|
บทที่
304
สวัสดี วันนี้เป็นวันเปลี่ยนราศีอาทิตย์เริ่มเปลี่ยนราศี
เป็นการกำหนดการดูรายเดือนเหมือนกัน
ถือว่าอาทิตย์ย้ายราศีก็ส่งผลการทำงานของชะตาชีวิตรายเดือน
วันนี้เรามาคุยเรื่องจุดเจ้าชะตากันนิด
เมริเดียนคืออะไร
(Mc)
วิญญาณของจิตเป็นการรับรู้ของร่างกายซึ่งมีความสัมพันธ์ ร่างกายเป็นส่วนที่เป็นรูป
ส่วนที่เป็นจิต วิญญาณ มองไม่เห็นแต่มาช่วยให้ร่างกายรับรู้ได้
ถ้าสองส่วนนี้แยกจากกันร่างกายก็จะสินชีพ ดังนั้นจิต และอาทิตย์
จึงมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
จะทำหน้าที่รับรู้อยู่สองอย่างคือจิตรู้สึกนึกจะสัมพันธ์กับร่างกาย
ส่วนจิตไร้สำนึกคือจิตที่อยู่ใต้การควบคุมจะอยู่ลึกลงไปกว่าจิตรู้สึกนึก
จิตตัวนี้จะไม่ได้ทำหน้าที่ควบคุมการรับรู้ของร่างกายเป็นส่วนใหญ่
แต่ทำงานตรงกันข้าม กับจิตรู้สำนึก เมริเดียนคือตัวเราจริง
และมีความสำคัญที่สุดในส่วนเจ้าชะตาทั้งหมด 7 จุด จริง ๆ
แล้วจะสำคัญกว่าอาทิตย์เสียอีกแต่เมริเดียนตัวนี้ต้องทำการชำระแล้ว
หรือต้องถูกปรับเวลาเกิดมาแล้วถึงจะนำมาใช้ได้ การที่เราเสียชีวิตไป
mc
ก็จะเดินทางไปเกิดใหม่อีกครั้งตามบุญและกรรมที่กระทำในชาตินี้
ต่อไปก็จะนำสิ่งที่ติดไปเอาไปก่อเกิดเป็นชีวิตใหม่อีก ผลแห่งการกระทำนั้นก็จะเป็น
mc ใหม่ ในร่างใหม่ และดำเนินกรรมเดิมกันต่อไป อย่ามองข้าม
mc เพราะมีอะไรดีๆ อีกมากวันหน้าจะมาคุยให้ฟัง
บทที่ 305
สวัสดีครับ ขณะที่ท่านอ่านอยู่นี้เป็นการเขียนล่วงหน้า ข้าพเจ้าได้เดินทางไปแล้ว
เลยขึ้นไว้ให้ไว้ก่อนท่านจะได้มีอะไรอ่านในตอนที่ข้าพเจ้าไม่อยู่นะครับ
ต้องนำเงินที่บริจาค นำไปให้ทางวัดที่อยู่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ไปให้หลวงพ่อ
งานจะมีขึ้นในวันที่ 24-26 ต้องขึ้นไปนอนบนเขา สูง และขอให้ท่านที่ร่วมทำบุญ
ได้บุญจากการร่วมช่วยกันสร้าง พระธาตุ ด้วยนะครับ
มาเข้าเรื่องกันดีกว่าวันนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับหลายท่าน ไปครั้งนี้
ไปด้วยสุขภาพไม่ค่อยเต็มร้อยนักเพราะหูข้าพเจ้ามีปัญหา
มีเสียงดังต้องใช้ยาตัวหนึ่งซึ่งหายากมาก
แต่ก็พอดีเจอคนใจดีรีบหามาให้เพราะหายากมากเป็นยาควบคุม สมัยก่อนหาง่าย
ได้มาพอไปได้ขับรถพอไว้ ขอขอบคุณท่านผู้นี้ด้วยเป็นอย่างมาก
ที่หามาให้อย่างสุดความสามารถ คนเราเกิดมาพอถึงเวลาก็จะเป็นช่วงมีโรคประจำตัว
หรือเกิดมาก็อาจมีเลย แต่คนเราจะมีโรคอะไรก็ตามวัยของเค้า คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ตอนนี้ข้าพเจ้าอยู่ในช่วงแก่ผสมโรค อิอิ เลยไม่ทราบว่าจะเอาช่วงไหน
ถ้าเอาช่วงโรคก็เหลือเวลาไม่มากต้องรีบให้วิชาความรู้ให้หมดเพื่อวิชานี้ยังคงอยู่
ผู้ให้เป็นผู้รับ
ครั้งนี้ไปเชียงใหม่เอารถไปไม่ได้ขึ้นกาเหล็กไปเพราะว่าอยากจะเดินทางไปหลาย ๆ
จังหวัดไปเยี่ยมนักเรียนตามทางด้วย ไม่ได้เจอกันนาน เข้าเรื่องกันดีกว่า
การตรวจเรื่องการเงิน
ในต่างประเทศเขาไม่แยกการตรวจ แต่เขาจะทำการเช็คเรื่อง การงาน เป็นหลัก เพราะถ้าการงานไม่ดี เงินย่อมไม่ดี หากงานดี เงินก็ย่อมดีด้วย เป็นของธรรมดา ตรวจเรื่องงานจึงทราบเรื่องเงินอยู่แล้ว
เพราะเฉพาะนั้น การตรวจเรื่องการเงิน จึงตรวจหลังจากการตรวจเรื่องการงานเสมอไป ปัจจัยที่แสดงว่า “เงิน” ในดวงชะตา คือ ศูนย์รังสี หรือ จุดอิทธิพล ที่มีจุดเจ้าชะตากับพฤหัส หรือ ศูนย์รังสีของ พฤหัส/มฤตยู ( ทั้งนี้รวมทั้ง สัมพันธ์ระหว่าง พฤหัส กับ มฤตยู อื่น ๆ เช่น พฤหัส+มฤตยู พฤหัส- มฤตยู ฯลฯ ด้วย ) ปัจจัยที่แสดงถึง “เงิน” ดังเช่น
พฤหัส กับ มฤตยู ถือว่าเป็นปัจจัยหลัก
เช่น พฤหัส/มฤตยู พฤหัส+พฤหัส – มฤตยู มฤตยู+มฤตยู-พฤหัส
พฤหัส กับ เมษ
เช่น เมษ/พฤหัส เมษ+เมษ-พฤหัส
พฤหัส กับ จุดเจ้าชะตา
เช่น พฤหัส+พฤหัส-อาทิตย์ อาทิตย์/พฤหัส
และก็ตามทีได้กล่าวมาแล้ว พฤหัส/มฤตยู สัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตา การเงิน ก็ไม่น้อยหน้าใคร ๆ
และยังมีเรื่องความมั่งมีอีกคือ อสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยที่ใช้มาก คือ
อาทิตย์/แอดเมตอส แปลว่า ที่ดิน
พฤหัส/เสาร์ แปลว่า บ้าน หรือ อาคาร
การมีโชคจากที่ดิน ใช้สูตร
เมษ+แอดเมตอส-พฤหัส (สัมพันธ์กับ จุดเจ้าชะตา)
อาทิตย์+แอดเมตอส-พฤหัส ก็พอใช้ได้เหมือนกัน แต่สูตรบนเป็นสูตรหลักสำหรับการมีบ้าน จุด บ้าน คือ พฤหัส/เสาร์ ต้องสัมพันธ์ถึง จุดเจ้าชะตา หรือจุดสะท้อนของจุดนี้
ถ้าถามถึงเรื่องการมีรถยนต์ ตามหลักของวิชาโหราศาสตร์ ผู้ที่จะมีรถหรือยวดยานใช้เป็นของตนเอง ตามปกติจะเป็นผู้ที่บิดามารดาเคยมียานพาหนะจำพวกนี้มาก่อนแล้ว ดังเช่น บิดามีเรือ (เรือ อะไรก็ได้ บุตรก็มักมีรถใช้ หรือบิดามีเกวียน พอถึงชั้นบุตร บุตรก็อาจมีรถใช้ หรือได้นั่งเครื่องบิน ดังนี้เป็นต้น ซึ่งมาตามหลักของปรัชญาของโหราศาสตร์) จุดที่แปลว่า รถยนต์ คือ สัมพันธ์ระหว่างจันทร์กับพุธ ทั้งปวง ดังเช่น
จันทร์+ พุธ หรือ จันทร์/พุธ
จันทร์+จันทร์-พุธ
พุธ+พุธ-จันทร์
สัมพันธ์ถึง จุดเจ้าชะตา
ซึ่งอาจเป็นจุดสะท้อนก็ได้ ไม่ควรลืมจุดดาวสะท้อนเป็นอันขาด
บทที่ 306
วันนี้คงถึงเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว เพราะต้องไปพักที่ลำปางหนึ่งคือคิดเอาไว้นะครับ
เพราะจะไปแบบไม่รีบร้อน ค่ำไหนก็นอนจังหวัดนั้น คิดว่าไปถึงลำปางคง บ่าย
เช้าขึ้นก็อาจตีรถขึ้นเชียงใหม่ ได้ทันเวลา ไปพักบ้านเพื่อนสมัยเรียน
เป็นแม่งานทางนั้น ถ้าไม่ได้เพื่อนคนนี้ก็อาจสร้างไม่เสร็จก็ได้
จริงแล้วแนวความคิดที่จะสร้างมาจากข้าพเจ้าและเพื่อนก็สนใจเลยมารวมตัวกันก่อเกิดเป็นบุญใหญ่ขึ้นมา
แต่คงต้องใช้เวลาในการสร้างอีกหลายปี เพราะแบบเปลี่ยนไป ใช้จำนวนเงินมากขึ้น
อันนี้เราเริ่มให้ก่อนต่อไปก็ให้ทางวัดจัดการหรือจะเป็นเราอีกไม่ทราบเหมือนกัน
แต่เราจะคอยช่วยอยู่ห่าง ๆ
การทดสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา
เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อทดสอบดวงชะตาว่าดวงชะตานี้มีความถูกต้องหรือเอาไว้ใช้ในการปรับเวลาเกิดที่แท้จริงก็ได้
และเป็นเรื่องที่บอกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย
คือรู้อดีตเพื่อทราบอนาคตของเค้าได้อย่างแม่นยำ
วงรอบที่ 1
ถ้าเจ้าชะตาอายุยังไม่ถึง 45 องศา
(อายุที่ติดตามโค้งสุริยาตร์)
ก็ให้เอา โค้งสุริยาตร์ตั้ง และลบด้วย 22 องศา 30
ลิปดา เช่นเจ้าชะตามีอายุโค้งสุริยาตร์ 32
องศา 00 ลิปดา เมื่อเอา 22 องศา
30 ลิปดาไปลบก็จะได้ 9 องศา
30 ลิปดา เวลาตรวจดวงชะตาตอนวัย 32 องศา
ก็ควรทดสอบชะตาของเจ้าชะตาตอนวัย 9 องศา 30
ลิปดา (ดูอดีตเพื่อจับอนาคต)
ถ้าหากเจ้าชะตามีอายุโค้งสุริยาตร์เลยวัย 45 องศาไปแล้ว ก็เอาโค้งสุริยาตร์ในวัยต้องการดูตั้งแล้วเอา 45 องศา 00 ลิปดามาลบ ตัวอย่างเช่นเจ้าชะตามีอายุซึ่งคิดเป็นโค้งสุริยาตร์ได้ 53 องศา 27 ลิปดา ก็จะได้ตอนโค้งสุริยาตร์ 8 องศา 27 ลิปดา คือวัยที่ควรทดสอบเหตุการณ์อดีตเพื่อนำมาเป็นข้อมูลอดีตสำหรับพิจารณาวัย 53 องศา 27 ลิปดา วงรอบนี้จะเริ่มกลับมาใหม่ คือเริ่มชีวิตเกิดตอน 45 องศาเป็นต้นไปจนถึง 90 องศา (ถ้ามีอายุถึง)
สรุป อายุน้อยกว่า 45 ปี เอา 22.30 ไปลบจากอายุจริง = อายุในวัยอดีตที่ต้องการทดสอบ
อายุมากกว่า 45 ปีไปแล้ว ให้เอา 45 ไปลบออกจากอายุจริง =อายุในวัยอดีตที่ต้องการทดสอบ
วงรอบที่ 2
วงจรนี้ถ้าหากเจ้าชะตาอายุ (โค้งสุริยาตร์)
ยังไม่ถึง 45 องศา ก็ให้เอา 45
องศาตั้ง เอาโค้งสุริยาตร์ไปลบ เช่นเจ้าชะตาอายุโค้งสุริยาตร์ได้
32 องศา ก็จะได้ 13 องศา (
45.00 – 32.00 )
วงรอบนี้คือวงรอบ สะท้อน ของชีวิตอดีตถ้าเจ้าชะตาอายุเกิน 45 องศา ก็ให้เอา 90 องศาตั้ง เอาโค้งสุริยาตร์ในวัยที่ต้องการไปลบ เช่นเจ้าชะตาอายุ 53 องศา 27 ลิปดา ก็จะได้ 36 องศา 33 ลิปดา คือวัยโค้งสุริยาตร์ที่ควรนำมาวิเคราะห์ต่อไป
ถ้าอายุเกิน 45 ปี ก็ให้เอา 90 ตั้ง ลบด้วยอายุจริง = อายุในอดีตที่ต้องการทดสอบ
วงรอบที่ 3
วงรอบหรือวงจรนี้เป็นเรื่องของชีวิตหารสอง
วงรอบนี้จะได้แก่วงจรชีวิตอดีตที่ผ่านมาแล้วตอนหารสองหรือครึ่งหนึ่งของอายุตามโค้งฯ
วัยปัจจุบัน ดังตัวอย่าง เช่นอายุที่มีโค้งฯได้ 32 องศา
ครึ่งหนึ่ง คือหารสอง ก็คือ 16 องศา 00
ลิปดา วัน 16
องศาจึงอยู่ในวงจรที่พิจารณากับวัยวงจรอื่นๆ จะมีเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เกิดขึ้นด้วย
สรุป ให้เอาอายุปัจจุบัน หารสอง = อายุในอดีตที่ต้องการทดสอบ
วงรอบที่ 4
วงรอบหรือวงจรชีวิตดวงนี้คือดวงรอบ สะท้อน จากขั้นที่ 3
มีหลักการคำนวณหาดังนี้คือ เอา 90 หรือ
45 องศาตั้ง ลบ ด้วย โค้งฯอายุ ในวัยที่ต้องการ
อาทิเช่นในดวงตัวอย่างนี้เราใช้โค้ง 32 องศา เอา 90
ตั้งเอา 32 องศาลบ เหลือ 58
องศา หารด้วยสองคือ 29 องศา
ดังนั้นชะตาชีวิตอดีตในช่วงวัยโค้งฯ 29
องศาจึงคุณค่าในการพิจารณาด้วย จากตัวอย่างเดิมของวัย 53
องศา 27 ลิปดา เมื่อคำนวณแล้ว 90-45.27
เท่ากับ 36.33 หารสองเท่ากับ 18
องศา 16 ลิปดา วัยอดีตของโค้งฯ 18
องศา 16 ลิปดาก็น่าสนใจ
ให้ทำการตรวจสอบขั้นตอนวงรอบทั้ง 4 ให้ครบ แล้วท่านจะเห็นอะไรบางอย่างในอดีตของดวงชะตานั้น ๆ เกิดอะไรขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการพยากรณ์เพื่อความมั่นใจต่อไป
การหาค่าโค้งฯ ARเป็นหลักในการบอกอัตราอายุตามโค้ง
ว่าโค้งกางออกไปกี่องศาก็จะเป็นอายุโค้ง โดยเอาตำแหน่งลูกศรไปจี้ไว้ที่ AR+
และไปดูค่าได้ที่มุมขวามือ
บทที่ 307
สวัสดีครับ
ตอนที่ท่านอ่านอยู่นี้คงข้าพเจ้าคงอยู่บนเขาไม่สามรถติดต่อได้เพราะโทรศัพท์ไปไม่ถึง
ขาดการติดต่อ เพราะวัดอยู่ในมุมอับ และสูงมาก วันนี้เป็นวันทำพิธีกรรมบางอย่าง
ข้าพเจ้าก็ยังไม่ทราบ ก็คงไปช่วยเพื่อนทำ มีคนไปมากพอสมควร
การเตรียมงานใหญ่หน่อยเพราะมีคนใหญ่คนโตในเชียงใหม่มากัน พอสมควร
บุญครั้งคงได้รับคนทั่วหน้า
บางทีคิดอยู่ว่าถ้าไม่ติดเรื่องทางโลกอาจขึ้นไปอยู่บนนั้นเลย มันสงบดี
เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตสันโดษ เพราะ
mc
ข้าพเจ้าอยู่ราศีมีน นะท่าน
การพยากรณ์สุริยะคติขั้นที่สอง
มีหลักการอยู่ว่า 1 วันเท่ากับ 1 ปี 1 วันจะเหมือนกับหนึ่งปี เป็นจุญแจไขปัญหา คนเรามีอายุ 1 วัน จะมีอายุเป็น 1 ปี เมื่อมีเหตุการณ์ เกิดขึ้นหลักท่านเกิดสามวันมีการโยกย้าย อีกสามปี ก็จะมีการโยกย้าย มีหลักอยู่ว่าเมื่อท่านเกิดมาอายุเท่าไร ก็เท่ากับเรามีอายุ ได้สามสิบวันตั้งแต่วันเกิด เราก็ตั้งดวง ณ วันที่ 30 ตรงกับวันอะไรขึ้นเวลาส่วนเวลาใช้เวลาเกิด ดวงนั้นก็จะเป็นดวงสุริยะคติ ก็จะบอกเหตุการณ์ ในรอบปีช่วงอายุสามปีได้ เป็นการดูรายปีอีกแบบหนึ่งที่มีความแม่นยำทีเดียวใช้กันมานาน ในโปรแกรมก็จะมีการดูแบบนี้ให้เรียบร้อยแล้ว เรียกว่า ดวง progression ไว้ดูรายปีอย่างเดียวที่มีความแม่นยำที่สุดในสมัยก่อน โดยเอาดาวบนท้อง ณ วันที่ต้องการทราบมาทำเป็นดาวจร โดยใช้หลัก 1 วัน เท่ากับ 1 ปี ถ้า 20 ปี เราก็นับไปตั้งแต่วันเกิดไป 20 วันตรงกับวันไหนก็เอาดาว ณ วันนั้นมาเป็นดาวจร แต่โปรแกรมทำให้เรียบร้อยแล้วเพียงแต่ท่านทำนายให้ถูกก็แล้วกันนะครับแต่ในกรณีมีเสาร์ในเรือนที่ 10 หรือในราศีที่ 10 ก็จะแปลได้ว่าการงานของท่านต้องได้มาด้วยความยากลำบาก มีปัญหาเรื่องการงาน การงานอาจไม่รุ่งเรืองเท่าที่ควร ไม่สมหวังตามที่ตั้งใจไว้ หรือมีการพลัดพรากจากการงานอยู่บ่อยครั้งอยู่ที่ไหนไม่นาน เราถือว่าดาวเสาร์ทำให้การงานเสีย ตำแหน่งก็อย่าหวังมากนัก อย่าลืมจุดนี้ด้วย แต่ถ้าเราดูง่าย ๆ ว่าเจ้าชะตาจะมีตำแหน่งสูงสุดในตำแหน่งหน้าที่การงานหรือไม่ให้ไปสำรวจ ดาวโครโนสในพื้นดวงเป็นหลักใหญ่ก่อนอื่นใด ว่าดาวโครโนสมีตำแหน่งดีหรือไม่ ไม่มีดาวเสียเข้ามาผสมหรือทำมุม ก็จะช่วยให้ท่านตัดสินใจในการพยากรณ์ได้ว่าเค้าน่าจะมีตำแหน่งหน้าที่การงานไปได้ไกลแค่ไหน พื้นดวงเป็นตัวบอกก่อนอื่นใด ส่วนว่าจะได้เมื่อไร ท่านก็จะตรวจดูเหตุการณ์รายปีกันต่อไปว่าปีไหนมีได้ตำแหน่งกันต่อไปจนถึงจุดหมายปลายทางของชีวิตเค้าคืออายุ 60 คือจบการทำงาน ของเค้า ว่าโครโนสไปค้างอยู่ในปีไหน
และมีคำถามน่ามีคนถามมากอีกคือจะทำงานอะไรดี สิ่งนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากก่อนอื่นเราต้องสำรวจพื้นดวงของเจ้าชะตาเสียก่อนว่ามีดาวอะไรเด่นในพื้นดวงเช่นในดวงชะตาเค้ามีดาวพุธเด่นหรือทำมุมถึงจุดเจ้าชะตา หรือเข้าแกนทั้งสี่ หรือเข้าเส้นแบ่งเรือน ราศีไหนก็ได้ ก็จะแปลได้ว่าดาวพุธของเค้าส่งผลถึงตัวเค้า เจ้าชะตาควรทำงานเกี่ยวกับดาวพุธ เช่น การใช้ปัญญา การศึกษา การเรียนการสอน การติดต่อสื่อสาร ภาษา ถ้าดาวพุธเค้าไปอยู่ในเส้นแบ่งราศีธนูก็จะส่งผลในดาวการติดต่อระหว่างประเทศไป อาจมีอาชีพทางด้านการติดกับต่างประเทศ การใช้ภาษาไป ในทำนองเดียวกันถ้าดาวอังคารเด่น เจ้าชะตาควรทำงานด้านทหาร ตำรวจ แพทย์ หรืออาชีพที่มีเครื่องแบบ เป็นหลัก หรือทำงานเสี่ยงภัยต่าง ๆ การทำลายล้าง ก็จะทำให้เค้าไม่โดนดาวอังคารเล่นงานไปด้วยอย่างเช่นดวงเค้าทำงานด้านการแพทย์แต่เมื่อไรเลิกรักษาคนไข้ เค้าก็จะเป็นโรคต่าง ๆ ตามมาอย่างหลีกหนีไม่ได้ แต่ถ้าเค้าเข้าไปสัมผัสกับคนไข้เสียโรคต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับเค้าหรือถ้าเป็นก็เป็นน้อยลงหรือไม่รุนแรงมาก การทำงานมีอยู่สองประเภทคือทำงานเพื่อแก้ดาวร้าย ๆ ให้กลายเป็นดี หรือทำงานตามดาวที่ดีอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับดาวในพื้นดวง เช่นดาวเนปจูนเด่นเข้าแกนเค้าควรทำงานด้านการใช้จิตนาการ งานเกี่ยวกับของเหลวเช่น น้ำ น้ำมัน ยา เครื่องหอม การแต่งหนังสือ เป็นต้น แต่ถ้าเค้าไม่ได้ทำ เจ้าชะตาก็จะถูกดาวเนปจูนเล่นงานเล่นติดยาเสพติด หรือติดของมึนเมา หรือถูกลวงหลอกจากบุคคลใกล้ชิด หรือเป็นคนที่มีสุขภาพไม่ดี เกี่ยวกับเลือด หรือ เนื้อร้าย ต่าง ๆ ตามมา การทำงานตามดาวหรือทำตัวตามดาวเราสามารถนำมาใช้ในกรณีที่ดาวร้าย ๆ รายปีมาทำมุมถึงจุดเจ้าชะตา เช่น ในปีนี้มีดาวเสาร์เข้าทับอาทิตย์ ในดวงรายปี เราอาจต้องหลบดาวเสาร์ถ้าอยู่ก็อาจโดนดาวเสาร์เล่นงานก็ได้ เช่นหลบไปอยู่ต่างถิ่น หรือ ไปอยู่ใกล้ป่าเขา หรือไปทำไร่ ทำตัวบอน ๆ เสียก็จะช่วยทำให้ดาวเสาร์ออกไปทางนั้นแล้วก็ช่วยได้ คือทำให้ตัวเรามีความยากลำบากมีการพลัดพรากเสียก่อนที่ดาวเสาร์มันจะทำงานจริง ๆ รวมไปถึงอาจเข้าวัด หรือเดินผ่านโรงพยาบาลให้บ่อยในช่วงดาวร้าย ๆ เข้ามาทำมุม เพื่อช่วยในเรื่องความเจ็บป่วยและความตายได้ และถ้าเราเช็คว่าปีไหนมีจุดถึงแก่กรรมเข้ามาด้วยคือ ma+sa-no ก็ให้ไปงานศพให้บ่อย ๆ ก็ช่วยได้ทีเดียว เพราะถือว่าเราไปถึงจุดนี้แล้วเราไม่ต้องเป็นไปตามดาวที่มาก็ได้ แต่การดูเรื่องความเป็นความตายท่านต้องดูให้ละเอียดและดูปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบด้วย เช่น ก่อนอื่นดูโค้งร้าย ๆ เข้ามาทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาหรือไม่เช่น อาทิตย์ เมอริเดียน จันทร์ เช่นโค้งเสาร์ทับอาทิตย์ หรือโค้งเสาร์เข้าแก่นใดแกนหนึ่งก็ถือว่ามันแรงกับตัวเจ้าชะตาแล้ว ต่อไปก็ไปสำรวจดาวเสาร์จรรายปีว่ามีตำแหน่งสัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตาของเราหรือไม่ ถ้าปัจจัย ต่าง ๆ มันบอกหรือสอดคล้องกันหมดตัวท่านก็ต้องระวังให้มาก เราไม่ควรดูจุดใดจุดหนึ่งอย่างเดียวอาจพลาดได้ หรือเหตุการณ์อาจไปเกิดกับบุคคลใกล้ชิดกับเจ้าชะตาก็ได้เช่นเดียวกัน ดาวเสาร์เข้าแกนอะไรที่แรงที่สุดคือแกนมังกรจะแรงมาก ต่อไปก็แกนเมษ ต่อไปก็แกนกรกฏ ต่อไปก็แกนตุลย์ ถือว่าเบาที่สุด
ในทางตรงกันข้ามเราจะเช็คว่าปีไหนเป็นปีแห่งโชคลาภของเรา
หรือเจ้าชะตาถามว่าปีไหนควรจะเริ่มดำเนินงานใหม่ ๆ ดี หรือเริ่มงานใหม่
เราก็ไปดูโค้งพฤหัสก่อนเพื่อน ว่าดีไหมปีนี้ และดูโค้งโครโนส ดูโค้งอาพอสลอน
เป็นอันดับแรก ก่อน และท่านก็ไปตั้งดวงรายปี
ต่อไปว่าดาวจรรายปีว่าให้ตำแหน่งสัมพันธ์ดีกับจุดเจ้าชะตาหรือไม่ ถ้ามีดาว ดี ๆ
เข้ามามีตำแหน่งสัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตามาก ๆ ก็เป็นปีดี
ต่อไปเราก็ลงรายละเอียดว่าเค้าจะทำอะไร เราก็ตั้งจุดอิทธิพล เข้าไปถามเป็นเรื่องไป
ว่าเค้าถามเรื่องการเป็นอันดับสุดท้ายในการตัดสินในการให้คำพยากรณ์ว่าควรทำหรือไม่
แต่วิธีง่าย ๆ ถ้าดาวพฤหัสมาถึงจุดเจ้าชะตาจุดใดจุดหนึ่งหรือโค้งพฤหัสมาถึง
รวมไปถึงเข้าแก่นด้วย เราก็บอกไว้ก่อนได้ว่าดี ถามอะไรก็จะออกไปในทางดีหมด
บทที่ 311
สวัสดีครับ
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องดาวโคจรไปสู่ดาวอะไรให้ผลอย่างไรในการอ่านดวงชะตา
เป็นการดูที่ง่ายที่สุดและถ้าท่านจดจำได้ก็จะเป็นผลดีสำหรับในการทำนายเรื่องต่างๆ
ได้เพิ่มขึ้น สามารถนำมาผสมกับการวัดมุมก็จะทำให้ท่านทำนายได้แม่นยำขึ้น
ดาวโคจรไปสู่ดาวจะให้อะไรกับเรา
การที่ดาวโคจรไปสู่เป็นวิธีดูที่ง่ายไม่ต้องวัดมุมเพียงแต่ดูดาวตัวแรกที่เดินเข้าหาดาวอะไรในตำแหน่งทวนเข็มเวลา ในพื้นดวง หรืออาจใช้กับดาวจรก็ได้ จะให้หลัก ๆ ไว้เป็นแนวทางแต่ถ้าท่านแม่นดาวแล้วสามารถแปลได้ด้วยความคิดของท่านเองก็คือการผสมดาวเข้าไป ดาวที่โคจรไปสู่ถ้ายิ่งมีความใกล้มากก็ยิ่งมีความรุ่นแรงมากถ้าอยู่ห่าง 5-10 องศาก็จะมีความรุ่นแรงตามลงมา ถ้าอยู่ในระหว่าง 1-2 องศาจะให้ผลแรงมาก
ดาวจันทร์โคจรไปสู่ ดาวต่างๆ ในดวงชะตาชาย
จันทร์ โคจรไปสู่ เสาร์ มฤตยู
เนปจูน ฮาเดส แอดมตอส จะทำให้เจ้าชะตามีอายุไม่ยืนยาว
จันทร์ โคจรไปสู่ เสาร์ ต้องระวังเรื่อง อุบัติเหตุ ความจากจน ความขัดสน
ใช้สำหรับดวงชะตาหญิง
จันทร์ โคจรไปสู่ อังคาร เจ้าชะตามีความความคิดที่รุ่นแรง ตื้อ ขันแข็งในการงาน เป็นคนจริงจังต่อชีวิต
จันทร์ หรือ ศุกร์ โคจรไปสู่ เนปจูน จะทำให้เจ้าชะตา มีภรรยาอาจเป็นโรคประสาท แต่ถ้าเนปจูนอยู่ในตำแหน่งดีภรรยาก็อาจมีนักแสดง หรือแพทย์ได้
จันทร์หรือศุกร์ โคจรไปสู่ พลูโต ภรรยาอาจนำความเดือดร้อนมาให้ หรืออาจอยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าเป็นตัวเจ้าชะตาจะมีนิสัยไม่อยู่นิ่งชอบพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
จันทร์ หรือ ศุกร์ โคจรไปสู่ มฤตยู ภรรยาเป็นคนมีหัวนำสมัย หรือมีความใจร้อน หรือตัวเจ้าชะตาเป็นคนใจร้อน
อาทิตย์โคจรไปสู่ดาวต่าง ๆ ในดวงชะตาหญิง
อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ พลูโต สามีนำความเดือดร้อนมาให้อยู่เนื่อง หรืออยู่ด้วยกันแบบไม่มีความสุข
อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ เนปจูน สามีเป็นอาการทางประสาท คิดมาก ชอบสร้างจิตนาการในทางลบ
อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ มฤตยู สามีไม่มีความจริงใจกับภรรยา หรืออาจมีเรื่องหย่าร้างเกิดขึ้น
อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ เสาร์ สามีมีความลำบากเรื่องการงาน หรือมีความยากจน
อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ พฤหัส สามีเป็นคนมีโชคดี เรื่องการงาน มักจะประสพความสำเร็จในชีวิต
อาทิตย์ โคจรไปสู่ อังคาร สามีมักมีเครื่องแบบ ไม่เป็นทหาร ก็ ตำรวจ หรือแพทย์
อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ ศุกร์ สามีเป็นคนที่น่ารักใคร่ ชอบพอของบุคคลทั่วไป ชอบแสวงหาความรัก
อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ พุธ สามีอาจเป็นนักธุรกิจ ทำการค้าเป็นของตนเอง หรือชอบงานด้านศิลป
อาทิตย์ หรือ อังคาร โคจรไปสู่ จันทร์ สามีชอบการเดินทาง หรือทำงานอยู่กับบ้านก็ได้
ดาวพระเคราะห์ โคจรไปสู่เจ้าชะตา
พุธ แสดงถึง สิ่งที่เจ้าชะตาทำการสิ่งใดมักจะได้รับผลสำเร็จอยู่เสมอ
ศุกร์ แสดงถึง เจ้าชะตามีรูปร่างน่าตาดี มีเสน่ห์ หรือประสพความสำเร็จในเรื่องงานที่เกี่ยวกับความบันเทิงหรือสวยงาม หรือได้ภรรยาที่มีรูปร่างน่าตาดี
อังคาร แสดงถึง เจ้าชะตามีคนอารมณ์ร้อน มีความจริงจังต่อชีวิต เอาแต่ใจตนเอง ชอบทำลายล้าง ต่อสู่เพื่อชัยชนะ
พฤหัส แสดงถึง เจ้าชะตามีความโชคดีเรื่องการงาน มีความเป็นอยู่ในชาตินี้ดีไม่ตกอบ
เสาร์ แสดงถึง เจ้าชะตามีความทุกข์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งของชีวิตเค้า มีความเหน็ดเหนื่อยในเรื่องการงาน และชีวิตคู่ ถ้ามีดาวศุกร์ เข้ามาสัมพันธ์ด้วย
มฤตยู แสดงถึง เป็นคนใจร้อน นำสมัย เจ้าชะตาที่มีความเสียหายเพราะความใจร้อน อุบัติเหตุ
เนปจูน แสดงถึง เจ้าชะตาต้องระวังในเรื่องการไม่ประสพความสำเร็จในชีวิต อยู่ในโลกแห่งจิตนาการ การโดนหลอก เป็นโรคบางอย่าง ติดของเสพติดทั้งหลาย ถ้าไม่ทำตัวตามดาว
พลูโต แสดงถึง
เจ้าชะตาชอบมีการพัฒนาตัวเอง ไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ ชอบทำงานตลอดเวลา หาวิชาความรู้
มีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
บทที่ 312
หลักการออกคำพยากรณ์ครั้งแรกที่เริ่มคุยกับลูกค้า
หลักการมีอยู่ว่าเราจะต้องหาเรื่องคุยกับเจ้าชะตาให้ได้สิ่งแรกที่ลูกค้าเค้ามาหาเรา
เค้าต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน หรืออยากรู้ว่าระยะนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเค้า
อยู่ดี ๆ เค้าจะไม่มาหาเราเป็นหลักง่าย ๆ เลย
คนมีทุกข์หรือแก้ปัญหาไม่ตกเค้าก็จะมาหาเรา
เพื่อให้เราแก้ปัญหาหรือหาทางออกให้กับเจ้าชะตา
จุดสำคัญที่เราต้องทำให้ได้คือจุดมุ่งหมายของเจ้าชะตาที่เข้ามาปรึกษาปัญหากับเรา
ถ้าเจ้าชะตามาแล้วไม่ได้อะไรเลยจากเราแปลว่าเรายังไม่สามารถเป็นนักพยากรณ์ที่ดีได้
หรือเป็นแต่ไม่กล้าออกคำพยากรณ์ออกไปกลัวผิดพลาด จุดนี้คือปัญหา
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรผิดอะไรถูกในเมื่อวันยังไม่เกิด
สิ่งที่ท่านคิดว่าถูกอาจผิดก็ได้ สิ่งที่ท่านไม่กล้าพยากรณ์ออกไปอาจถูกก็ได้
มันเกิดจากความไม่มั่นใจท่านต้องขจัดมันทิ้งไปท่านต้องพูดออกไม่อย่างกล้า ๆ
ไม่ต้องกลัวลูกค้าถือว่าลูกค้าเป็นแมวเชื่อง ๆ
วิธีออกคำพยากรณ์ครั้งแรกที่เราพูดคุยกับลูกค้าคือหนึ่งเราเอาพื้นดวงมาคุยกับเจ้าชะตาก่อนให้เค้าไว้วางใจและเกิดความมั่นใจว่าเรามีความสามารถหรือดูตรง เราอาจจะเริ่มต้นที่บอกเค้าว่า เจ้าชะตาเป็นคนราศีอะไรมีอุปนิสัยอะไร โดยบอกเจ้าชะตาว่าเจ้าชะตาเป็นราศีนี้ น่าจะมีนิสัย อุปนิสัย อย่างนี้ให้ไหมครับ ค่ะ แล้วเราก็ไปมองที่จันทร์อยู่ในราศีอะไรก็ว่าว่าอารมณ์หรือนิสัยก็ได้เป็นอย่างนี้หรือไม่ครับ ค่ะ ต่อจากนั้นก็ไปดูดาวเด่นที่มองเห็นในพื้นดวงเราก็เอามาพูดได้เลย ต่อจากนั้นเราก็มีคุยเรื่อง ลัคนา และเมริเดียน กันต่อไป ว่า สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร เมริเดียนอยู่ในราศีอะไร เป็นไปตามราศีหรือไม่ก็ถือปรับเวลาเกิดไปด้วย และลัคนา เมริเดียนทำมุมกับดาวอะไร ต่อจากนั้นก็ถามเค้าเกี่ยวกับสุขภาพ โดยเราพูดมุมใหญ่ ๆ ไว้ก่อนแล้วค่อยมาบีบลงมา ท่านพูดไปเค้าต้องเป็นโรคหนึ่งอย่างแน่นอน เรื่องสุขภาพให้ดูที่ดาวร้ายอยู่ที่ราศีไหนเราก็ถามเค้าว่าโรคนี้หรือไม่ครับ ค่ะ เราควรบอกโรคคร่าว ๆ ไปก่อน พยายามให้เค้าคุยกับเราให้ได้ ถ้าเค้าถามเรื่องอะไรสักอย่างก็แปลว่าเค้าเริ่มไว้วางใจเราแล้ว เราสามารถคุยเรื่องไฝ จุดด่างดำ แผลเป็น ตรงที่ลัคนา และเมริเดียนอยู่เพื่อเป็นการทอสอบว่าลัคนาและเมริเดียนตรงหรือไม่ หรือดูที่ดาวเสาร์เค้ามีแผลเป็นอยู่จุดไหนของร่างกาย ท่านต้องกล้าพูดถ้าไม่เป็นก็บอกให้ระวังมันจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน เค้าเรียกว่าจุดอ่อน
จุดสำคัญเราต้องให้เค้าไว้วางใจและเชื่อแน่ว่าเราสามารถพยากรณ์ได้ถูกต้องแล้ว เมื่อเค้ามั่นใจ เริ่มคุยกับเราแล้ว เราก็เริ่มสามเจ้าชะตาว่าต้องการรู้เรื่องอะไร หรืออาจคุยกับเจ้าชะตาว่าปีนี้ควรระวังอะไรให้ดูโค้งดูโค้งร้ายและตรวจดูว่าปีนี้เค้าเป็นอย่างไรก่อนที่จะถามเค้าว่าเจ้าชะตาต้องการทราบเรื่องอะไร เพราะเราต้องบอกว่าเราดูแบบเจ้าชะตาต้องถามเรื่องมาเราจะบอกได้ ไม่ใช่ให้เราพูดเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่หมดดูไทยที่พูดไปแต่อย่างเดียว เราก็ต้องบอกเราเจ้าชะตาให้เข้าใจว่า เราเป็นนักโหราศาสตร์ที่มีเรื่องที่ท่านสามรถถามได้ถึง ห้าพันเรื่อง
เราต้องใช้หลักจิตวิทยาเข้าช่วยในการแก้ปัญหาที่เค้าถามบางทีเจ้าชะตาอาจถามเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องในดวงเลยเราก็ต้องหาทางแก้ไขไปตามความรู้ความสามารถของเรา อย่างน้อย ๆ เราต้องหาทางออกให้กับตัวเราให้ได้เพราะการดูให้กับคนที่มาดูมันแตกต่างกับดูเพื่อศึกษาครับ คนส่วนมากมาจะมีปัญหาให้เราแก้ถ้ามาแล้วเราไม่สามรถแก้ไขปัญหาเค้าไม่ได้เค้าก็เกิดความไม่เชื่อถือในจิตก็จะทำให้เราไม่สามรถชนะใจเค้าได้เค้าก็อาจไม่กลับมาหรือแนะนำคนอื่นว่าเราดูตรง หรือให้คำปรึกษาที่ดีและมีทางออกให้กับเค้าได้ เราต้องรู้ว่าเจ้าชะตามาเพื่อต้องการอยากรู้ดวง หรือมาระบายความอึกอัดใจ
จุดสำคัญสุดยอดคือเราอย่างไปกลัวคนมาดู หรือเกิดความไม่มั่นใจในการออกคำพยากรณ์ จะทำให้เราเสียความเชื่อมั่น อย่างแน่นอน ดังนั้นเราต้องมั่นใจ และเชื่อในคำพยากรณ์ของเรา จะถูกหรือผิดขอให้พูดไปก่อนสิ่งที่เราพูดผิดอาจถูกก็ได้ ไม่แน่เสมอไป เรามั่นใจว่าถูกมันอาจผิดก็ได้ ดังนั้นอย่างไปกลัวในออกออกคำพยากรณ์จงเชื่อมั่นในการพูดของเราอย่างมีความมั่นใจ จะทำให้เจ้าชะตามีความมั่นใจในคำพูดเรา เจ้าชะตาก็จะสบายใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเราต้องทำให้เจ้าชะตาเกิดความสัทธากับตัวเราให้ได้ถ้าเค้าไม่สัทธาเราก็จบแล้ว ดังนั้นเราต้องสร้างความเชื่อมั่นในครั้งแรกที่เริ่มคุยกัน ในการออกคำพยากรณ์ใหม่ ๆ ไม่ควรออกคำพยากรณ์ที่บีบตัวเราให้ใช้การออกคำพยากรณ์ไว้หลาย ๆ เรื่อง หน่อย เช่น ปีนี้เค้าอาจมีเกณฑ์โยกย้ายที่อยู่อาศัย หรือเปลี่ยนงาน หรือมีการสูญเสียบุคคลใกล้ชิดเกิดขึ้น เราอาจออกคำพยากรณ์สักสามเรื่อง เพื่อให้เจ้าชะตารู้ว่าเค้าน่าจะมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะเกิดขึ้น ต่อจากนั้นเราอาจบีบเรื่องให้แคบคงจากการถามเจ้าชะตาว่าจะเป็นไปในทางไหน เช่นพอดีเค้ากำลังจะหางานใหม่อยู่พอดี เราก็บอกเลยว่าที่มีเกณฑ์ที่จะเปลี่ยนงานอย่างแน่นอนเป็นต้น ตามที่ข้าพเจ้ายกตัวอย่างมานี้ทางต้องสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการพยากรณ์ให้กับเจ้าชะตาแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เราต้องดูพื้นดวงเป็นหลักก่อน
จุดแรกให้เริ่มตั้งพื้นดวง และตั้งดวงรายปี และจุดสะท้อน และเริ่มพยากรณ์พื้นดวงตามที่กล่าวมาต่อจากนั้นให้ดูว่าปีนี้เค้าเป็นอย่างไรให้ดูโค้งดีโค้งร้าย และก็ออกคำพยากรณ์ออกไปตามที่โค้งบอกท่านไม่ต้องกลัวว่าที่เราพูดผิดที่ต้องเชื่อในตำแหน่งดาวของเราอย่างเชื่อคำพูดของเจ้าชะตาเป็นอันขาดจะทำให้เราเกิดความไม่มั่นใจ ท่านต้องเชื่อดาวเป็นหลัก อย่าดูที่หน้าตา หรือคำพูด หรือการแต่งตัว ท่านต้องดูจากดาวเป็นหลักแล้วท่านจะไม่หลงทางจากเจ้าชะตา บางทีเจ้าชะตาอาจปิดบังไม่บอกเรา เราก็ไม่ต้องไปสนใจพยากรณ์ตามดาวไป ข้าพเจ้าเจอมาหลายรายแล้วว่าไม่ตรงไม่มี ไม่เกิด ไม่เคย พอสุดท้ายเจ้าชะตาต้องยอมรับในคำพยากรณ์ของเรา เพราะเค้าอาจกลัวคนที่มานั่นดูด้วยก็ได้ท่านควรดูตัวต่อตัวจะเป็นการดีถ้ามีคนนั่งอยู่ด้วยอาจทำให้เจ้าชะตาอาจกลัวความลับของเค้าเปิดเผยออกมาก็ได้ดังนั้นท่านต้องดูสภาพแวดล้อมด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่
สรุปเราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าก่อนอื่น เราไม่ใช่หมดดูไทย มาถึงก็นั่งพูดอย่างเดียวแต่ไม่มีอะไรเลย มีแต่น้ำ ของเราเป็นเรื่องที่ต้องถามเรามีแต่เนื้อ อย่างดวงไทยจะทำอย่างเราไม่ได้ เราต้องดูพูดให้ลูกค้าเข้าใจเสียก่อนกว่าเราจะดูในเรื่องที่เค้าถามขึ้นมา หรืออาจดูภายรวมทั่ว ๆ ไปกว่าปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเค้าก่อน และมาเจาะลงเรื่องที่เค้าจะถาม ท่านคงเข้าใจตามที่ข้าพเจ้าเขียนมานี้นะครับให้นำไปทดลองดูแล้วท่านจะออกคำพยากรณ์ได้ดีกว่าเดิม
หลักการดูพื้นดวง และจร
|