร้ายทารุณ
บริเวณที่ เปรียก ชื้น
จันทร์ นักสู้เพราะจิตเรียกร้อง มีความพยายามสูง หุนหันพลันแล่น ไม่มีเล่ห์กล สุจริตใจ รักความจริง ดิ้นรนขวนขวาย ตีราคา
ตัวเองสูงเกินไป
ราหู เกี่ยวข้องกับการสละรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
หมู่คณะนักสู้ การทำงานร่วมกันโดยไม่มีการหยุดพัก การรวมตัวกัน
เพื่อ อำนาจบังคับ
การแตกแยก
ราศีธนูการไกล
อิทธิพลทั่วไป การแผ่ขยาย การขยายตัว ถิ่นไกล ต่างประเทศ การจ่างแจ้ง ปรัชญา ศาสนา ปัญญา ความสว่างไสว การต่างประเทศ
เมอริเดียน มีความลึกซึ้ง ดิ้นรนไปสู่ความมั่นคงทางวัตถุและชื่อเสียเกียรติยศ อุดมไปด้วยแผนการต่าง ๆ ขยายความคิด
อาทิตย์ มีอุดมการณ์ เห็นการณ์ไกล คล่องแคล้ว ชอบการกีฬา มีปัญญา โอบอ้อมอารีไปสู่ความสว่างไสวของชีวิต ก้าวหน้าไปอย่างช้า ๆอารมณ์เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอไม่ค่อยมีความกลมเกลียว ชอบการสังคม
จันทร์ ชีวิตด้านในแข็งแกร่ง เปลี่ยนใจง่าย ไม่ค่อยจะแน่นอน ดิ้นรนไปสู่การมีปัญญาความรู้
เผชิญทั้งความสมหวังและความผิดหวังระคนกัน ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงมาก
ลัคนา มีบุคคลิกภาพโน้มเอียงไปทางสังคมหรือศาสนาโดยเป้าหมายไกลลิบ มีชีวิตชีวารักธรรมชาติ ข่มผู้อื่น อยู่ท่ามกลางสิ่งที่เป็นความสว่างไสวรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ราหู มีการติดต่อทางปัญญามาก ชอบทำงานเป็นหมู่คณะที่เกี่ยวกับกฏหมาย ราชการหรือศาสนา มีแผนการมากมายโดยร่วมกันกับผู้อื่น
ราศีมังกรการบรรลุ หรือการถึง
อิทธิพลทั่วไป ความสิ้นสุด ความแท้จริง ความแข็ง จริงจัง ปฏิบัติ วิตกกังวล ความสนใจ ถี่ถ้วน พลัดพราก ความทุกข์ อนุรักษ์นิยม
เมอริเดียน เชื่อมั่นในตนเอง ดิ้นรนด้วยสมาธิไปสู่เป้าหมาย กระทำการช้าแต่แน่นอน
ด้วยความขยันหมั่นเพียร มีชีวิตแบบๆ รักบ้าน จริงใจ เห็นแก่ตัวและเฉพาะงานของตัว ไม่โลภ เปล่าเปลี่ยว สันโดษ
อาทิตย์ คนทำงาน เป็นการเป็นงาน มีสมาธิ วิตกกังวลไปต่าง ๆมีความพยามยามสูง ขยันมั่นคงต่อเป้าหมายของชีวิตที่ตั้งไว้ ดิ้นรนไปสู่ความมั่นคงในชีวิตก้าวหน้าเพราะทำงานไม่รู้จักเหน็จเหนื่อย จริงจัง
ลัคนา ดำรงความมุ่งหมาย ชนะตนเอง แน่วแน่ เหนียวแน่น อยู่ในสภาพจำกัด ไว้ใจได้เห็นแก่ตัว
จันทร์ ต้องสงบใจหรือข่มใจ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกให้เห็น มีความอดทน มีมานะพยายาม มีความสำนึกในหน้าที่การงาน รับผิดชอบ ทำมากกว่าพูดหายใจ เป็นงาน
ราหู ดิ้นรนไปสู่การมีสัมพันธ์โดยมีเป้าหมายที่แน่ชัด มีความรับผิดชอบต่อผู้อื่นการแก่งแย่งและการเห็นแก่ตัวในหมู่คณะ
ราศีกุมภ์ การรวม
อิทธิพลทั่วไป การรวมตัว ความร่วมมือ การไวต่อการรับ ปุบปับฉับพลัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
วัตถุนิยม
เมอริเดียน มักมีเป้าหมายใหม่ ๆ และมีความพยายามใหม่ ๆ กระทำการเป็นระยะ ๆ
บางทีก็ฟันฝ่าไปอย่างฉับพลัน ใช้หนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ทำงานร่วมกับ
ผู้อื่น ภายใต้การอำนวยการของตน ชอบความใหม่และแปลกใหม่ แผนมาก
อาทิตย์ อุดมไปด้วยแผนการต่าง ๆ ช่างสังเกต มีน้ำใจ ปรับตนเก่ง รู้คน นิยมสิ่งใหม่ ๆไม่ชอบการบังบังคับ พบแต่ความไม่
เทียง แท้ ก้าวหน้าโดยอาศัยลำแข้งของตนเองแต่ก็โดยอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่นด้วยเหมือนกัน
จันทร์ ขี้ตื่น มีความเป็นมิตรแท้ หูไวตาไว ล่วงรู้ใจผู้อื่น ไม่คงทนถาวร ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
รักความเป็นอิสระเสรี มีความหวังตั้งใจมาก
ลัคนา สิ่งแวดล้อมนิยมการปฏิรูป มีแนวความคิดของตนเอง เข้าใจคนแสวงสิ่งแปลกและใหม่ เห็นไกล เข้าไหนก็ได้ ฝันเฟื่อง
เปลี่ยนแปลงง่าย ไม่ค่อยมี ความอดทนเปลี่ยนความตั้งใจบ่อย
ราหู กระตือรือร้นต่อการพันธะกับสิ่งที่น่าสนใจหลาย ๆ ด้าน และมีเป้าหมาย
พัฒนาการอยู่เสมอ รักหมู่คณะ ชอบมีความสัมพันธ์ใหม่ ๆ
ราศีมีน คือการว่างเปล่า
อิทธิพลทั่วไป เวิ้งว้าง ว่างเปล่า ความหมดไป ความบริสุทธิ์ การสบายตัว การจางหาย การเพ้อฝัน ความไม่มีขอบเขต
ความฟุ้งกระจาย ความสงัด ความสันโดษ ความคลุมเครือ ไวต่ออิทธิพลจากภายนอกทั่งปวง
เมอริเดียน การรอคอย แสวงการมีชีวิตแบบง่าย ๆ ไม่ต้องลำบาก จด ๆ จ้อง ๆ ในปัญหาปรัชญา มีความรู้สึกคลุม ๆ เครือ ๆ ไม่กระจ่างชัด อ่อนไหวง่าย ขาดความมั่นคงในบางครั้งบางคราว ขี้เหงา
อาทิตย์ ไวต่อการรับ เปล่าเปลี่ยว วิเวกวังเวง ชีวิตอยู่กับจินตนาการ สันโดษ เฉื่อยชาอุปสรรคชีวิตมาก ซึ่งมีส่วนมากจากความจำกัดทางด้านใน จะลำบากเพราะความหลงผิด
ลัคนา เป็นบุคคลง่าย ๆ ถือสันโดษ มีความพิเศษ อยู่ในสภาพจำกัด สำรวม เชิงรับเต็มไปด้วยความรู้สึก มีกังวล มักหดหู่ใจ
จันทร์ อ่อนไหวต่ออิทธิพลจากภายนอกได้ง่าย ขึ้นอยู่กับอารมณ์ หวังมาก ชอบรู้สึกตนว่ามีปมด้วย เปล่าเปลี่ยวใจอยู่เป็นนิจ
ราหู มักมีความสัมพันธ์อันเร้นลับหรือผูกพันกับความลับ สนใจปรัชญาร่วมกับผู้อื่นสมาคมทางศาสนาหรือลัทธิความเชื่อถือ มีพันธะกับสิ่งหรือสภาพที่ เป็นความว่างเปล่าในรูปแบบต่าง ๆ
ความหมายดาวพระเคราะห์ทั้ง 7 แบบโบราณ
ดาวพระเคราะห์ทั้ง 7 ซึ้งค้นพบตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งเมื่อเรียงตามความใกล้ไกลจาก อาทิตย์ - โลก
หรืออัตราการ โคจร คือ อาทิตย์ จันทร์ พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัส เสาร์ โบราณทราบอิทธิพลหรือความหมาย
ทางโหราศาสตร์โดยใช้ปรัชญาอาตมันปรมาตมัน กล่าวคือพิจารณาว่า เป็นอาตมันหรือ สิ่งที่มีชีวิตรูปแบบหนึ่ง
ทำนองเดียวกันในกรณีจักรราศี เมื่อมีฐานะเป็นอาตมันก็ย่อมจะมีธรรมชาติความเป็นไปเหมือนกับอาตมันอื่น ๆ
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย ทำนองเดียวกับพัฒนาการตามจักรราศี พัฒนาการของระบบดาวพระ
เคราะห์อาจแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามลำดับของดาวพระเคราะห์คือ
1. ระดับอาตมัน เป็นระดับกำเนิด อันได้แก่
อาทิตย์ คือชีวิต หรือกายที่มีวิญญาณ ซึ่งเป็น กำเนิด โดยทั่ว ๆ ไป
จันทร์ คือ จิต หรืออารมณ์ หรือความว่างเปล่า และเทียบได้กับ วัยทารก
2. ระดับกรรม
เป็นระดับแสดงออกซึ่งกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอน
วัยหนุ่มสาว
อังคาร คือ กายกรรม หรือการกระทำ ลงมือ และเทียบได้กับ วัยฉกรรจ์
3. ระดับรับผลกรรม
คือ ผลกรรม
พฤหัส คือ ความสุข หรือกุศลกรรม เทียบได้กับ วัยผู้ใหญ่
เสาร์ คือ ความทุกข์ หรืออกุศลกรรม เทียบได้กับ วัยชรา
4. ระดับการสูญสิ้นไป
อันเป็นพัฒนาการขั้นสุดท้ายก่อนที่ชีวิตจะดับสูญ
เนปจูน คือ การสลายตัว ความหมดไป ความฟุ้งกระจาย คลายตัว
ซึ่งเป็นการดับสูญไปจากโลกนี้โดยแท้
โดยทั่วไป ความหมายของจักรราศี จะเหมือนกับความหมายของเรือนชะตา ดังเหตุผลที่ได้กล่าวมาแล้วในข้อ 4 อย่างไรก็ดี ลักษณะการแสดงอิทธิพลของปัจจัยโหราศาสตร์ทั้ง 2 นี้ จะไม่เหมือนกัน กล่าวคือ
จักรราศี จะทำงาน หรือแสดงอิทธิพล ในลักษณะ จากภายใน ไปสู่ภายนอก แสดงลักษณะหรือ
คุณสมบัติทางจิตวิทยาเป็นลำดับแรก แสดงผลที่เกิดกับชีวิตของเจ้าชะตาเป็นอันดับรอง
เรือนชะตา จะทำงาน หรือแสดงอิทธิพล ในลักษณะ จากภายนอก มาสู่ภายใน แสดงผลที่เกิดกับ
ชีวิตของเจ้าชะตาเป็นลำดับแรก แสดงลักษณะหรือคุณสมบัติทางจิตวิทยาเป็นลำดับรอง
อธิบายได้ว่า เมื่อปรากฏว่ามีดาว หรือปัจจัย เข้าไปสถิตในราศีใดก็ตาม อิทธิพลตามความหมาผสมระหว่าง ดาวพระเคราะห์นั้น กับ ราศีที่สถิต จะเกิดขึ้น ทางด้านใน หรือทางด้านจิตใจของเจ้าชะตา และแล้ว อิทธิพลดังกล่าวนั้น ก็จะค่อย ๆ พัฒนา จนกลายเป็นมีผลต่อชีวิตของเขาและปรากฏให้เห็นประจักษ์ทางด้านนอก ในระยะต่อมา ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีทิศทาง จากภายใน ไปสู่ภายนอก ตัวอย่างเช่น เสาร์สถิตราศีพฤษภ มีผลทำให้เจ้าชะตามีทุกข์ เกี่ยวกับการเงินหรือทรัพย์สมบัติ เกิดขึ้นทางด้านจิตใจ ในระยะเวลาต่อมาก็พัฒนาการออกไปสู่ทางด้านนอก ในรูปการต่าง ๆ เช่นกลายเป็น ตระหนี่ ฯลฯ ทั้งนี้ ร้ายดีย่อมขึ้นอยู่กับดาวที่มามีตำแหน่งสัมพันธ์หรือมีสัมพันธ์ทางโหราศาสตร์อื่น ๆ กับเสาร์ แต่หาก เสาร์สถิตในเรือนที่ 2 ไม่ต้องคำนึงถึงราศี อิทธิพลของเสาร์ก็จะแสดงแก่เจ้าชะตาทางด้านนอกก่อนคือ เป็นผู้มีรายได้จำกัด หรือมีรายได้จาก สิ่ง ตามคุณสมบัติของเสาร์ แล้วก็จะพัฒนาการกลายเป็นความรู้สึกทางด้านในคือ วิตกกังวล หรือมีทุกข์ ในสิ่งที่ได้มา หรือเกี่ยวกับสมบัติเงินทอง ร้ายดีแล้วแต่คุณภาพของเสาร์ ดังนี้ จึงอาจสรุปได้ว่า ราศีกับเรือนชะตา แสดงอิทธิพลเหมือนกัน แต่ลักษณะในการแสดงอิทธิพล แตกต่างกัน
เพศ ธาตุ และ คุณะ
ของ เรือนชะตา
เช่นเดียวกับในทฤษฎี จักรราศี ในทางทฤษฎีเรือนชะตา คงใช้ เพศ ธาตุ คุณะ ในการออกแบบคำพยาการณ์
ลึกซึ้ง เช่นเดียวกับการออกแบบคำพยากรณ์ในทางทฤษฎีจักรราศีทุกประการ และสามารถนำเอาความรู้ในการผสมอิทธิพลของดาวพระเคราะห์กับราศีมาใช้กับเรื่องของเรือนชะตาได้ทุกประการ
เพศ ในเรือนชะตา คงแบ่งออกเป็น เพศชาย คือ บวก เพศหญิง คือ ลบ และให้ เรือนที่ 1 เป็นเรือน เพศชาย
โดยไม่ต้องคำนึงถึงเพศของราศี ต่อไป เรือนที่ 2 ก็จะเป็นเพศหญิง เรือนที่ 3 เป็นเพศชาย ….. เช่นเดียกับ
จักรราศี
ธาตุ ในเรือนชะตา แบ่งออกเป็น ธาตุ ไฟ ดิน ลม น้ำ เช่นเดียวกับจักรราศี และกำหนดให้ เรือนที่ 1 5 9 เป็นธาตุ
ไฟ เรือนที่ 2 6 10 เป็นธาตุดิน เรือนที่ 3 7 11 เป็นธาตุลม และเรือนที่ 4 8 12 เป็นเรือนธาตุน้ำ ทั้งนี้โดยไม่
ต้องคำนึงถึงธาตุของราศีเช่นเดียวกัน แยกออกจากกันไปเลย
คุณะ คงแบ่งออกเป็น 3 ชั้น เหมือนกับราศี แต่ เปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ดังนี้
เรือนเกณฑ์ เทียบได้กับ จรราศี มีคุณสมบัติเหมือนกัน 1 4 7 10 แรงที่สุด
เรือนกลาง เทียบได้กับ สถิตราศี มีคุณสมบัติเหมือนกัน 2 5 8 11 อ่อนลงไป
เรือนปลาย เทียบได้กับ อุภยราศี มีคุณสมบัติเหมือนกัน 3 6 9 12 อ่อนที่สุด
ทั้งนี้โดยไม่ต้องคำนึงถึงคุณะของราศีต่าง ๆ
การผสมความหมาย หรืออิทธิพลระหว่าง ดาวพระเคราะห์ กับเรือนชะตา ให้ปฏิบัติเหมือนการผสมอิทธิพลดาวพระเคราะห์กับอิทธิพลของราศีทุกประการ อย่างคิดพิจารณารวมกัน ทั้งราศี และเรือนชะตา เป็นอันขาด ให้แยกพิจารณาต่างหากจากกัน ส่วนจะนำไปวินิจฉัยรวมกันในภายหลังนั้น ไม่มีอะไรขัดข้อง ซึ่งในทางปฏิบัติก็ควรทำอย่างนั้น
ภาค 2
ความหมายของเรือนชะตาแต่ละเรือน
เรือนที่ 1 เรือนที่ 7
ฉัน เธอ
เรือนที่ 2 เรือนที่ 8
ทางเข้า ทางออก
เรือนที่ 3 เรือนที่ 9
ที่นี่ ที่นั่น
เรือนที่ 4 เรือนที่ 10
อดีต อนาคต
เรือนที่ 5 เรือนที่ 11
บุตร บริวาร มิตรสหาย
เรือนที่ 6 เรือนที่ 12
โรคภัยไข้เจ็บ วามสันโดษ ความเปล่าเปลี่ยว
การทำงาน ธุรกิจ การนำ การตาย
เรือนชะตาเมอริเดียน สำคัญที่สุด
1. การอ่านดาวพระเคราะห์ประกอบเรือน อ่านโดยวิธี เอาความหมายของดาว ผนวกกับ ความหายของเรือน
ที่ดาวนั้นสถิต
2. ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยที่สถิตตรงเส้นแบ่งเรือนชะตา มีอิทธิพลแรงที่สุดในเรือนชะตานั้น ในการ
พยาการณ์ผู้พยากรณ์จะต้องเพ่งเล็งเป็นพิเศษ ทั้งนี้รวมทั้งปัจจัยหรือศูนย์รังสีที่มามีสัมพันธ์กับดาวหรือปัจจัยนั้นด้วย
3. ดาวหรือปัจจัยในเรือนชะตา ที่มีความสัมพันธ์กับ ปัจจัยแม่เรือน เช่น เมอริเดียน ของเรือน ชะตาเมอริเดียน
อาทิตย์ ของเรือนชะตาอาทิตย์ จันทร์ ของเรือนชะตาจันทร์ หรือในเรือนชะตาจร เช่น เมอริเดียน (จย )ของเรือน
ชะตาเช่น เมอริเดียน (จย) ของเรือนชะตาเมอริเดีย (จย) ……) มีอิทธิพลแรงกว่าดาวหรือปัจจัยที่มิได้สัมพันธ์กับ
ปัจจัยแม่เรือน
4. ในการพยากรณ์จรโดยทฤษฏีเรือนชะตา โดย โค้งสุริยยาตร์ ให้พยากรณ์จากดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยที่กล่าว
ในข้อที่ 2 และ 3 ข้างบนนี้ ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยที่ทับเส้นแบ่งเรือนชะตาจรกับ ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัย
ในเรือนชะตาที่สัมพันธ์กัน ปัจจัยแม่เรือนจร
5. โหราศาสตร์ยูเรเนียนไม่นิยมใช้สิ่งที่เรียกกันว่า เจ้าเรือน เพราะมีจุดที่สามารถบอกเหตุการณ์ที่แน่นอนและชัดแจ้ง
กว่ามีจำนวนมากพอแล้ว หากนักศึกษาจะยังใช้ เจ้าเรือน ประกอบคำพยากรณ์อยู่ต่อไปอีก ก็ย่อมจะกระทำได้
5. โหราศาสตร์ ทุกระบบ ถือว่า ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยในเรือนที่ 1 4 7 10 มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งแก่ชีวิต
เจ้าชะตา ยิ่งสถิตอยู่ใกล้เส้นแบ่งเรือนยิ่งสำคัญใหญ่ ทั้งนี้รวมทั้งที่สถิตได้ตำแหน่งสัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตาด้วย
6. ดาวพระเคระห์หรือปัจจัยในเรือนที่ 10 หรือสถิตใกล้จุดเมอริเดียน มีอิทธิพลต่อเจ้าชะตามากที่สุดและเรียกว่า
เกษตรของดาวชะตา (
เป็นคำกล่าวของท่านวิตเตอ )
บทที่ 286
สวัสดีท่านพี่น้อง วันนี้เราจะมาคุยเรื่องดาวสองดวงที่เราต้องจับตามองในการทำนาย
เพราะเป็นดาวที่สำคัญในชีวิตเรามากเรามารู้จักกับเค้าหน่อยนะครับคือดาว
ดาวพฤหัส
ดาวพฤหัสจรปัจจุบันหรือ
Transit ต้องใช้เวลาราวๆ 12 ปี จึงจะโคจรมาครอบ 1
รอบ หรือหนึ่งวงรอบ ถึงพฤหัสกำเนิด แต่ละครั้ง
จะแสดงถึงความหมายการมองโลกในแง่ดี การหลงใหลในการเรียนรู้เพื่อที่ให้ได้
ประสบการณ์ และยังเกี่ยวข้องกับโชคลาภ
จึงอาจแสดงถึงการบรรลุถึงจุดสุดยอดเพื่อรับผลแห่งความสำเร็จ
และเรายังดูได้จากดาวพฤหัสโคจรผ่าน จุดเจ้าชะตาในพื้นดวงก็จะส่งผลดีในด้านต่าง ๆ
ตามจุดเจ้าชะตานั้น เช่น อาทิตย์ ก็จะมีความสุขทางกายสังขาร หรือมีโชคดีครั้งใหญ่
ถ้าผ่านลัคนาก็จะได้รับการยกย่องการมีชื่อเสียง ฯลฯ
ดาวเสาร์
เป็นดาวที่น่าประทับใจมากที่สุด วงรอบของดาวเสาร์ใช้เวลา 29-30
ปี ต่อ 1 วงรอบ
ถ้าดาวเสาร์โคจรมาทับดาวเสาร์กำเนิด จะบ่งบอกถึงเรื่องความวิกฤติ
เช่นการโยกย้ายครั้งสำคัญในชีวิต การเดินทางไกล การพลัดพรากการลาจากของบุคคลใกล้ชิด
บางคนก็จะจนที่สุด ฯลฯ จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีทั้งนั้น
และถ้าดาวเสาร์จรมาถึงจุดเจ้าชะตาในพื้นดวงก็จะบ่งบอกถึงเหตุร้ายต่าง ๆ
ตามจุดเจ้าชะตานั้นในรอบปีนั้นด้วย เช่นเสาร์ถึง ลัคนา
ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพแวดล้อมใกล้ตัว เกิดขึ้น หรือทับอาทิตย์
ก็จะมีเรื่องการพลัดพรากทางด้านกายสังขารเกิดขึ้น
วงรอบของดาวสองดวงจะบ่งบอกของชะตาชีวิตของเจ้าชะตาในด้านบวกและลบ
เราจะอยู่ได้ไม่เกินสามรอบของดาวเสาร์ เพราะเค้าเดินรอบจักรราศีใช้เวลา 30 ปี
ถึงมาทับอาทิตย์กำเนิดเรา ก็จะทำให้ชะตาชีวิตมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ถ้ารวมเรื่องร้าย ๆ ในชีวิตก็จะมีแค่ สองครั้ง เป็นส่วนใหญ่ ถ้าคนเราผ่านอายุ 60
ปีไปได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ในโลกนี้อายุอยู่ประมาณ 70-75 เป็นส่วนใหญ่ ใครอยู่เกินถึง
สามรอบดาวเสาร์ก็นับว่าโชคดีไป สามรอบก็อายู 90 ปี ใครอยากอยู่ถึงก็รอดาวเสาร์จร
สามรอบนะครับ ส่วนดาวพฤหัสถ้าเค้าถามว่าจะมีโชคหรือตั้งตัวได้ก็ให้ดูรอบ 12
ปีของเค้าจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น ครับ เท่านั้นเอง วงรอบสำคัญตรงนี้นะครับท่านพี่นอง
ความลับอยู่ตรงนี้ครับ
บทที่ 287
สวัสดียามเช้าของเดือนใหม่ เดือนนี้น่าจะมีอะไรแปลก
เพราะใกล้จะมีการเปลี่ยนแปลงของชะตาชีวิตของคน
วันนี้เลยเอาเรื่องการดูเรื่องสุขภาพแบบง่ายมาให้ท่านศึกษาดูจะได้นำทายเกี่ยวกับโรคต่างๆได้นะครับ
การตรวจโรคภัยไข้เจ็บในทางโหราศาสตร์มีดังนี้
1. กาย (อาทิตย์) ได้แก่การป่วยโรคโดยทั่วไป เช่น ปอดบวม ลำไส้อักเสบ
2. ทางจิต ( จันทร์) หรือ ทางใจ เช่น เศร้าโครกเสียใจ ขี้ตื่น คิดมาก วิตกกังวล เป็นตน
3. ทางสัญชาตญาณ ( เมอริเดียน ) เช่น วิกลจริต ทำอะไรโดยไม่รู้ตัว เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ตามปกติแล้ว คนเรามักป่วยเป็นโรคทางกายสังขาร เช่น เป็นไข้ มะเร็ง ฯลฯ ทั้งนี้รวมทั้งอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บในกรณีต่าง ๆ ด้วย เพราะฉะนั้นการพยากรณ์เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ นักพยากรณ์จึงพุ่งความสนใจไปที่ อาทิตย์ แต่สำหรับเจ้าชะตาหญิง ต้นสนใจ จันทร์ ด้วย เพราะจันทร์ในดวงชะตาของเจ้าชะตาหญิงหมายถึงร่างกาย ส่วนใจดวงชะตาชาย จันทร์ จะหมายถึง มารดา ภรรยา หรือ ญาติสนิทหญิงของเขา ตัวอย่างเช่น จันทร์ = อังคาร/มฤตยู อาจหมายถึงภรรยาประสบอับัติเหตุหรือผ่าตัดได้
การตรวจโรคเกี่ยวกับร่างกาย
1.1 การตรวจโรคชนิดเฉียบเพลัน
ตั้งลูกศรไปทีจุด ศูนย์รังสี อังคาร/เนปจูน หรือ อังคาร/ฮาเดส และตัวดูว่าจุดใดจุดหนึ่งทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาหรือไม่ รวมไปถึงเข้าแกน และจุดเมษ ด้วย
1.2 การตรวจโรคชนิดเรื้อรัง
ตั้งลูกศรไปที่จุด อังคาร/เสาร์ เสาร์/เนปจูน เสาร์/ฮาเดส
การตรวจโรคโดยการตั้งจุดดังกล่าวนี้
เป็นการตรวจขั้นตน หากต้องการตรวจละเอียด ให้ใช้จุดอิธิพลเข้าช่วยเพื่อให้ได้รายละเอียดเกี่ยวกับโรคต่าง
ๆ มากขึ้น เช่น โรคมะเร็ง คือ เสาร์+เปนจูน-ฮาเดส
เป็นต้น เป็นหน้าที่ของผู้พยากรณ์ที่จะต้องคัดเลือกเอาเองจากสูตรต่าง ๆ
แล้วบันทึกเอาไว้ เพื่อใช้สำหรับพยากรณ์ของตนเอง
ทั้งนี้การจัดทำสถิติด้วยประสบการณ์ของตนเองด้วย
บทที่ 288
02/05/2010
การหารายสามเดือน กับการหารายสามวัน เป็นการทดสอบรายปีอีกครั้ง
เป็นวิธีที่ทำให้เราทราบเวลาที่จะเกิดเรื่องต่างของเจ้าชะตาได้แบบง่าย
อาจให้อาทิตย์ย้ายราศี หรือ new moo จันทร์จรทับจันทร์กำเนิดก็ได้
แต่ในที่นี้เน้นในเรื่องของ new moon
เพราะบางที่จันทร์อาจไม่ตรง ส่วนอาทิตย์ย้ายราศีก็มีความระยะเวลามากเกินไป
วงรอบของจันทร์ 28 วัน อาทิตย์ 30-31 วัน
ท่านก็เลือกว่าจะชอบแบบไหนนะครับท่านพี่หนองที่เข้ามาอ่าน
การกำหนดเหตุการณ์รายเดือน
การกำหนดเหตุการณ์รายเดือนนี้เราจะต้องตรวจสอบจากเหตุการณ์รายปีมาก่อนว่ามีเรื่องที่จะต้องการทราบหรือไม่ถ้ามี
เราก็มองหารายเดือนต่อไป โดยดูจากเดือนที่เหลือจากปีเดือนเช่นเกิดเดือนมีนาคม
เราก็เช็คจากเดือนที่เจ้าชะตามาถาม เช่นเราตั้งดวงรายปีตั้งแต่ปี มีนาคม 2552
–
มีนาคม 2553 เจ้าชะตามาถามเดือนมกราคม เราก็เริ่มเช็คจากเดือนมกราคมเป็นต้นไป
ถ้าเหตุการณ์นั้นยังไม่เกิด เราก็มีเวลาเช็คน้อยลงไปเพียง สามเดือน
การเช็คเหตุการณ์รายเดือนก็ไม่ยากอะไรเราก็ทำเหมือนตรวจสอบเหตุการณ์รายปี
แต่เพียงเปลี่ยนอาทิตย์จร ถ้าเป็นรายปีอาทิตย์ต้องทับอาทิตย์กำเนิด
แต่รายเดือนเราจะเคลื่อนดวงอาทิตย์จรไปอยู่ที่เส้นแบ่งเรือนในแต่ละเดือนที่ 00.00
องศา เช่นเราเช็คเดือนมากราคาก็ประมาณวัน 20 หรือ 21 ของแต่ละเดือน
และเราก็ดูว่าจุดอิทธิพล
หรือปัจจัยที่เราตั้งขึ้นในรายปีนั้นเข้ามาทำมุมกับพื้นดวงหรือดาวจรรายเดือนหรือไม่
เราไม่ควรลบจุดต่าง ๆ ที่เราตั้งในการตรวจเหตุการณ์รายปีไป
เพราะเราสามารถนำมาใช้ในการดูรายเดือนได้ง่ายขึ้นเพียงใช้
new moon และก็ดูว่าเดือนไหนที่จุดอิทธิพล
ที่เราตั้งขึ้นทำมุมแรง ๆ กับจุดเจ้าชะตา รวมไปถึงโค้งด้วย
หรือเข้าแกนด้วยก็จะยิ่งแรงในเดือนนั้น
แต่ขอให้ทำการตรวจสอบทุกเดือนที่เหลือให้หมดก่อนตัดสินใจลงไปว่าเดือนไหนน่าสนใจที่สุด
พอได้เดือนแล้วเราก็เริ่มหารายวันกันต่อไป
ถ้ามองภาพรวมการดูรายเดือนก็เหมือนดูรายปีนั่นเอง เพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่งดวงอาทิตย์
เป็น new moo
หรืออาทิตย์ ย้ายราศี
การหาเหตุการณ์รายสามวัน
การหาเหตุการณ์รายวันก็ไม่ยากเหมือนกันเมื่อเราได้เดือนที่สำคัญแล้วเราก็เริ่มมาหาเหตุการณ์รายวันที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นกันต่อไป
ตอนนี้เราจะมาใช้เครื่องมือใหม่คือจันทร์ การโคจรของดวงจันทร์จะใช้เวลาสามวันกว่า ๆ
ต่อหนึ่งราศี เราใช้เหตุการณ์นี้มาบีบวันให้แคบลงมาจากสามสิบวันหรือสามวัน
จุดอิทธิพล หรือโค้ง หรือปัจจัยต่าง ๆ ยังคงตั้งไว้เหมือนเดิมแต่
หมุนจันจากเดือนนั้น ให้ไปทับเส้นแบ่งราศีไปเลื่อย ๆ
และดูว่าจุดที่เราตั้งขึ้นมาทำมุมแรงในวันที่จันทร์ย้ายราศีหรือไม่
ถ้ามีก็จะบอกเหตุการณ์ เหลือเพียงสามพันนั้นน่าจะเกิดขึ้น
แต่ควรหาไปให้ครบทั้งเดือนก่อนตัดสินใจว่าจันทร์ย้ายราศีวันไหนแรงที่สุด
มันจะทำไม่ให้เราหลงทางช่วงนี้ต้องใช้ความชำนาญมากและใช้ความละเอียดสูง
ซึ่งมันเริ่มแคบลงมาแล้ว เราต้องดูให้ละเอียดมากกว่าดูรายปี รายเดือนให้มาก
ถ้าไม่มั่นใจอย่าพึ่งตัดสินใจ
บางที่เราอาจหยุดการพยากรณ์ได้ว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจะอยู่ในช่วงสามวันก็เป็นการเพียงพอแล้ว
ไม่ต้องลงไปถึงวัน
แต่เราก็มีความสามารถลงไปถึงวันได้ให้ท่านฝึกรายสามวันไปก่อนให้ชำนาญ
บทที่ 289
วันนี้เรามาคุยเรื่องดาวทิพย์ดวงหนึ่งคิดว่ามีความสำคัญมาก ในการทำนาย
เกี่ยวกับเรื่องร้าย ๆ นาน ๆ ทีดาวทิพย์จะทำงาน
ในกลุ่มก็มีดาวดวงนี้ที่ให้ผลแรงที่สุด คือ
ความหมายของดาว
AD
ดาวดวงนี้ถือว่าเป็นดาวที่ไม่ค่อยดีนักมักเกี่ยวข้องกับความพลัดพรากการลาจาก
ความตาย ความแช่แข็ง ความลึก ความเย็น ความไม่มีวิญญาณ ร่างที่ไร้วิญญาณ
เป็นเสาร์กำลังสามก็ว่าได้ ในการดูเรื่องความตายจะต้องมีโค้ง
Ad
มายุ่งเกี่ยวข้องทุกครั้งเสมอ ดาวดวงนี้จะแปลว่า เรื่องอิฐหินดินทรายก็ได้
ถ้าดาวดวงนี้แรง ๆ ก็ให้เจ้าชะตาไปทำเรื่องบ้านและที่ดินก็ได้
หรือขายอิฐหินดินทรายก็ได้ หรือทำเหมืองแร่ก็ได้ การขุดหลุมก็ได้บ่อน้ำก็ได้
วิธีแก้ไขดาวดวงนี้ควรมีที่ลึก ๆ ไว้ภายในบ้านเช่นบ้านใกล้กับบึงใหญ่ที่มีความลึก
ก็สามารถแก้ไข ดาว Ad
นี้ได้เช่นเดียวกัน
ดาวดวงนี้ถ้าทำให้มันดีก็ดีได้ ทำให้ร้ายก็ร้ายได้
แต่ส่วนมากผมจะทำให้ดาวร้ายให้มันส่งผลดีกับเราคือทำตัวตามดาวเท่านั้นก็เป็นอันทำให้อำนาจของมันหมดไปในสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาหรือทำตัวตามที่มันเป็นไปเท่านั้นเอง
ถ้าในเรื่องของจิตใจ ก็จะแปลว่าเป็นคนวิตกกังวลในเรื่องต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิติ
มีความทุกใจอยู่เสมอ ถ้าไม่แก้ไข ถ้าดาวดวงนี้ทำมุมถึงอาทิตย์ หรือจันทร์ รับรองว่า
เป็นวิตกกังวลอย่างแน่นอน หรือมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
และก็จะแปลว่าอยู่ในที่จำกัด อับทึก มืด หรือที่ทำงานอยู่ในที่แคบ ๆ
หรือบ้านแคบก็เป็นไปได้ มันจะบอกถึงเรื่องจิต และสิ่งแวดล้อมได้ทั้งหมด
เวลาเราพยากรณ์เราก็ควรพูดให้หมด เพราะมันก็จะเป็นอย่างนั้น
เราสามารถเป็นเพื่อนกับมันได้ไม่ยาก
และทำให้มันไม่ทำงานเลยก็ได้ถ้าทำตัวให้เหมือนดาวเสียก็จบไป มันก็ไม่เล่นงานเรา
เค้าเรียกทำตัวตามดาว แล้วเราก็จะปลอดภัยจากดาวร้าย ๆ ทั้งหลาย
บทที่
290
วันนี้เราจะมาคุยเรื่องดาวทิพย์กันอีกดวงคิดว่าในการทำนายจะให้ความยุ่งยากกับท่านในการตีความหน่อยเลยนำมาเสนอให้ท่านว่าคำแปลน่าเป็นอะไรในด้านรูปธรรม
และนามธรรม นะครับ
ความหมายของดาวฮาเดส
(HA)
ดาวฮาเดส เป็นดาวทิพย์ ที่ไม่อยู่ในระบบสุริยะจักรวาลเป็นดาวที่นักโหราศาสตร์ค้นพบโดยการคำนวณขึ้นมา มีอยู่จริงแต่อยู่ไกลมาก เป็นดาวที่ส่งผลในด้านลบมากกว่าด้านบวก เป็นดาวที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยความตาย ขยะ ของใช้แล้ว ของเสีย อาหาร การเจ็บป่วยที่ใช้เวลานาน โรคประจำตัว ที่บอกว่าเป็นดาวแห่งความตาย มันเป็นเหมือนดาวเสาร์กำลังสอง ที่ส่งผลทางด้านลบมากกว่าถ้าดาวนี้เข้ามาทำมุมหรือมีความสัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตาหรือดาวเคราะห์อื่น ๆ ก็จะส่งผลทางด้านด้านนี้ไปด้วย ดาวนี้แยกออกเป็นของประเภทมีดังนี้
ทางด้านจิตใจ ถ้าดาวนี้ทำมุมถึง mo หรือ as mc
ก็จะทำให้เจ้าชะตาเป็นคนคิดมาก วิตกกังวล
หรือถ้าเป็นบุคคลเพศหญิงก็จะทำให้มีการเจ็บป่วยทางด้านร่างกายและจิต
หรือเป็นคนที่มีเกณฑ์หย่าร้าง พ่อหม้าย แม่หม้าย ความขัดสน
หรือจะเรียกว่าจันทร์ในพื้นดวงเสียก็ได้แต่จะเสียในรูปไหนต้องวิเคราะห์ในพื้นดวงของเจ้าชะตาให้ละเอียด
บทที่ 291
สวัสดีครับผู้ที่ติดตาม โหราศาสตร์วันละนิด มันก็นิดจริง ๆ ใครอ่านมากได้มาก
ข้าพเจ้าคงจะคุยแบบเปิดอกกันไปเลยไม่มีปิดวิชานี้
ขอบคุณท่านทั้งหลายที่เป็นนักเรียนและไม่ใช่นักเรียนข้าพเจ้าที่ได้เข้ามาอ่าน
ความดีขอยกให้ท่านอาจารย์ประยูร ฯ
และขอบคุณท่านที่ได้ร่วมทำบุญสร้างพระธาตุกับข้าพเจ้าในวันที่ 22
นี้ก็จะออกเดินทางนำเงินที่ได้มานี้ ไปทำบุญตามความประสงค์ท่านที่
ช่วยกันมานะครับไม่ต้องมาก ก็ได้บุญแล้วครับ สำหรับท่านที่ไม่มีเวลาเรียนก็สามารถเข้ามาอ่านตรงนี้ได้ ถือว่าเป็นการทบทวนกันไป
ข้าพเจ้าว่าอ่านไปจะได้ความรู้กว่าคนที่มีเรียน
เพราะเอาแต่ใจความสำคัญมาให้ท่านทั้งหมด ดีใจมากที่มีนักเรียนหลายท่านติดตาม
ข้าพเจ้าก็แอบดีใจและคิดถึงนักเรียนทุกคนที่ไม่ได้มาเรียน
ถ้ามีเวลาก็เข้ามาเรียนได้เราเปิดให้ทุกท่านครับที่เรียนที่นี่เข้ามาหาความรู้ได้ถ้ามีเวลา
ใครอยากเรียนก็มาเรียน ใครมีกิจก็เข้ามาอ่านไป
เข้าเรื่องกันดีกว่าวันนี้เรามาคุยกันเรื่อง
การโคจรของดาวทิพย์กันหน่อย ว่าเค้าเดินกันอย่างไร ช่วงนี้
ha เข้าแกน 2 อยู่
ใช้เวลาเท่าไรท่านมาอ่านด้านล่างนี้จะเข้าใจนะครับ
ดาวทิพย์ คิวปิโด
โคจรรอบจักรราศี 262.5 ปี ราศีละ 21
ปี 10 เดือน 15
วัน
ดาวทิพย์ ฮาเดส
โคจรรอบจักรราศี
360.66 ปี ราศีละ 30
ปี 7 เดือน 28 วัน
ดาวทิพย์ เซอุส
โคจรรอบจักรราศี 455.7 ปี
ราศีละ 37 ปี 11 เดือน 21
วัน
ดาวทิพย์ โครโนส โคจรรอบจักรราศี 521.8 ปี ราศีละ 43 ปี 5 เดิอน 24 วัน
ดาวทิพย์ อาพอลลอล โคจรรอบจักรราศี 631.7 ปี ราศีละ 52 ปี 6 เดือน 30 วัน
ดาวทิพย์ วัลคานุส โคจรรอบจักรราศี 679 ปี ราศีละ 56 ปี 6 เดือน 30 วัน
ดาวทิพย์ โพไซดอน
โคจรรอบจักรราศี
589.4
ปี ราศีละ 49 ปี 3.5
วัน
ดังนั้นดาวทิพย์ออกจะเดินช้าหน่อยแต่ให้ผลรุนแรงและยาวนาน
ช่วงนี้ใครมีจุดเจ้าชะตาอยู่แถวๆ แกนกรกฎ
กว่าระวังเรื่องการเจ็บป่วยหรือการล่าช้าในการงานหน่อยนะครับ และแถมด้วยของดี
ความหมายทางโหราศาสตร์ ของดาวพระเคราะห์ที่โคจรเร็ว และโคจรช้า
โคจรเร็ว ( เสริด )
ทางเทคนิค เรียกว่าโคจร เสริด ดาวพระเคราะห์ใดก็ตาม ถ้าโคจรเร็ว หรือเสริด มีอัตราการโคจรมากกว่าอัตราการโคจรเฉลี่ย จะมีผลทำให้สิ่งตามความหมาย ของดาวพระเคราะห์ดวงนั้น พัฒนาการเร็ว และบรรลุผลเร็ว ทางด้านจิตวิทยา จะหมายถึงการแสดงออก และมีกริยาอย่างรวดเร็ว สำหรับในด้านของชะตาชีวิต หมายถึงโอกาสมาเร็ว อย่างไรก็ดี การมีความรวดเร็ว ย่อมบกพร่องทางด้านความละเอียดถี่ถ้วนเป็นธรรมดา
โคจรช้า ( มนท์ )
ทางเทคนิค เรียกว่าโคจร มนท์ ดาวพระเคราะห์ใดก็ตาม ถ้าโคจรช้า หรือ มนท์ มีอัตราการโคจรน้อย กว่าอัตราการโคจรเฉลี่ย จะมีผลทำให้สิ่งตามความหมาย ของดาวพระเคราะห์ดวงนั้น พัฒนาการช้า และบรรลุผลช้า ทางด้านจิตวิทยา จะหมายถึงการแสดงออก และมีกริยาที่เชื่องช้า และสำหรับในด้านชองชะตา ชีวิต หมายถึงโอกาสช้า หรือมีธรรมชาติเฉื่อยชานั่นเอง อย่างไรก็ดี ความช้าก็คือความมั่นคง
ทิศทาง
แบ่งออกเป็น โคจรปกติ ( ปกติ ) ตามจักรราศี โคจรถอยหลัง ( พักร์ ) ย้อนจักรราศี และโคจร อยู่กับที่ ( สถิต ) และมีความหมายทางโหราศาสตร์ดังนี้
โคจรปกติ
ทางเทคนิคเรียกว่า
โคจร ปกติ ซึ่งหมายถึงการโคจรตามจักรราศี
ตามธรรมชาติการโคจรของดาวพระเคราะห์ใดโคจรตามปกติ
สิ่งตามความหมายของดาวพระเคราะห์ นั้น ๆ จะพัฒนาการไปโดยปกติ
และไม่มีการขาดตอนจนกว่าจะบรรลุผล
ทางด้านจิตวิทยาจะหมายถึงการมีความเป็นไปตามปกติของการพัฒนาการ และการแสดงออก
ของความสามารถตามธรรมชาติของดาวพระเคราะห์นั้น
โดยไม่มีการสะดุดหยุด
โคจรถอยหลัง
คือการ พักร์
หมายถึงการโคจรย้อนจักรราศี หรือย้อนการโคจรตามธรรมชาติ ของดาวพระเคราะห์นั้น
ดาวพระเคราะห์ใด โคจรพักร์
ย่อมหมายถึงการขาดตอน ความจำกัด และความเสื่อมถอย อันเนื่องมาจากการที่ต้อง
เอาชนะอุปสรรค ต่าง ๆ
เพื่อบรรลุผลในสิ่งตามความหมายของดาวพระเคราะห์นั้น สำหรับทางด้านจิตวิทยา
จะหมายถึงพัฒนาการและการแสดงออกที่
ถูกจำกัด ไม่มั่นคง ไว้ใจไม่ได้ ของขีดความสามารถที่ตรงกับธรรมชาติ
ของดาวพระเคราะห์นั้น ดาวพระเคราะห์ที่โคจรพักร์นี้
ไว้ใจไม่ได้ ของขีดความสามารถที่ตรงกับธรรมชาติ ของดาวพระเคราะห์นั้น
ดาวพระเคราะห์ที่โคจรพักร์นี้ จะให้ความไม่แน่นอน
ทั้งด้านดี และด้านร้าย และโบราณถือว่าดาวพระเคราะห์ ที่โคจรพักร์นี้
มีคุณภาพไม่ดีนัก
โคจรอยู่กับที่
คือการหยุดนิ่ง
ซึ่งหมายถึง ตั้งอยู่ เพราะยังไม่มีในวงการโหราศาสตร์ไทย การโคจรอยู่กับที่
หมายถึงการมีอัตราการโคจรเท่ากับสูญ
ซึ่งอาจเป็นช่วงที่ดาวพระเคราะห์เปลี่ยนจากโคจรปกติ เป็นโคจรพักร์
หรือเปลี่ยนจากโคจรพักร์ เป็น โคจร ปกติ ก็ได้ และตามปกติแล้ว จะถือเอาขณะเริ่มโคจรพักร์
หรือเริ่มโคจรปกติ
ในกรณีโคจรอยู่กับที่จะมีผลคือ ทำให้สิ่ง ตามความหมายของดาวพระเคราะห์ดวงนั้น
ๆ มีอันต้องพัฒนาการไปด้วยการเชื่องช้า
และกว่าจะบรรลุผลต้องใช้เวลานาน หรือยืดเยื้อเรื้อรัง หรือเกิดสภาพดื้อ
สำหรับผลทางด้านจิตวิทยาหมายถึงการดื้อ
การทำให้หยุดนิ่ง และการย้ำหนักในการแสดงออกของขีดความสามารถ
ตามธรรมชาติของดาวพระเคราะห์นั้น
ตอนนี้ดาวเสาร์กำลังอยู่กับที่และพร้อมที่จะเดินหน้าเข้าราศีตุลย์ในระยะนี้
ก็มีผลทำให้คนในราศีตุลย์ ต้องได้รับอิทธิพลดาวดวงนี้ไปอีกไม่นาน
ดาวที่เริ่มเข้าราศีใหม่ จะมีความรุนแรงกับราศีนั้น ครับท่าน
(เรารู้นะว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่
เราแอบมองท่านอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน
คือตาของฟ้า su
and mo)
บทที่ 292
วันนี้เรามาดูเรื่องการดูสิ่งที่ผ่านด้วยโค้งฯ กัน ว่าจะให้อะไรกับเราได้ 1.
เพื่อนเป็นการตรวจสอบว่าเวลาเกิดตรงหรือไม่
2. เช็คดวงว่าตรงกับเจ้าตัวหรือไม่
ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าชะตาว่าจะพูดความจริงกับเราหรือไม่ ส่วนมากก็จะลืมกัน
หรือไม่พูดความ
จริงที่มีมาแต่เราก็จะทราบว่าปีไหนมีอะไรเกิดขึ้นและมันจะเกิดขึ้นอีกทุก ๆ
รอบของมัน เช่นทุก 12 ปี 30 ปี เป็นต้น
การดูโค้งย้อนหลังเพื่อตรวจสอบสิ่งสำคัญที่ผ่านมา
การตรวจสอบโค้งย้อนหลังจะทำให้เราทดสอบประวัติพื้นดวงของเจ้าชะตาว่าถูกต้องหรือไม่เพื่อป้องกันการบอกวันเดือนปีผิด
เป็นการตรวจสอบพื้นดวงอีกวิธีหนึ่ง
เราสามารถใช้โค้งอะไรก็ได้นำมาตรวจสอบส่วนมากเราจะใช้โค้งแรง ๆ คือโค้ง เสาร์
เป็นหลัก
คือถ้าเราย้อนหลังปีไปยังปีที่เจ้าชะตาเกิดเหตุการณ์สำคัญเช่นการสูญเสียพ่อแม่
หรือมีการโยกย้าย หรือเปลี่ยนงาน
เราจะใช้โค้งเสาร์เป็นการตรวจสอบว่าโค้งเสาร์ถึงจุดเจ้าชะตา เข้าแกนทั้งสี่หรือไม่
หรือดาวเคราะห์ที่เราสามารถแปลออกมาได้ หรืออาจใช้โค้ง ศุกร์
ตรวจสอบเรื่องความรักที่ผ่านมาว่าเจ้าชะตาเจอเรื่องความรักในช่วงชีวิตที่ผ่านมาตรงหรือไม่
แต่จริงแล้วเราจะเริ่มจากโค้งเมษเป็นหลักจะบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเจ้าชะตา
หรือโค้ง AD
หรือ โค้ง
HA
เป็นการตรวจการเจ็บป่วยย้อนหลังไป
การใช้โค้งย้อนหลังเจ้าชะตาจะต้องจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้ได้
เราจะค่อยเริ่มต้นจากตั้งแต่เกิดเลยก็ได้จะเป็นการดี ถ้าตรงเกิน
ครึ่งจากเรื่องที่ดูมาถือว่าดวงชะตาใช้ได้ถูกต้อง
และจะทำให้เรามั่นใจว่าวันเดือนปีนั้นถูกต้องแล้ว
และก็เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้พยากรณ์ด้วย แต่ต้องใช้เวลา เช็คโค้งที่แรง ๆ
เท่านั้นจะเห็นชุดเจนมากกว่า หรือจะเช็คเรื่องโค้ง
kr
ก็ได้เกี่ยวกับการปรับตำแหน่ง การจบการศึกษา
แต่โค้งเสาร์ก็เพียงพอแล้วเพราะเรื่องถูกอย่างจะต้องมีการพลัดพรากจากกัน
ดูเช็คโค้งเสาร์ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าทำที่สุดเพราะดูง่าย มันจะหมายถึง ในสมัยเด็ก ๆ
อาจมีการย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียน ขึ้นขั้นใหม่ มีการสูญเสียบุคคลสำคัญ
หรือมีการย้ายบ้าน เกิดขึ้นเมื่อโค้งมันถึงจุดเจ้าชะตาทั้งหมด
เราก็บอกว่าปีนั้นน่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเค้า
แต่ท่านต้องค่อยถามเค้าและใช้เวลาให้เจ้าชะตานึกย้อนหลังไปบางทีเจ้าชะตาอาจลืมไปบอกไม่มี
ก็ให้เค้าไปคิดก่อนแล้วมาบอกก็ได้ผมจอหลายคนแล้วที่บอกว่าไม่มีแต่วันหลังก็มาบอกว่าลืมไปมีเหตุการณ์ที่พยากรณ์ออกไปเกิดขึ้นจริง
การทอสอบโค้งย้อนหลังควรทำประกอบการเช็คพื้นดวงไปด้วย อย่างน้อย ๆ
ก็จะทำให้เจ้าชะตามีความมั่นใจในการพยากรณ์ของเรามากขึ้น
ถ้าอดีตตรงเรื่องที่จะเกิดต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะมันจะต้องเกิดขึ้นอีก
ในการทดสอบเราอาจใช้วิชาวงรอบชีวิตมาเช็คได้อีกคือเรื่องทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเจ้าชะตาจะต้องเวียนกลับมาซ้ำอีกหลังในช่วง
7 ปี หรือ 12 ปี มันจะกลับมาเกิดอีกครั้งเราอาจถามไปว่า 7
ปีที่แล้วมีการโยกย้ายหรือไม่ถ้ามีปีนี้ก็จะเกิดคล้าย ๆ กัน
เป็นการดูดวงแบบไปต้องทั้งดวง เพราะเรื่องในชีวิตมันจะซ้ำ ๆ กันอยู่ เพราะเวลา 7 ปี
12 ปี เป็นช่วงที่โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนใช้เช็คเรื่องที่ผ่านมาเป็นการช่วยในการพยากรณ์หลังจากเช็คดวงไปแล้วว่าเค้าอาจมาถามเรื่องเปลี่ยนงานถ้าเราดูแล้วว่ามี
เราอาจย้อนถามไปว่า 7 ปีที่แล้วมีการโยกย้ายหรือไม่ถ้ามีก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
หรืออาจเป็นช่วง 12 ปีก็ได้
อนึ่งเราอาจใช้โค้งจุดเจ้าชะตาช่วงดูด้วยก็ได้เช่นเดียวกันว่าโค้งจุดเจ้าชะตาถึงดาวอะไรเช่นกัน
เจ้าชะตาก็จะเป็นไปตามดาวนั้นในปีนั้น ถ้าเจ้าชะตาเป็นชายให้ใช้โค้งอาทิตย์
ถ้าเจ้าชะตาเป็นหญิงให้ใช้โค้งจันทร์เป็นหลัก และเราสามารถใช้โค้ง ลัคนา เมริเดียน
เช็คเรื่องการโยกย้ายสถานที่ได้ด้วย
บทที่ 293
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องกาลชะตาคืออะไร คือ เวลา ณ
เกิดเหตุบางอย่างในช่วงนาทีนั้น เช่นเรากำลังเดินทางโดยเครื่องบิน ณ เวลานี้
เราก็จดเวลาไว้ และมาดูที่
mc
จร หรือ as จร
รวมไปถึง mo su ด้วย
เราก็จะเห็นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ หรือกำลังเรียนโหราศาสตร์ ณ ชั่วโมงนี้
เราจะเห็นการทำมุมของเจ้าชะตาสาม สิ่งนี้ที่จะคอยบอกเรา
แต่ท่านต้องแปลให้เป็นหน่อยเพราะจะยากนิดหนึ่ง การติดความขึ้นอยู่กับความสามารถ
แต่ถ้าท่านดูทุกวันท่านจะมีความสามารถไปเอง และจะเห็นการเป็นไปของดาว
กับเจ้าชะตานั้น ๆ ได้อย่างแม่นยำมาก คงจะเหมือนกับการวางเวลาดี ๆ นะครับ
ให้ท่านอ่านดูแล้วจะเข้าใจนะครับแล้วทำความเข้าใจในบทความนี้
วันนี้ข้าพเจ้าไม่อยู่ไปต่างจังหวัดไปกิจเกี่ยวกับการตั้งเสาเอก ให้ลูกศิษย์ที่
นครราชสีมา เป็นงานใหญ่ ต้องใช้เวลาในการทำงานพอสมควร
คงจะถามว่าโหราศาสตร์นี้ไปเกี่ยวอะไรการตั้งเสาเอก เพราะเราต้องให้เวลาดี ๆ
เค้าไปแล้วก็ลงมือทำกิจนั้นให้ทันเวลา
การดูกาลชะตา
กาลชะตาเป็นเรื่องของเวลาที่บ่งบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ณ วัน เวลา นั้น เราสามารถเช็คได้ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต หรือ ณ
เวลาทีเจ้าชะตาถาม ระบบกาลชะตาเราใช้การดู อาทิตย์จร จันทร์จร ลัคนาจร เมริเดียนจร
เป็นหลัก ณ วันที่มีอะไรเกิดขึ้น หรือมีคนเข้ามาหาเรา ณ วันเวลานี้
เค้าจะมาถามเราเรื่องอะไร หรือ ณ เวลานี้เรากำลังดำเนินชีวิตเป็นอย่างไรอยู่ได้
โดยดูจาก
อาทิตย์จะบอกว่าวันนี้ท่านจะทำอะไรภายในช่วงที่อาทิตย์ยังไม่โคจรอาทิตย์จะโคจรวันละ
1 องศา เท่ากับ 1 วัน หรือดูว่าชั่วโมงนี้เรากำลังทำอะไรอยู่
ก็ให้ไปตรวจเช็คจันทร์จรวงนอกว่าไปทำมุมถึงดาวอะไรในพื้นดวง และดาวจรวงนอกด้วย
รวมทั้งเราสามารถตั้งจุดอิทธิพล และศูนย์รังสีเข้าไปถามมันได้ว่า ณ
เวลานี้เราทำอะไรอยู่
การฝึกกาลชะตาท่านต้องมั่นจดบันทึกเวลาที่ท่านเกิดเหตุการณ์สำคัญเช่นวันนี้เราโดนมีดบาด ณ เวลาใดเราก็ตั้งเวลาดาวจรไป ณ เวลาโดนมีบาดเราก็จะเห็นดาวมันบอกเราได้อย่างแม่นยำ หรือเค้าอาจถามว่าวันพรุ่งนี้เค้าจะไปสมัครงานได้หรือไม่ เราก็ตั้งเวลาเดินไป ณ วันเวลาที่เค้าไปสมัครงานและดูว่าดาวบนท้องฟ้าดูหรือไม่ และอาจใช้จุดอิทธิพลสอบได้เข้าไปตัดสินได้เลย หรือวันไหนดี เราก็ไปดูทางการวางฤกษ์กันไป กาลชะตาเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักโหราศาสตร์ ขั้นสูง
เราสามารถดูได้ถึงนาทีนี้เราจะเกิดอะไรขึ้นก็ไปดูที่ลัคนาจร และเมริเดียนจร ว่า ณ เวลานี้เรามีอะไรเกิดขึ้นโดยใช้หลักการดูเหมือนการอ่านพื้นดวงและดาวจรเข้าหากัน แต่ก่อนอื่นท่านต้องฝึกดูย้อนหลังไปก่อนว่าท่านมีเรื่องอะไรที่เกิด ณ เวลาที่ผ่านมา ณ วันเวลานี้ และท่านตีดาวบนท้องฟ้าให้แตกแล้วท่านก็จะเข้าใจในการดูปัจจุบัน หรืออนาคตที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำทีเดียว ว่าเรากำลังจะไปทำอะไรดีหรือไม่ดี
แต่หลักใหญ่ ๆ เราจะดูจันทร์จร เป็นหลัก และตามลงมาดูที่ลัคนา และเมริเดียน
จะบอกเรื่องเป็นนาที ส่วนอาทิตย์จะบอกเรื่องเป็นวัน
การดูกาลชะตาทั้งหมดเราอาศัยการวัดเชิงมุมเข้ามาและตีดาวที่ทำมุมกับตำแหน่งอาทิตย์
จันทร์ ลัคนา เมริเดียน เข้าไป ท่านก็จะทราบเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
เราจะใช้การ
set
ค่าวันใน
transit
ที่ลูกศรขึ้นลงตรงนาที
เข้าช่วยในการหมุนเวลาถอยหลังหรือเดินหน้า
และ now
กลับมาอยู่ ณ
เวลาปัจจุบัน
ถ้าท่านฝึกจากสิ่งที่ผ่านมาและหัดอ่านดาวให้ดี ๆ
แล้วท่านจะเข้าใจในการพยากรณ์แบบกาลชะตา ซึ่งแยกออกมาจากเหตุการณ์รายปี
ที่เราใช้อยู่ หรือโค้งรายปี
บทที่
294
วันนี้เรามาคุยเรื่องการปรับเวลาเกิดกันหน่อยถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก
ถ้าเวลาเกิดไม่ตรง จะทำให้เราทำนายผิดได้ หรือไม่ตรงความเป็นจริง
จะเหมือนเราก่อนยิ่งปืนต้องปรับศูนย์ปืนให้เที่ยงเสียก่อนนะครับ
1. การปรับดวงชะตาที่การกา เวลาเกิดที่แน่นอน หรือการหา เวลาเกิดที่ถูกต้อง ตามกฎเกณฑ์ของยูเรเนียนในขณะเดียวกัน สำหรับกรณีไม่ทราบเวลาเกิด หรือในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับเวลาเกิด มีวิธีการ หาเวลาเกิดให้หรือแก้ปัญหาเกี่ยวกับเวลาเกิด ให้แก่เจ้าชะตา ได้อีกด้วย
2. ความมุ่งหมาย การเกิด คือปรากฏของ เหตุการณ์สำคัญ อันหนึ่ง ในชีวิตของมนุษย์ หรือของ สิ่งอื่น ๆ ที่ต้องการจะปรับดวงชะตาสิ่งนั้น ๆ ณ จุดเกิด สามารถนำไปใช้ในการบอกเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตของเจ้าของดวงชะตานั้น ๆ ได้ เกี่ยวกับเรื่อง จุดเกิด ของการเกิด ของมนุษย์ ปรากฏว่าได้เกิดเป็นปัญหาขบคิดและถกเถียงกันไปต่าง ๆ ว่า จะถือเอาเวลาในตอนใด หรือขั้นตอนใด ของการเกิดกันแน่ ดังเช่น ขณะเห็นศรีษะ ขณะคลอดเต็มตัว ขณะหายใจครั้งแรก ขณะตัดสายสะดือ ฯลฯ และก็มีท่านผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านทั้งในประเทศและต่างประเทศลงความเห็นว่า ถือตรง ขณะหายใจครั้งแรก กล่าวคือใช้เวลา ณ ขณะที่เจ้าชะตาเปล่งเสียงร้องครั้งแรก เป็นเวลาในการคำนวณดวงชะตา และกำหนดเอา เป็นเวลาเกิด ของเจ้าชะตาทุกคนไป อย่างไรก็ดี มีทัศนะไปอีกอย่างหนึ่ง ของนักโหราศาสตร์จากต่างประเทศเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน
กล่าวคือสันนิษฐานว่าเวลาเกิดคือ เวลา ณ ขณะเกิดของเจ้าชะตา ซึ่งเมื่อนำมาใช้ในกิจกรรมสำหรับการพยากรณ์ทางโหราศาสตร์แล้ว จะอำนวยให้สามารถพยากรณ์ชีวิตของเขาได้ด้วยความแม่นยำอะไรเวลานั้น ๆ ก็จะไม่ใช่เวลาเกิดที่แท้จริงของเจ้าชะตา และก็ไม่น่าจะเป็นเวลาเกิดเขาจริง ๆ เพราะไม่ใช่ นาทีทอง หรือเวลาสำคัญในชีวิตของเขา จึงไม่ควรสนใจ เนื่องจากเหตุตามที่ได้กล่าวมานี้ จึงไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง ที่ผู้พยากรณ์จะยอมรับหรือยึดถือเวลาเกิดที่เจ้าชะตาบอกให้เคร่งครัดจนเกินไป และใช้ข้อมูลหรือใช้มูลฐานในการพยากรณ์อย่างจริงจัง โดยมิได้ทดสอบให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งว่า เวลาเกิดตามที่เจ้าชะตาบอกนั้น เมื่อนำไปใช้ในการพยากรณ์ทางโหราศาสตร์แล้วผลการพยากรณ์ที่ได้รับถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ทั้งใน พื้นดวงชะตา และการพยากรณ์จร หรือเปล่า
ปัจจัยในดวงชะตาที่ได้รับผลกระเทือน หรือมีตำแหน่ง คลาดเคลื่อน มากที่สุด ถ้าหากเวลาคลาดเคลื่อนคือ
เมอริเดียน และ ลัคนา ตำแหน่งของปัจจัยทั้ง 2 นี้ จะคลาดเคลื่อนไป 1 องศา หากเวลาเกิดคลาดเคลื่อนไป 4 นาที กล่าวคือ หากเวลาเกิดคลาดเคลื่อนแล้ว ตำแหน่งในดวงชะตาของเมอริเดียนก็ดี ของลัคนาก็ดี จะคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งที่ควรจะเป็นไป ในอัตรา 1 องศา ต่อ 4 นาที เช่นหากคลาดเคลื่อน 8 นาที ตำแหน่งของเมอริเดียนและลัคนาก็จะคลาดเคลื่อนไปจากตำแหน่งที่เป็นจริง 2 องศา โดยประมาณ ถ้าเวลาเกิดคลาดเคลื่อนไป 12 นาที ตำแหน่งของปัจจัยทั้ง 2 นี้ ต่างก็จะคลาดเคลื่อนไป 3 องศา เป็นต้น ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ เมอริเดียนและลัคนา มีอัตราการโคจร องศาละ 4 นาที เนื่องจาก ตำแหน่งของ เมอริเดียนและลัคนา มีความสัมพันธ์กับ เวลาเกิด ดังได้กล่าวมา การที่จะพิจารณาว่า เวลาที่เจ้าชะตาบอกมานั้น ถูกต้องเพียงใดหรือไม่ จึงอาจสอบดูได้ โดยอาศัยพิจารณาพระเคราะห์สนธิหรือโครงสร้างดาวพระเคราะห์ที่มี เมอริเดียน และลัคนา ร่วมอยู่ด้วย หากการทอสอบปรากฏว่า สิ่ง ที่อ่านได้จากดวงชะตา ตากปกติจะเลือกอ่านจากพระเคราะห์สนธิที่ง่าย ๆ ไปสลับซับซ้อนจนเกิดเป็นปัญหา และจะต้องมีอิทธิรุนแรงอย่างน่าจะเห็นประจักษ์ด้วย ก็ย่อมจะหมายความว่า ตำแหน่งของ เมอริเดียน และ ลัคนา ที่คำนวณมาจากเวลาเกิดที่เจ้าชะตาบอกนั้น คลาดคลื่น ซึ่งก็หมายถึงว่า เวลาเกิดที่เจ้าชะตาบอกมานั้น คลาดเคลื่อน แต่ถ้าหากผลการทดสอบปรากฏว่า สอดคล้องกันกับชีวิตอันแท้จริงของเจ้าชะตาดี เมอริเดียนและลัคนา ที่คำนวณมาก็จะถูกต้อง เวลาเกิดที่บอก ก็ถูกต้อง สำหรับในกรณีผลการสอบไม่ตรงกับชีวิตจริงของเจ้าชะตา ผู้พยากรณ์อาจถือโอกาส ปรับตำแหน่ง ของเมอริเดียน และ ลัคนา โดยวิธีการทดสอบเลื่อนปรับตำแหน่งโดยใช้โปรแกรม
suad โดยปรับเวลาเกิดให้มากขึ้นหรือน้อยลงของตำแหน่งเดิมสัก 2 – 3 องศาตามความเหมาะสม ถ้าเจ้าชะตาบอกว่าเวลานี้ เป็นเวลาที่แน่นอนและน่าเชื่อถือ ก็อาจปรับเวลาเลื่อนเพียง 1 – 2 องศา แต่ถ้าเป็นเวลาเกิดที่ไม่ค่อยแน่นอน กล่าวคือเจ้าชะตาบอกว่าทราบมาโดยประมาณ ก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนตำแหน่งเมอริเดียน ไปมาในย่านที่กว้างกว่านั้น ซึ่งอาจกว้างถึง 3 – 4 องศาหรือมากกว่านั้นได้ นักโหราศาสตร์จะลองเลื่อนตำแหน่งเมอริเดียนหรือลัคนานี้ไปมาพร้อมกับลองสอบตำแหน่งที่เลื่อนมาใหม่นี้ดูที่จะจุด ๆ ไป จะพบว่า ชีวิตของเจ้าชะตา ทั้งพื้นดวงชะตาและการพยากรณ์จรย้อนหลัง สอดคล้องกับตำแหน่งของ เมอริเดียนและลัคนา กล่าวคือ ต้องสอดคล้องทั้งเมอริเดียนและลัคนา จะสอดคล้องเพียงสำหรับเมอริเดียน อย่างเดียว หรือสอดคล้องเพียงสำหรับลัคนาอย่างเดียว ไม่ได้ เมอริเดียนใด และลัคนาใดให้ผลการพยากรณ์ ตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด เมอริเดียนและลัคนา ชุดนั้นก็จะเป็นเมอริเดียนและลัคนา ที่แท้จริง ของเขา และเมื่อเราทำการคำนวณ ย้อน ขึ้นไปหา เวลาก็จะได้เวลาเกิดที่แท้จริงของเขา และนั่นก็คือ วิธีการปรับดวงชะตาอีกแบบหนึ่ง ที่ง่ายที่สุด ซึ่งนิยมใช้กันในทางปฏิบัติ
อนึ่ง เนื่องจาก โดยธรรมดาแล้ว นักโหราศาสตร์ย่อมสนใจ ผลการพยากรณ์ มากกว่าที่จะสนใจเวลาเกิดที่ถูกต้อง เว้นแต่เจ้าชะตาเขามีความประสงค์ที่จะทราบ เพราะฉะนั้น ในทางปฏิบัติจริงผู้พยากรณ์มักไม่ทำการคำนวณย้อนไปหาเวลาเกิดอย่างจริงจัง เพราะสิ้นเปลืองเวลามากมาย แต่เขาจะสนใจแต่จุดเมอริเดียนกับลัคนา ที่ได้ปรับมาแล้ว เท่านั้น ว่าอยู่ ณ ตำแหน่งใด มีสมผุส ประมาณเท่าใด เพราะในการพยากรณ์ดวงชะตานั้น เราพยากรณ์โดยเมอริเดียนกับลัคนา เราไม่ได้ใช้เวลาเกิดสำหรับพยากรณ์ เว้นการพยากรณ์ที่ต้องการความพิถีพิถันเป็นพิเศษเท่านั้น ดังเช่นมีการใช้ การพยากรณ์จรสุริยะคติประกอบเป็นต้น อย่างไรก็ดี หากต้องการจะทราบเวลาเกิดที่ถูกต้อง นักพยากรณ์ก็จะใช้วิธีการใช้เกณฑ์เฉลี่ย 1 องศา ต่อ 4 นาที เช่นถ้าเลื่อนตำแหน่งเมอริเดียนหรือลัคนาห่างจากตำแหน่งเดิมไป 1 องศา ก็จะแก้เวลาเกิดไป 4 นาที เช่นตำแหน่งเมอริเดียนที่ปรับแล้วมีสมผุสมากกว่าตำแหน่งเดิมที่ได้จากเวลาเกิดที่เจ้าชะตาบอกอยู่ 1 องศา 30 ลิปดา เวลาเกิดที่แท้จริงของเจ้าชะตาก็จะมากกว่าเวลาเกิดที่เขาบอก 6 นาที ดังนี้เป็นต้น
จึงอาจ สรุป ความมุ่งหมายของการปรับดวงชะตา ได้ว่า ปฏิบัติเพื่อ ปรับตำแหน่ง ของปัจจัยต่าง ๆ ในดวงชะตา โดยเฉพาะคือ เมอริเดียน และ ลัคนา เพื่อให้สิ่งที่ได้ จากการอ่านดวงชะตา ตรงกับชีวิตจริง ของเจ้าชะตา เมื่อได้รับการปรับโดยถูกต้องแล้ว ก็จะอำนวยประโยชน์ให้สามารถนำไปใช้ในการพยากรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีความแม่นยำสูงสุด
ส่วนดวงชะตาที่ไม่ได้มีการปรับนั้น
ก็เหมือนกับปืนที่ไม่ได้ทำการยิงทดลอง จึงหวังความแม่นยำแน่นอนได้ยาก เป็นของธรรมดา
การคลอดจากครรภ์มารดาของทารก
อุปมาได้เหมือนกับกระสุนแล่นออกจากปากลำกล้องปืนเพื่อไปสู่เป้าหมายอันหนึ่ง
มิได้เริ่มต้นที่ปากลำกล้องปืนฉันใด
ชีวิตนอกครรภ์มารดาของมนุษย์เราก็ไม่ควรจะเริ่มต้นตรงจุดใดจุดหนึ่งที่แน่นอนฉันนั้น
ไม่ว่าจะเป็น ขณะเห็นศรีษะ ขณะร้องครั้งแรก หรือขณะตัดสายสะดือ ฯลฯ ก็ตาม
ในกรณีเรื่องปืน ผู้ที่สามารถจะทราบได้ว่า จุดตั้งต้นของวิถีกระสุนอยู่ตรงจุดใด
ก็คือนายช่างเทคนิคผู้มีความเชี่ยวชาญเรื่องปืนโดยเฉพาะ ในทำนองเดียวกัน
สำหรับกรณีดวงชะตาของบุคคล ผู้ที่จะสามารถกล่าวรู้ว่า
วิถีชีวิตของมนุษย์เริ่มต้นตรงจุดไหนนั้น หาใช่บุคคลข้างเคียงของเขาไม่
นักโหราศาสตร์ผู้ซึ่งได้รับการฝึกและศึกษาแล้วต่างหาก จึงจะวินิจฉัยได้
บทที่
295
ระบบที่ท่านควรทำความเข้าใจในการใช้โปรแกรมื
ระบบการคำนวณดาวในโปรแกรมตัวใหม่ที่ใช่กันอยู่มีสองระบบด้วยกันท่านต้องทำความเข้าใจ
1. ระบบ Topocentric system คือการคำนวณดาว ณ ตำแหน่ง บนพื้นโลกที่จุดเจ้าชะตาอยู่ว่าอยู่ส่วนไหน ของโลกก็จะมองเห็นดาวไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับความสูงและพื้นราบหรือพื้นที่ ณ ตำแหน่งนั้นด้วยการคำนวณก็จะได้ตำแหน่งดาวที่แท้จริง ณ ตำบลนั้นโดยขึ้นอยู่กับ lat long โดยตรงถ้าเปลี่ยนไปดาวก็จะเคลื่อนไปบ้างตามพื้นผิวโลก
2. ระบบ Geocentric system คือระบบที่ยึดเอาโลกเป็นศูนย์กลางไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของโลกก็จะเห็นดาวดวงนั้นหมดไม่คำนึงถึงพื้นผิวโลกที่เรายืนอยู่เป็นหลักดังนั้นตำแหน่งดาวจึงไม่เหมือนกันแตกต่างกันนิดหน่อย lat long ไม่มีผลเกี่ยวกับเรื่องดาวแต่มีผลทางด้าน ลัคนา เมริเดียนเท่านั้นครับ
ดังนั้นผมก็เลยทำให้ท่านไว้ใช้สองตัวคราวนี้ตรงแต่เพราะในโลกนี้มีใช้อยู่สองระบบ ส่วนระบบที่คุณประวีณาใช้อยู่น่าจะเป็นระบบ geocentric system คือยึดโลกเป็นศูนย์กลางซึ่งโหราศาสตร์ทางฝั่งตะวันตกเล่นกันมาก ทำให้ ตำแหน่งดวงจันทร์ที่คำนวณได้จึงแตกต่าง ไม่ได้เกิดจากการคำนวณผิดครับเพราะ code ผมซื้อมามันมีให้เลือกว่าจะใช้ระบบไหนครับผมไว้ให้เข้าใจครับ
เวลาท่านเล่นท่านก็เข้าไปที่ setting และไปแก้ไขตรงที่เดิมว่าจะเป็นแบบไหนแต่ในเครื่องจะเป็นระบบ Topocentric system ครับถ้าคุณประวีณาใช้ระบบ geocenric ก็เข้าไปเอาเครื่องหมายออกดาวก็เป็นแบบ geocenric ครับ แต่วันจะเป็น version 1.6.5.0 นะครับเหมือนตัวเดิมที่ส่งไปให้ครับ ยังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่อาจทำลงบน pc แบบพกพาไปไหนมาไหนก็ได้เพราะผมไว้ใช้ดูฮวงจุ้ยด้วยครับ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ ที่ผมบอให้ไปใช้ตัวเดิมเพราะตัวเดิมคำนวณแบบ
geocentric system
ระบบ
mils
เป็นระบบที่ใช้ดูความละเอียดขององศาจานนี้ดูด้านถึง 1ส่วน = 1.7 เป็นอัตราส่วนที่เล็กมากจะแสดงถึง 6400 บนจานนี้ซึ่งมีความละเอียดมากในการดูตำแหน่งดาวบนท้องฟ้าความคาดเคลื่อนแทบจะไม่มีเลย ไว้ใช้ในการดูเรื่องการวางภูมิประเทศจะดีมากใช้กับพวกเข็มทิศประกอบก็จะดียิ่งขึ้น ไม่มีในเครื่องมือชนิดในนอกจาก version นี้เท่านั้น ทำขึ้นมารองรับการดูฮวงจุ้ยโดยเฉพาะ
ระบบ 360 องศา
เป็นระบบที่ใช้กันอยู่มีให้ท่านเลือกเล่นสามารถเลือกได้ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกันได้แต่ความอ่อนไหวจะมากกว่าระบบ
มิลเลียน
บทที่ 296
การพยากรณ์จร
ทั่วไป การพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ ต้องการทราบ สิ่ง 3 ประการ คือ
1. เหตุการณ์ (อะไร)
2. สถานที่ (ที่ไหน)
3. เวลา (เมื่อใด)
การพยากรณ์จรมีภาระกิจคือ ปฏิบัติเพื่อ หา เวลา ที่เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏในดวงชะตากำเนิดอุบัติขึ้น ว่าเกิดเมื่อใด
กฎสำคัญในการพยากรณ์จร ซึ่งใช้เป็นมรดกตกทอดกันมาจนทุกวันนี้ และยังคงทันสมัยเสมอมีอยู่ 2 กฎ ดังต่อไปนี้
1.1 เหตุการณ์ที่จะอุบัติขึ้นโดยอิทธิพลของดาวพระเคราะห์จร ในการพยากรณ์จรนั้น จะต้องมีอยู่แล้ว ในดวงชะตากำเนิด
ตัวอย่าง เช่น หากในดวงชะตากำเนิดบอกว่า เจ้าชะตาเป็นบุคคลยากจนหาเช้ากินค่ำดังนั้น ถึงแม้ในดวงชะตะจรจะให้ข่าวสารว่า ในปีนี้เจ้าชะตาจำรวยใหญ่ ก็ตาม เจ้าชะตาก็ย่อยร่ำรวยตามสิ่งบอกเหตุจากดวงจรนั้นไม่ได้ เพราะดวงชะตากำเนิดบอกว่า เขาเป็นคนจนเขาย่อมจะอยู่ในสภาพจนอยู่เช่นนั้น และในกรณีเช่นนี้ ผลดีอันเกิดจากอิทธิพลของดาวก็คงอาจมาในรูป ดังเช่น สายบายใจขึ้น หรืออ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น ดังนี้เป็นต้น
1.2 เหตุการณ์ต่าง ๆ จะอุบัติขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ ดาวจร โคจรมาอยู่ในตำแหน่งที่สอดคล้องกับ
ตำแหน่งเดิมในดวงชะตากำเนิด อันเป็นตำแหน่งที่ดาวดวงนั้น แสดงอิทธิพลให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นในดวงชะตา
ตัวอย่าง เช่น ในดวงชะตากำเนิด พฤหัส สถิตในเรือนที่ 10 ในดวงชะตาจร พฤหัสจรโคจรมาสถิตในเรือนที่ 10 ใหม่อีก หรือ อายเป็นในเรือน 1 4 7 ก็ได้ เหตุการณ์อันเกิดจากอิทธิพลของ พฤหัสในเรือนที่ 10 ก็จะอุบัติแก่เจ้าชะตา
หมายเหตุ
อย่าหลงผิดคิดไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งแต่ละคราวนั้น จะต้องเป็นเหตุการณ์สำคัญ เหมือน ๆ กันทุกคราวไป ในการพยาการณ์เกี่ยวกับ ความหนักเบาของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น มีการพยากรณ์ที่พิศดาร มากไปกว่านี้ ซึ่งเราจะได้ทำการศึกษากันเป็นขั้น ๆ ไปโดยลำดับ
อย่างไรก็ดี เรื่อง การพยากรณ์จรนี้ เนื่องจากเป็นกระบวนการใหญ่ ต้องทำการศึกษาอย่างจริงจัง และการพยากรณ์ทุกทฤษฏี ใช้ได้ทั้งสำหรับในยุคโหราศาสตร์ยุค ยูเรเนียน เพราะเฉพาะนั้น การพยากรณ์จรแบบแปลก ๆ ซึ่งต้องอาศัยพื้นฐานทางโหราศาสตร์สูงกว่านี้จึงต้องผ่านโหราศาสตร์ยูเรียนเสียก่อน
สำหรับในชั้นนี้
จะได้อธิบายแต่เฉพาะการพยากรณ์จร โดยใช้ดาวจรปัจจุบัน
ซึ่งมีตำแหน่งปรากฏอยู่บนท้องฟ้า เท่านั้น และไม่สนใจการพยากรณ์จรอย่างอื่น
บทที่
296
การทดสอบเดือนสำคัญ
ในตามความจริงนั้น โค้งสุริยยาตร์ ระหว่าง จุดเมษ กับ แอดเมตอส บางปี ก็อำนวยให้เราสามารถที่จะวินิจฉัยได้เหมือนกัน ว่าในเดือนนั้น ๆ น่าจะเป็นเดือนสำคัญในชีวิตของเจ้าชะตาหรือไม่ ด้วยวิธีการทดสอบเหตุการณ์ พลัดพราก ย้อนหลัง
ดังตัวอย่าง เช่น
ในเดือนมีนาคม 2518
แอดเมตอส โคจรอยู่ ณ ตำแหน่ง
ประมาณ 4
พค.35
ถึง
4
พค.49
ห่างจาก จุด ที่ทำมุม
45 องศา กับจุดเมษ เท่ากับ
10.25 องศา และ
10.11 องศา
เมื่อแปลงอายุเป็นปีก็จะเท่ากับ 10
ปีกว่าเล็กน้อย
ในการคิดโค้ง
สุริยยาตร์โดยละเอียดต้องคิดเดือน มีนาคม คือให้ถือเสมือนว่า
เจ้าชะตาเกิดในเดือนนี้ หากสอบชีวิตจริงของเจ้าชะตาแล้วปรากฏเมื่อ
10 ปี กว่าที่ผ่านมานี้
2508
มีเหตุการณ์พลัดพรากจากกันเกิดขึ้นแก่เขา
เช่นย้ายที่อยู่ที่เรียนหรือพลัดพรากจากสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ก็ย่อมจะหมายความว่า
ประมาณเดือน มีนาคม นี้ เหตุการณ์ที่สำคัญ ๆ จะบังเกิดขึ้นแก่เขา
หากสอบแล้วไม่ปรากฏว่าได้ประสบเหตุการณ์ดังกล่าว เดือน มีนาคม
นี้ก็จะไม่มีเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่น่าสนใจเกิดขึ้นแก่เจ้าชะตา
อย่างไรก็ดี ในการตรวจสอบเดือนสำคัญสำหรับชีวิตของเจ้าชะตาที่แน่นอนกว่านี้ ท่าน ย่อมสามารถที่จะปฏิบัติได้ โดยไม่ยาก โดยใช้ เสาร์ พฤหัส รวมทั้ง อังคาร ด้วย เป็นตัวสอบ ด้วยวิธีสอบ กับจุดเมษ เช่นเดียวกัน กล่าวคือ โดยอาศัยระยะระหว่าง เมษ กับ ดาวพระเคราะห์จารที่ใช้ทดสอบเช่นเดียวกับสอบโดย แอดเมตอส
1. โค้งสุริยยาตร์ ระหว่าง เมษ กับ เสาร์ จะแสดงถึงการพลัดพรากจากกันในอดีต
2. โค้งสุริยยาตร์ ระหว่าง เมษ กับ พฤหัส จะแสดงถึงประสบโชคลาภ ในอดีต
3. โค้งสุริยยาตร์ ระหว่าง เมษ กับ อังคาร จะแสดงถึงความไม่อยู่เฉย ในอดีต ทั้งนี้รวมทั้งการได้รับบาดเจ็บ เมษ/อังคาร
การสอบระยะระหว่าง
เมษ กับ พฤหัส เสาร์ อังคาร ตามที่กล่าวมานี มักอำนวยให้เราทราบ วัน
ที่จะเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ได้บ่อย ๆ ดังนี้ก็เพราะ ดาวพระเคราะห์ทั้ง
3 โคจรค่อนข้างเร็ว เมื่อนำมาใช้ทำการสอบด้วย
บทที่ 297
วันนี้มาช้าไปหน่อยเพราะกำลังแก้ไข counter
นับคนเข้าเสีย ต้องไปใช้ตัวใหม่ เลยทำบทเรียนช้าไปหน่อยครับ
เข้าเรื่องกันดีกว่า
มาคุยเรื่องโค้งที่ใช้กันบ่อย ๆ ว่ามีจุดอิทธิพลอะไรบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
การแบ่งโค้งอายุในเรื่องต่างๆ
1.โค้งทางด้านตำแหน่งหน้าที่การงานเราควรสำรวจโค้ง KR โค้ง JU หรือโค้ง AP ทำมุมสัมพันธ์กับเจ้าชะตา และใช้จุดอิทธิพลเกี่ยวกับหน้าที่การงานเช่น pl+pl-ma จุดเปลี่ยนงาน ju+kr-ur จุดได้ตำแหน่ง หรือ no+ur-ma จุดกลับเข้าทำงานใหม่
2.
โค้งทางด้านโชคลาภทางการงานเราใช้โค้ง
ju
เพื่อเป็นการตัดสินใจ กับโค้ง ap
ตามมา
ส่วนมากโค้ง ju
ก็จะบอกเด่นชัดแล้วถ้าโค้งนี้ทับจุดเจ้าชะตา หรือเข้าแกน
หรือทำมุมกับจุดเจ้าชะตาสะท้อนก็ได้ หรือโค้งนี้เข้ามามุมกับจุดรับเงิน
หรือจุดเกี่ยวกับโชคลาภก็ได้ เช่น โค้ง
ju
ทับจุดโชคจากที่ดินพื้นดวงก็จะแปลว่าปีนี้เจ้าชะตาจะมีโชคทางด้านที่ดินก็ได้
3 โค้งทางด้านการพลัดพรากจะแยกออกเป็นสองประเภท คือ การพลัดพรากเป็น
กับการพลัดพรากไปจากโลกนี้
ถ้าเจ้าชะตาถามว่าเค้าจะมีเรื่องเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ หรือจะเปลี่ยนงาน ตกงาน หรือย้ายบ้าน โค้ง SA ก็จะทำงานบอกเรา แต่เป็นการบอกภาพรวมเราต้องลงลึกไปอีกว่า โค้ง sa นี้มีเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรโดยเราใช้ จุดอิทธิพลเข้ามาตัดสินว่าเป็นเรื่องอะไร เรื่องการพลัดพรากเป็นหรือตาย ถ้ามีเรื่องตาย จะมีโค้ง ad หรือ โค้ง ha neมักจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในกรณีที่เข้าถามว่าจะหายป่วยหนักจากโรคร้ายหรือไม่ หรือจะถึงแก่กรรมหรือไม่ เราก็ทำตามขั้นตอนคือตั้งดวงรายปี Solar ก่อน แล้วตั้งโค้ง ร้าย ๆ ลงไป ว่าทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาจริงและสะท้อนหรือไม่ถ้าทำมุมก็ได้เรื่องแล้วว่าน่าจะเกิดไปในทางลบ จากนั้นเราก็ไปตัดสินเกี่ยวกับโรคที่เค้าเป็นว่าปีนี้เกิดกับเค้าหรือไม่ โดยตั้งจุดโรคร้าย ๆ ที่ compute ทั้งพื้นดวงและจร โรคร้ายพื้นดวง โรคร้าย+arc – arc เราก็จะได้จุดอิทธิพลทั้งหมดสี่จุดถ้าเข้าทั้งหมดก็จะแปลได้ว่าเข้าถูกโรคร้ายทำให้จากไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าเข้าตั้งแต่สามจุดขึ้นไปก็ใช้ได้ แต่ถ้าเข้าเพียง หนึ่งหรือสองก็ไม่รุนแรงมากนัก ต่อจากนั้นถ้าเราต้องการทราบว่าจะจากเราไปหรือไม่ก็ให้ตั้งจุดเกี่ยวกับความตายขึ้นมาอีกครั้ง ทำเหมือนการตรวจโรคร้ายอีกครั้งแต่เปลี่ยนเป็นจุด ma+sa-no แทนถ้าเข้าทั้งหมดก็แปลได้ว่าเจ้าชะตาต้องจากเราไปอย่างแน่นอน นี่เป็นการตรวจรายปี ต่อไปก็ตรวจรายเดือนกันต่อไป
3.
การตรวจเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุเราใช้โค้ง
ur ma sa
เป็นการสำรวจดีว่าปีนี้เค้ามีโค้งร้าย ๆ
พวกนี้เข้าจุดเจ้าชะตาหรือไม่และใช้การตรวจในทำนองเดียวกันกับข้อ 2
เช่นตั้งจุดอิทธิพลเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางไหน หรือเกิดภัยจากอะไรก็ได้
เช่นเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ทางรถยนต์ ทางน้ำ ฯลฯ
และตั้งจุดถึงแก่กรรมว่าปีนี้เค้าโดนหรือไม่ถ้าไม่โดนก็ไม่รุนแรงถึงชีวิตก็หาวิธีแก้ไขกันต่อไป
4. โค้งที่เกี่ยวกับการถูกหลอกลวง หรือดวงชะตาไม่ดี เราดูได้จากโค้ง
ne,po
จะบ่งบอกถึงดวงชะตาไม่ดีทางด้านการเงิน และสุขภาพ เป็นต้น
เราใช้วิธีการตรวจเหมือนข้อ 2
แต่ไม่ต้องเช็คจุดถึงแก่กรรมก็ได้ถ้าเค้ามาถามเรื่องการเงิน
ส่วนมากก็มักจะมีโค้งร้าย ๆ เข้ามาร่วมด้วยเสมอ บางทีก็มีโค้ง
sa
เข้ามาด้วย
5. ส่วนโค้งจุดเจ้าชะตาเอาไว้ตัดสินความน่าจะเป็นหรือเพิ่มความรุ่นแรง หรือเป็นตัวตัดสินใจให้กับเรา เช่นโค้ง su โค้ง mo โค้ง ar โค้ง mc
6. การสำรวจเรื่องความรักเราจะใช้โค้ง ve โค้ง no โค้ง cu ในการบอกถึงเรื่องนี้
7. การสำรวจโค้ง AR ไว้ตรวจดูเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นกับเจ้าชะตา ว่าอาทิตย์จันทร์เข้าทำมุมถึงโค้งเมษ วันไหนก็จะเป็นวันสำคัญของเจ้าชะตาทั้งดาวดีและด้านร้าย
8.
ส่วนโค้งจุดเจ้าชะตาสามารถบอกเหตุการณ์สำหรับของเจ้าชะตาได้ เช่นชาย เราใช้โค้ง
อาทิตย์ โค้งจันทร์ สตรี จะบอกเรื่องราวประกอบกับโค้งดางเคราะห์ทั้งหลายที่มาทำมุมสัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตา
หรือโค้งอาทิตย์สัมพันธ์กับเสาร์จร
ก็จะแปลได้ว่าเจ้าชะตาปีนี้อาจมีเรื่องเดือนร้อนแน่ หรือโค้งอาทิตย์ถึง
เสาร์กำเนิดก็ได้ แต่ถ้าไปถึงดาวดีก็จะส่งผลดีไปด้วยตามดาวเคราะห์นั้น ๆ
บทที่ 298
วันนี้เอาระบบการโคจรของดาวเคราะห์มาให้ทราบกันบ้างไม่ทราบว่าลงไปหรือยังนะครับถ้าลงไปแล้วก็จะแถมเรื่องการทำนายรายวันว่ามีกี่แบบนะครับ
ท่านเอาไปใช้ดูรับรองว่าไม่ผิดหวัง
การโคจรของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล
ลัคนาและเมริเดียน ใช้เวบา 2-3 นาทีต่อ 1 องศา และใช้เวลา 1
วันรอบจักรราศี
จันทร์ ใช้เวลา 2-3 วัน ต่อ 1 ราศี
อาทิตย์ ใช้เวลา 1 เดือนต่อ 1 ราศี
พุธ ใช้เวลา 1 เดือนต่อ 1 ราศี
ศุกร์ ใช้เวลา 1 เดือนต่อ 1 ราศี
อังคาร ใช้เวลา 1 เดือนครึ่ง ต่อ 1 ราศี
พฤหัส ใช้เวลา 1 ปี ต่อ 1 ราศี
เสาร์ ใช้เวลา 2 ปีครึ่งต่อ 1 ราศี
มฤตยู ใช้เวลา 7 ปีต่อ 1 ราศี
เนปจูน ใช้เวลา 14 ปี ต่อ 1 ราศี
พลูโต
ใช้เวลา 30 ปีต่อ 1 ราศี
การดูรายวัน
ไว้พยากรณ์เหตุการณ์ที่สำคัญประจำวันให้ทำการตั้งจุดดังนี้
กด t.1= สร้างตัวแปร AR+AR-SU จุดนี้ไปตรงกับดาวหรือปัจจัยอะไรก็ตามทั้งในพื้นดวงและจรก็จะบอกเหตุการณ์นั้น ทั้งด้านดีและด้านร้าย หรือไปตรงกับศูนย์รังสี หรือจุดอิทธิพลที่เราสร้างขึ้นมาก็ได้ หรือไปตรงกับดาวดีหรือดาวร้ายก็สามารถไปใช้ในการบอกเวลาดี ๆ ประจำวันได้
ใช้สำหรับการพยากรณ์ในรอบวัน ใช้คำนวณดวงกำเนิด ดวงทินวรรษ( Sola ) โค้งสุริยาตร์ประจำวันนี้ จะโคจรวันละประมาณ 1 องศา
สูตรในการคำนวณ กด t.1= สร้างตัวแปร SU(จร) – SU (กน) เราสามารถใช้ดวงสงการณ์แทนได้ก็ทำการเปลี่ยน SU(กน) เป็น SU ในดวงสงการณ์ คืออาทิตย์ที่ตำแหน่ง 00.00 ในราศีมังกร ให้ใช้ในการดูเหตุการณ์รายเดือนบนดวง Full Moon ก็ได้ ว่าภายใน Full Moon นี้ ถึง Full Moon หน้าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันไหนของช่วง Full Moon หรือ New Moon ถึง New Moon ก็ได้ เป็นการพยากรณ์รายเดือนเพื่อการวันก็ได้
ให้ดูการโคจรของจันทร์จร จะให้ดูเหตุการณ์รายชั่วโมง โดยใช้เวลา 2.50 ชั่วโมง ต่อ 1 องศา
ตรวจเหตุการณ์รายนาที ให้ดูที่ MC จรรายวันโคจรได้ประมาณชั่วโมงละ 13.33 องศา หรือ 4 นาทีต่อ 1 องศา
เป็นการพยากรณ์ที่ต้องใช้ความชำนาญพอสมควร เพื่อหาชั่วโมงที่จำเกิดเหตุการณ์ สำคัญที่จะเกิดเหตุที่ต้องการค้นหาทั้งด้านดีและด้านร้าย โดยใช้สูตร ดังนี้
กด t. สร้างตัวแปรขึ้นมา 1= MO
(จร) – SU (จร)
แล้วเลื่อนเปลี่ยนชั่วโมงในโปรแกรมไปเรื่อย ๆ
จนถึงจุดหรือปัจจัยที่เรากำหนดขึ้นที่น่าสนใจก็เป็นชั่วโมงนั้น
หรือหาชั่วโมงดีประจำวันก็ได้
บทที่ 299
วันนี้เราจะมาคุยเรื่องโค้งฯกันต่อเรื่องนี้คงยาหน่อยนะครับเพราะเป็นเรื่องสำคัญในการทำนายเรื่องต่าง
ๆ เราจะต้องดูโค้งเป็นหลักเอาไว้ก่อนแล้วค่อยแตกย่อยเป็นรายเดือนกันต่อไป
หวังว่าท่านคงจับใจความในหัวข้อที่ผ่านมาได้นะครับ
แล้วหัดทำตามแล้วท่านจะได้อะไรจากบทต่าง ๆ ที่กล่าวมา
คำนวณรายวันตามโค้งรายวันคิดถึงอายูเต็ม
โค้งตามอายุขัย โค้งนี้จะบอกคำนวณถึง ณ อายุ เต็มเป็นหลัก ต่างกับโค้ง + - ซึ่งคิดถึง ณ วันนี้ เราสามารถใช้ได้ทั้งสองโค้ง แต่ความรุนแรงโค้งอายุไว้ดูรายปี โค้ง + - ไว้ดูรายปี กับรายวันได้ ส่วนมากไว้ดูกาลชะตาเป็นส่วนมาก จากตัวอย่างเป็นโค้ง ตามอายุ เรียก sola years โดยนับจากอาจุเต็ม เป็นหลัก เกินมาก็คิดเป็นเดือนไป และสามารถดูถึงเดือน วัน ได้ โดยใช้ หลักการของการทำนายรายเดือน new moon เข้าช่วย และรายสามวันเข้าช่วยก็ได้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่าง เจ้าชะตาเกิด เกิด 16/03/2507 เวลา 22.39 ก.ท.ม ตาย 31/07/2535 เครื่องบินชนภูเขา
หิมาลัย เวลาเกิดที่ปรับแล้ว 22.55.00 น.จะได้ข้อความมากกว่า
เกิด 16/03/2507 อายุ 28 เต็มปี คิดเดือน
16 มีนาคม 35 -16 เมษายน
16เมษายน – 16 พฤษภาคม
16พฤษภาคม . – 16 มิถุนายน
16มิถุนายน - 16 ก.ค. 35 ได้ 4 เดือน
ตาย 31 กรกฏ เอา 16-31 ได้ 15 วัน อายุเต็มคิดถึงเดือนตาย 28 ปี 4 เดือน 15 วัน
เราจะใช้ การดูรายเดือน new moon ของแต่ละเดือนเกิด
เราสามารถทำนายรายวันได้ด้วยโค้ง + - และจุดสะท้อนโค้ง ดูวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้
Ma+sa-ju จุดหยุดชะงักทางการทำงาน หรือเลิกการกิจกรรมต่าง ๆ
Ha+ha-kr จุดเครื่องบินตก
Ma+sa-no จุดถึงแก่กรรม
Ar+ur-ze จุดระเบิด
Ar+AR-ur
ระเบิด
บทที่
300
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการทำนายรายสามเดือนทีให้ผลแม่นยำและดูง่าย
เพียงแต่เราดูอาทิตย์ยกเข้าราศีแกนทั้งสี่เท่านั้นก็เป็นรายสามเดือน
จะมีสี่รอบเท่านั้น รอบนี้จะเป็นอาทิตย์ยกเข้าแกนกรกฎ แล้ว จะไปออกเดือนตุลาคม
เราก็มองหาภายในสามเดือนนี้เราก็จะเห็นอะไรที่ต้องการทราบ
เพราะดวงเราจะเปลี่ยนทุก ๆ สามเดือนครับ
แล้วเจาะลงโดยใช้ new moon
การพยากรณ์รายเดือน
การพยากรณ์รายเดือน เป็นการตรวจสอบว่าเดือนไหนว่าเดือนไหนจะเกิดเรื่องที่เราต้องการค้นหาอยู่ ซึ่งจะบอกจากการพยากรณ์รายปีมาก่อนหน้านี้แล้วว่าปีนี้มีเหตุการณ์ที่เราต้องการทราบเกิดขึ้นเช่น ยกตัวอย่าง ว่าปีนี้เจ้าชะตามีเหตุการณ์โยกย้ายงานในปีนี้ เมื่อเรารู้ว่าปีนี้เค้าต้องออกจากงาน งานต่อไปเราก็มาหาว่าเค้าจะได้ออกเดือนไหน ซึ่งเป็นการดูให้แคบลงมาเป็นรายเดือน การดูรายเดือนเราก็มีเครื่องมืออยู่คือ 4 อย่างด้วยกันในการเช็คเดือนสำคัญในรอบปีมีดังนี้
1. Full Moon (แรงน้อยที่สุด)
2. New Moon (แรงมาก)
3. จุด mp ใช้รายวันเมื่อได้เดือนแล้ว
4. อาทิตย์ย้ายราศี (แรงมาก) ใช้กันมาก
5. จันทร์จรทับจันทร์กำเนิด (แรงมาก) ใช้กันมากถ้าเวลาเกิดตรง
เครื่องมือต่าง ๆ
นี้จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจว่าเดือนไหนเป็นเดือนที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับเจ้าชะตา
โดยดูว่าปัจจัยที่เราตั้งขึ้นมาเข้ามาทำมุมถึงจุดกำหนดเดือนมากที่สุด
หรือทำมุมแรง ๆ ที่สุด หรือปัจจัยที่เราตั้งขึ้นเข้าแกนดาวทั้งสี่
หรือจุดย้ายราศี หรือเข้าทำมุมกับโค้งต่าง ๆ รวมไปถึงโค้งจุดเจ้าชะตาด้วย
เช่นเราตั้งจัดโชคจากที่ดินไว้สี่จุดตามที่เราตั้งไว้ในรายปีไว้ คือ 1 จุด
โชคจากที่ดิน จร transit 2.
จุดโชคจากที่ดินพื้นดวง 3.
จุดโชคจากที่ดิน+arc 4.
จุดโชคจากที่ดิน-arc
ในเมื่อทั้งสี่จัดเมื่อเราให้เครื่องมือทั้งห้าอย่าง
อย่างใดอย่างหนึ่งเข้าทำมุมจุดโชคจากที่ดินมากที่สุดก็จะเป็นเดือนสำคัญ
แต่ท่านต้องมีความชำนาญในการหรือเหตุการณ์รายเดือนมากหน่อยเพราะค่อยข้างจะหายากสำหรับมือใหม่
แต่เมื่อท่านมีความชำนาญมากขึ้นก็เป็นเรื่องง่าย ส่วนมากเราจะใช้ อาทิตย์
ย้ายราศี
กับจันทร์จรทับจันทร์กำเนิดเป็นการหาเหตุการณ์รายเดือนเพราะให้ความแม่นยำดีกว่า
ถ้าเราหาเหตุการณ์สำคัญรายเดือนได้แล้วเราก็สามารถบีบเวลาจากหนึ่งปีมาเหลือเพียงหนึ่งเดือนให้แคบลงมาได้แล้วว่าเหตุการณ์ที่เราต้องการทราบมันจะเกิดขึ้นในเดือนนี้อย่างแน่นอน
หรือค่อนข้างจะมีความน่าจะเป็นในการเกิดในเดือนนี้
หรือว่าเจ้าชะตาบอกว่าจะขายที่ดินได้ในเดือนไหนก็ยิ่งง่ายในการตรวจสอบ
เราก็พุ่งเป้าไปที่เดือนนั้นเลยไปตรวจเช็คเดือนนั้นหรือในช่วงเดือนที่เค้ามีความหวังเพราะจะเป็นการง่ายขึ้นถ้ามีก็บอกว่าขายได้
เป็นการจบการเช็ครายเดือน เจ้าชะตาก็มีความหวังว่าเค้าต้องได้ขายที่ดินได้
แต่เราสามารถกำหนดให้แคบลงไปอีกได้จากรายเดือนให้เหลือรายวันได้อีกให้ติดตามเอกสารการสำรวจเหตุการณ์สำคัญรายวันต่อไป
บทที่
301
สวัสดีครับข้าพเจ้าหายไปหลายวัน เพราะต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดทางภาคใต้
ที่จังหวัดกระบี่
จังหวัดนี้ไปประจำเพราะมีลูกค้าสนใจศาสตร์การปรับแต่งสถานที่ให้ดี
เพราะมีคนเชื่อถือตรงนี้มาก คราวนี้ไปกันสามคน ไปโดยกาเหล็ก เพียง
หนึ่งชั่วโมงกว่า ก็ถึง เป็นกาเหล็ก ที่คิดว่าไม่ขึ้นอีกแล้ว
คราวหน้าไปนกดีกว่า เพราะบริการไม่ค่อยดี ไปอยู่สามสี่วัน
ก็ได้ไปดูที่ว่าตั้งในตำแหน่งดีไหม ลูกค้าสร้างตึกใหม่ อยู่ตรงทางสามแพ่งพอดี
แต่ในตำแหน่งที่ไม่เสียมากก็ไปจัดการ
ลูกค้าบอกว่าตั้งแต่ข้าพเจ้าไปทำให้ไม่มีรถวิ่งเข้ามาเลยก็แปลกดี
ข้าพเจ้าจะดูแลตั้งแต่ลงเสาเข็มจนเป็นบ้าน
และคงต้องไปอีกเพราะยังสร้างไม่เสร็จแต่ใกล้เสร็จแล้ว
อีกสองสามเดือนคงเข้าไปอยู่ได้
คราวนี้ไปดูว่าสร้างผิดตรงไหนจะได้แก้ไขทันนะครับ
คราวหน้าก็จะเป็นการจัดตำแหน่งของห้องนอน ห้องทำงานให้เข้าที่ ประตู หน้าต่าง
สี ปรับบริเวณ ให้รับกับตำแหน่งของฟ้าให้ได้ ตำแหน่งนั้นก็จะไม่มีอะไรครับ
อันนี้เป็นศาสตร์ผสมระหว่างจีน กับสากล และธรรมชาติ ไม่เหมือนกับใคร แต่ออกมาดี
ก็ใช้ได้ การอยู่ที่ไหนแล้วคนอยู่สบายใจอยู่แบบมีความสุข ไม่มีปัญหาตามมา
นั่นคือหน้าที่ของเจ้าข้าพเจ้า แต่ถ้าอยู่ดีอยู่แล้วไม่ต้องไปปรับแต่งมันนะครับ
คงรูปเดิมไว้ดีกว่า วันนี้เรามาคุยเรื่องเรียนกันนิดหนึ่งคิดว่าเป็นสิ่งดี ๆ
ที่ท่านควรทราบต่อไปในการเรียนนะครับยังมีอีกมาก แต่วันที่ 21
ข้าพเจ้าก็ต้องขาดการเขียนอีกเพราะต้องขึ้นเชียงใหม่ไปงานวัดครับ
เพราะเป็นงานบุญไปสร้างพระธาตุ บนเขาสูงทางเหนือเพื่อให้ชาวเขารู้จักธรรมะ บ้าง
ทางนั้นแปลก ๆ ไม่ค่อยสนใจพระก็เลยอยากไปทำให้เป็นเมืองพระ
จะได้ไม่นับถือผีบ้างอะไรต่ออะไรบ้างกันไป ธรรมะ เป็นของดี
ได้เงินจากคนที่บริจาค จำนวนหนึ่ง
เป็นงานทอดผ้าป่าเพื่อสร้างที่เก็บพระธาตุนะครับ
เพราะทางนั้นยังไม่มีใครสนใจไปสร้างในป่า มีแต่สร้างในเมือง กัน มากไปแล้ว
ที่นั่นมีพระอยู่องค์เดียว
นับว่าเป็นงานหนักมากพอตัวสำหรับพระเลยต้องอาศัยกำลังคนนอกเข้าไปช่วยหน่อย
เราเริ่มปรับที่แล้ว และตอนนี้ก็กำลังหากำลังทุนทรัพย์
เพื่อสร้างที่เก็บพระธาตุ ใหม่ ซึ่งเคยมีอยู่และได้หายไปกลับกาลเวลา
หลายร้อยปีแล้ว เรามาทำต่อให้สำเร็จ
ต้องขออภัยท่านผู้อ่านด้วยเดือนนี้คงหายไประยะหนึ่งแต่จะพยายามเข้ามาเขียนให้ท่านให้ได้ถ้ามีเวลานะครับ
อาทิตย์ย้ายราศีบอกอะไรกับเราบ้าง
อาทิตย์ ย้ายราศีเราไว้ใช้ในการดูเหตุการณ์รายเดือน
หลังจากเราดูเหตุการณ์รายปีมาแล้วว่ามีเหตุการณ์ที่เราต้องการทราบ
เมื่อเราทราบว่ามีเหตุการณ์สำคัญรายปีเกิดขึ้นมาแล้วไม่ว่าจะเป็นดวง
sola returen
หรือดวง สงการณ์ ก็ตามเราก็เริ่มมาหาเหตุการณ์รายเดือนต่อไป
หลักการมีอยู่ว่าเราต้องบีบจากรายปีมาเป็นรายเดือน จาก 365 วัน เหลือ 30
วันและหรือ 3 วัน และดูให้เหลือ 1 วัน จนถึงรายนาที ให้ได้
วิธีทำเราก็ตั้งจุดต่าง ๆ ไว้ที่รายปีไว้
ต่อไปเราก็หมุนอาทิตย์ตั้งแต่เดือนเกิดของเจ้าชะตาไปเลื่อย ๆ
ว่าอาทิตย์ย้ายราศี ณ วันไหน
และวันนั้นน่าจะมีความรุ่นแรงในเรื่องที่เราตั้งไว้ในรายปีหรือไม่ ว่าจุดต่าง ๆ
ได้เข้าจุดเจ้าชะตา หรือเข้าแกน เข้าโค้ง หรือจุดอิทธิพลที่เราสร้างขึ้นมา
เราจะต้องตรวจเช็คไปเลื่อย จนเจอเดือนที่น่าสนใจที่สุดภายในสิบสองเดือน
เมื่อเราทราบเดือนแล้วเราก็สามารถบอกกับเจ้าชะตาได้แล้วว่าเดือนไหนน่าจะเกิดเหตุการณ์สำคัญ
แต่น่าจะมีเดือนให้เจ้าชะตาเลือกสักสองสามเดือนเพื่อไม่ให้เจ้าชะตาถูกบีบจนเกินไปถ้าเราดูเรื่องร้าย
ๆ แต่ถ้าดูเรื่องดี ๆ เราก็เพื่อไว้สักสองสามเดือน
ที่แรงกันไว้สำหรับมือใหม่จะได้ไม่พลาด
ต่อจากนั้นเราก็มาหาเหตุการณ์รายวันต่อไป
การหาเหตุการณ์รายวันเราก็ดูจันทร์ย้ายราศีเพราะจันทร์ย้ายราศีทุก ๆ สามวัน เราก็ใช้วิธีเดือนกันกับการดูรายเดือนซึ่งจะแนะนำต่อไป เรากับมาสนใจเรื่องเหตุการณ์รายเดือนก่อนว่าสามารถบอกอะไรกับเราได้บ้าง
ข้าพเจ้าบอกแล้วว่าเหตุการณ์รายเดือนต้องมาจากเหตุการณ์รายปีเป็นการดูต่อเนื่อง แต่เราสามารถดูเหตุการณ์รายเดือนได้ เป็นการดูแบบกาลชะตาได้เหมือนดูกาลชะตารายวัน แต่รายเดือนจะบอกก่อนว่าเดือนนี้เป็นอย่างไรเป็นภายใหญ่ ๆ ไว้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เราสามารถดูเหตุการณ์รายเดือนว่าเดือนนี้ดีหรือไม่ดีได้เช่นกัน ความแม่นยำสูงพอสมควร แต่เราต้องแยกออกจากการดูเหตุการณ์รายเดือนที่มาจากรายปี
การดูเหตุการณ์รายเดือนแบบกาลชะตาเราก็ตั้งอาทิตย์อยู่ตรงเส้นแบ่งราศีได้เลยและตั้งจุดที่เราต้องการทราบเข้าไปถามเค้า เราสามารถใช้โค้ง จุดศูนย์รังสี จุดอิทธิพล จุดสะท้อน จุดสะท้อนวงนอกได้ด้วย เราก็ทราบว่าเดือนนี้เป็นอย่างไรบ้างก่อนที่เราจะมาดีกาลชะตารายวันกันต่อไปซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพื่อป้องกันการดูพลาดได้ ต่อไปเราก็มาดูจันทร์ย้ายราศีเพื่อกำหนดวันสำคัญที่น่าสนใจสำหรับเรื่องที่เราต้องการทราบต่อไป
การดูกาลชะตารายเดือนจะบอกเหตุการณ์สำคัญที่เราคาดคิดเอาไว้ว่าได้หรือไม่ได้เป็นส่วนสำคัญ
และเราก็จะมาดูว่าวันไหนจะเกิด ส่วนกาลชะตาที่บอกวันเดือนปี เวลามา
และถามเราเรื่องใดเรื่องหนึ่งมันเป็นกาลชะตาอีกแบบหนึ่งแต่ก็เหมือน ๆ กัน
แต่รายเดือนเราไม่คาดหวังว่าจะเกิดแต่เรารู้ว่าได้หรือไม่ได้
เป็นการรู้ล่วงหน้าแบบไม่มีเป้าหมาย
บทที่ 302
สวัสดีครับ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการดูดวงสองดวงที่เหมาะสมกัน ไม่ว่าจะเป็นคน
หรือสิ่งของต่าง ๆ ว่าเหมาะกับเราไหม คนกับคน คนกับบ้าน หรือสิ่งของต่าง ๆ
ว่าถ้าเราอยู่หรือใช้ของนั้นมีผลดีร้ายต่อชีวิตเราหรือไม่
ก็ให้ดูดาวประกอบกันตามที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง
การดูเรื่องคู่ครองนั้น
เราต้องตั้งดวงขึ้นมาสองดวงดวงแรกเป็นดวงผู้ชายอยู่ในวงใน
ส่วนดวงสตรีจะอยู่วงนอกให้ใช้
และใส่วันเดือนปีเกิดของอีกฝ่ายหนึ่งเข้าไป
วงนอกก็จะเป็นพื้นดวงของสตรีผู้ที่เราต้องการดูว่าจะเหมาะสมกับเราหรือไม่
จากนั้นให้ให้ลุกศรไปจี้ที่ดาวเสาร์ของสตรี
หรือวงนอกว่าทำมุมกับจุดเจ้าชะตาของวงในหรือไม่หรือทำมุมถึงดาวศุกร์หรือไม่
ถ้าทำมุมถึงก็จะแปลได้ว่าดวงทั้งสองดวงนั้นไม่เหมาะกันแล้ว
ถ้าดาวร้ายของวงนอกมาทำมุมกับจุดเจ้าชะตาในวงในมาก ๆ
ก็จะส่งผลให้ดวงทั้งสองดวงนั้นไม่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง แต่ในทางกลับกันถ้าดาวดี
ๆ วงนอกเข้ามาทำมุมกับจุดเจ้าชะตาวงในหรือดาวดี ๆ แล้ว
ดวงทั้งสองคนนั้นเหมาะสมกันดีหรือสามารถอยู่ร่วมกันได้
เราสามารถใช้ดวงคู่นี้ดูเรื่องอะไรก็ได้เช่นว่าสิ่งที่เราซื้อมาและมีวันเดือนปีเกิดอยู่เช่นรถยนต์ที่ซื้อมา
เหมาะสมกับเราหรือไม่ก็สามารถทำได้เช่นกันโดยดูวันรถออกจากอู่มาทาบกับดวงของเราเป็นต้น
แต่ก่อนอื่นท่านควรจะอ่านพื้นดวงของแต่ละคนก่อนว่าจุดดีจุดด้อยเค้าอยู่ตรงไหนเวลามาผสมกันจะง่ายต่อการตีความออกมา
เช่นดาวศุกร์ของฝ่ายชายเสียอยู่แล้ว เช่นดาวศุกร์ /เนปจูน
ศุกร์/เสาร์
หรือ ศุกร์/ฮาเดส
จะบอกได้ว่าความรักของฝ่ายชายเสีย
เราจับคู่ก็อาจต้องดูตรงจุดนี้ด้วยว่าเมื่อดาวอีกฝ่ายหนึ่งเสียแล้วควรจะเป็นคู่ครองกันหรือไม่
ถึงแม้ว่าดาวดี ๆ
ของฝ่ายหญิงมาถึงจุดเจ้าชะตาชาย
แต่ฝ่ายชายดาวในพื้นดวงเสียอยู่แล้วก็ไม่นิยมให้แต่งงานกันเพราะฝ่ายชายจะทำเรื่องเสียหายเกิดขึ้นด้วย
ในทำนองกลับกันถ้าดาวฝ่ายหญิงเสียด้วยก็จะออกในทำนองเดียวกันกับดวงผู้ชาย
เช่นดวงฝ่ายหญิงดาวศุกร์เสีย เช่นศุกร์/ฮาเดส
ถึงจันทร์
ถ้าแต่งงานไปก็จะทำให้ฝ่ายหญิงก็ต้องหย่ากับฝ่ายชายไปเพราะความไม่จริงใจต่อฝ่ายชาย
หรือจะไปมีคนใหม่ เป็นต้น
การดูท่านต้องอาจสลับดวงด้านในเป็นชาย ก่อน และ
ต่อไปก็สลับเป็นฝ่ายหญิงเข้าไปแทนด้วยเพื่อตรวจหาจุดสะท้อนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
เพราะมุมมองมันต่างกัน แต่จริง ๆ
แล้วเราดูฝ่ายเดียวเราก็ทราบได้แล้วว่าดาวศุกร์เค้าเสียหรือไม่ถ้าเสียก็ไปอยู่กับใครก็จะพบอีกฝ่ายเสียไปด้วย
วิธีนี้ใช้สำหรับดูผู้เข้าหุ้นส่วนว่าจะส่งผลดีกับเราหรือไม่
ก็ตรวจเรื่องดาว ร้ายของอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาหาจุดเจ้าชะตาเราหรือไม่ หรือจุดดี
เช่น ดาวพฤหัสเค้าส่งผลต่อจุดเจ้าชะตาเราหรือไม่ เราจะเน้นไปที่ดาวคิวปิโดหรือดาวหมู่คณะว่าดีหรือร้ายก่อน
แล้วค่อยไปตรวจดาวอื่น ๆ ว่ามีความสัมพันธ์กับดวงเรามากน้อยแค่ไหน
แต่ไปถ้ามีโปรแกรมตัวใหม่ท่านสามารถตรวจได้ทีเดียวถึงสามคนเลยจะง่ายกว่าดูสองคน
การตายนั้นทุกคนต้องเสียชีวิตไปจากโลกนี้ ทุกคน ไม่ช้าก็เร็ว แต่การเสียชีวิตนั้นแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่
ๆ คือ
1. การเสียชีวิตโดยยังไม่ถึงกำหนดเวลา
2. การเสียชีวิตที่ถึงกำหนดเวลา
การเสียชีวิตโดยที่ยังไม่ถึงกำหนดเวลานั้นเราจะไปไหน ในดวงชะตาก็สามารถบอกได้ว่าผู้ที่เสียชีวิตนั้นยังไม่ถึงกำหนดเวลา แล้วเขาเกิดเป็นอะไร ในทางธรรมชาติแล้วถ้าเรายังไม่ถึงเวลาตายแต่เกิดตายก่อนมันเกิดจากเราไปอยู่ในช่วงเวลาและพื้นที่และจังหวะที่ทำให้เราเสียชีวิตเช่นเครื่องบินตก เป็นต้น ซึ่งเวลา และพื้นที่ เป็นสำคัญ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา ดังนั้น เวลา และสถานที่ เป็นเรื่องสำคัญมากในเรื่องโหราศาสตร์ เราย้อนกลับมาดูว่าถ้ายังไม่ถึงเวลาตายแล้วเกิดตายขึ้นมาเราจะไปไหน ตามหลักของวิทยาศาสตร์นั้น จิต เราเป็นพลังชนิดหนึ่งที่ไม่สูญหายไปจากโลก หรือจักรวาลนี้ มันเกิดและดับตลอดเวลา จิตต้องอาศัยร่างกายของคนเราอาศัยอยู่ถ้าร่างกายถูกทำลายไปจิตก็จะออกจากร่าง ไปรอจังหวะที่จะเกิดใหม่ การรอนี้ส่วนมากก็จะเกิดเป็นจิตที่ไม่มีที่อยู่อาศัยอยู่ตามที่ต่าง ๆ เช่นเกิดมีการตายโดยทางรถยนต์ จิตเขาส่วนมากก็จะอยู่แถวๆ ที่เกิดเหตุเป็นส่วนมาก อาจมีคนเห็นบางในบางครั้ง เพราะจิตยังรอเวลาไปเกิดอยู่ เป็นการตายที่ยังไม่ถึงเวลาและวาระ เราสามารถตั้งดวงเวลาที่เขาเสียชีวิตขึ้นมา ณ เวลานั้นเราก็สามารถบอกได้ว่าเขาถึงเวลาหรือยัง หรือดูดวงชะตาเขาประกอบด้วย หลักในการดูว่าถึงเวลาหรือไม่นั้นให้ดูการทำงานของโค้ง อายุ เป็นหลัก โดยดูที่โค้งเสาร์ ว่าโค้งเสาร์เข้าแกนหรือไม่ คือแกนทั้งสี่ หรือเส้นแบ่งราศี ณ วัน เดือน ปี ที่เสียชีวิตเขา ถ้าโค้งเข้าก็แปลว่าถึงเวลา แต่ถ้ายังไม่เข้าเหลืออีก 5 องศาโค้งเสาร์จะเข้าแกนมังกร ก็บอกไปว่าอีกห้าปีจะได้ไปเกิดใหม่
ดวงชะตาของผู้เสียชีวิตนั้นไม่ใช่ว่าผู้ตายไปแล้วดวงจะตายตามไป
ดวงชะตาของเขาก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ มันจะบงบอกถึงสภาพแวดล้อมของผู้ตาย เช่น
ญาติ พี่น้อง พ่อแม่ ว่าเป็นอย่างไรต่อไปอีก ได้
รวมไปถึงชีวิตหลังความตายนั้นเขาอยู่ดีมีสุขหรือไม่
มันก็เหมือนการดูคนเป็นเช่นเดียวกันแต่เขาอยู่ในอีกมิติหนึ่งเท่านั้น
เรื่องนี้ยังไม่มีการรับรองแต่จากการเก็บข้อมูลของข้าพเจ้ามาและจากอาจารย์
ได้พูดไว้ก่อนเสียชีวิต ก็บอกว่ามีจริง เราสามารถดูได้จากดวง
ดังนั้นดวงหลังความตายนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล
ถ้าท่านสนใจท่านก็สามารถศึกษาได้
แต่ถ้าท่านไม่สนใจก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับดวงหลังความตาย
ถือว่าเป็นการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นไปได้ขึ้นมา และถ้าอีก 50
หรือ 100
ปีข้างหน้าคนเรามีเครื่องมือที่ทันสมัยกว่านี้ก็สามารถทำการค้นคว้าเรื่องนี้ได้อย่างลึกซึ้ง
ซึ่งความเป็นไปได้สูงมากที่จะตรงตามที่ข้าพเจ้าคิดเอาไว้
|