บทที่ 342

วันนี้เรามาคุยเรื่องการทดสอบเดือนสำคัญกันหน่อย เป็นส่วนหนึ่งของการดูรายปี คือหน่วยย่อย ลง เราต้องทำการทดสอบเดือนที่ผ่านมาว่าตรงกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ ก่อน

การทดสอบเดือนสำคัญ

          ในตามความจริงนั้น โค้งสุริยยาตร์ ระหว่าง จุดเมษ กับ แอดเมตอส บางปี ก็อำนวยให้เราสามารถที่จะวินิจฉัยได้เหมือนกัน ว่าในเดือนนั้น ๆ น่าจะเป็นเดือนสำคัญในชีวิตของเจ้าชะตาหรือไม่ ด้วยวิธีการทดสอบเหตุการณ์ พลัดพราก ย้อนหลัง

          ดังตัวอย่าง เช่น ในเดือนมีนาคม 2518 แอดเมตอส โคจรอยู่ ณ ตำแหน่ง ประมาณ 4 ..35 ถึง

4 ..49 ห่างจาก จุด ที่ทำมุม 45 องศา กับจุดเมษ เท่ากับ 10.25 องศา และ 10.11 องศา เมื่อแปลงอายุเป็นปีก็จะเท่ากับ 10 ปีกว่าเล็กน้อย ในการคิดโค้งสุริยยาตร์โดยละเอียดต้องคิดเดือน มีนาคม คือให้ถือเสมือนว่า เจ้าชะตาเกิดในเดือนนี้ หากสอบชีวิตจริงของเจ้าชะตาแล้วปรากฏเมื่อ 10 ปี กว่าที่ผ่านมานี้ 2508 มีเหตุการณ์พลัดพรากจากกันเกิดขึ้นแก่เขา เช่นย้ายที่อยู่ที่เรียนหรือพลัดพรากจากสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ก็ย่อมจะหมายความว่า ประมาณเดือน มีนาคม นี้ เหตุการณ์ที่สำคัญ ๆ จะบังเกิดขึ้นแก่เขา หากสอบแล้วไม่ปรากฏว่าได้ประสบเหตุการณ์ดังกล่าว เดือน มีนาคม นี้ก็จะไม่มีเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่น่าสนใจเกิดขึ้นแก่เจ้าชะตา

          อย่างไรก็ดี ในการตรวจสอบเดือนสำคัญสำหรับชีวิตของเจ้าชะตาที่แน่นอนกว่านี้ ท่าน ย่อมสามารถที่จะปฏิบัติได้ โดยไม่ยาก โดยใช้ เสาร์ พฤหัส รวมทั้ง อังคาร ด้วย เป็นตัวสอบ ด้วยวิธีสอบ กับจุดเมษ เช่นเดียวกัน กล่าวคือ โดยอาศัยระยะระหว่าง เมษ กับ ดาวพระเคราะห์จารที่ใช้ทดสอบเช่นเดียวกับสอบโดย แอดเมตอส

1.     โค้งสุริยยาตร์ ระหว่าง เมษ กับ เสาร์ จะแสดงถึงการพลัดพรากจากกันในอดีต

2.     โค้งสุริยยาตร์ ระหว่าง เมษ กับ พฤหัส จะแสดงถึงประสบโชคลาภ ในอดีต

3.     โค้งสุริยยาตร์ ระหว่าง เมษ กับ อังคาร จะแสดงถึงความไม่อยู่เฉย ในอดีต ทั้งนี้รวมทั้งการได้รับบาดเจ็บ เมษ/อังคาร

การสอบระยะระหว่าง เมษ กับ พฤหัส เสาร์ อังคาร ตามที่กล่าวมานี มักอำนวยให้เราทราบ วัน ที่จะเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ได้บ่อย ๆ ดังนี้ก็เพราะ ดาวพระเคราะห์ทั้ง 3 โคจรค่อนข้างเร็ว เมื่อนำมาใช้ทำการสอบด้วย


บทที่ 343


สี่คำถามยอดนิยม ในการที่คนถามมากเราก็มีการใช้ตัวช่วยดังนี้
เนื่องจาก ปัญหาทั่ว ๆ ไป ที่เจ้าชะตาต้องการทราบนั้น อาจสรุปได้เป็น 4 คำถาม คือ เรื่อง

การเงิน  การงาน  ครอบครัว และสุขภาพ

จึงขอสรุปวิธีการตรวจดวงชะตา เพื่อตอบปัญหาหลัก ทั้ง 4 ไว้ ดังต่อไปนี้

1. การเงิน              ตรวจดู JU, JU/UR, JU/AP, AR/JU, SU/JU, JU/VU, JU/KR, MO/JU

2. การเงิน              ตรวจดู JU, JU/AP,AR/JU,SU/JU,MO/JU,MA/JU,JU/VU,JU/KR,JU/ZE

3.ครอบครัว           ตรวจดู CU, VE, และบรรดาศูนย์รังสีที่มี ศุกร์ หรือ คิวปิโด ร่วมอยู่ด้วย

   ความรัก              ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้ จะเป็นผู้บอกเรา ว่าชีวิตทางด้านนี้ มี-ร้าย ประการใดใน

                                ปีที่พิจารณานั้น

4.สุขภาพ               ตรวจดู HA, UR ( อุบัติเหตุ ผ่าตัด) MA/UR และบรรดาศูนย์รังสีที่แสดงการ

                                เจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น MA/SA,MA/NE,MA/HA,SA/NE,SA/HA, ทั้งนี้รวมทั้ง

                                เนปจูน และ มฤตยู/เนปจูน ด้วย

ในการตรวจเรื่อง ครอบครัว และความรัก มีจุดสำรวจเพิ่มเติมคือ

                                อาทิตย์โค้ง+/จันทร์ และ อาทิตย์โค้ง- /จันทร์

                                อาทิตย์/จันทร์โค้ง+ และ อาทิตย์/จันทร์โค้ง-

ตัวงอย่าง  อาทิตย์โค้ง+/จันทร์=ศุกร์   = ปีนี้ จะพบความรักหรือแต่งงาน

การตรวจเรื่องความฝัน
นั้นเราสามารถทำการตรวจสอบว่าฝันดีหรือฝันร้ายโดยการตรวจจาก

จุด จันทร์/เนปจูนจร ทำมุมถึงอะไรในพื้นดวงหรือจร ในช่วงเวลา ณ ที่ฝัน รวมถึงฝันว่ามีโชคหรือไม่มีโชค

การตรวจเรื่องสัตว์เลี้ยง

สำหรับเรือนชะตาที่ใช้สำหรับพยากรณ์เรื่อง สัตว์เลี้ยง คือ เรือนที่ 6 ถ้ามี พฤหัส อยู่ในเรือน 6

แปลได้ว่าจะมีโชคลาภจากสัตว์เลี้ยง หรือสัตว์เลี้ยงให้โชค

การตรวจวัย

วิธีปฏิบัติเพื่อตรวจดูว่า ในวัยที่พิจารณานั้น ๆ ดาวพระเคราะห์ดวงใดบ้างที่แสดงอิทธิพล

และดาวพระเคราะห์ใด ยังแสดงอิทธิพลไม่เต็มที่ เพื่อจะได้วินิจฉัยความแรงและไม่แรงของ

อิทธิพลของดาว ซึ่งอาจสรุปได้ดังนี้

                อายุ 1 – 14             พุธ  พลูโต

                อายุ 15 – 28          ศุกร์  คิวปิโด

                อายุ 29 – 42          อังคาร วัลคานุส

                อายุ 43 – 56          พฤหัส  อาพอลลอน

                อายุ 57 – 70          เสาร์ แอดเมตอส

บทที่ 344


วันนี้เรามาคุยกันเรื่องโค้งกันหน่อยนะครับ กับเรือนชะตาเราสามารถนำมาใช้ร่วมกันได้อย่างไร สามารถอ่าน
ดาวจรได้ ด้วย อย่าอ่านก่อนวันนะครับเพราะเขียนไม่ทัน

การพยากรณ์จร เรือนชะตา+โค้งรายปี

การพยากรณ์จร โดย โค้งสุริยยาตร์ ในทฤษฏีเรือนชะตา ท่านควรสนใจดาวหรือปัจจัยที่สถิตตรงเส้นแบ่งเรือนของเรือนชะตาจร กับ ปัจจัยหรือดาวในเรือนที่สัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตา

ตัวอย่าง เช่น เมอริเดียน(จย) ทำมุม 45 องศากับ พฤหัส และพฤหัส สถิตในเรือนที่ 2 ของเรือน

เมอริเดียน(จย) ก็จะแปลได้ว่าปีนี้ เจ้าชะตาจะมีโชคลาภและความสำเร็จทางด้านการเงิน

ตัวอย่างที่ 2 อาทิตย์ (จย) ทำมุม 90 องศากับ  อาพอลลอน และ อาพอลลอน สถิตทับเส้นแบ่งเรือน

ที่ 7 ของเรือนชะตาอาทิตย์(จย)

เนื่องจาก ตรงจุดเส้นแบ่งเรือนชะตานี้ มีอิทธิพลแรงที่สุด เพราะฉะนั้นดาวที่สถิตที่เส้นแบ่งเรือนก็ดีมีตำแหน่งสัมพันธ์กับเส้นแบ่งเรือนก็ดี จะมีอิทธิพลที่แรงที่สุดสำหรับเรือนชะตานั้น ยิ่งสัมพันธ์สนิทก็ยิ่งแรงมากขึ้น และแรงกว่าดาวที่สถิตในเรือนชะตานั้นเสียอีก

ตัวอย่าง อังคาร ทำมุม 45 องศากับเส้นแบ่งเรือนที่ 2 จะมีอิทธิต่อเรือนที่ 2 มากกว่าดาวที่สถิตในเรือนที่ 2 เสียอีก

เราสามารถนำโค้งฯ เมอริเดียน อาทิตย์ จันทร์ ลัคนา ราหู มาทำเป็นเรือนชะตาจรตามโค้งได้สามารถให้ผลที่แม่นยำยิ่งขึ้นก็เรือนชะตาปกติ

                เรือนชะตาเมอริเดียน เป็นเรือนชะตาที่สำคัญที่สุด และใช้เป็นหลักในการพยากรณ์

                เรือนชะตาอาทิตย์  สำหรับเจ้าชะตาชาย :สำหรับหญิงใช้สำหรับทำนายคู่ครอง

                เรือนชะตาจันทร์   สำหรับเจ้าชะตาหญิง  สำหรับเจ้าชะตาชายทำนายคู่ครอง

ทฤษฏีเรือนชะตาสำหรับโหราศาสตร์ทุกระบบ เส้นแบ่งเรือนชะตา มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีสภาพเสมือนเป็น จุดอิทธิพล ซึ่งมีความหมายตามความหมายของเรือนชะตานั้น ๆ ตัวอย่างเช่น

เส้นแบ่งเรือนชะตาที่ 2 แปลว่า การเงิน ของเจ้าชะตา เป็นต้น ซึ่งดาวหรือปัจจัยที่มีสัมพันธ์กับเส้นแบ่งเรือน จะบอกถึงความเป็นไปของสิ่งตามความหมายของเรือนชะตานั้น ๆ

 เราสามารถนำโค้งของดาวต่าง ๆ มาทำเป็นเรือนชะตาจรได้ซึ่งจะบ่งบอกถึงเรื่องต่าง ๆ ของดาวนั้นๆ จรตามโค้ง ฯ รายปี

อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติจริง ๆ นั้น ผู้พยากรณ์มักจะพบสัมพันธ์หลาย ๆ สัมพันธ์ในขณะเดียวกัน

ซึ่งในการพยากรณ์จะต้อง ผนวก ความหมายของสัมพันธ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วให้คำทำนายด้วยวิธีอุปมา เข้าช่วย เราจะใช้การอ่านจาก คัมภีร์สูตรเรือนชะตา โดยตรงก็ได้ แต่อย่าลืมดัดแปลง

โดยอาศัยสามัญสำนึกด้วย เพราะคำแปลในคัมภีร์นั้น ตามปกติจะใช้เพียงเป็น แนวทาง อันหนึ่งเท่านั้น

บทที่
345



 วันนี้ข้าพเจ้าได้ไปค้นพบหนังสือเล่มหนึ่งเค้าบอกวันสิ้นโลกมา มี วัน เดือน ปี เวลา มาให้เรียบร้อย ด้วยความอยากรู้ว่าเค้าพูดจริงหรือไม่ก็เลยนำวันเดือนปีนี้เข้าโปรแกรม เพื่อทำการศึกษา และก็ตกใจมาก เพราะในโปรแกรมตัวหนึ่งที่มีความละเอียดมากได้บอกสิ่งที่ไม่น่าเชื่อออกมาให้ทราบว่าโลกเราเหลือเวลาอีก 70 ท่านั้น ก็จะมีภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ คือน้ำ น้ำท่วม หรืออาจกล่าวได้ว่าน้ำท่วมโลกหมด วันที่ 01/10/2623 เวลา 09.00 เวลากลาง ทำให้คิดไปว่าเหลือเวลาอีกไม่นาน คนรุ่นหลังอาจอยู่ถึงวันนั้นแต่ชาวเราคงไปก่อน มาดูแล้วเวลาที่ในหนังสือเล่มนั้นบอกค่อนข้างจะตรงกับความเป็นจริง ในการค้นหาเรื่องต่าง ๆ ในเวลานั้น มีการบอกถึงการจมน้ำ อันนี้อยากให้ท่านไปทดสอบการดูมาว่าตรงกันไหม อย่าไปเชื่ออะไรมากนัก ตอนนี้เรายังมีเวลาทำความดีให้กับโลกไว้ก็ทำกันไป ถ้าคิดเหลืออีก 70 ปี เด็กที่เกิดใหม่ในระยะนี้ก็อาจได้เห็นวันสิ้นโลกได้ เพราะเค้าจะอยู่ได้ถึง 70 ี พอดี ใครอยู่ใครไปก็คงไม่สำคัญแล้วถ้าถึงเวลานั้น เอาเป็นว่าทำความดีกันไว้ดีกว่า คิดแค่วันพรุ่งนี้ดีที่สุด อย่าไปคิดอีก 70 ีเลย โลกจะเป็นอย่างไรก็เป็นไปตามกฎธรรมชาตินะครับท่านพี่น้อง ที่ได้อ่านบทความนี้ หรือบางท่านได้ข่าวมาบ้างแล้ว แต่อันนี้เป็นเวลาที่แน่นอน ถ้าข้าพเจ้าอยู่ถึงแต่ไม่ถึงแน่นอนตายก่อน เลยพูดไว้ก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้นเพื่อใครมีลูกหลานก็ให้หนีไปอยู่ในที่สูง ๆ เข้าไว้ จะได้พ้นจากน้ำท่วมได้ครับ เอาเป็นว่าน้ำท่วมมีจริง เราได้เวลาแล้ว อาจมีการเคลื่อนย้ายไปที่บนที่ราบสูง หรือบนที่น้ำท่วมไม่ถึงกันไว้ก่อน กรุงเทพฯ จมน้ำแน่ และอีกหลายจังหวัด ด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ้นจากน้ำท่วมได้ท่านควรไปหาที่อยู่ตั้งแต่เวลานี้ จะได้ให้ลูกหลานพ้นจากภัยนี้ครับบทความนี้ได้เขียนไว้ ณ วันที่ 03/08/2553  เผ่าพันธ์ มนุษย์ ก็ยังคงอยู่ ต่อไป คิดว่าทางเมืองนอกเค้าทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ไม่บอกกัน รอเวลาให้มาถึงใกล้กว่านี้ถึงจะมีการเตรียมพร้อมกัน ตอนนี้ก็รอดูกันไปก่อนนะครับ
 

|วันสินโลก

ในวันนั้นข้าพเจ้าได้ทำการหาจุดต่างๆ ที่เห็นว่าสำคัญมาแสดงให้ท่านว่ามีเรื่องต่าง ๆ พอนำเรื่องนั้น ๆ มารวมและประมวลเข้าด้วยกัน ก็จะเป็นเรื่องที่เราต้องการทราบว่าโลกเรานั้นน่าจะมีอาการไม่ค่อยดีนัก มีการสลายตัว มีน้ำ มีน้ำแข็ง มีการสูญสิ้นของชีวิตบนโลก จากการคำนวณจ su และ as คือดูวัน และ นาทีที่จะเกิด มีจุดต่าง ๆ ที่สำคัญไว้ให้ท่านทำการทดสอบว่าตรงไหม จุดเมษไม่ต้องไปพูดถึงเจอเต็ม ๆ เลย เราอย่าไปเชื่ออะไรที่มันไม่ได้ทำการหาความจริง

ถ้าเราทดสอบแล้วว่ามันมีเหตุ ก็แน่ใจได้ แต่มันก็อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้เพราะเราต้องหาทางแก้ไขกันไว้ก่อนที่มันจะเกิดคือ อย่าทำให้โลกร้อน หรือทำลายธรรมชาติ กัน อย่าตัดไม้ อย่าปล่อยสารเคมีที่ทำให้อากาศเสีย ทำให้เรือนกระจกเราเสียหายไปมากกว่านี้ น้ำแข็งจะได้ไม่ละลายจากขั่นโลกเหนือใต้มาท่วมโลก ได้ และแผ่นดินไหว อันเนื่องมาจากการเจาะขุดเอาของใต้ดินมาใช้กัน สรุปโลกนี้จบแน่ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษาสภาพความเป็นธรรมชาติกันไว้ให้นานที่สุด เราก็ไม่เห็นวันสินโลกได้เช่นเดียวกัน ถ้าเรารู้ก่อนเราก็รีบแก้ไขกันเสียก่อนมันก็จะไม่เกิด ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันสามารถแก้ไขได้ อย่าไปคิดว่ามันจะเกิด แต่ถ้าเราไม่แก้มันก็เกิด เหตุมากับผล แต่ถ้าเราไม่ให้ผลมันเกิด เหตุก็ไม่แสดงให้เราเห็นอันนี้เป็นการทำอะไรให้สวนกระแสทางดาวเสียมันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น รู้ไว้ก่อน ดีกว่ารู้หลังจากมันเกิดไปแล้ว

จุดอิทธิพลที่ทำมุมถึงจุด เมษมีอะไรเข้าบ้าง
= NE+HA-MA [0.6386]   (0.0,0.64)

= NE+NE-HA [89.6579]  (90.0,-0.34)

= UR+UR-VU [89.0234]  (90.0,-0.98)
= HA+ZE-AS [179.7801] (180.0,-0.22)
= NE+HA-MA [0.6386]   (0.0,0.64)


จุดอิทธิพลที่ทำมุมถึง
su ที่แรงมีอะไรบ้าง

=ME+SA-MA [233.2993] (45.0,-0.12)

= AD [97.6313] (90.0,-0.78)

= AR+NE-PO [232.6371] (45.0,-0.78)

= SA+ZE-SU [8.8243] (180.0,0.41)

= NE/HA [142.7920] (45.0,-0.62)

= NE+HA-AD [187.9528] (0.0,-0.46)

จุดอิทธิพลที่ทำมุมถึง as ณ เวลานั้นมีอะไรบ้าง

 = MA+HA-NE [320.3682] (90.0,0.42)
 = MA+HA-NE [320.3682] (90.0,0.42)
 = MA+NE-AR [50.0261]  (180.0,0.08)

 =JU+SA-UR [319.3326]   (90.0,-0.62)

บทที่ 346


สวัสดีครับ วันนี้ต้องมาแก้บท เพราะผิดพลาดนิดหน่อยมีนักเรียนที่แสนดี บอกมาว่าบทที่ทำไปมันถอยหลัง ขอบคุณมาก ทำไปทำมาก็เพี้ยน ๆ ไปเหมือนกัน ตาไม่ค่อยจะดี บางที่ก็มีพลาดกันบ้างนะครับ หายไปหนึ่งวันไม่ว่ากันนะครับเพราะพึ่งกลับจากนครปฐมมา ไปแก้ดาวมา ออกจากนครปฐมตอนตี่สามถึงตี่ห้า ทันสอนกลุ่มวันพฤหัส กลุ่มนี้สอนสนุกมาก และเข้าใจดี มีความสัมพันธ์กันดี ใครที่เอาแผ่นไปฟัง รองเปิดดูหน่อยว่าเสียงใช้ได้ไหม ไม่เห็นมีใครมาบอกเลยว่าเสียงอัดเป็นอย่างไร ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว  สงสัยไม่เปิดฟัง ถ้าเจอปัญหา จะมีของแจกครับ เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาเรียนเรื่อง เรือนชะตากันต่อนิดหนึ่งเอาไว้ดูเรื่องสุขภาพได้เหมือนราศีครับน่าสนใจดี
 

ระบบเรือนชะตาจร

ระบบเรือนชะตาจร มาจาก การพัฒนาการของชีวิต ตั้งแต่เกิด จนตาย ซึ่งเทียบ 1 ปี เหมือน 1 ชาติ โดยคิดตั้งแต่วันเกิด ถึงวันเกิด โดยเฉพาะ 12 ปี เทียบได้ 1 ชาติ (จังหวะ12)

หลักการคือ ชีวิตในแต่ละปีย่อมหมุนเวียนไปตามลำดับ เรือนชะตา ปีละ 1 เรือน กล่าวคืออายุ 1 ปี คือเรือนที่ 1 อายุ 2ปี คืนเรือนที่ 2 อายุ 3 ปีคือเรือนที่ 3 …………..อายุ13 ปี จึงตรงกับเรือนที่ 1 ใหม่ อีก และ อายุ 25 ปีก็จะตรงกับเรือนที่ 1 อีกเช่นกัน เป็นอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย

เมื่ออายุตกเรือนชะตาใด ชีวิตในปีนั้น ก็จะเกี่ยวข้องกับชีวิตของเจ้าชะตา หรือเข้ามามีบทบาท รุนแรง ต่อไปนี้คือความหมายของเรือนชะตาต่าง ๆ ซึ่งอาจใช้ได้ทั้งในการพยากรณ์จรตามอายุขัย และในพื้นดวงชะตา

เรือนที่ 1เรือนเกณฑ์

เรือนของชีวิต และบุคคลิกภาพ ความเป็นอยู่ของเจ้าชะตา

อวัยวะ คือ ศรีษะ เว้นจมูก

เรือนที่ 2

เรือนของเงินและทรัพย์สมบัติ รายรับ รายจ่าย  การลงทุน ผลกำไร โชคลาภทางการเงิน ผลประโยชน์ และสมบัติที่เป็นวัตถุทั้งปวง

อวัยวะ คือ ลำคอ ต้นคอ คอหอย หลอดลม และหลอดอาหาร

เรือนที่3

เรือนของพี่น้องและญาติ การเดินทางระยะใกล้ ๆ การไปเที่ยว การเยี่ยมเยียน กิจกรรมทางด้านการศึกษาหาความรู้

อวัยวะ คือ ปอด ประสาท ไหล่ แขน และมือ

เรือนที่ 4 เรือนเกณฑ์

เรือนของบิดามารดา บ้านเกิด ครอบครัว ที่อยู่อาศัย ที่ดิน  เกี่ยวกับบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นหลัก

อวัยวะ คือ กระเพาะ ตับ น้ำดี

เรือนที่5

เรือนของบุตรและบริวาร เด็กๆ การเข้าสามาคม การศึกษา เล่าเรียน การเก็งกำไร ความรัก หรือมีความเกี่ยวข้องกับคนที่อายุอ่อนกว่า

อวัยวะ หัวใจ หลัง และการหมุนเวียนของกระแสโลหิต

เรือนที่ 6

เรือนของการงานและสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ อาหารการกินที่มีปัญหา การแพทย์ เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพเป็นส่วนใหญ่

อวัยวะที่เกี่ยวกับการย่อยอาหาร

 

เรือนที่ 7 เรือนเกณฑ์

เรือนของการสมรส ความรัก การพบคู่ครอง  การแต่งงาน หุ่นส่วน การเกี่ยวกับคดีความ ตำแหน่งหน้าที่การงาน

อวัยวะ คือ กระเพาะปัสสาวะ ไต ผิวหนัง บริเวณต้นขา

เรือนที่ 8

เรือนของการสะสมทรัพย์สมบัติ มรดก และการพลัดพรากจากกัน การถึงแก่กรรม การมีปัญหากับคนที่อายุอ่อนกว่า ณาปนกิจ และพิธีศพ

เรือนที่ 9

เรือนของการเดินทางไกล การไปต่างประเทศ เกี่ยวกับปัญญา การแผ่ขยาย การขยายกิจการที่ดำเนินอยู่ การเมือง

อวัยวะ คือ ประสาท ปอด ตะโพก ต้นขา

เรือนที่10 เรือนเกณฑ์

เรืองของอาชีพการงาน ธุรกิจที่ดำเนินอยู่เป็นอย่างไร การปรับตำแหน่ง ความเจริญทางวัตถุ การได้งาน ความสูงส่งของชีวิต

อวัยวะ เข่า การผลิตโลหิต การทำงานของกระเพาะอาหาร และกระดูก

เรือนที่11

เรือนของโชคลาภ  การได้มิตรใหม่ ความหวังของเจ้าชะตา การมีสิ่งดี ๆ ในชีวิต

อวัยวะ ขา น่อง หน้าแข็ง หัวใจ หลัง

เรือนที่12

เรือนของความเร้นลับ และศัตรู อุบัติเหตุ การวิตกกังวล ความหดหู่ อุปสรรคต่างๆ การนินทาว่าร้าย การโจรกรรม ความอึดอัดภายในใจ และการมีชีวิตที่ไม่น่า รื่นรมณ์
รูปแบบต่าง ๆ

อวัยวะ เท้า ส่วนที่ทำหน้าที่การย่อยอาหาร

การพยากรณ์จรรายปี

ให้ใช้ดวงสงการณ์เป็นหลักโดยใช้อาทิตย์จรโคจรเข้าที่ 00.00 ราศีมังกร และให้

ตั้งตำแหน่งเรือนที่ 3-4 ไว้ที่อาทิตย์จรปีนั้น ๆ เช่นดวงสงการณ์ของปี 2544 ก็จะดูไปถึงดวงสงการณ์ปี 2545 ถือเป็นการดูดาวของปี 2545 และนับเรือนที่ 1 เป็นอายุ 1ปีไปจนถึงครบอายุปัจจุบัน

และใน

การพยากรณ์รายเดือน
ก็ให้นับเดือนเกิดเริ่มจากเรือนที่ 1 ไปจนถึงเดือนปัจจุบันที่ต้องการพยากรณ์ ต้องต้องการรู้เดือนที่จะเกิดอะไรขึ้นล่วงหน้าได้ ใช้กฎเกณฑ์เดียวกับการนับอายุเช่นเดียวกัน


บทที่ 347

วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง เรือนชะตาว่าเค้าดูกันอย่างไรอีกครั้งเพราะมีอะไรให้ท่านจับจุดในการอ่านมากขึ้น และเป็นแนวทางในการศึกษาว่าด้วยเรือนชะตาที่คนอื่นถือว่าไม่สำคัญ แต่ถ้าท่านฝึกให้ถูกต้องแล้ว ไม่แพ้การวัดมุมเลย ทดสอบดูนะครับ ว่าเรือนชะตามีบทบาทสำคัญแค่ไหนในการนำไปทำนาย

เรื่องวิธีการพยากรณ์ โดยทฤษฏีเรือนชะตา

1.       วิธีการพยากรณ์ เรือนชะตา มีหลักปฏิบัติอยู่เพียง ประการเดียว ที่เป็นแก่นสารของทฤษฏี คือ เอาอิทธิพลของดาว ผนวกกับ อิทธิพลของเรือน แล้วอุปมาเป็นคำ
    ทำนายโดย ใช้หลักการด้านจิตวิทยา

2.       - ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยในราศี บอกถึง สันดาน หรือ กรรมเก่า ของเจ้าชะตา

    - ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยในเรือนชะตา บอกความเป็นอยู่ ซึ่งมีผลมาจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ของเจ้าชะตา

3.       หลักการพยากรณ์ที่ได้กล่าวมานี้ เป็นหลักทั่ว ๆ ไป ใช้ได้สำหรับโหราศาสตร์ ทุกระบบ อย่าลืม
    หลักการอ่านดวงชะตา เอาอิทธิพลดาว ผนวกเข้ากับ อิทธิพลของราศี หรือ อิทธิพลของเรือนชะตา ที่ดาวดวงนั้นสถิตอยู่
    อ่านตามหลักนี้เสียก่อน แล้วจึงอุปมาเป็นคำทำนาย โดยใช้หลักทางด้านจิตวิทยา

4.       ในกรณีที่มีปัจจัยอื่นสัมพันธ์หรือได้ตำแหน่งสัมพันธ์กับดาวในเรือนชะตา หรือราศี ที่พิจารณา ก็ให้ ผนวก อิทธิพลของปัจจัยนั้น ๆ เข้ากับคำพยากรณ์ที่อ่านจาก ดาว + เรือน นั้นด้วย ดังตัวอย่างเช่น

    จันทร์ สถิตในเรือนที่ 4 แปลว่า มีความรู้สึกสำนึกในเรื่องบ้าน ชอบอยู่แต่ในบ้าน มีบุคคลเพศหญิงอยู่ในบ้านหลายคน เช่นมีแต่บุตรสา เป็นต้น
    มีการเปลี่ยนแปลงและมีการผันแปรเกี่ยวกับเรื่องบ้านอยู่เสมอ หรือ ชอบเลี้ยงไม้ดอก

    จันทร์ สถิตในเรือนที่ 4 ทำมุม 45 องศากับ เสาร์ แปลว่า ย้ายที่อยู่บ่อย หรือมีวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องภายในบ้านอยู่ตลอดเวลา
    บุคคลเพศหญิงภายในบ้านมักเปล่า   เปลี่ยวหรือถูกทอดทิ้ง

 

5.       การพยากรณ์จะยิ่งละเอียดลออและปราณีตยี่งขึ้นถ้ามีการเอา คุณสมบัติของราศี ที่ดาวนั้นสถิต
   
ทั้งดาวในเรือนชะตาที่พิจารณา และดาวหรือปัจจัยที่มีสัมพันธ์กับดาวหรือปัจจัย ในเรือนที่พิจารณานั้น

    ตัวอย่าง เช่น ในดวงชะตา จันทร์ สถิตในเรือนที่ 4 สัมพันธ์ถึง เสาร์ ซึ่งสถิตในราศีตุลย์ เป็นต้น เราอาจพยากรณ์ด้วยความแม่นยำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
   ได้ว่า เจ้า   ชะตาจากบ้านอยู่เป็นนิจสิน หรือในกรณี อาทิตย์ สถิตในเรือนที่
5 ทำมุม 45 องศากับศุกร์ซึ่งสถิตในราศีตุลย์ คำพยากรณ์ที่ว่า
    ชอบเป็นศิลปินนักแสดงหรือเป็นครูในโรงเรียนช่างศิลปะ

6.       ในกรณีพิจารณา ราศี ที่สถิตของดาวในเรือนชะตาที่พิจารณา ด้วย ดังตัวอย่างเช่น ในดวงชะตาหนึ่งตรวจพบว่า อังคารสถิตในเรือนที่ 5 ราศีธนู ทำมุม 90
     องศากับ   มฤตยูในราศีมีน ก็อาจพยากรณ์ได้ว่า ชอบอาสางาน หรือ มีหัว อังคารในเรือนที่ 5
ไปทางด้านการเมือง ราศีธนู ซึ่งจะทำให้ตนต้องเดือนร้อน
     โดยไม่คาด  คิดมาก่อน มฤตยูในราศีมีน

7.       ขอให้ท่านสนใจคำแปลของ พฤหัส สถิตในเรือนที่ 5 ในคัมภีร์สูตรเรือนชะตา คือ มีโชคในการอาสาการงาน การเสี่ยงโชค บุตร ในการสอนหรือในการเรียน
     จากสิ่งบันเทิงใจและความรัก เจ้าชะตาจะแสดงโชคจากสิ่งตามที่กล่าวมานี้

จากประสบการณ์พบว่า คำพยากรณ์นี้มีผลแน่นอนมาก และพบเสมอในดวงชะตาของ ครู และศิลปิน และคำว่าเรือนที่ 5 ก็ไม่ได้หมายความแต่ฉะเพาะการนับจากเรือนที่ 1 ไปเท่านั้น อาจเป็นเรือนที่5 จากเรือนอื่น ๆ ก็ได้ เรือนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน เช่นเรือนที่ 5 จากเรือนที่ 7 คู่ครอง จะเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติตามคำพยากรณ์นี้ หรือเรือนที่ 5 จากเรือนที่ 6 สัตรูในการงานจะมีคุณสมบัติตามคำพยากรณ์นี้ หรือเรือที่ 5 จากเรือนที่ 4 บิดาหรือมารดาจะมีคุณสมบัติตามคำพยากรณ์นี้ หรือเรือนที่ 5 จากเรือนที่ 12 ก็ให้พยากรณ์ว่า สัตรูลับ ๆ จะเป็นผู้คุณสมบัติตาคำพยากรณ์นี้ หรือเรือนที่ 5 จากเรือนที่ 11 มิตรสหายจะมีคำสมบัติตามคำพยากรณ์นี้

8.       การพยากรณ์จะยิ่งมีความแม่นยำยิ่งขึ้น หากใช้เรือนชะตาของโหราศาสตร์ยูเรเนียน ตามแนวของท่าน วิตเตอร์ และที่นิยมกัน ก็คือ

1.       เรือนชะตาเมอริเดียน เป็นเรือนชะตาที่สำคัญที่สุด และใช้เป็นหลักในการพยากรณ์

2.       เรือนชะตาอาทิตย์ สำหรับเจ้าชะตาชาย สำหรับหญิงใช้สำหรับทำนายคู่ครอง

3.       เรือนชะตาจันทร์  สำหรับเจ้าชะตาหญิง สำหรับชายใช้สำหรับทำนายคู่ครอง

9.  ทฤษฏีเรือนชะตาสำหรับโหราศาสตร์ทุกระบบ เส้นแบ่งเรือนชะตา มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีสภาพเสมือนเป็น จุดอิทธิพล ซึ่งมีความหมายตามความหมายเรือนชะตานั้น ๆ ตัวอย่างเช่น เส้นแบ่งเรือนชะตาที่ 2 แปลว่า การเงิน ของเจ้าชะตา เป็นต้น ซึ่งดาวหรือปัจจัยที่มีสัมพันธ์กับเส้นแบ่งเรือน จะบอกถึงความเป็นไปของสิ่งตามความหมายของเรือนชะตานั้น ๆ

ตัวอย่าง เช่น พฤหัส ทำมุม 45 องศากับเส้นแบ่งเรือนที่ 2 การพยากรณ์ว่า มีโชคลาภและความสำเร็จทางด้านการเงิน ชอบทำธุรกิจ ประสบชัยชนะในด้านอุดมการณ์ เพราะความเมตตาจิตจะทำให้ผลกำไรลดน้อยลง คือพยากรณ์เหมือนกับ พฤหัสในเรือนที่ 2 ดูคำพยากรณ์จากคัมภีร์สูตรเรือนชะตา เรือนชะตาอื่น ๆ ก็คงใช้ถือปฏิบัติอย่างเดียวกัน

เนื่องจาก ตรงจุดเส้นแบ่งเรือนชะตานี้ มีอิทธิพลแรงที่สุด เพราะฉะนั้นดาวที่สถิตที่เส้นแบ่งเรือนก็ดี มีตำแหน่งสัมพันธ์กับเส้นแบ่งเรือนก็ดี จะมีอิทธิพลแรงที่สุดสำหรับเรือนชะตานั้น ยิ่งสัมพันธ์สนิทก็ยิ่งแรงมากขึ้น และแรงกว่าดาวที่สถิตในเรือนชะตานั้นเสียอีก

ตัวอย่าง เช่น อังคาร ทำมุม 45 องศากับเส้นแบ่งเรือนที่ 2 จะมีอิทธิพลต่อเรือนที่ 2 มากกว่าดาวที่สถิตในเรือนที่ 2 เสียอีก

บทที่ 348
วันนี้เรามาดูหลักการ ใช้เรือนชะตาดูเรื่องกรรมที่ติดมา กันว่าเค้าจะทำกันอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่หลายคนสนใจก็เลยนำมาลงให้อ่านได้
 

การตั้งเรือนชะตาตามกรรม

1.      โดยทั่วไปเราดูได้

เป็นหลักวิชาที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นเงื่อนไขตามกฎ สำหรับการหาข้อยุติที่เป็นตัวแปรที่สำคัญยิ่งแล้ว ยังเพิ่มรายละเอียดของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กระจุกกระจิกซึ่งอ่านจากวิธีอื่นไม่ถึงอีกด้วย นักโหราศาสตร์ที่จะสามารถผ่าน เจ้าไปสู่ระดับโหราจารย์ได้ จะต้องผ่านระดับนี้ จึงเป็นหลักวิชาที่จะต้องฝึก ถึงแม้จะยากสักหน่อยก็ตาม

การตั้งเรือนชะตากรรม แบ่งออกเป็น 2 ขั้นคือ

1.1    ขั้นพื้นดวงชะตา เป็นการตั้งตาม ข้อสมมุติ ที่กำหนดขึ้น เช่น การมีโชค หรือความสำเร็จใน สังคม ก็ตั้ง เรือนที่ 9-10 ที่ พฤหัสพื้นดวง หรือจุด
เมอริเดียนที่ พฤหัสเมื่อตั้งเรียบร้อยแล้ว ก็อ่านดวงชะตา เหมือนการอ่านดวงชะตาตามปกติ

1.2    ขั้นดวงชะตาจร เป็นการตั้งตาม ข้อสมมุติ ที่กำหนดขึ้น เช่น ถ้าเจ็บป่วยตอนนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น ก็อาจตั้ง เรือนที่ 6 คือการเจ็บป่วย ที่ ดาวเสาร์ จร หรือ อังคาร จร สุดแต่ว่าเป็นแบบเรื้อรัง หรือ เฉียบพลัน หรือเอาเส้นแบ่งเรือนที่ 6 ทับที่ เสาร์ จร หรือ อังคารจร แล้วอ่านดวงชะตา โดยใช้ปัจจัยกำหนดเป็นหลัก โดยเฉพาะ จุดเจ้าชะตา

ผลการอ่านดวงชะตาที่ตั้งแล้วก็จะเป็น เงื่อนไข หรือ ผล หรือ พฤติกรรม ที่ จะได้รับ หรือที่จะปรากฏให้เห็นต่อไป

1.3                       ขั้นตอนการดูเรื่องความรักให้เอาตำแหน่งเรือนที่ 6-7 ไว้ที่ดาวศุกร์

1.4                       ขั้นตอนการดูตำแหน่งหน้าที่การเอาตำแหน่งเรือน 9-11 ไปที่ kr ap

1.5                       ขั้นตอนารดูเรื่องที่ดิน เอา 1-12 ไว้ที่ ดาว ad

1.6                       ขั้นตอนการดูกรรมใหม่ให้ดู 9-10 ไว้ที่ mc ดวง solar


บทที่ 349
วันนี้เรามีดูเรื่องเก่า ๆ กันหน่อย เพื่อเป็นทวนความจำ ว่าการดูของท่านเริ่มแรกถูกต้องไหม ควรยึดหลักการดูแบบนี้ไว้ เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ดวงต่าง ๆ ได้นะครับ

 

ลำดับการตรวจพื้นดวงชะตา โดยพระเคราะห์สนธิ

ขั้นที่ 1 ตรวจทั่วไป

1.1    ดูสัมพันธ์ของกลุ่มดาวที่น่าสนใจ ที่เด่น ซึ่งสัมพันธ์ถึง จุดเจ้าชะตา หรือเข้าแกน รวมถึงดาวสันโดษด้วย

1.2    ตรวจ จุดเมษ ทำมุมถึงดาวดีหรือดาวร้าย และอ่านออกมาว่าเจ้าชะตาเป็นอย่างไร

อยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างไรตามดาว อย่าลืมตั้งจุดเจ้าชะตาสะท้อนไว้ด้วย

1.3    ตรวจ อาทิตย์ ทำมุมถึงดาวดีหรือดาวร้ายทำมุมอะไร อ่านออกมาว่าเจ้าชะตาเป็นคนอย่างไรตั้งจุดเจ้าชะตาสะท้อนไว้ด้วยเพื่อขยายรายละเอียดของเจ้าชะตา

1.4    ตรวจ จันทร์ ทำมุมถึงดาวดีหรือดาวร้าย อ่านออกมาว่าอารมณ์หรือบุคคลเพศหญิงเป็น

อย่างไร ตั้งจุดเจ้าชะตาสะท้อนไว้ด้วยเพื่อขยายรายละเอียดของเจ้าชะตา

1.5    ตรวจ เมอริเดียน ทำมุมถึงดาวดีหรือดาวร้าย อ่านออกมาว่าจิตเขาเป็นคนอย่างไร

(ควรปรับเวลาเกิดแล้วถึงอ่าน ระยะวังกะ 2-3 องศา)

1.6    ตรวจ ลัคนา ทำมุมถึงดาวดีหรือดาวร้าย อ่านออกมาว่าสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร

(ควรปรับเวลาเกิดแล้วถึงอ่าน ระยะวังกะ 2-3 องศา)

ขั้นที่ 2 ตรวจการงาน

                ตรวจตาม ผลของการอุปมาที่ได้รับจากการตรวจขั้นที่ 1

                ใช้จุดอิทธิพลแสดงอาชีพต่าง ๆ ตรวจเพื่อยืนยันจากการอุปมาว่าเขาควรทำงานประเภท

                ไหน และควรตรวจความรุ่งเรือง ความเจริญก้าวหน้า โดยตรวจความสัมพันธ์ของ ดาว

                พฤหัส, จุดเจ้าชะตา อังคาร มฤตยู พลูโต เซอุส โครโนส อาพอลลอน วับคานุส เป็นหลัก

                ว่าทำมุมดีหรือร้ายกับดาวอื่น ๆ หรือไม่ ระยะวังกะ ให้ 1 องศา

ขั้นที่ 3 ตรวจการเงิน

                พิจารณาจากการตรวจในขั้นที่ 2 แต่เพ่งเล็ง ไปที่ พฤหัส/มฤตยู หรือ จุด การเงิน อื่น ๆ

ขั้นที่ 4 ตรวจครอบครัวและความรัก

                ตรวจการมี บ้าน ของตนเอง โดย ใช้จุด พฤหัส/เสาร์ หรือ พฤหัส+เสาร์ มีความสัมพันธ์

                ถึงจุด เจ้าชะตาหรือไม่

                ตรวจ ภรรยา โดย ดูที่จันทร์ ว่าทำมุมถึงดาวอะไรจะบอกว่าภรรยาเป็นคนอย่างไรอ่านตาม

                ดาวที่มาสัมพันธ์ หรือตั้งจุด MO/MA,MO/CU เพื่อเป็นการยืนยันก็ได้

                ตรวจ สามี โดย ดูที่อาทิตย์ ว่าทำมุมถึงดาวอะไรจะบอกว่าสามีเจ้าชะตาเป็นคนอย่างไรอ่าน

                ตามดาวที่มาทำมุมสัมพันธ์ หรือตั้งจุดสามี  SU/MA เพื่อเป็นการยืนยันก็ได้

                ตรวจครอบครัว โดย ดูที่ดาว คิวปิโด ว่าทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาและทำมุมถึงดาวดีหรือดาว

                ร้ายอย่างไร

                ตรวจความรัก โดยดูดาวศุกร์ ว่าทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาและทำมุมถึงดาวดีหรือดาวร้ายอย่างไร

                ให้อ่านออกมา

                ตรวจการครองความเป็นโสด หรือไม่แต่งงาน หรือแต่งงานไม่ได้

                ใช้จุดอิทธิพล  SA+PL-CU, NE+CU-AS,PL+HA-CU

                ตรวจการหย่าร้าง

                มีจุดอิทธิพลแสดง การหย่าร้าง อยู่หลายชุด แต่ที่สำคัญและควรจำให้ได้คือ

                SA+PL-CU,SA+CU-PL,PL+CU-SA

                การตรวจการพบเนื้อคู่ (เป็นการพยากรณ์จร)

                MA+CU-NO

                NO+UR-CU

                NO+MO-CU

                MA+CU-AS

                VE+MA-CU  มีเพศสัมพันธ์กันก่อน

                VE+CU-MA   มีเพศสัมพันธ์กันก่อน

                NO+CU-VE

                NO+VE-CU

                VE+CU-NO

                จุดอิทธิพลแสดงถึง การพบเนื้อคู่นี้หากสัมพันธ์ถึงกัน หลาย ๆ จุด การพยากรณ์จรก็จะ

                ยิ่งแม่นยำขึ้น โดยดูจรรายปีเป็นอันดับแรกว่าปีนี้เจ้าชะตาพบคู่หรือยัง แล้วค่อยตรวจ

                รายเดือน และรายวัน ต่อไป

                การตรวจโรค

                การตรวจโรคชนิดเฉียบพลันในพื้นดวง MA/NE, MA/HA

                การตรวจโรคชนิดเรื้อรัง

                ใช้จุด MA/HA, SA/NE, SA/HA

ขั้นที่ 6 การตรวจเบ็ดเตล็ด

                มีเรื่องราวมากมายในชีวิต ส่วนใหญ่จะพยากรณ์โดยวิธีการ อุปมา ของผู้พยากรณ์เองเป็นพื้น และหนทางที่ดีที่สุด ไม่มีอะไรดีกว่า ใช้เวลาว่างตรวจดู
ในคัมภีรสูตรฯ

ขั้นต่อไปเป็นการตรวจพื้นดวงด้วยราศีและเรือนชะตา

1. ตรวจจุดเจ้าชะตาในราศีต่าง ๆ จะบ่งบอกถึง สันดาน หรือ กรรมเก่า ของเจ้าชะตา ให้ตรวจตำแหน่งอาทิตย์ จันทร์ เมอริเดียน ลัคนา ราหู ว่าอยู่ในราศีอะไรก็ให้อ่านความหมายตามราศีนั้น ๆ

และแปลตามจุดเจ้าชะตาเช่นอาทิตย์ จะบ่งบอกถึงเจ้าชะตาเป็นคนราศีอะไร มีนิสัย สันดานดิบเป็นอย่างไร ตรวจจันทร์ จะบ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ตรวจเมอริเดียน จะบ่งบอกถึงจิตวิญญาณของเจ้าชะตาจิตใต้สำนึกว่าเป็นคนอย่างไร ตรวจลัคนา ให้ตรวจสภาพแวดล้อมว่าเป็นคนอย่างไร ตรวจราหูจะบ่งบอกถึงบุคคลใกล้ชิดเป็นอย่างไร

2. ตรวจเรือนชะตา เรือนชะตาจะบ่งบอกถึง ความเป็นอยู่ ซึ่งมีผลมาจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ของเจ้าชะตา ว่ามีดาวอะไรอยู่ในเรือนอะไร เราจะใช้เรือน เมอริเดียน  อาทิตย์ จันทร์ ลัคนา ราหู เป็นหลัก ส่วนรายละเอียดให้อ่านจากเอกสารประกอบถึงเรือนชะตาต่าง ๆ

เรือนชะตาเมอริเดียน บ่งบอกถึงจิตวิญญาณ จิตใต้สำนึก และไร้สึกนึก

9 กับ 10 ไว้ที่ตำแหน่ง เมอริเดียนพื้นดวง และอ่านว่ามีดาวอยู่ในเรือนอะไรบ้าง ส่วนมากจะดู เรือนที่ 1 4 7 10 เป็นหลัก ว่ามีดาวดีหรือดาวร้ายสถิตอยู่ ก็จะบ่งบอกถึงเจ้าชะตาเป็นคนอย่างไร ก่อนที่จะตรวจเรือนชะตาเมอริเดียนควรจะมีการปรับเมอริเดียนให้แน่นอนเสียก่อน

เรือนชะตาอาทิตย์ บ่งบอกถึงตัวของเจ้าชะตา ร่างกาย ให้เรือน อาทิตย์พื้นดวงและอ่านดาวในเรือนชะตาต่าง ๆ สามารถใช้ดูพื้นดวงและการพยากรณ์จรได้ และเรือนชะตาอาทิตย์ไว้ดูเรื่องเกี่ยวกับสามี และพ่อ ของเจ้าชะตาหญิง รวมถึงบุคคลเพศชายร่วมสายโลหิต

เรือนชะตาจันทร์ บ่งบอกถึงเรื่องอารมณ์ของความรู้สึกนิสัยของเจ้าชะตา โดย ูเรือนจันทร์ ในพื้นดวง และอ่านดาวในเรือนชะตาจันทร์ เรือนจันทร์จะบ่งบอกถึงภรรยา

และแม่ หรือสตรี ของบุคคลเพศชาย

เรือนชะตาลัคนา บ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมของเจ้าชะตาเป็นอย่างไร โดย ดูเรือน ลัคนาพื้นดวง และอ่านดาวในเรือนชะตาลัคนาจะบ่งบอกเรื่องต่างเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของเจ้าชะตา แต่ควรจะปรับลัคนาแล้วถึงจะใช้ดูได้

เรือนชะตาราหู บ่งบอกถึงบุคคลใกล้ชิดของเจ้าชะตา ว่าเป็นคนอย่างไร โดย ดูเรือน  ราหูพื้นดวงและอ่านดาวในเรือน

เราสามารถอ่านดาวในราศีพร้อมๆ กับดาวอยู่ในเรือนชะตาไปในเวลาเดียวกันได้ แต่ต้องฝึกให้มีความชำนาญก่อนที่จะอ่าน อนึ่งจุดเจ้าชะตาอยู่ในราศีอะไรก็จะบ่งบอกถึงโรคประจำตัวของเขาด้วย

และดาวร้ายในราศีต่างๆ ด้วย ให้หาเอกสารเกี่ยวกับโรคภัยต่าง ๆ ตามราศีเพื่ออ่านประกอบ

บทที่ 350
 

พื้นฐานการอ่านดาวอย่างง่าย ๆ
                การอ่านดาวนั้นไม่ยากตามที่ท่านเข้าใจเพียงแต่ให้ท่านจับจุดเจ้าชะตาเอาไว้เป็นหลักไว้ก่อนในขั้นแรก คือ จุด เมษ อาทิตย์ จันทร์ ลัคนา เมริเดียน ราหู โพไซดอน เป็นหลัก ว่าเจ้าจุดทั้ง 7 จุดนี้ไปทำมุมถึงดาวเคราะห์อะไรบ้าง การทำมุมเราก็ดูเพียงมุม 0 ,180 ,90, 45 องศา เป็นหลักว่ามีดาวเคราะห์อะไรมาทำมุมกับจุดเจ้าชะตาเราก็เอาแปลได้แล้วเช่นอาทิตย์ของเราทำมุม 45 องศากับดาวศุกร์ก็จะแปลได้ว่าเจ้าชะตามีหน้าตาดี มีเสน่ห์ หรือเป็นที่ดึงดูของเพศตรงข้าม อาทิตย์คือกายสังขาร ส่วนจันทร์ เราจะหมายถึงความรู้สึก ถ้าจันในพื้นดวงเราไปทำมุม 90 องศากับดาวศุกร์ก็จะมีนิสัยเป็นคนรักความสวยความงาม หรือจะแปลได้ว่าเจ้าชะตาหญิงเป็นคนหน้าตาดีด้วยก็ได้ เพราะการแปลดาวเราสามารถแปลได้หลายรูปแปลจะแปลอย่างไรก็จะเป็นตัวของเจ้าชะตาทั้งหมดในแง่มุมใดมุมหนึ่งอย่างแน่นอน บางท่านอาจออกคำพยากรณ์ไม่เหมือนกันแต่ก็สามรถอ่านดวงชะตาดวงนั้นได้ตรงได้เหมือนกันเพราะคนเรามีหลายแง่มุมในตัวของเค้าเองแล้วแต่เราจะเอาส่วนไหนมาพูด เช่นจะไปพูดเรื่องนิสัย เราก็ไปดูที่จันทร์ ลัคนา เมริดียน เป็นหลักว่าไปทำมุมถึงดาวอะไร เค้าก็จะมีนิสัยเป็นแบบนั้น การเรียนการสอนของข้าพเจ้าจะสอนให้ทราบว่าการผสมดาวเป็นอย่างไรส่วนการออกคำพยากรณ์นั้นท่านต้องออกด้วยตนเองถึงจะไม่เหมือนใครจะตามผมอย่างเดียวมันก็อาจจะเป็นการ copy เหมือนกันหมดอยากให้ท่านใช้ความคิดในการตีความด้วยจิตของท่านเองแต่อยู่ในวงของความหมายดาวดวงนั้นเป็นหลักอย่างไรก็ไม่หลงทางอย่างแน่นอน เช่น ลัคนา ทับอังคารเจ้าชะตาอาจมีสภาพแวดล้อมไม่อยู่นิ่งชอบหาอะไรมาทำอยู่ตลอดเวลาเป็นคนมีความขยันไม่ชอบอยู่นิ่งตามสภาพแวดล้อมของเค้า
หรือเมริเดียนทับฮาเดส ก็จะแปลได้ว่าเจ้าชะตาเป็นคนมีนิสัยวิตกกังวล หรือคิดอะไรไปทางด้านเสียมาก แต่ถ้ามีดาวอยู่ในแกนทั้งสี่ความรุนแรงของดาวเคราะห์นั้นก็จะแรงมากขึ้นเช่นมีดาวศุกร์ทับจุดเมษก็จะแปลว่าเจ้าชะตาอาจมีน่าตาดี หรืออาจต้องทำงานเกี่ยวกับด้านบันเทิง หรืออยู่กับความสวย ๆ งาม ๆ ในพื้นดวง แต่ถ้าว่าเค้าไม่ได้ทำตรงนี้เค้าก็อาจมีนิสัยชอบความสวยงามเป็นต้น ข้าพเจ้าพบเจ้าชะตาอยู่ดวงหนึ่งมีดาวศุกร์ทับเมษซึ่งหายากมากแต่เจ้าชะตาเป็นหญิงไปทำงานนั้นโต๊ะแทนที่จะไปทำงานทางด้านบันเทิงหรือความสวยงาม และน่าตาของเจ้าชะตาก็ดีเป็นดาราได้ เหมือนเค้าปิดกั้นความสามารถที่ฟ้าให้มาไม่นำออกมาใช้มันก็จะเสียไปในที่สุด ข้าพเจ้าเลยบอกให้ไปสมัครทางด้านการบันเทิง เสีย จะได้เป็นไปตามดวงเค้า ความเจริญรุ่งเรืองก็จะมาถึงตัวเค้าคือทำตัวตามดาว ก็จะส่งผลดีต่อดวงเค้า มีหลายคนที่บอกให้ไปทำแบบนี้ก็ได้ผลตอนนี้ได้เป็นตัวประกอบอยู่ และรอเวลาที่จะดังต่อไป เพราะเค้าถูกกำเนิดมาว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ แต่ตัวเค้าไม่รู้แต่เรารู้ว่าจะต้องให้เจ้าชะตาเดินทางไหนถึงจะให้คุณกับเจ้าชะตา ดวงดาวบอกได้ การอ่านดาวในจาน 360 ก็จะมีมุมเพียง มุม 0 คือดาวทับกัน มุม 180 คือดาวตรงข้ามกัน มุม 90 คือดาวทำมุม 90 องศาต่อกันกับจุดเจ้าชะตา หรือดาวอื่น ๆ แต่ถ้าดาวเคราะห์ทำมุมกันเองก็ไม่มีผลอะไรกับเจ้าชะตา เช่น ดาวศุกร์ทำมุม 180 องศากับ ดาวพุธ แต่ดาวทั้งสองตัวไม่ทำมุมกับจุดเจ้าชะตาเลยเราก็ไม่นำมาแปลตัวของเจ้าชะตาก็ไม่ได้รับอิทธิพลของดาวดวงนั้นเลย แต่ถ้ามีจุดเจ้าชะตาจุดใดจุดหนึ่งเข้ามาทำมุมด้วยหรือมีความสัมพันธ์ด้วยเราก็แปลได้เลย มันสำคัญอยู่ที่ว่าต้องถึงจุดเจ้าชะตาเสมอถึงนำมาพูดได้ เป็นกฎตายตัว หรือดาวเข้าแกนก็นำมาพูดได้เล่นเดียวกัน แกนก็มีแกนทั้งสี่ และเส้นแบ่งราศีอีก ก็เอามาแปลได้ ดังนั้นการเรียนรู้ที่สำคัญท่านต้องตาดี ๆ และหัดหมุนลูกศรให้เป็นไม่ใช่ว่านั่งมองอย่างเดียวท่านก็จะไม่เห็นอะไรเมื่อ ท่านอยากรู้อะไรก็เอาลูกศรที่อยู่ในวงกลมเข้าไปจี้ที่จุดเจ้าชะตาเป็นอันดับแรกก่อน ว่าเจ้าชะตาจุดนั้นไปทำมุมถึงดาวเคราะห์อะไรถ้าไม่ทำมุมก็ผ่านไป เราก็ไปเช็คตัวอื่นไปทุกตัวแล้วท่านก็อ่าน แต่ช่วงแรก ๆ ให้อ่านเรื่องนิสัยใจคือเป็นอันดับแรกก่อนจะทำให้ท่านเข้าใจตัวเจ้าชะตาได้มากยิ่งขึ้น เช่น อาทิตย์ในดวงกำเนิดทำมุม 90 องศากับดาวอังคาร ก็จะพูดได้ว่าเจ้าชะตาไม่ว่าหญิงหรือชายมักจะชอบเอาชนะ ใจร้อน ทำอะไรต้องให้ได้อย่างใจ เป็นคนรีบเร่ง ไม่อยู่นิ่ง จุดนี้ก็มีทั้งดีและเสียด้วย พอมาถึงตรงนี้ท่านพอจะเจ้าใจเรื่องการวัดมุมพอสมควร
                ในกรณีที่เราคิดจะตั้งจุดอิทธิพล หรือศูนย์รังสีขึ้นมาถาม ก็เช่นเดียวกัน เราก็ดูว่ามันทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาหรือเข้าแกนหรือไม่ ถ้าไม่เข้าจุดที่เราตั้งขึ้นมาในพื้นดวงก็ไม่ทำงาน เช่นเราตั้งจุดมะเร็งในพื้นดวงจุดนี้ไม่ทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาเลยก็จะแปลว่าเจ้าชะตาปลอดภัยจากโรคนี้ แต่ก็อาจเป็นได้ถ้าทำตัวเสี่ยงเช่นสูบยาเป็นเวลานานหรือทานสุรา ก็อาจทำให้เป็นได้เค้าเรียกว่าฝืนกฎธรรมชาติได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าในพื้นดวงไม่มีจุดที่เราตั้งขึ้นมาส่วนมากก็จะไม่เป็นตามพื้นดวงบอก ท่านจะเป็นนักโหราศาสตร์ที่ดีท่านต้องหมุนจานให้บ่อย จะทำให้เราเกิดความชำนาญและมองดูการหมุนว่าไปทำมุมอะไรบ้างระหว่างที่เราหมุนเราอาจเจอมุมที่ผ่านหูผ่านตาเราไปได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการหมุนลูกศรเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มเรียนรู้ใหม่ ๆ และที่ต้องแม่นเรื่องความหมายดาวด้วยมันจะทำให้ท่านเกิดจินตนาการที่จะพูดออกมาได้เลยเมื่อเห็นดาวทำมุมถึงกัน หัวใจของการอ่านดาวพื้นดวงหรือดาวจร อยู่ที่ท่านต้องจำความหมายดาวให้แม่นยำและขยายความมันออกมาให้ได้มากที่สุดตามความรู้สึกของท่านสิ่งที่ท่านพูดออกมามันจะตรงของมันเองอย่ากลัวว่าพูดไม่ตรงเพราะถ้าท่านแม่นดาวแล้วพูดอย่างไรมันก็ตรงหมดในแง่มุมใดมุมหนึ่งของเจ้าชะตานั้น ๆ ให้ท่านไปหัดหมุนดูบ่อยๆ แล้วท่านจะประสพความเสร็จในการตีความจุดใหญ่ ๆ มันอยู่ตรงนี้

บทที่ 351
 

ความหมายดาวในหลักการวางตำแหน่งสิ่งของ

            หลักการจัดสถานที่ตามตำแหน่งดาวในพื้นดวงของเจ้าชะตาเป็นวิชาที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสัมพันธ์ไปตามตำแหน่งดาวในพื้นดวง ซึ่งจะส่งผลในแง่ดีต่อผู้ที่อยู่อาศัย ซึ่งหลักนี้ข้าพเจ้าได้ความคิดจากการจัดสถานที่แบบจีน แต่เรามาจัดแบบตำแหน่งดาวโดยวางสิ่งของแทนดาวต่างในพื้นดวงของทุกอย่างเปรียบได้เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า ท่านเคยได้ยินคำที่พูดว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว อันนี้เป็นสำนวนที่ข้าพเจ้าได้คิดหลักการนี้ขึ้นมาเพราะสิ่งของทุกอย่างในโลกนี้สามารถใช้แทนดวงดาวแต่ละดวงได้ในการแก้ไขหรือปรับแต่งให้สภาพแวดล้อมของตัวเรามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหรือนำโชคลาภต่อผู้อยู่อาศัยคือทำตัวตามดาวนั่นเอง

                หลักการมีอยู่ว่าเราต้องหาทิศในพื้นดวงของเจ้าชะตาให้ได้ก่อนคือเมริเดียนเป็นทิศใต้ จากนั้นเราก็กำหนดทิศต่าง ๆ ที่จะวางตำแหน่งของตามทิศในพื้นดวงได้แล้ว ว่าทิศไหน ๆ มีดาวอะไรอยู่ก็ให้วางตามที่ได้บอกนำเอาไว้ได้โดยใช้โปรแกรม  ดูทิศ เข้ามาวางตำแหน่งองศาได้ทันทีท่านควรมี คอมแบบเคลื่อนที่ได้จะเป็นการสะดวกที่สุดโดยเอาจอภาพวางขนานไปกับพื้นและท่านควรมีเข็มทิศไว้ใช้ด้วยจะได้หาทิศได้ทุกต้องยิ่งขึ้น จากนั้นก็หมุนลูกศรไปยังตำแหน่งดาวต่าง ๆ ในวงกลมและจัดวางสิ่งของหรือห้องต่าง ๆ หรือเป็นสถานที่สำคัญในบ้านให้ตรงตามดาวนั้นที่ข้าพเจ้าได้กำหนดไว้ให้ท่านเป็นตัวอย่าง เมริเดียนเป็นทิศใต้ ลัคนาเป็นทิศตะวันออกของพื้นดวงของแต่ละคนเท่านั้น เราจะไม่ใช้ทิศจริง ๆ (คือเมษเป็นทิศตะวันออก)  แต่ใช้เข็มทิศเข้าช่วยในการบอกตำแหน่งให้ตรงตามทิศในพื้นดวง  ในวงกลม 360 องศาก็คือสถานที่อยู่ของเรานั่นเองถ้าเราเอาวงกลมมาทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมเราก็จะเห็นเป็นรูปพื้นที่บ้านได้เลย และก็วางตำแหน่งต่าง ๆ ตามองศาของดาวได้เลย ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง

 

  1. พุธ ควรเป็นห้องรับแขก หรือห้องหนังสือ หรือเป็นที่พบปะคนหมู่มาก ต้นไม้  สถานที่ต้อนรับแขกถ้าเป็นที่ทำธุรกิจ ควรวางเคาเตอร์รับแขก
  2. อังคาร ควรเป็นสถานที่ทำงานของพนักงาน ที่สถานที่มีกิจกรรมที่ใช้กำลัง ห้องออกกำลังกาย โมบาย กังหันลม ธง
  3. เนปจูน ควรเป็นห้องน้ำ หรือถ้าจัดไม่ได้ให้ใช้น้ำเข้าไปวาง เช่นตู้ปลา หรือน้ำพุด แม่น้ำ ทะเล  ต้นไม้ กระจก
  4. เสาร์ ควรเป็นห้องทำอาการ หรือห้องเก็บของ  หรือสวน หรือปลูกต้นไม้ ควรมีหินประดับด้วย หิ้งพระ หิน ไม้เก่า โต๊ะไม้ โต๊ะหิน หรือรูปปั้นที่ทำจากหิน หรือดิน ภูเขา
  5. พฤหัส ควรเป็นโต๊ะเก็บเงิน หรือที่วางตู้เก็บเงิน หรือเป็นห้องนอน ห้องพระ
  6. มฤตยู ควรจัดวางเครื่องเสียง หรือเครื่องใช้ที่เป็นไฟฟ้า คอมพิวเตอร์
  7. พูลโต ควรเป็นห้องทำงาน หรือห้องสมุด หรือเป็นแหล่งที่เก็บข้องมูลความรู้ ห้องทำงานก็ได้
  8.  ศุกร์ ควรเป็นสถานที่ให้ความบันเทิง ห้องรับแขก ห้องนอน หรือโต๊ะตอนรับแขก หิ้งพระ สถานที่นั่งเก็บเงิน
  9. คิวปิโด อาจเป็นห้องนอน ห้องที่ครอบครัวมารวมกัน โต๊ะอาหาร เป็นต้น ห้องเด็กอ่อน ห้องนั่นเล่น รูปภาพ รูปปั้น หรืองานศิลปะ
  10. ฮาเดส เป็นจุดที่ไม่ดี ไม่ควรไปนอน หรือวางตำแหน่งสำคัญไว้ตรงนั้น ควรทำเป็นห้องเก็บของ ที่ทิ้งขยะ หรือเก็บของเก่า วิธีแก้ควรคอนไม้เก่า ที่ปลูกต้นไม้ไว้ข้างใน  บ่อน้ำ ภูเขา เนินดิน สนามหญ้า
  11. เซอุส เป็นจุดที่วางโคมไฟ หรือเครื่องจักรกล หรือที่จอดรถยนต์ก็ได้  ดวงไฟ
  12. โครโนส ควรหารูปพระ หรือรูปที่เป็นมงคลมาติดไว้ เป็นรูปวิวเกี่ยวกับธรรมชาติ น้ำ ฯลฯ ภูเขาสูง
  13. อาพอสลอน เป็นตำแหน่งค้าขาย หรือวางใบประกาศต่าง ๆ หรือห้องทำงานก็ได้ พระ
  14. แฮดมตอส ควรวางตู้เย็น หรือเครื่องทำความเย็น ที่เก็บกระดูกถ้ามี บ่อน้ำลึกมีน้ำพุด หรือสระน้ำขนาดใหญ่ ก็ได้
  15. วัลคานุส รูปปั้น หรือรูปคนในครอบครัวติดไว้ รูปพระ  
  16. โพไซดอน ตำแหน่งวางศาลต่าง ๆ ที่คนนับถือ สถานที่กราบไหว้บูชาสิ่งที่เรานับถือ ศาลเจ้า วัด

    บทที่
    351
    สวัสดีครับวันนี้เป็นวันแม่ นึกถึงพระคุณแม่ บางนะครับว่าท่านให้ จิต วัญญาณ กับเรา พระคุณใหญ่หลวงนัก ข้าพเจ้าไม่มีแม่แล้วท่านได้จากไปแล้ว แต่ก็ยังมีความทรงจำที่ดีกับท่านอยู่ ไม่ว่าวันไหนก็เป็นวันแม่ได้อย่าไปตั้งและกำหนดว่าวันนี้วันนั้น ทำดีกับแม่ไว้จะเจิรญนะครับ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องยาก ๆ นิด คือการดูเรือนกับการวัดมุมพร้อม ๆ กันว่าเป็นอย่างไรนะครับ

    ดาวกับราศีเรือน

                    เราสามารถอ่านดาวกับราศีผสมกัน และก็อ่านเรือนผสมกับราศีเข้าไปอีก ดาวกับเรือนให้ความประทับใจกว่า เรือนมันขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม สูงกว่าหรือประทับใจกว่าราศีเพราะมันชาติที่แล้ว  และอ่านดาวกับดาว ผสมกัน เช่น me/ju เป็นคนพูดเก่ง

    การอ่านดาวกับเรือน

    ยกตัวอย่าง ดาวกับ ur ราศีเมษเรือนที่ 1 ราศีที่ 1   มักจะได้รับความวิตกกังมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ ตัว

    ดาวในเรือน เหตุการปุบปับฉบับพลัน หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่คาดฝัน ถึงจะอ่านเหมือนกัน เราจะติดเส้นแบ่งเรือนเป็นหลัก เรือนไหนอยู่ในราศีนั้นมากก็อ่านผสมกันได้เลย

                    ผสมเรือนกับราศี เรือนที่ 1 อยู่ในราศีมังการ แปลได้ว่า เจ้าชะตาอยู่ในสถานที่เปล่าเปลี่ยนเดียวดาย เรือนที่สามอยู่ในราศีมีน เรือนที่หนึ่งอยู่ราศีเมษ เป็นผู้ที่มีความคิดอันกว้างไกล ระดับโลก

    การมองดวงชะตาเราจะมองจุดเด่นในพื้นดวงว่ามีดาวอะไรเด่น ก่อนอื่นเราจะดีกาว ju และ sa ต่อจากนั้นก็ดูจุดเจ้าชะตาอยู่ในเรือน ราศีไหน ทำมุมถึงดาวอะไร รวมไปถึง ju  sa ด้วย อย่างลืม 1 4 7 10 จะอยู่ในเรือนไหนก็ได้ เรือน su mo as mc no เรือนที่ 10 เป็นเรือนที่แรงที่สุด ใน 1 4 7 10 เพราะเรือนที่ 10 คือเรือน mc แรงขั้นที่สอง 1 ถ้ามี ju อยู่ในเรือน 10 ถือว่าสุดยอดที่สุดแล้ว เรื่องการอ่านถ้าตัวไม่ถามไม่ต้องบอกควรบอกในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเจ้าตัวที่สุด เรื่องเรือนชะตาเราใช้เรือนอะไรก็ได้อ่านได้เหมือนกัน เช่นเรือน su บุคคลเพศชาย ฯลฯ และอย่างลืมดาวเด่นในดวงชะตาทั้งพื้นดวงและจร และลงไปถึงเพศราศี และธาตุในราศีก็ได้ ท่านก็จะได้รายละเอียดมากขึ้น จะอ่านหรือไม่อ่านก็ได้ เมื่อท่านพอใจหรือหรือบทสรุปที่เจ้าชะตาถามมาแล้ว บางครั้งเราอาจจะอ่านอาทิตย์เพียงตัวเดียวก็ได้ข้อมูลแล้ว ถ้าท่านมีความชำนาญแล้ว

    สรุปหลักการอ่านดวงชะตามีสามอย่าง

    1 ดาวกับเรือนให้ความประทับใจมากกว่า

    2 ดาวกับดาว ทำมุมกัน

    3 ดาวกับราศี จะบอกเรื่องกรรมเก่าไม่ค่อยประทับใจมานักแต่ถ้าท่านอยากทราบกรรมกว่าดูดาวกับราศีไป

    สรุปบทเรียนนี้จะกล่าวถึงเรือนกับดาวเป็นหลักสำคัญ ท่านต้องจำเรือนให้ได้ แล้วเอาดาวเข้ามาประกอบก็จะได้ความหมาย ออกมาทั้งจรและพื้นดวงเรือนชะตาบอกได้ หมด แล้วค่อยมาวัดมุมสรุปอีกที แต่ท่านควรฝึกอ่านเรือนให้เก่งก่อนแล้วถึงวัดมุมดาว แต่การสอนเราจะสอนมุมก่อนเพราะมันยาก แต่การอ่านควรอ่านเรือนและมามุม ถึงจะเป็นหลักการคืออ่านมุมกว้างก่อนและมาบีบเรื่องลงโดยการวัดมุม และใช้จุดอิทธิพล และศูนย์รังสีไป  แต่อย่าลืมเรื่องเรือนเข้าไปด้วย ในการออกคำทำนายของเจ้าชะตา บางทีเราดูเรือนอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าเจ้าชะตามีความพอใจในการอ่านของเราแล้ว  การอ่านเราอาจจะอ่านแค่ดาวกระทบดาวก็ได้ถ้าได้สิ่งที่เราต้องการ หรืออ่านเรือนก็ได้ ตามความถนัด แต่อยากให้อ่านผสมกันแล้วท่านจะถึงจุดสุดยอดในการทำนาย ในระบบยูเรเนี่ยน

    หลัก ดาว ราศี เรือน จำให้ได้ แล้วท่านจะอ่านดวงชะตาได้

    ทิ้งท้ายบท

    อ่านก่อนแล้วแปลออกมากเป็นคำพูด หรือแยกกันก่อนแล้วเอามารวมกันเป็นคำพูด

    บทที่ 352
    วันนี้เรามาศึกษาเรื่องการเป็นตรีโกณกันระหว่างราศีจะให้อะไรกับการทำนายบ้าง เป็นเรื่องสำคัญมาก ในการที่เราทราบเรืองธาตุทั้งสี่ที่เป็นตัวปรุงแต่งตัวตนของเจ้าชะตาและตัวเราว่าเป็นมาอย่างไร มันเป็นพื้นฐานสำคัญที่ท่านควรจะทราบในการศึกษาเรื่องราศีทุกราศี การทำมุม ถึงกันก็จะบอกเรื่องบางอย่างกับเราได้มากทีเดียว

    ราศีตรีโกณ

    ราศีตรีโกณ เรียกว่า States โหราศาสตร์เรียกชื่อสภาวะ ทั้ง 4 ของสะสารว่า ไฟ ดิน ลม  น้ำ และนำเอาสภาวะ ทั้ง 4 นี้มาแจกลงในจักรราศี สภาวะละ 3 ราศี คือ
                    ไฟ ได้แก่ ราศี เมษ สิงห์ ธนู อันเป็นตรีโกณแก่กัน
                    ดิน ได้แก่ ราศี พฤษภ กันย์ มังกร อันเป็นตรีโกณแก่กัน

                    ลม ได้แก่ มิถุน ตุล กุมภ์ อันเป็นตรีโกณแก่กัน
                    น้ำ ได้แก่ ราศีกรกฏ พิจิก มีน อันเป็นตรีโกณแก่กัน

    โดยมีความมุ่งหมายสำหรับประกอบโครงสร้างของ ชนิดและวิญญาณของแต่ละบุคคล เพื่อหาสูตรความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ จากการค้นคว้าได้ผลดีมาก โดยเฉพาะสำหรับโหราศาสตร์แนวจิตวิทยา หรือโลกจิตศาสตร์ โดยการนำเอามาใช้สำหรับวินิจฉัยจิตใจและรูปร่าง ของเจ้าชะตาให้ความแม่นยำ ในการพยากรณ์อย่างน่าพอใจยิ่ง อย่างไรก็ตามเรื่องระบบธาตุนี้ปรากฏว่าได้มีการแยกแยะออกมากมาย ต่อไปเราจะมาดูความหมายเรื่องราศีตรีโกณกันมีดังนี้
                    ตรีโกณธาตุไฟ จะมีคุณสมบัติ ฉลาด โอ่อ่า ผู้ดี และเชื้อเจ้า เมษ สิงห์ ธนู
                    ตรีโกณธาตุดิน มีคุณสมบัติ รอบคอบ ต่ำต้อย  และเจียมตัว พฤษภ กันย์ มังกร

                    ตรีโกณธาตุลม มีคุณสมบัติ เมตตา กรุณา เข้ากับผู้อื่นได้ดี สุภาพ มิถุน ตุลย์ กุมภ์
                    ตรีโกรณธาตุน้ำ มีคุณสมบัติ เยือกเย็น ช่างคิด ขี้ขลาด และขี้กังวล

    เราได้เพิ่มความหมายของส่วนนี้เข้ามาอีกจากเมื่อ 200 ปีก่อนมา เป็น ปัจจุบัน

    ไฟ ในด้านให้คุณ ผู้นำ อำนวยการ เอกกาธิปัตย์ มีชีวิตชีวา ว่องไว รู้ฉลาด
           ในดารให้โทษ ชอบกดขี่ข่มแหง ทำลาย ขัดแย้ง ตึงตัง โครมคราม กำแหง
    ดิน ในด้านคุณ มั่นคง มีสติ อุสาหะ จริงจัง สงบเสงี่ยม เห็นการณ์ไกล
           ในด้นโทษ ดื้อ ว่ายาก ไม่เอาไหน คิดเล็กคิดน้อย

    ลม ในด้านให้คุณ ชอบเรียนรู้ รวดเร็ว วินิจฉัย มีความสามารถในการปรับตนให้เข้ากับเหตุการณ์
           ในด้านโทษ ไม่แน่นอน รวนเร ถูกปั่นหัวง่าย
    น้ำ  ในด้านให้คุณ ช่างคิดช่างฝัน ลึกซึ้ง มีความรู้สึกไว

           ในด้านโทษ คิดมาก เจ้าน้ำตา
    ธาตุ การนำไปใช้จำเป็นจะต้องพิจารณาเรื่ออื่นๆ ประกอบด้วยกล่าวคือจรราศี
    (เมษ กรกฏ ตุล มังกร) จะเป็นเหตุแม่ ธาตุในราศีเหล่านี้มีความรุนแรงที่สุด ส่วนในราศี (พฤษภ สิงห์ พิจิก กุมภ์)และอภุยราศี คือ มิถุน กันย์ ธนู มีน มีความแรงของธาตุอ่อนลงไปตามลำดับ เมื่อนำไป จะย้อนคุณสมบัติดาว จึงต้องพิเคราะห์ดูให้เหมาะสมกับความลดหลั่นของธาตุนั้น ๆ ด้วย

    ในดวงชะตา หาตรีโกณธาตุในมีดาวพระเคราะห์สถิตอยู่ธาตุประจำราศีหรือตรีโกณ นั้นๆ จะยอมคุณสมบัติของดาวพระเคราะห์ตามความหมายที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะ ลัคนา อาทิตย์ จันทร์หรือกลุ่มดาวอื่น หากสถิตอยู่ในตรีโกณธาตุใด เจ้าชะตาจะมีบุคคลคลิกภายไม่ทางใดก็ทางหนึ่งตามลักษณะของตรีโกณธาตุนั้น  เช่น ธาตุน้ำในด้านโทษก็เป็นคนเจ้าน้ำตา เป็นต้น

    บทที่
    353
     

    การดูกาลชะตารายวัน
    การดูเรื่องการการชะตารายวันนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากมันจะบอกเหตุการณ์ต่างที่จะเกิดขึ้นได้ที่ผ่านมาแล้วหรือยังไม่เกิดขึ้นกับท่านได้เป็นอย่างดี แต่ท่านต้องมีความเข้าใจในกลักการการทนายด้วยว่ามันทำงานอย่างไรถึงจะได้คำตอบจากการดูกาลชะตาที่ว่ามานี้เพราะโหราศาสตร์ยูเรเนียนสามารถดูเป็นรายนาทีได้ดังนั้นเราก็ใช้จุดหรือตำแหน่งหรือปัจจัยที่เดินเร็วเป็นนาทีมากำหนดเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราได้เพราะชีวิตเราจะดำเนินไปตามวงจรของมันและจะทำงานซ้ำๆ กันอยู่ตลอดเวลาทานต้องคอยสังเกตดูว่าเราทำอะไรซ้ำ ๆกันเกือบทุกวันตั้งแต่ตื่นขึ้นมาและจนนอนหลับไป ทุกคนมีกิจที่จะต้องทำไม่เหมือนกันแต่จะทำซ้ำ ๆกันไปตามการโคจรของดวงดาว แต่ก็จะมีวันพิเศษที่จะทำให้เราเปลี่ยนวงจรการใช้ชีวิติที่ซ้ำกันได้ เช่นมีเหตุการณ์สำคัญในชีวิตนาน ๆ ครั้งมันจะเกิดขึ้นเราก็เช็คได้จากเหตุการณ์รายเดือนไป แต่รายวันแล้วเราสามารถใช้กาลชะตาตรวจเช็ควันนี้ดีหรือไม่ดี ก่อนออกจากบ้านหรือจะทำอะไร ใหม่ ๆ ให้ท่านทำการจดบันทึกเรื่องต่าง ๆ ที่ท่านทำไปเช่นเริ่มออกเดินทางจากบ้าน เริ่มทำงาน ไปหาญาติมิตร ฯลฯ จดเวลาที่ไปถึงสถานที่นั้นเอาไว้และกลับมาบ้านให้ทดลองเปิดเครื่องดีและย้อนเวลากลับไปดู ณ วันเวลาที่เราไปทำกิจกรรมนั้น ๆมา โดยใช้  
    ปรับเวลา หมุนวันย้อนกลับไปดูสำหรับผู้ศึกษาใหม่ ๆ ให้เป็นการฝึกดูเรื่องที่เกิดมาแล้ว ไม่ควรไปดูเรื่องที่ยังไม่ถึงท่านอาจไปทำให้เรื่องที่ยังไม่เกิดผิดไปก็ได้ ในเมื่อท่านรู้ล่วงหน้า แต่สำหรับผู้ที่เราใจหลักแล้วสามรถดูล่วงหน้าได้ว่าพรุ่งดีจะเกิดอะไรไปทำอะไรดีหรือไม่ดี จะมีเรื่องดีหรือเรื่องร้ายเกิดขึ้น เราจะใช้ทั้งดาวบนท้องฟ้า จุดอิทธิพลต่าง และศูนย์รังสีเข้าช่วยทุกอย่างใช้ได้หมด
                    การดูเรื่องการชะตาให้เราดูเริ่มจาก อาทิตย์จรเป็นหลักก่อนว่าวันนี้มีเหตุการณ์ภาพรวมเป็นอย่างไร หรือเราตั้งจุดอิทธิพลเข้าช่วยด้วยว่าวันนี้เราจะไปทำอะไรเช่นวันนี้เราจะเดินทางไปต่างจังหวัดเราก็อาจตั้งจุดเดินทางไกลขึ้นมาโดยใช้
    compute t. และตั้งจุด me+sa-vu หรือ me$sa ขึ้นมาทอสอบว่าเราได้เดินทางจริงหรือไม่ก่อน เมื่อเรารู้แล้วเราก็ดูว่าการเดินทางของเราปลอดภัยดีไหมว่ามีดาวร้าย ๆ มาถึงจุดการเดินทางหรือไม่ถ้ามีเราควรเลื่อนการเดินทางออกไป หรือเราจะไปพบติดต่องานกับลูกค้าเราก็ใช้วิธีนี้ ในการดู หรือใช้ฤกษ์เข้าช่วยด้วยก็ได้ในการออกจากบ้านเพื่อไปดำเนินธุรกิจการงาน สำหรับท่านที่ยังไม่เข้าใจเรื่องฤกษ์หาอ่านได้ในเอกสารเกี่ยวกับการดูฤกษ์ที่แจกไป  เมื่อเราเช็ควันนี้แล้วต่อไปเราก็เช็คดวงจันทร์จรว่าชั่วโมงนี้เราทำอะไรสำควรที่จะออกเดินทางเวลาไหนดี เพราะดวงจันทร์ใช้เวลาในการโคจร 2 ชั่วโมงครึ่งต่อหนึ่งองศา เราก็มีเวลาที่เตรียมตัวได้ทัน ว่าภายในสองชั่วโมงกว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ทำเหมือนกับเช็ครายวัน ต่อไปเราก็เช็คเป็นรายนาที คือดูทีลัคนาและ mc เป็นหลักว่านาทีนี้เราควรดำเนินการเช่นออกรถในนาทีนี้ดีไหม เราให้asและ mc อยู่ในตำแหน่งที่ดี หรือดูเหตุการณ์ต่างที่จะเกิดขึ้นเราก็เช็คได้จากสองจุดนี้ว่ามันถึงดาวอะไรในพื้นดวงและดาวจร รวมทั้งจุดอิทธิพลที่เราตั้งเข้าไปถามมันด้วย ถ้าท่านสามารถเข้าใจเรื่องกาลชะตาท่านก็จะสามารถเรียนรู้เรื่องโหราศาสตร์ขั้นสูงได้ระดับหนึ่งแล้ว
                    แต่ขอให้ท่านเปิดเครื่องดูทุกวันจะได้มีความชำนาญมากขึ้นและควรมีสมุดจดบันทึกวันเวลาที่เกิดเหตุการณ์สำคัญเอาไว้ไปเช็คในโปรแกรมต่อไปจะเป็นวิธีช่วยให้ท่านจำวันเวลาที่สำคัญในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพยายามอ่านดาวให้เข้าใจตีดาวให้แตกเพราะดาวตีความได้หลายรูปแบบแล้วท่านจะถึงบางอ้อได้ในไม่ช้าขอให้ท่านพยายามหน่อยความสำเร็จรอท่านอยู่ มันเป็นวิชาหนึ่งในการเรียนรูเรื่องการทำนายสิ่งที่ผ่านมาหรือสิ่งที่ยังไม่เกิดเราสามารถเปลี่ยนการไหลเวียนของกระแสชีวิตได้แต่อย่าไปยุ่งกับมันมากนักเพราะจะมีผลกระทบกับชีวิตในวันข้างหน้าแต่ถ้าเราเปลี่ยนนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเปลี่ยนมากเราต้องมีตัวชดเชยให้กับมันแล้วจะสอนต่อไป ถ้าต้องการเปลี่ยนสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจากร้ายและเป็นดี ทุกอย่างต้องมีการชดเชยในสิ่งที่ฟ้าขาดหายไป

    บทที่ 354
     

    การใช้จันทร์จร

    ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  เวลา, มุม, วงรอบ, อิทธิพล ,เมื่อย้ายราศี,การทำมุม 45 90  180  องศา 0 (ทับองศา ทับ หรือ เล็ง กันในระวิมรรคการโคจร

         อิทธิพลถึงดวง

        การพิจารณาเรื่องเวลา ถ้าพิจารณาการทำมุมในระหว่างวันในเวลาท้องถิ่น  ให้พิจารณาถึง องศา ลิปดาด้วย 

        การพิจารณาการทำมุม

    เมื่อพิจารณาการทำมุมๆต่างๆของ จันทร์จร ในระหว่างวันได้ทุกๆ วัน เวลา  กับดาวจรดวงอื่นๆหรือดวงประสงค์ เช่น ดาวกำเนิด  แน่นอนเมื่อ จันทร์จร  ทำมุมกับดาวต่างๆย่อมมีอิทธิพลกับดาวนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมอ่อนหรือมุมแรง  หมายถึงต้องมีอิทธิพลเกิดขึ้นแน่  อาจะเป็นเหตุการณ์เล็กๆในเวลานั้นหรือเริ่มก่อเหตุการณ์ในสองสามวันข้างหน้า  แม้กระทั่งดินฟ้าอากาศก็บอกได้  เราควรเตรียมพร้อมได้ก่อน  ในบางวันเพียงแต่ดูองศาของจันทร์จรว่าจะทำมุมแรงเวลาเท่าไรและกับดาวต่างๆ  เราก็สามารถคาดการณ์เตรียมพร้อม  ในฐานะที่เป็นนักโหราศาสตร์  เราควรช่วยตัวเองและผู้อื่นได้ในเวลานั้นๆ  อย่าใช้องศาอย่างคร่าวๆ ต้องมีหลักการ  เราต้องรู้ว่าวันนี้จะเป็นอย่างไร  วันต่อไปจะเป็นอย่างไร  ได้ทำใจ ทำกาย เตรียมกิจการต่างๆให้พร้อม  เพื่อจะได้ประโยชน์สูงสุดจากอิทธิพลของ จันทร์จร

    จันทร์จร เป็นปัจจัยทางโหราศาสตร์ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด  มีผลอิทธิพลแรงที่สุด  เช่น  ทำให้น้ำขึ้นน้ำลง  เวลาน้ำขึ้น  น้ำลง  เมื่อเป็นนักโหราศาสตร์ต้องรู้  เวลาเพาะปลูกพืชหรือเก็บเกี่ยวผลพืชประเภทไหน  ควรใช้วันไหน  ผลที่ได้จะมีความหมายมาก  ทำให้กำไรหรือขาดทุนก็เพราะวิชาทางโหราศาสตร์  ไม่ใช่เรื่องงมงาย  พิสูจน์ได้แน่นอนในเวลานั้นๆ  ในต่างประเทศได้เก็บสถิติต่างๆของจันทร์จรว่ามีผลอย่างไรแน่นอน  เช่น  เมื่อมีอาการเลือดออกภายในร่างกาย อาจจะเป็นโรคกระเพาะ  ริดสีดวงทวาร  มะเร็ง  ช่วงจันทร์เพ็ญ  อาการเลือดออกจะมีมากเสมอ  วงการแพทย์มักหลีกเลี่ยงการผ่าตัดเพราะจะทำให้เลือดออกมากในช่วงวันจันทร์เพ็ญ(วันที่จันทร์มีแสงสว่างมาก หรือไม่ก็เตรียมสำรองเลือดไว้ให้มากหน่อย  ในการถอนฟันก็เหมือนกัน  ถ้าจันทร์จรสว่างมากควรหลีกเลี่ยง  ควรถอนเมื่อจันทร์ข้างแรมที่แสงสว่างน้อย

         การพิจารณาวงรอบของจันทร์ (หมายถึงวงรอบที่จันทร์จร ทับ อาทิตย์)

    จันทร์เป็นดาว(โหราศาสตร์)ที่โคจรเร็วที่สุด  วันหนึ่งโคจรได้ถึง 12-15 องศา หรือเฉลี่ย ขม.ละ 33 ลิปดา   หรือ  10  นาทีโคจร ได้  6 ลิปดา  จันทร์จรใช้เวลาอยู่ในราศีต่างๆ ราศีละประมาณ 2.5 วันครึ่ง   ดังนั้นเมื่อจันทร์จรทำมุมกับดาวต่างๆก็จะได้อิทธิพลของดาวนั้นๆไม่นาน  (ดาวนั้นๆต่างๆนั้นมีอิทธิพลมากน้อยไม่เหมือนกัน  ดาว พุธ  ศุกร์ อังคาร  เป็นดาววงในของระบบสุริยจักรวาล  โคจรเร็ว มีผลต่อเราเร็วและไม่นานและอิทธิพลน้อยกว่า  ดาว พฤหัส  เสาร์  มฤตยู  เนปจูน พลูโต  คิวปิโด  ฮาเดส  เซอุส  โครโนส  อาพอลลอน  แอดเมทตอส  วอลคานุส  โพไซดอน  เป็นดาววงนอกของสุริยะจักรวาล โคจรช้า  มีผลนาน มีอิทธิพลมากกว่า)

    วงรอบของจันทร์มีระยะ 28-29 หมายความจันทร์จร จะมาองศาเดียวกัน(ทับ)กับอาทิตย์จร วันเวลานั้นเรียกว่า วันอมาวสี เริ่มข้างขึ้นมีอิทธิพลที่แรงมากในครึ่งแรกหรือประมาณ 14 วัน จนถึงวันปูรณมี เริ่มข้างแรม คือวันเพ็ญ จันทร์จร เล็ง อาทิตย์จร  หรือทำมุม 180 องศาต่อกัน  วันอมาวสี จันทร์จรเริ่มมีแสงสว่างมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงวันปูรณมีซึ่งจะมีแสงสว่างมากที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดและจะเริ่มมีแสงสว่างน้อยลงเรื่อยๆจนถึงวันอมาวสีต่อไป   วงรอบของจันทร์จรมี 4 เสี้ยว เสี้ยวละประมาณ 7 วัน เสี้ยวที่ว่านี้ตรงกับ วันพระของเรา  เสี้ยวหนึ่งๆหมายความว่า จันทร์จร ทำมุมแรง( 0.90.180,)กับ อาทิตย์จร  จันทร์ ดาวที่ใกล้โลกที่สุด  อาทิตย์เป็นศูนย์รวมของจักรวาล  เมื่อดาวสองดวงนี้มาทำมุมแรงถึงกันย่อมมีอิทธิพลแรงมากต่อ สิ่งมีชีวิตและโลกทั้งโลก  ให้สังเกตเหตุการณ์ใหญ่ๆในโลกหรือประเทศมักจะเกิดในเสี่ยวจันทร์จรทั้ง 4 นี้เสมอ  ตามสถิติทั่วโลก  โรงพยาบาลและโรงพักจะมีงานทำล้นมือในวันนั้นๆหรือช่วงนั้น    เมื่อเริ่มวันปูรณมี(จันทร์)อิทธิพลของวงรอบจันทร์ในครึ่งที่สองก็จะเริ่มมีอิทธิพลในทางมืดและแสงสว่างน้อยลงเรื่อยๆจนกระถึงวันอมาวสีรอบใหม่
    สรุปวงรอบของอมาวสี

    . จันทร์จร ทับ อาทิตย์จร เสี้ยวที่ ประมาณ  7  วัน  อมาวสีนี้อยู่เรือนอะไรหรือทำมุมอะไรกับดาวกำเนิด  ก็ให้เตรียมตัวในกิจกรรมนั้น ไม่จำเป็นต้องหาเงินใส่กระเป๋าอย่างเดียว  พิจารณาว่าอมาวสีอยู่เรือนอะไร ทำมุมกับดาวอะไร  วันนั้นก็ปฏิบัติตามเรือนหรือดาวนั้นๆ

    . จันทร์จร ทำมุม 90 องศา ถึง อาทิตย์จร  ข้างขึ้น  เสี้ยวที่ ประมาณ    7  วัน  ช่วงนี้เรียกว่าเป็นช่วงวิกฤต  มีอิทธิพลในทางกิจกรรมที่เตรียมไว้ในเสี้ยวที่ 1

    . จันทร์จร เล็ง อาทิตย์จร  เสี้ยวที่ ประมาณ  7  วัน  ช่วงนี้เป็นช่วงที่ได้รับผลของ เสี้ยวที่ 1 และเสี้ยวที่ ถ้าเตรียมตัวดี  ทำกิจกรรมให้ถูกทาง  เสี้ยวที่ 3 นี้ก็จะรับผลตามที่ทำมา

    . จันทร์จร ทำมุม 90 องศา ถึง อาทิตย์จร   ข้างแรม  เสี้ยวที่  4  ประมาณ  7 วัน  ช่วงนี้เป็นช่วงวิเคราะห์ผลที่ได้รับ  ว่าดีร้ายอย่างไร  และเตรียมพร้อมสำหรับวงรอบอมาวสีต่อไป

        เมื่อ จันทร์จร เปลี่ยนราศี

    ก่อนอื่นให้พิจารณาช่วงนั้นมีดาวอะไรเกี่ยวข้องกับจันทร์จร  และมีอิทธิพลอย่างไร  การที่จันทร์จรย้ายราศี  ราศีข้างหน้าจะมีความสำคัญกว่าราศีที่อยู่ก่อน  และถ้าดาวจันทร์จรย้ายเข้าราศีที่เป็นเกษตร  อุจจ์  ประ  นิจ  เราก็ใช้อิทธิพลอันนั้นด้วย

        เมื่อดาวจันทร์จรทำมุมสำคัญกับดาวอื่นๆ

    มุมสำคัญมี  4   มุม

    .มุมแรง  คือมุม  45 องศา 90 องศา และ เล็ง  180  องศา  มุมนี้เราจะประมาทไม่ได้  ต้องตัดสินใจทันทีว่า จะทำอย่างไร  มุม 90 องศาโหราศาสตร์โดยทั่วจะพิจารณาว่าเป็นมุมเสีย  มีอุปสรรค  หรือจัดให้เข้าที่เข้าทาง  แต่ผมมีความคิดว่ามุมทุกมุมมีอิทธิพลทั้งนั้นและมีทั้งดีและเสีย โดยปรัชญา เราแปลอย่างไร ดีก็ได้ เสียก็ได้ แล้วปฏิบัติตามนั้น  มุมเล็ง  180 องศา  ปัจจัยสองปัจจัยเล็งกัน  หมายความว่า มีความขัดแย้งกัน  ต้องหาทางให้ประนีประนอม  ไม่ใช่เสียถ้าประนีประนอมกันได้ก็ดีและอาจจะดีมากด้วย  เหมือนเป็นแม่เหล็กสองขั้วที่ผลักกัน  ถ้าเรารู้จักใช้ก็จะได้ประโยชน์มหาศาล

    . มุมอ่อน คือมุม  60  องศา(โยค)  120 องศา (ตรีโกณ มุมจะไม่แสดงผลชัดมาก  โดยทั่วไปมีอิทธิพลในทางทำให้ราบรื่นไม่มีอุปสรรค  มุม 60  องศา(โยค มีอิทธิพลในทาง ให้โอกาส เรานั้นก็ปฏิบัติให้คล้อยตามดาวนั้นๆ  เพื่อให้ผลดีตามเงื่อนไข   มุม 120 องศา(โกณ) มีอิทธิพลในทางดี  ไม่มีอุปสรรค  ถึงแม้ทำมุมกับดาวร้าย เช่น เสาร์  แอดเมทตอส  ก็จะให้ผลในแง่ดี

           . มุมทับ  0 องศา  เป็นมุมที่มีอิทธิพลแรงที่สุด  ดีก็ดีที่สุด  เสียก็เสียที่สุด  เป็นแม่เหล็กขั้วเดียวกันของดาว    ที่ทำมุมกัน  ดูดเข้าหากัน  ให้พิจารณาเป็นพิเศษ

     . มุมเล็งและทับกันในเส้นระวิมรรค  (เป็นมุมที่สำคัญมากยิ่ง  นักโหราศาสตร์มักจะละเลย โปรแกรมใหญ่ๆของฝรั่งเขาจะบอก  ปฏิทิน ราฟาเอล ก็ บอก  มุม เล็ง  counterparallels ในระวิมรรค หมายความว่า ดาวทั้งสองดวงอยู่ตรงกันช้าม อยู่ทิศ(N S)ตรงกันข้ามและองศาเท่ากัน  ในเส้นระวิมรรค  เส้นระวิมรรคแบ่งเป็น เหนือและใต้เท่านั้น  มุมทับกันในระวิมรรค pararellels  หมายความว่าดาวทั้งสองดวงอยู่ในทิศเดียวกันในระวิมรรค และมีองศาเดียวกัน   มุมเล็งและมุมทับมีอิทธิพลเหมือนกับมุมเล็งและทับที่ดูจากโลก   มุมในเส้นระวิมรรคมีความหมายมากและมีอิทธิพลมาก เช่น เมื่อ จันทร์ ทับ อาทิตย์ และ จันทร์ เล็ง อาทิตย์  ซึ่งมีโอกาสจะเกิด สุริยะคราส  จันทร์คราส  ทุกเดือน  แต่ทำไมไม่เกิดทุกเดือน  จันทร์คราส  และสุริยะคราส  เกิดเมื่อ  จันทร์ ทับ(paralells) อาทิตย์ และ จันทร์ เล็ง(counterparalells) อาทิตย์  ในเส้นระวิมรรค

        เมื่อการโคจรวิกฤต  พักร(ถอยหลัง มนต์(อยู่กับที่)

    หลายศตวรรษมาแล้วนักโหราศาสตร์ได้คำนวณการโคจรวิกฤตของดวงดาว  หลักการคำนวณนี้เรียก คัลคูลัส ความจริงดาวต้องโคจรอยู่ตลอดเวลา  แต่ดูจากโลกอาจจะดูว่าถอยหลัง หรือ อยู่กับที่  เราจะรู้ได้โดยปฏิทินดวงดาว ที่จะบอกว่า  เมื่อไรดาวดวงไหน พักร มนต์  (อาทิตย์และจันทร์ ไม่พักรและมนต์ การโคจรวิกฤต  พักรเท่าที่ศึกษามารู้สึกว่าไม่เคลียร์  ดีก็ได้  เสียก็ได้  (หรือว่าเป็นเพราะดาวไม่เคยพักร แต่ดาวมนต์หลายตำราบอกว่าสำคัญมาก ถือว่าวิกฤต  เพราะโลกดูว่าอยู่กับที่  โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนไม่ให้ความสำคัญมาก

        อิทธิพลของดาวจรต่อดวงกำเนิด

    การพิจารณา จันทร์จร  ให้พิจารณาเรือนชะตากำเนิดและพิจารณาการทำมุมและศูนย์รังสีด้วยจาน 90 องศาซึ่งไม่ใช้เรือนชะตา (เรือนชะตาที่ว่านี้เป็นเรือนชะตาที่ทั่วโลกใช้กัน คือนับเรือนที่ 1 ตนุ  ที่องศาจากลัคนา  เช่น  ลัคนา  14  กุมภ์  27   ให้นับเส้นแบ่งเรือนที่ ตนุ   ที่ 14 กุมภ์ 27   และเรือนที่ 2
      14 
    มีน  27  ไปเรื่อยๆ จนถึง เรือนที่ 12  ดังนั้นเรือนทุกๆเรือนจะมีอิทธิพลของราศีสองราศีอยู่ในเรือนเดียวกัน ซึ่งเป็นตรรกะมากกว่า)   อิทธิพลของจันทร์จร  ถ้าอยู่ในเรือนไหนก็จะมีอิทธิพลต่อเรือนนั้นๆและดาวกำเนิดในเรือนนั้น  แต่อย่าลืมการพิจารณา จตุโกณ ตรีโกณด้วยนะครับ  จันทร์จรว่าวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นตามอิทธิพลของเรือน  ถ้าจะพิจารณาด้วยศูนย์รังสี  จุดอิทธิพล ก็ให้จาน 90 องศาโดยไม่ต้องสนใจระบบเรือนชะตาก็ทำได้ดีมาก  ถ้าจันทร์จรทำมุมมีวังกะไม่เกิน 1 องศา  อิทธิพลของจันทร์จรและดาวนั้นจะเกิดกับคุณ 

     จันทร์ห้ามฤกษ์ ( จันทร์ย้ายราศี)

           ไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่า ถ้ารู้จะทำให้เราเตรียมตัวหรือไม่ทำอะไรหรือการตัดสินใจในช่วงนั้น  เพราะในช่วงนั้น  จันทร์ห้ามฤกษ์จะเกิดทุกๆ 2-3 วัน  บางครั้งก็ไม่กี่นาที ถึงเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันก็ได้   จันทร์ห้ามฤกษ์จะเกิดเมื่อจันทร์จรทำมุมสำคัญ 90  องศา  180  องศา  นักโหราศาสตร์บางท่านใช้ 45 องศา  60 องศา  120  องศาด้วย ถึงดาวจรดวงอื่น  เมื่อทำมุมสำคัญครั้งสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนราศี  ก็ให้ถือว่า วัน เวลา นั้นเป็นเวลา จันทร์ห้ามฤกษ์  จนถึงวัน เวลาที่ จันทร์จรเข้าสู่ราศีต่อ เป็นอันว่าสิ้นสุดการห้ามฤกษ์ในช่วงนั้น 

           ในช่วงจันทร์ห้ามฤกษ์ไม่ควรตัดสินใจหรือทำกิจกรรมใหญ่ๆ  เช่น การสัมภาษ  ตกลงทำสัญญากู้เงินหรืออื่นๆ  คำพูดและเอกสารจะได้รับอิทธิพลของจันทร์ที่อ่อนแอ  สะเปะสะปะ ถ้า ทำในช่วงนี้มักจะเปลี่ยนแปลงภายหลังเสมอ 

    บทที่ 355
     

    จุดลัคนาคืออะไร
    วันและเวลา ชั่วโมงและนาทีที่ท่านลืมตามาสู่โลก เป็นตำแหน่งตะวันออกสุดในทางราบที่ท่านโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบเส้นนั้นเป็นจำนวนกี่องศา และกำเนิดในราศีอะไร และในวันเวลานั้น ได้มีดาวดวงอื่นใดใน 22 ดวงอยู่ที่ใดตำแหน่งใด อยู่เป็นกี่องศาจากขอบ 0.00 ของราศีนั้น และจงจำไว้ให้ดี นี่คือสวรรค์ได้ประทานยันต์ชีวิตท่านตั้งแต่บันนั้นเป็นต้นมา และจะเป็นรากฐานต่อไปจนท่านลาจากโลกนี้ไป

    ในความหมายของจุดลัคนานั้นในโหราศาสตร์สากลเค้าจะถือว่าเป็นสภาพแวดล้อมใกล้ชิดกับเจ้าชะตาอย่างที่สุด และมีส่วนควบคุมพฤติกรรมของเจ้าชะตาไปด้วยแต่ไม่ใช่ตัวของเจ้าชะตาจริง ๆ เช่น ลัคนาของเจ้าชะตาเค้าอยู่ในราศีเมษ ก็จะบ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมของเจ้าชะตามีความไม่หยุดนิ่ง ชอบการเอาชนะ เป็นต้น แต่ตัวจริงเค้าอาจไม่เป็นเช่นนั้นเลยก็ได้ เพราะเมริเดียนเค้าอยู่ราศีตุลย์ก็จะบ่งบอกเค้าเป็นคนรักสงบ ชอบธรรมชาติ เป็นต้น เราต้องแยกลัคนากับเมริเดียนให้ออกแล้วเราจะเป็นตัวจริงกับตัวปลอมของเจ้าชะตาได้อย่างง่าย ๆ ดังนั้นลัคนาก็จะมีส่วนควบคุมอารมณ์ของเจ้าชะตาด้วย แต่จริงแล้วมันไม่ใช่ตัวเค้าแต่เป็นเพียงสิ่งใกล้ชิดตัวทำให้เค้าเป็นอย่างนั้นซึ่งจริงๆ แล้วเค้าอาจไม่ชอบเลยก็ได้ และเราก็ถือว่าจุดลัคนาคือจุดเจ้าชะตาชนิดหนึ่งเหมือนกัน ถ้ามีดาวอะไรมาทำมุมถึงก็จะแปลได้เลยตามดาวนั้นแต่ในเรื่องของสภาพแวดล้อมของเจ้าชะตา ได้เช่นกัน อาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเจ้าชะตาด้วยก็ได้ ตามดวงไทยถือว่าลัคนาบอกถึงเค้าเป็นคนราศีอะไร แต่ในสากลเค้าจะถือเอาอาทิตย์อยู่ราศีอะไรมากกว่าและเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก เราจึงควรถืออาทิตย์เป็นบรรทัดฐานในการบอกราศีเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด


    บทที่ 356
     

    วิธีการวิเคราะห์ จุดี หรือ (จุดเด่น) และ จุดร้าย (จุดอ่อน) ในดวงชะตา

                    ปัญหาสำคัญยิ่งอีกปัญหาหนึ่ง ที่เจ้าชะตาทุกคน ต้องการทราบ ก็คือ ชีวิตของเขานั้น ดีอย่างไร และเสียอย่างไร หรือดีทางด้านใด เสียทางด้านไหน เพื่อเจ้าชะตาจะได้ดำเนินชีวิตได้สอดคล้องกับโชคชะตาของเขาได้

                    ในการวิเคราะห์จุดดีจุดร้ายในดวงชะตานี้เป็น หนทางสำคัญหนทางหนึ่งที่ผู้พยากรณ์สามารถที่จะวินิจฉัยได้ว่า ถ้าบังเอิญ แกน แสดงถึงความเจริญ ในดวงชะตาด้วย

                    วิธีการวิเคราะห์จุดดีและจุดร้ายในดวงชะจานี้ เป็นหนทางสำคัญหนทางหนึ่งที่ผู้พยากรณ์สามารถที่จะวินิจฉัยได้ว่า อาชีพที่เหมาะแก่เจ้าชะตาที่สุด นั้นควรจะมี แนวโน้ม ไปทางด้านไหน ถ้าบังเอิญ แกน ที่ใช้สำหรับตรวจนั้น ไปสัมพันธ์กับ จุดเงิน หรือจุดโชค ( ทั้งนี้รวมทั้ง จุดแสดงถึงการพัฒนาการ หรือ แสดงถึงความเจริญ ในดวงชะตา

                    วิธีการวิเคราะห์จุดดีและจุดร้ายในดวงชะตานี้ เป็นวิธีการพยากรณ์แบบหนึ่งของโหราศาสตร์ยูเรเนียนทฤษฏีพระเคราะห์สนธิ (ในทางเท็คนิคนิยมเรียกว่า แกนดี และ แกนร้าย

                    หลักการทั่วไปคือ ตั้งจุดคำนวณตามจุดต่างๆ (ปัจจัยต่าง ๆ ทั้ง 22 ปัจจัย ) แล้วตรวจดูว่าสัมพันธ์กับศูนย์รังสีใดบ้างในดวงชะตา (ใช้มุมเพียง 45 องศา ไม่น้อยกว่านั้น เพื่อป้องกันความฟั่นเฝือ แต่ถ้าเมื่อมีความชำนาญดีแล้วจะใช้มุมเล็กถึง 22 ½ องศา ก็ได้ แต่ต้องสนิทเป็นลิปดา และต้องระลึกไว้เสมอว่า อิทธิพลอ่อนลงหลายเท่า) หากจุดใด มีคุณสมบัติดังนี้คือ

                                    สัมพันธ์กับศูนย์รังสีกับดาวดีมากที่สุด

                                    สัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตาต่าง ๆ มากที่สุด

                                    ระยะวังกะน้อยที่สุด (เมื่อคิดเฉลี่ยแล้ว) และมุมใหญ่ที่สุด

    ปัจจัยหรือดาวพระเคราะห์ดวงนั้น จะเด่นที่สุด ในดวงชะตา และเจ้าชะตาก็จะอาศัย สิ่ง ตาม ความหมายของปัจจัยหรือดาวพระเคราะห์นั้นสำหรับฟันฝ่าเพื่อนำชีวิตของเขาไปสู่ความสูงส่งในสังคม

                    ในวิชาโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนซึ่งเรียบเรียงโดย นาย ดุลวิก  รูดอลฟ์ ได้ยกตัวอย่างถึงดวงชะตาของ ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมันสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึง จุดดี  หรือ จุดเด่นที่ทำให้ฮิตเลอร์ประสบความสำเร็จในชีวิตว่า เนื่องจาก มฤตยู สัมพันธ์กับศูนย์รังสีที่ดี กล่าวคือ

    มฤตยู = เมอริเดียน/พฤหัส = อาทิตย์/พฤหัส = เมอริเดียน/จันทร์ =อาทิตย์/จันทร์ =อาทิตย์/โครโนส=ลัคนา/ราหู=ราหู/พุธ=เมษ/อาพอลลอน=คิวปิโด/อาพอลลอน=พุธ/โครโนส=เมอริเดียน/เซอุส=อาทิตย์/เซอุส =ราหู/มฤตยู=วัลคานุส/แอดเมตอส = เมอริเดียน/โครโนส

    สำหรับพระเคราะหสนธิ มฤตยู = วัลคานุส/แอดเมตอส หมายถึง กระทำการอย่างบ้าบิ่น ซึ่งเป็นข้อดีก็ได้ข้อเสียก็ได้

                    ลีลาการดำเนินชีวิตไปสู่ความสำเร็จของ ฮิตเลอร์ จึงมีลักษณะไปทาง ปฏิวัติ ตามอิทธิพลของมฤตยู และ โรงเรียนโหราศาสตร์ฮัมเบอร์กเรียกโครงสร้างที่มีมฤตยูเป็นแกน นี้ว่า โครงสร้างแห่งความสำเร็จ หรือ กลุ่มดาวพระเคราะห์แห่งความสำเร็จ ของ ฮิตเลอร์

                    อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ของง่ายนัก ที่จะพบว่าดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยใดในดวงชะตาหนึ่ง ๆ ไม่มีสัมพันธ์กับศูนย์รังสีที่มีอิทธิพลร้ายเลย (ดังเช่นในดวงชะตาของฮิตเลอร์นี้ นับว่าเป็นดวงชะตาที่หายากเป็นอย่างยิ่ง ) และนั่นก็หมายความว่า ในโลกนี้ มีผู้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เพียงไม่กี่คน นั่นเอง

                    ยิ่งไปกว่านั้น จากประสบการณ์ของการพยากรณ์ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ จะพบว่าการดำเนินชีวิตของคน จะเป็นไปเพียงสองทางเท่านั้น กล่าวคือ

                    ทางที่ 1  ดำเนินไปตาม เมอริเดียน

                    ทางที่ ดำเนินไปตาม ปัจจัยหรือดาวพระเคราะห์ ที่สถิตในศูนย์รังสีของจุดเจ้าชะตา

    หากจะแนะนำให้เขาดำเนินชีวิตในลีลาอย่างอื่นที่ไม่เข้าเกณฑ์ 2ประการข้างบนนี้แล้ว เขาทำไม่ได้ เพราะฝืนนิสัยของเขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ชีวิตของเจ้าชะตาจึงขึ้นอยู่กับบรรดาศูนย์รังสีที่มีสัมพันธ์กับดาวพระเคราะห์ดวงนั้น หรือขึ้นอยู่กับบรรดาศูนย์รังสีที่มีสัมพันธ์กับเมอริเดียนเสมอไป หลีกเลี่ยงได้ยากเต็มที อย่างไรก็ดี หากบังเอิญศูนย์รังสีดังกล่าวเหล่านั้นเป็นศูนย์รังสีที่ให้คุณ เขาก็ประสบความสำเร็จในชีวิต ในทางตรงกันข้ามหากเป็นศูนย์รังสีบาปเคราะห์ที่มีอิทธิพลในทางทำลาย เขาก็ประสบความลมจมหรือไม่มีทางที่จะดีได้ แต่ถ้ามีทั้งดีทั้งร้ายเข้าก็ประสบทั้งดีและร้ายตามความหมายของศูนย์รังสีเหล่านั้น

    ตัวอย่าง

    1         ในดวงชะตาของ ฮิตเลอร์ ที่กล่าวมาแล้ว

    มฤตยู = อาทิตย์/จันทร์  บังเอิญศูนย์รังสีที่มามีสัมพันธ์ล้วนเป็นศูนย์รังสีดี จึงประสบความสำเร็จ

    2         ในดวงชะตาของ สุวัจชัย สุทธิมา นักร้องเสียงเย็นผู้มีชื่อเสียของประเทศในยุคก่อน

    เสาร์ = เมษ/อาทิตย์ =เมษ/ราหู =วัลคานุส/โพไซดอน =พุธ/แอดเมตอส =คิวปิโด/แอดเมตอส=คิวปิโด/ฮาเดส= อังคาร/พฤหัส=พฤหัส/โครโนส=จันทร์/ศุกร์=มฤตยู/เซอุส

    แปลว่า เจ้าชะตามีความเป็นอยู่แบบคนมีทุกข์  เสาร์  ซึ่งมีผลทำให้ชีวิตสัมพันธ์กับประชาขน(เมษ/อาทิตย์ , เมษ/ราหู ) ทะนงตัว (วัลคานุส/โพไซดอน) คิดมาก (พุธ/แอดเมตอส) มีการแตกแยกกันภายในครอบครัวและหมู่คณะ (คิวปิโด/แอดเมตอส) มีแต่เรื่องเศร้าๆภายในครอบครัว (คิวปิโด/ฮาเดส) แต่เป็นคนมือขึ้นทำอะไรก็มีโชคลาภ (อังคาร/พฤหัส) ร่ำรวย (พฤหัส/โครโนส) ต้องพลัดพรากจากมารดา ตั้งแต่เยาว์วัย (จันทร์/ศุกร์) หรือ เป็นคนเจ้าความรู้สึก (จันทร์/ศุกร) หากอดกลั้นไม่ได้ชีวิตก็จะพังทะลายลง (มฤตยู/เซอุส) (เจ้าชะตาผู้นี้ ไม่ทราบเวลาเกิดที่แน่นอน จึ่งไม่ใช้เมอริเดียนพยากรณ์)

       ในดวงชะตาของ จอมพล ถนอน

                            ศุกร์ = อาทิตย์/ราหู = เมษ/โพไซดอน=จันทร์/เนปจูน =มฤตยู/อาพอลอน=โครโนส/อาพอลลอน=อังคาร/พฤหัส=เสาร์=คิวปิโด

                    แปลว่า  เจ้าชะตามีความเป็นอยู่แบบออมชอมไม่แข็งกระด้าง (ดาวศุกร์) ซึ่งมีผลทำให้กลายเป็นคนธรรมะธรรมโม (เมษ/โพไซดอน) เพ้อฝัน (จันทร์/เนปจูน) พัวพันกับการคำนวณหรือการวัดตามหลักคณิตศาสตร์ (มฤตยู/อาพอลอน) ท่านเคยเป็นอาจารย์ แผนที่ รร.นายร้อย จรปร เพราะการทำแผนที่นี่เองที่ทำให้ท่านเข้าร่วมกับคณะปฏิวัติ และรุ่งเรืองมาตั้งแต่บัดนั้น มีความสามารถ สูงส่ง (โครโนส/อาพอลลอน) ท้าการสิ่งใดก็มีโชคและประสบความสำเร็จ(อังคาร/พฤหัส) แต่ก็ต้องพลัดพรากจากครอบครัวและหมู่คณะ (เสาร์/คิวปิโด)

    ในดวงชะตาของ มยุรา ธนะบุตร นางเอกภาพยนต์ไทย ซึ่งจากดวงชะตาปรากฏชัดว่าเธอจะโด่งดังในโอกาศต่อไป หรือไม่ก็ได้ดิบได้ดีต่อไปข้างหน้า เกิด วันที่ 2 ตุลาคม 2500 เวลาในระหว่าง 6.00 ถึง 7.00

                    ดวงชะตานี้แปลกมาก กล่าวคือ มีดาวเข้าเกณฑ์ตามที่กล่าวมาแล้วถึง 5 ดวงอยู่ในศูนย์รังสีของจุดเจ้าชะตา มีดังนี้

                    โพไซดอน = เมษ/จันทร์ = พฤหัส = แอดเมตอส/วัลคานุส = พุธ/เนปจูน = ราหู/เสาร์ =ศุกร์/เซอุส =ศุกร์/พูลโต

                    พฤหัส = เมษ/จันทร์ ….เหมือน โพไซดอน ข้างบน

                    เซอุส   =  อาทิตย์/จันทร์ = เมษ/เนปจูน = พุธ/มฤตยู=ฮาเดส/อาพอลลอน=ศุกร์/เสาร์=พลูโต
                    พูลโต = อาทิตย์/จันทร์ = อังคาร/แอดเมตอส=คิวปิโด/แอดเมตอส = เมษ/เนปจูน =ฮาเดส/อาพอลลอน= ศุกร์/เสาร์

                    คิวปิโด = เมษ/อาทิตย์ = พฤหัส/วัลคานุส = พฤหัส/โพไซดอน = มฤตยู/โครโนส

    ท่านคงเห็นแล้วว่า มีดาวที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว (ไม่คิดถึง เมอริเดียน เนื่องจากไม่ทราบเวลาเกิดที่แน่นอน ) ซึ่งอาจเรียกได้ว่า ดาวเด่นในดวงชะตา คือ พฤหัส โพไซดอน เซอุส พลูโต และ คิวปิโด เธอจึงเป็นบุคคลหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบกลมกลืนกันกล่าวคือ

                    พฤหัส                     มีพฤติกรรรม  คือ เป็นคนไม่มีทุกข์มีร้อน

                    ไพไซดอน              มีพฤติกรรม   คือ เป็น ดารา (สิ่งเรื่องแสง)

                    เซอุส                       มีพฤติกรรม คือ จริงจัง

                    พลูโต                      มีพฤติกรรม คือ เป็นนักพัฒนาการ

                    คิวปิโด                     มีพฤติกรรม คือ เป็นนักศิลปะ

    สำหรับการพยากรณ์หรือถอนคำแปล ก็ต้องเอาบรรดาศูนย์รังสีทั้งหลายที่สัมพันธ์กับดาวเหล่านี้มาแปลให้หมด ให้เข้าเรื่องกัน ดังเช่น ดาวพฤหัส พบแต่บุคคลที่มีอำนาจ หรือเป็นสตรีที่มีอิทธิพลผู้หนึ่ง (จันทร์/วัลคานุส) แอดเมตอส/วัลคานุส มีผลทำให้ต้องประกับอุปสรรคที่สำคัญ ซึ่งอาจมีสาาเหตุมาจากการตัดขาดจากผู้ใกล้ชิดหรือของผู้ใกล้ชิดก็ได้ (ราหู/เสาร์) ได้งานที่ตนโปรดปราน (ศุกร์/เซอุส) (โพไซดอน)  ประสบโชคลาภ (พฤหัส) ….. (คิวปิโด) ก่อนให้เกิดโชคลาภที่มั่นคงถาวร ร่ำรวยมหาสาร
     
    (พฤหัส/วัลคานุส) มีความพอใจ (วัลคานุส/โพไซดอน) กลายเป็นผู้ที่มีอำนาจขึ้นในทันทีทันใด (มฤตยู/โคโนส) …………..

    ซึ่งจะเห็นว่ามีเรื่องราวมากมายก่ายกองที่เกี่ยวกับเจ้าชะตา ซึ่งเป็นธรรมดาอยู่เอง ผู้ที่มีลีลาชีวิตหลายแบบ