บทที่ 395
 

ระบบเรือนชะตาจร

ระบบเรือนชะตาจร มาจาก การพัฒนาการของชีวิต ตั้งแต่เกิด จนตาย ซึ่งเทียบ 1 ปี เหมือน 1 ชาติ โดยคิดตั้งแต่วันเกิด ถึงวันเกิด โดยเฉพาะ 12 ปี เทียบได้ 1 ชาติ (จังหวะ12)

หลักการคือ ชีวิตในแต่ละปีย่อมหมุนเวียนไปตามลำดับ เรือนชะตา ปีละ 1 เรือน กล่าวคืออายุ 1 ปี คือเรือนที่ 1 อายุ 2ปี คืนเรือนที่ 2 อายุ 3 ปีคือเรือนที่ 3 …………..อายุ13 ปี จึงตรงกับเรือนที่ 1 ใหม่ อีก และ อายุ 25 ปีก็จะตรงกับเรือนที่ 1 อีกเช่นกัน เป็นอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย

เมื่ออายุตกเรือนชะตาใด ชีวิตในปีนั้น ก็จะเกี่ยวข้องกับชีวิตของเจ้าชะตา หรือเข้ามามีบทบาท รุนแรง ต่อไปนี้คือความหมายของเรือนชะตาต่าง ๆ ซึ่งอาจใช้ได้ทั้งในการพยากรณ์จรตามอายุขัย และในพื้นดวงชะตา

เรือนที่ 1เรือนเกณฑ์

เรือนของชีวิต และ ตัวเอง ความเป็นอยู่ของเจ้าชะตา

อวัยวะ คือ ศรีษะ  เว้นจมูก

เรือนที่ 2

เรือนของเงินและทรัพย์สมบัติ รายรับ รายจ่าย  การลงทุน ผลกำไร โชคลาภทางการเงิน ผลประโยชน์ และสมบัติที่เป็นวัตถุทั้งปวง

อวัยวะ คือ ลำคอ ต้นคอ คอหอย หลอดลม และหลอดอาหาร

เรือนที่3

เรือนของพี่น้องและญาติ การเดินทางระยะใกล้ ๆ การไปเที่ยว การเยี่ยมเยียน กิจกรรมทางด้านการศึกษาหาความรู้

อวัยวะ คือ ปอด ประสาท ไหล่ แขน และมือ

เรือนที่ 4 เรือนเกณฑ์

เรือนของบิดามารดา บ้านเกิด ครอบครัว ที่อยู่อาศัย ที่ดิน  เกี่ยวกับบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นหลัก

อวัยวะ คือ กระเพาะ ตับ น้ำดี

เรือนที่5

เรือนของบุตรและบริวาร เด็กๆ การเข้าสามาคม การศึกษา เล่าเรียน การเก็งกำไร ความรัก หรือมีความเกี่ยวข้องกับคนที่อายุอ่อนกว่า

อวัยวะ หัวใจ หลัง และการหมุนเวียนของกระแสโลหิต

เรือนที่ 6

เรือนของการงานและสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ อาหารการกินที่มีปัญหา การแพทย์ เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพเป็นส่วนใหญ่

อวัยวะที่เกี่ยวกับการย่อยอาหาร

 

เรือนที่ 7 เรือนเกณฑ์

เรือนของการสมรส ความรัก การพบคู่ครอง  การแต่งงาน หุ่นส่วน การเกี่ยวกับคดีความ ตำแหน่งหน้าที่การงาน

อวัยวะ คือ กระเพาะปัสสาวะ ไต ผิวหนัง บริเวณต้นขา

เรือนที่ 8

เรือนของการสะสมทรัพย์สมบัติ มรดก และการพลัดพรากจากกัน การถึงแก่กรรม การมีปัญหากับคนที่อายุอ่อนกว่า ณาปนกิจ และพิธีศพ

เรือนที่ 9

เรือนของการเดินทางไกล การไปต่างประเทศ เกี่ยวกับปัญญา การแผ่ขยาย การขยายกิจการที่ดำเนินอยู่ การเมือง

อวัยวะ คือ ประสาท ปอด ตะโพก ต้นขา

เรือนที่10 เรือนเกรฑ์

เรืองของอาชีพการงาน ธุรกิจที่ดำเนินอยู่เป็นอย่างไร การปรับตำแหน่ง ความเจริญทางวัตถุ การได้งาน ความสูงส่งของชีวิต

อวัยวะ เข่า การผลิตโลหิต การทำงานของกระเพาะอาหาร และกระดูก

เรือนที่11

เรือนของโชคลาภ  การได้มิตรใหม่ ความหวังของเจ้าชะตา การมีสิ่งดี ๆ ในชีวิต

อวัยวะ ขา น่อง หน้าแข็ง หัวใจ หลัง

เรือนที่12

เรือนของความเร้นลับ และศัตรู อุบัติเหตุ การวิตกกังวล ความหดหู่ อุปสรรคต่างๆ การนินทาว่าร้าย การโจรกรรม ความอึดอัดภายในใจ และการมีชีวิตที่ไม่น่ารื่นรมณ์รูปแบบต่าง ๆ

อวัยวะ เท้า ส่วนที่ทำหน้าที่การย่อยอาหาร

การพยากรณ์จรรายปี

ให้ใช้ดวงสงการณ์เป็นหลักโดยใช้อาทิตย์จรโคจรเข้าที่ 00.00 ราศีมังกร และให้

ตั้งตำแหน่งเรือนที่ 3-4 ไว้ที่อาทิตย์จรปีนั้น ๆ เช่นดวงสงการณ์ของปี 2544 ก็จะดูไปถึงดวงสงการณ์ปี 2545 ถือเป็นการดูดาวของปี 2545 และนับเรือนที่ 1 เป็นอายุ 1ปีไปจนถึงครบอายุปัจจุบัน

และใน

การพยากรณ์รายเดือน
ก็ให้นับเดือนเกิดเริ่มจากเรือนที่ 1 ไปจนถึงเดือนปัจจุบันที่ต้องการพยากรณ์ ต้องต้องการรู้เดือนที่จะเกิดอะไรขึ้นล่วงหน้าได้ ใช้กฎเกณฑ์เดียวกับการนับอายุเช่นเดียวกัน

หลักการพยากรณ์จรรายวัน รายชั่วโมง  รายนาที แบบเรือนชะตา

การพยากรณ์รายวัน
ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ให้เอาเส้นแบ่งเรือน 3-4 ไปตั้งไว้ที่อาทิตย์จรปัจจุบัน เพื่อบอกเหตุการณ์รายวันว่าเป็นนี้มีอะไรเกิดขึ้น การอ่านก็อ่านไปตามปกติเหมือนอ่านเรือนชะตาทั่วไป

การพยากรณ์รายชั่วโมง
 ก็ให้เอาเส้นแบ่งเรือน 9-10 ไปตั้งไว้ที่ตำแหน่ง จันทร์จรปัจจุบันเพื่อนดูเหตุการณ์รายชั่วโมงว่าสองชั่วโมงนี้จะเกิดอะไรขึ้น การอ่านก็อานไปตามปกติเหมือนอ่านเรือนชะตาทั่วไป

การพยากรณ์รายนาที
ก็ให้เอาเส้นแบ่งเรือนที่ 1-12 ไปตั้งไว้ที่ ลัคนาเพื่อนอ่านสภาพแวดล้อมขณะนั้นว่าเจ้าชะตากำลังเกิดอะไรขึ้น ส่วนการอ่านเรือนชะตาเมริเดียนให้ใช้ตำแหน่ง 9-10 ไว้ที่เมริเดียนจรเพื่อเจ้าชะตาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ควรอ่านควบคู่ทั้ง เรือนลัคนาและเมริเดียนประกอบกัน

บทที่ 396

 

การอ่านดวงชะตาหลังความตาย

                การตายนั้นทุกคนต้องเสียชีวิตไปจากโลกนี้ ทุกคน ไม่ช้าก็เร็ว แต่การเสียชีวิตนั้นแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ คือ

                1.  การเสียชีวิตโดยยังไม่ถึงกำหนดเวลา

                2.  การเสียชีวิตที่ถึงกำหนดเวลา

                การเสียชีวิตโดยที่ยังไม่ถึงกำหนดเวลานั้นเราจะไปไหน ในดวงชะตาก็สามารถบอกได้ว่าผู้ที่เสียชีวิตนั้นยังไม่ถึงกำหนดเวลา แล้วเขาเกิดเป็นอะไร ในทางธรรมชาติแล้วถ้าเรายังไม่ถึงเวลาตายแต่เกิดตายก่อนมันเกิดจากเราไปอยู่ในช่วงเวลาและพื้นที่และจังหวะที่ทำให้เราเสียชีวิตเช่นเครื่องบินตก เป็นต้น ซึ่งเวลา และพื้นที่ เป็นสำคัญ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา ดังนั้น เวลา และสถานที่ เป็นเรื่องสำคัญมากในเรื่องโหราศาสตร์ เราย้อนกลับมาดูว่าถ้ายังไม่ถึงเวลาตายแล้วเกิดตายขึ้นมาเราจะไปไหน ตามหลักของวิทยาศาสตร์นั้น จิต เราเป็นพลังชนิดหนึ่งที่ไม่สูญหายไปจากโลก หรือจักรวาลนี้ มันเกิดและดับตลอดเวลา จิตต้องอาศัยร่างกายของคนเราอาศัยอยู่ถ้าร่างกายถูกทำลายไปจิตก็จะออกจากร่าง ไปรอจังหวะที่จะเกิดใหม่ การรอนี้ส่วนมากก็จะเกิดเป็นจิตที่ไม่มีที่อยู่อาศัยอยู่ตามที่ต่าง ๆ เช่นเกิดมีการตายโดยทางรถยนต์ จิตเขาส่วนมากก็จะอยู่แถวๆ ที่เกิดเหตุเป็นส่วนมาก อาจมีคนเห็นบางในบางครั้ง เพราะจิตยังรอเวลาไปเกิดอยู่  เป็นการตายที่ยังไม่ถึงเวลาและวาระ เราสามารถตั้งดวงเวลาที่เขาเสียชีวิตขึ้นมา ณ เวลานั้นเราก็สามารถบอกได้ว่าเขาถึงเวลาหรือยัง หรือดูดวงชะตาเขาประกอบด้วย หลักในการดูว่าถึงเวลาหรือไม่นั้นให้ดูการทำงานของโค้ง อายุ เป็นหลัก โดยดูที่โค้งเสาร์ ว่าโค้งเสาร์เข้าแกนหรือไม่ คือแกนทั้งสี่ หรือเส้นแบ่งราศี ณ วัน เดือน ปี ที่เสียชีวิตเขา ถ้าโค้งเข้าก็แปลว่าถึงเวลา แต่ถ้ายังไม่เข้าเหลืออีก 5 องศาโค้งเสาร์จะเข้าแกนมังกร ก็บอกไปว่าอีกห้าปีจะได้ไปเกิดใหม่ 

                ดวงชะตาของผู้เสียชีวิตนั้นไม่ใช่ว่าผู้ตายไปแล้วดวงจะตายตามไป ดวงชะตาของเขาก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ มันจะบงบอกถึงสภาพแวดล้อมของผู้ตาย เช่น ญาติ พี่น้อง พ่อแม่ ว่าเป็นอย่างไรต่อไปอีก ได้ รวมไปถึงชีวิตหลังความตายนั้นเขาอยู่ดีมีสุขหรือไม่ มันก็เหมือนการดูคนเป็นเช่นเดียวกันแต่เขาอยู่ในอีกมิติหนึ่งเท่านั้น เรื่องนี้ยังไม่มีการรับรองแต่จากการเก็บข้อมูลของข้าพเจ้ามาและจากอาจารย์ ได้พูดไว้ก่อนเสียชีวิต ก็บอกว่ามีจริง เราสามารถดูได้จากดวง ดังนั้นดวงหลังความตายนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล ถ้าท่านสนใจท่านก็สามารถศึกษาได้ แต่ถ้าท่านไม่สนใจก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับดวงหลังความตาย ถือว่าเป็นการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นไปได้ขึ้นมา และถ้าอีก 50 หรือ  100 ปีข้างหน้าคนเรามีเครื่องมือที่ทันสมัยกว่านี้ก็สามารถทำการค้นคว้าเรื่องนี้ได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งความเป็นไปได้สูงมากที่จะตรงตามที่ข้าพเจ้าคิดเอาไว้  P

บทที่ 397

วันนี้ได้เอาเรื่องนี้มาคุยกันท่านลืมว่าดาวในความหมายของความรุนแรงเค้ามีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไปตามที่เขียนมา ท่านต้องทำความเข้าใจตรงจุดนี้ให้ได้เสียก่อนที่จะทำนายอะไรออกไป

ความรุนแรงของดาว

                ระดับความรุนแรงหรือการส่งผลดีหรือร้ายของดาว และปัจจัยต่าง ๆ บนท้องฟ้าก็จะมีระดับวามรุนแรงที่ไม่เท่ากันด้วย ท่านอาจยังไม่เข้าใจความรุนแรงของดาว คือการส่งผลดี หรือร้าย เป็นหลายระดับ ระดับความรุนแรงสูงสุดคือ

1.    ดาวโดด หรือดาวเป็นดวง ๆ บนท้องฟ้า หรือในพื้นดวงนั่นเอง หรืออาจเรียกว่าดาวเคราะห์ ที่โคจรบนท้องฟ้าจะมีความรุนแรงมากที่สุด และปัจจัยเดี่ยว ๆ เช่น จุดสะท้อน โค้งสุริยาตร์ ก็จะมีความรุนแรงเป็นอันอับหนึ่ง ถ้าปัจจัยพวกนี้โคจรมาถึงจุดเจ้าชะตาไม่ว่าจะมีดาวดีหรือดาวร้ายก็จะส่งผลถึงเจ้าชะตาไปในทางของดาวนั้น ๆ ด้วย ดังนั้นเราจะถือว่าดาวเคราะห์ทั้งดีและร้ายจะให้ความรุนแรงหรือกำลังทำงานด้านดีด้านร้ายสูงเป็นระดับหนึ่งเสมอ และแน่นอนการตีความต้องให้ความสำคัญไปด้วยว่าต้องเกิดและส่งผลต่อเจ้าชะตาแน่นอน

2.  ปัจจัยที่มีความรุนแรงระดับสอง คือ ศูนย์รังสี (Hafl Sum,Midpoint)

     คือจุดกึ่งกลางดาวสองดวงบนท้องฟ้าหรือในพื้นดวง เราได้จากการเอาระยะห่างจากดาว

        สองดวงมาหาค่าจุดกึ่งกางของดาวทั้งสองดวงเราก็จะได้ ศูนย์รังสีของดาวสองดวงเช่น

        เช่นเราเอาตำแหน่งของดวงอาทิตย์พื้นดวงหารสองของตำแหน่งดาวพฤหัสพื้นดวง เราก็

        จะได้ตำแหน่งขึ้นมาหนึ่งตำแน่งบนท้องฟ้าหรือในจานของเรา ตรงนั้นเรียกว่า ศูนย์รังสี

        ของ อาทิตย์/พฤหัส ความหมายก็จะเป็นความหมายผสมกับอาทิตย์กับพฤหัส ถ้ามีดาวหรือ

        ปัจจัยใด ๆ ไปทำมุมตรงจุดนั้นก็ถือได้ว่าถึงดาวทั้งสองดวงด้วย ความรุนแรงเป็นอันดับ

        สองมาจากข้อที่หนึ่ง แต่ให้รายละเอียดมากขึ้นมาหน่อย จากดาวโดดที่ไม่ให้รายละเอียด

        อะไรแต่ให้ความรุนแรงว่าแรงทางด้านดีด้านร้าย จุดนี้จะเป็นจุดช่วยให้เราเข้าใจว่าดาวโดด

        จะส่งผลอะไรกับเจ้าชะตาในด้านไหนจากการบอกเรื่องต่างของศูนย์รังสีที่มีอยู่ใน

        โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน ข้อดีของมัน

3    ปัจจัยที่มีความรุนแรงระดับสาม คือจุดอิทธิพล หรือเรียกกันว่า sentitive point หรือ

        จุดอ่อนไหว จะมีความรุนแรงในการทำงานตำลงมาอีกจากข้อที่สอง แต่ให้รายละเอียดมาก

        เราจะเอาไว้ตัดสินหรือไว้บอกรายละเอียดมากยิ่งขึ้นว่าดาวโดยในข้อที่หนึ่งมาในด้านไหน

        แต่ความรุนแรงจะไม่มากต้องไปดูดาวโดด หรือปัจจัยโดด เช่น ดาวเคราะห์ด้านดีด้านร้าย

        โค้งดี โค้งร้าย และจุดสะท้อนของดาวเข้าช่วย ถึงจะบอกความรุ่นแรงของ จุดอิทธิพลนั้นๆ

        ได้ การหาจุดอิทธิพลนั้น เราได้จากตำแหน่ง ของบดาวในพื้นหรือ หรือดาวจรบนท้องฟ้า

        คือเอาตำแหน่งดาวดวงที่หนึ่งไปบวกกับตำแหน่งที่อยู่ของดาวดวงที่สองและไปลบกับตำ

        แหน่งของดาวดวงที่สาม บนจาน 360 องศา เราก็จะได้ตำแหน่งใหม่ขึ้นมาตำแหน่งนั้นเรียก

        ว่าจุดอิทธิพลมีความหมายของดาวสามดวงรวมกัน ถ้ามีดาวหรือปัจจัยอะไรมาทำมุมถึงก็

        ถือว่าถึงดาวทั้งสามดวงไปด้วย  และจุดอิทธิพลนี้เองคือข้อดีของยูเรเนี่ยนที่ทำให้เราทราบ

        เรื่องต่าง ๆ ได้มากมาย ถึงห้าพันเรื่อง จึงนับได้ว่าคนที่คิดนี้มีหัวหลักแหลมมากในการใช้

        ตำแหน่งดาวให้เป็นประโยชน์ซึ่งในโหราศาสตร์อื่น ๆ ไม่มีกัน ท่านวิเตอร์ ท่านเป็นคิดขึ้น

        มาและใช้กันมาเป็นร้อย ๆ ปี แล้ว ดังนั้นเวลาท่านอ่านคำแปลของดาวบนหนังสือพระ

        เคราะห์สนธิ ท่านต้องแปลมันออกมาหน่อยเพราะสำนวนต่าง ๆ บางสำนวนอาจตกสมัยไป

        บ้าง ในความคิดของข้าพเจ้าผู้สอนมีความคิดว่าจุดอิทธิพลเป็นเครื่องมือที่ดีมากมันจะบอก

        เรื่องต่าง ๆ ให้เราทราบเป็นอย่างดีและเที่ยงตรงถ้าเราเข้าใจที่จะใช้มันอย่างมีหลักการ แล้ว

        มันจะเป็นเครื่องมือที่จะทำให้ท่านทราบรายละเอียดต่าง ๆ ของเจ้าชะตาว่าจะเกิดอะไรขึ้น

        กับตัวเจ้าชะตาได้เป็นอย่างดี แต่เราจะทราบจากความรุ่นแรงมาจากดาวโดดหรือปัจจัยโดด

        มาแล้วแต่เรามาหารายละเอียดที่จุดอิทธิพลเป็นเป็นตัวขยายความหมายของดาวโดดนั้นขึ้น

        มาให้เราทราบ  เช่นดาวเสาร์จรมาทับอาทิตย์เรา เราก็อาจตีไปว่าเจ้าชะตาอาจต้องมีการลา

        จากหรือมีการพลัดพรากเกิดขึ้นหรือมีเคราะห์อะไรสักอย่าง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่อง

        อะไรกันแน่แต่ถ้าเราใช้จุดอิทธิพลยิงเข้าไปถามเราก็จะทราบว่าเจ้าดาวเสาร์ที่มานั้นมัน

        เป็นเรื่องอะไร อาจจะเป็นเรื่องของการเกินทางก็ได้ การเจ็บป่วยก็ได้ จุดจบของการตี

        ความหมายดาวที่มาถึงคือจุดอิทธิพลนั่นเอง มันจะไม่มีความรุนแรงในตัวมากนักแต่

        สามารถบอกรายละเอียดได้เป็นอย่างดี ท่านอย่ามองข้ามเด็ดขาดเพราะมันมีประโยชน์

        กับเรามากที่จะทำให้เราตัดสินใจอะไรในการทำนาย ข้าพเจ้าถือว่าจุดพวกนี้มีความแม่น

        ยำสูงมากถ้าใช้เป็น
    
   อีกประการหนึ่งถ้าท่านเรียนรู้เข้าไปลึกมากๆ ท่านก็สามารถนำเอาตำแหน่งของดาวในพื้น

        ดวงไปผสมกับตำแหน่งของดาวจรวงนอก ทำเป็นจุดอิทธิพลผสมออกมาได้เช่นกัน ก็จะ

        บอกรายละเอียดในรูปแบบหนึ่งได้เช่นเดียวกัน ไม่จำเป็นว่าจุดอิทธิพลต้องได้มาจาก
        ตำแหน่งดาวในพื้นดวง หรือดาวจร อย่างเดียวไม่ ท่านสามารถทดลองดูก็ได้ไม่ผิดอะไรมือ

        อาชีพบางท่านเค้าเล่นกันอยู่ที่ให้ผลรุนแรงดีเดียว

บทที่
398

การเกิดของคนเราก็จะวนเวียนอยู่ 12 ราศีนี่เอง ถ้าท่านมองดูชีวิติดี ก็จะเป็นไปตามกฎธรรมชาตินี้เอง

ความหมายเรื่องกำเนิดราศี

ความหมายเรื่องราศีทั้ง 12 ราศีที่มีส่วนควบคุมอิทธิพลของชีวิตของเจ้าชะตาที่จะต้อง

เป็นไปตามราศีเกิดไม่มากก็น้อย ใช้ในการพยากรณ์พื้นดวง อุปนิสัยคนเราเปรียบเทียบมาจากความเป็นธรรมชาติเป็นหลัก

ราศีเมษ                      หมายถึงการเกิดขึ้นมาในโลกนี้จากกรรมเก่า ผ่านจากราศีมีน  ถือเป็นราศีที่ 1

                                เจ้าชะตามีอาทิตย์อยู่ในราศีนี้มักมีอิทธิพล กระตือรือร้น ชอบการริเริ่ม ไม่ยอม

                                แพ้ใคร ความไม่สงบ ความร้อนรน กระวนกระวาย  ความต้องการภายในใจเป็น

                                ใหญ่ รวมไปถึงจุดเจ้าชะตาอื่น ๆ ด้วย  สิ่งที่ก่อให้เกิดโชค ความอยู่รอด

                                ควรแก่กายที่มีเครื่องแบบ อาการเกี่ยวกับปัญหาเรื่องสุขภาพ สมอง สายตา

           ที่เปรียบเทียบกับธรรมชาติในโลกนี้ในช่วงราศีเมษ เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิสิ่งมีชีวิต
           ทั้งหลายที่รอดตายมาจากหน้าหนาวก็เริ่มมีการออกมาหากินเพื่อความอยู่รอดใน
           โลกนี้เพราะในโลกซีกตะวันตกเค้าแบ่งฤดูกาลออกเป็นสี่ฤดูกาลเท่านั้น
           คือฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ล่วง ฤดูหนาว  ดังนั้นในวิชาโหราศาสตร์จะราศีเมษ
           เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตมนุษย์ในโลกนี้

ราศีพฤษภ                 เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ จะได้รับอิทธิพล เกี่ยวกับ การชอนสะสม เก็บรักษา

           เพิ่มพูน สมบัติเงินทอง ขี้เหนียว งานที่เหมาะคือเรื่องเกี่ยวกับอาหารการกิน
           การบริการชอบสะสมวัตถุ สิ่งที่ก่อให้เกิดโชคลาภ ที่นอน ดอกไม้ เงินทอง อาการเกี่ยว
           กับปัญหาทางร่างกายคือ คอ

ราศีมิถุน                    เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ จะชอบการศึกษาเล่าเรียน การคิด การพูดจาดี การ

                               คมนาคมติดต่อ การทำความรู้จักคนดี มีแนวความคิดกว้างไกล อาชีพที่เหมาะ

                               คือการพูด การเป็นครู นักขาย นักธุรกิจ ชอบความเร็ว  สิ่งที่ก่อให้เกิดโชคลาภ

                               การเดินทางท่องเที่ยว สิ่งพิมพ์ ร้านค้า ถนน ส่วนของร่างกายที่อาจมีปัญหา

                               มือ แขน ปอด เท้า

ราศีกรกฏ                   เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ จะได้รับอิทธิพล ชอบอยู่บ้าน รักบ้าน พิทักษ์รักษา

                               หวงแหน ไวต่อการรับ พึ่งพาอาศัย ขี้ส่งสาร อ่อนไหวง่าย มีจินตนาการ

                                ประหยัด อารมณ์รุนแรง สิ่งที่ก่อให้เกิดโชคลาภ บ้าน แหล่งต้นน้ำ ป่า ท่าเรือ

                                ตลาด อ่าว ทะเล ส่วนของร่างกายที่ต้องระวัง กระเพาะ เต้านม หน้าอก

ราศีสิงห์                      เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง อิสสระเสรี ชอบเอาชนะ

                                ชอบโอ่อ่า ทะเยอทะยาน มีความหวังอันสูงเกินตัว ร่ำรวยความคิด

                                สิ่งที่ก่อให้เกิดโชคลาภ วัง ส่วนของร่างกายที่ต้องระวัง หัวใจ

ราศีกันย์                     เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ เป็นคนบ่างาน รักความถูกต้อง ช่างสังเกตุ

                                พินิจพิจารณา ขวนขวาย จู้จี้จุกกิจ เจ้าระเบียบ มีแบบแผน ระวังระไว

                                ชอบแก้ไขในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ช่างวิเคราะห์ สิ่งที่ต่อให้เกิดโชคลาภ

                                ห้องทำงาน ความรู้ โรงเรียน ส่วนของร่างกายที่ต้องระวัง ประสาท ท้อง

                                ลำไส้

ราศีตุลย์                    เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ รักหมู่คณะ ชอบความสงบ การสังคมดี อ่อนโยน

                               เข้าไหนเข้าได้ ชอบอวด มีเหตุมีผล อัธยาศัยดี รักศิลปะ ไม่เด็ดขาด เสมอต้น

                               เสมอปลาย การติดต่อสัมพันธ์มีความสำคัญต่อชีวิตมาก เป็นคนมีเสน่ห์กับ

                                เพศตรงข้าม สิ่งที่ก่อให้เกิดโชคลาภ สวนสาธารณะ กระจก สิ่งสวยงาม

                                ส่วนของร่างกายที่ต้องระวัง ไต ตับ กระดูสันหลัง ผิวหนัง

ราศีพิจิก                    เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ มีการต่อสู่เพื่อความอยู่รอด ทรหด อดทน

                               การละหรือการสละ ถูกเอาเปรียบจากคนอื่นได้ง่าย การทำลายล้าง

                                กิเลส การประมาณตนสูงเกินไป ใจแข็ง เด็ดขาด สิ่งที่ก่อให้เกิดโชคลาภ

                                โรงฆ่าสัตว์ สิ่งโสโครก ท้องทดลอง ส่วนของร่างกายที่ต้องระวัง

                                อวัยวะสืบพันธ์

ราศีธนู                      เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ มีอุดมการณ์ มองการณ์ไกล คล่องแคล่ว มีปัญญา

                               โอบอ้อมอารี มีการดิ้นรนไปสู่ความรุ่งโรจน์ของชีวิต ไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ

                               ชอบการสังคม ชอบการเอาชนะปัญหา สิ่งที่ก่อให้เกิดโชคลาภ สถานที่ราชการ

                               ส่วนของร่างกายที่ต้องระวัง บั้นเอง ตับ เลือด

ราศีมังกร                  เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ ความสิ้นสุด ความแท้จริงของชีวิต เป็นคนจริงจัง
          ชอบพูดแต่อดีตที่ผ่านมาในชีวิต มีความวิตกกังวลในใจ มักมีความทุกข์ในใจ
          ขี่เหนียว คิดแต่เรื่องอดีตที่ผ่านมาสิ่งที่ก่อให้เกิดโชคลาภ 
          ป่าช้า ส่วนของร่างกายที่ต้องระวัง หัวเข่า กระดูด ม้าม

ราศีกุมภ์                  เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ การไวต่อการรับ อุดมไปด้วยแผนการต่าง ๆ

                             ช่างสังเกต วัตถุนิยม มีน้ำใจ ปรับตนเก่ง ชอบความแปลกใหม่ในชีวิต

                             แผนการมากถ้าจะทำอะไรสักอย่าง สิ่งที่ก่อให้เกิดโชคลาภ พระเครื่อง

                            ส่วนของร่างกายที่ต้องระวัง น่อง ตะคริว

ราศีมีน                   เจ้าชะตามีอาทิตย์ในราศีนี้ ไว้ต่อการรับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่นความรู้สึกไว

                            เหนือผู้อื่น วิเวกวังเวง ชอบอยู่คนเดียว เก็บตัว อยู่กับจินตนาการ สันโดษ

                            เฉื่อยชาบ้าง อุปสรรคในชีวิตมีพอสมควร ระวังเรื่องการหลงผิด 

                           สิ่งที่ต่อให้เกิดโชคลาภ กลิ่นหอม น้ำหอม โบสถ์ เรือนจำ ส่วนของร่างกายที่

                           ต้องระวัง เท้า ประสาท

บทที่ 399
 

การวัดมุมกับเรือนชะตา

การวัดมุมจะบอกรายละเอียดให้กับเรือนชะตาได้มากขึ้น หรือเป็นการขยายการทำนายได้มากขึ้นไม่อยู่กับเรือนเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจทำให้การตีความแคบไป เราสามารถเอามุมมาใช้ในเรือนชะตาได้ไม่มีข้อจำกัดในการทำนาย ผสมกันได้ สามาอ่านออกมาทั้งมุมและเรือนได้ละเอียดมากขึ้น ตรงนี้เป็นจุดเด่นที่เรานำมุมมาใช้ ทำให้เรือนมีความละเอียดมากขึ้น ยกตัวอย่าง พฤหัสอยู่ในเรือนที่ สอง แต่มีเสาร์ 45 กับพฤหัสพื้นดวงก็อาจแปลได้ว่าอาจมีการเสียเงินหรือเก็บเงินไม่อยู่ เป็นต้น เราสามารถดูในพื้นดวง และดาวจรได้ว่าช่วงนี้มีอะไรจรเข้าเรือนอะไร เราส่วนมากจะใช้เรือนลัคนาเป็นหลักเพราะเราจะดูสภาพทั่ว ๆ ไป ใกล้ตัว ซึ่งเป็นตัวปรุงแต่งตัวเราให้เป็นไปตามดาวจรหรือลัคนานั่นเอง สภาพเป็นอย่างไรจิตหรือตัวเราก็เป็นอย่างนั้น ดังนั้นเรือน as เป็นเรือนสำคัญที่จะบ่งบอกถึงสภาพการของเจ้าชะตาได้ว่าเจ้าชะตาเกิดอะไรขึ้น ณ ขณะนั้น แล้วค่อยมาดูเรือนอื่นต่อไปอีก ส่วนเรือจันทร์ อาทิตย์ ฯลฯ ก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน อ่านในทำนองเดียวกัน แต่ขอให้ดูเรือนลัคนาเป็นหลักก่อน ท่านจะได้ไม่หลงทางในการดูเรือน เพราะสภาพแวดล้อมเป็น
ตัวปรุ่งแต่จิตใจของเจ้าชะตาให้เป็นไปตามดาวจร ที่ผ่านมาในเรือนนั้น ๆ และก็ลงลึกไปดูว่าเจ้าชะตามีผลอะไรกับดาวนั้นหรือไม่บางทีก็ไม่มีอะไร เช่นเสาร์มาเรือนที่หนึ่งเจ้าชะตากลับไม่มีอะไรแต่ไปเกิดกับคนใกล้ชิดแทนก็ได้ อันนี้เป็นผลมาจากการดูให้ลึกลงไปอีกแต่อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวกับตัวเจ้าชะตาบ้างไม่มากกน้อย

                เช่นดาวพฤหัสจรเข้าเรือนที่สองเจ้าชะตาต้องมีโชคอะไรบางอย่าง แต่อาจไปเกิดกับภรรยาก็ได้ เราก็ตามไปดูเรือนจันทร์ว่ามีอะไรหรือไม่ อย่างนี้เป็นต้น สภาพแวดล้อมมาแล้ว แต่จะไปลงกับใครก็อีกเรื่องแต่เป็นเรื่องดีเจ้าชะตาก็จะมีส่วนด้วย เพราะเรือนลัคนาคือคนใกล้ชิด ก็ต้องมีส่วนแบ่งมาถึงเราไม่มากก็น้อย ส่วนกรรมนั้นแบ่งกันไม่ได้แต่บุญพอแบ่งกันได้ ยกตัวอย่างดาวเสาร์คือกรรมจากชาติที่แล้วมา เราจะเอาไปให้คนอื่นไม่ได้ แต่เราสามารถแบ่งโชคให้คนใกล้ชิดได้เช่นซื้อของให้กับคนใกล้ชิดถ้าเรามีโชคเป็นต้น ตัวอย่างนี้เป็นการยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ถ้าเรามีเงินเราก็สามารถแบ่งให้คนอื่นได้ แต่ถ้าเราไม่มีเงินเราก็ไม่สามารถแบ่งสิ่งดีๆให้ได้ เหมือนผีมาขอส่วนบุญจากคนเป็น เพราะเค้าไม่สามารถทำบุญได้ คงพอเข้าใจเรืองบุญ กรรม เป็นเรื่องจำเป็นในการทำนายดวงด้วย วิชาโหราศาสตร์มีไว้เพื่อดูกรรมบุญหรือ อาจใช่แต่จริงแล้วโหราศาสตร์เป็นการทำให้คนไม่ประมาทมากกว่า ถ้าดาวไม่ดีเข้ามาก็ควรทำตัวอย่างไรที่จะรับมือกับกรรมนั้น ๆ ได้ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญของการที่เรามาเรียนเพื่อการเอาตัวรอดจากหนักเป็นเบา แต่ทุกคนหนีกรรมไม่ได้แต่ทำให้เบาลงได้ หรือท่านจะรับเต็ม ๆ ก็ได้ จะได้หมดไป แต่บางทีมันก็หนักเกินไปที่จะรับได้ในชาตินี้เราจึงควรแบ่งไปรับชาติหน้าบ้างก็ดี เพราะเราอยู่กับปัจจุบัน จงทำปัจจุบันให้ดีทีสุดทำตัวให้พ้นภัยทั้งหลาย เหมือนกับตอนนี้มีหวัดระบาดเราจะเอาตัวเข้าไปเสียงหรือ เราก็หาที่ปลอดภัยไม่ดีกว่าหรือ อันนี้เป็นการยกตัวอย่างจากหนักเป็นเบาหรือไม่เป็นเลยก็ได้ถ้ารู้จักป้องกันตัวเองจากกรรมที่เราทำมา แต่มันต้องเกิดแต่ให้มันเกิดตอนที่เราพร้อมที่จะรับได้ไม่ดีกว่าหรือ จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด

บทที่ 400

วันนี้จะมาคุยเรื่องดาวรุ่งอรุนกับสนธยาว่ามีความหมายอย่างไรไว้ในการทำงานไม่ทราบว่าคุยไปหรือยังถ้าคุยไปแล้วก็ถือว่าเป็นการทบทวนกัน
 

ดาวอรุณ คือดาวที่สถิต หลัง อาทิตย์  (โดยดูจากการโคจรคือดูไปทางซ้ายเสมอ เพราะดาวเดินทวนเข็มนาฬิกาเสมอ
นอกจากราหูเท่านั้น
)
ดาวสนธยา คือดาวที่อยู่หน้า อาทิตย์

พุธอรุณ ประสิทธิภาพในทางความคิด จะมากขึ้นตามอายุ

พุธ สนธยา ชอบการเสนอแนะ หรือสอนง่าย

เกี่ยวกับทางด้าน ความคิด พุธ พักร์ วัตถุนิยม ปกติ อุดมการณ์

ศุกร์อรุณ รักสวนรักงาม ศิลปะ ศุกร์สนธยามัก เกรงใจผู้อื่น

ดาวสันโดษ ก็ให้ความหมายที่รุนแรงต่อเจ้าชะตามักอยู่ทางด้านขวามือของจานเสมอ เพราะด้านซ้ายมีดาวทิพย์อยู่เลยไม่สามารถเป็นดาวสันสันโดษได้ ระยะที่จะสันโดษมักอยู่ห่างจากดาวอื่นประมาณสามราศีขึ้นไป

พฤหัส สันโดษ เป็นคนที่มีโชคประสบความสำเร็จ

เสาร์ สันโดษ จน หนี้สิน คนใช้ หรือมีความวิตกกังกลในชีวิต

จันทร์ สันโดษ อยากดัง ไม่อยู่นิ่ง

ศุกร์ สันโดษ มีโชคในเรื่องของความรัก

อังคาร สันโดษ ในด้านดี มีสัญชาติญาณในการอาสา ถ้าเป็นด้านร้าย กระด้างกระเดื่อง

มฤตยู สันโดษ นักประพันธ์ที่ปากกล้า ชีวิตมักเป็นคนที่ประสพความสำเร็จ

เนปจูน สันโดษ หลอกลวง  คลุมเครือ

พลูโต สันโดษ มีโชตชะตาเกี่ยวข้องกับความเป็นกลุ่มก้อน

บทที่ 401

วันนี้จะมาคุยเรื่องธาตุแต่ในด้านการแพทย์นะ เอาไว้ใช้ในการทำนายโรคภัยต่าง ๆ ตามดาวได้ เช่นเป็นคนธาตุดินมีดาวร้ายอยู่ก็มักจะมีปัญหาไปในทางธาตุนั้นเป็นส่วนมาก

เรื่องธาตุทั้ง 4 นั้น มันเป็นเรื่อง จะเล่าให้ฟังค่ะ

ตามหลักการแพทย์แผนไทย กล่าวว่าสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาล้วนประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งจะสบายดีก็ต้องอยู่ในภาวะสมดุล ซึ่งแต่ละคนที่เกิดมาจะมีส่วนผสมของธาตุที่แตกต่างกัน ตามธาตุของพ่อ แม่ ธาตุของสถานที่เกิด ซึ่งติดตัวมาตั้งแต่เกิด ธาตุหลักของแต่ละคน เราเรียกว่า “ธาตุเจ้าเรือน” ไม่เหมือนธาตุที่นักพยากรณ์หมายถึงทั้งหมด

ทีนี้ ธาตุทั้ง 4 มีอะไรบ้าง

ธาตุดิน มีทั้งหมด 20 ประการ คืออวัยวะทั้งหลาย อาหาร และของเสียที่เป็นชิ้นเป็นอัน ตั้งแต่ ผม ขน เล็บ ฟัน ตับ ไต ไส้ หัวใจ อาหารใหม่(คืออาหารที่กินเข้าไป) อาหารเก่า (อึ) ก็เป็นธาตุดินค่ะ

ธาตุน้ำ มีทั้งหมด 12 ประการ คือ สิ่งที่หล่อเลี้ยงหล่อลื่น และของเสียที่เป็นน้ำ เช่น เลือด น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำตา เหงื่อ ปัสสาวะ

ที่บอกว่าเกิดมาครบ 32 ไหม คือ 32 นี้ค่ะ ดิน 20 น้ำ 12

ธาตุไฟ มีทั้งหมด 4 ประการ เป็นสิ่งที่เป็นพลังงาน ได้แก่ ไฟอบอุ่นร่างกายให้อบอุ่นปกติ ไฟที่ทำให้ร้อนระส่ำระสาย ไฟย่อยอาหาร และไฟที่เผาให้แก่

ธาตุลม มีทั้งหมด 6 ประการ ลมคือสิ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหว อวัยวะเคลื่อนไหว เช่นลมพัดในอก พัดในท้อง พัดในลำไส้ ลมที่พัดให้โลหิตหมุนเวียน ลมหายใจเข้าออก เป็นต้น

ตามหลักการแพทย์แผนไทย ใครมีธาตุอะไรเป็น “ธาตุเจ้าเรือนหลัก” รูปร่างอารมณ์ จะบ่งบอก ยกเว้นเมื่อเกิดมาแล้วย้ายที่อยู่และเปลี่ยนนิสัยการเป็นอยู่ รูปร่างอารมณ์ก็จะเปลี่ยนไปได้ อีกอย่างแต่ละคนไม่ได้มีธาตุเดียว จะต้องมี่ธาตุอื่นประกอบด้วยเราเรียกว่า “ธาตุเจ้าเรือนรอง”

คนที่มี

ธาตุดินเป็นธาตุเจ้าเรือน จะสูงใหญ่ ผิวค่อนข้างดำ ผมดกดำ เสียงดัง ข้อกระดูกแข็งแรง กระดูกใหญ่ ล่ำสันแข็งแรง

ธาตุน้ำเป็นธาตุเจ้าเรือน จะสมบูรณ์ อวัยวะสมบูรณ์ ผิวพรรณสดใส เต่งตึง เดินมั่งคง ทนหิว ทนร้อน ทนหนาวได้ดี

ธาตุลมเป็นธาตุเจ้าเรือน รูปร่างโปร่ง ผอม ผมบาง ผิวหนังหยาบแห้ง ขี้อิจฉา ขี้ขลาด ทนหนาวไม่ค่อยได้

ธาตุไฟเป็นธาตุเจ้าเรือน มักขี้ร้อน ทนร้อนไม่ค่อยได้ ผมหงอกเร็ว หนังย่น ข้อกระดูกหลวม ไม่ค่อยอดทน

แต่อย่างที่บอก ส่วนใหญ่จะมีส่วนของธาตุอื่นผสมอยู่ด้วย การจะรู้ว่าใครมีธาตุเจ้าเรือนอะไร สามารถคำนวณได้จากวันเดือนปีเกิด ซึ่งเรามี “วงกลม” สำเร็จรูปใช้ในการคำนวณ

เมื่อเรารู้ว่าใครมีธาตุเจ้าเรือนหลัก ธาตุเจ้าเรือนรองอะไร เราจะสามารถรู้จุดอ่อนของสุขภาพที่ควรระวังด้วย แต่หลักการง่ายๆ ที่บอกกันคือ

อาหารประจำ

ธาตุดิน คือ รส ฝาด หวาน มัน เค็ม เช่น ฟักทอง เผือก ถั่ว เงาะ น้ำส้ม น้ำอ้อย เกลือ ฯลฯ

ธาตุน้ำ คือ เปรี้ยว ขม เมาเบื่อ เช่น มะกรูด มะนาว ส้ม สับปะรด มะเขือเทศ มะระ สะเดา ฯลฯ

ธาตุลม คือ สุขุม เผ็ดร้อน เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย พริกไทย โหระพา กระเพรา ฯลฯ

ธาตุไฟ คือ จืด เย็น เช่น ผักบุ้ง ตำลึง แตงโม บัวบก ขี้เหล็ก ฯลฯ

ทำไมธาตุดิน ต้องฝาด หวาน มัน เค็ม

รสฝาด สมาน แก้เรื่องแผล (ที่เกิดกับธาตุดิน) แก้ท้องเสีย ธาตุไม่ปกติ (อาหารเก่า อาหารใหม่) เป็นต้น

รสหวาน ซึมซาบไปตามเนื้อ ทำให้เนื้อหนังบริบูรณ์ เป็นต้น

รสมัน แก้เส้นเอ็น บำรุงเส้นเอ็น บำรุงไขข้อ

รสเค็ม แก้โรคผิวหนัง รักษาเนื้อไม่ให้เน่า

พอรู้อย่างนี้แล้ว คนธาตุดินมักมีปัญหากับเรื่องเหล่านี้ จึงใช้รสเหล่านี้แก้ไข ไม่ใช่จะให้กินแต่อาหารรสนี้นะคะ ถ้าคนธาตุดินเกิดท้องผูก กินรสฝาดได้มั้ยคะ ม่ายได้ เพราะฝาดแก้ท้องเสีย กินตอนนั้นก็ยิ่งผูกซิคะ ฉะนั้นต้องพิจารณาด้วย

ทำไมธาตุน้ำ ต้อง เปรี้ยว ขม เมาเบื่อ

เปรี้ยว แก้เสมหะ ฟอกโลหิต ระบายอุจจาระ

ขม บำรุงโลหิต แก้ร้อนในกระหายน้ำ

เมาเบื่อ แก้พิษเสมหะ พิษไข้ น้ำดีพิการ

ทำไมธาตุลม ต้อง สุขุม เผ็ดร้อน

สุขุม เผ็ดร้อน แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้อ ขับผายลม เป็นต้น

ทำไมธาตุไฟ ต้อง จืด เย็น

จืด เย็น แก้เสมหะ ขับปัสสาวะ แก้ร้อนในกระหายน้ำ เป็นต้น

คนเราจะธาตุอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าธาตุอื่นของเรา มีปัญหา เราก็ต้องใช้ยา หรืออาหาร รักษาตามธาตุนั้นๆ ค่ะ

แปลว่า คนเราสามารถ รักษาสุขภาพ ตามธาตุเจ้าเรือนหลัก หลักของเรา อีกประการหนึ่ง ธาตุ (จุดอ่อนของสุขภาพ) ของเราก็เป็นเพียงหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เกิดโรค ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย ได้แก่ อายุ เราจะป่วยตามอายุ เด็กป่วยอย่าง แก่ก็ป่วยไปอีกอย่าง ฤดู ฤดูร้อนป่วยอย่าง ฤดูฝน หนาว ก็ป่วยอีกอย่าง ป่วยตาม กาลเวลา ตอนเช้ามีอาการอย่างหนึ่ง กลางวัน หรือเย็น ก็มีอาการอีกอย่าง และปัจจัยสุดท้ายที่สำคัญคือ พฤติกรรม  กินมากไป กินน้อยไป กินไม่เป็นเวลา นั่งนาน ยืนนาน กลั้นอึกลั้นฉี่ ทำงานไม่พักผ่อน โมโหง่าย เครียด พวกนี้ก็เป็นพฤติกรรมก่อโรคค่ะ

เฮ้อ เขียนมาตั้งนานตอบคำถามมั้ยเนี่ย

ธาตุที่เป็นจุดอ่อนของสุขภาพ (รู้จากการคำนวณ)

ธาตุไฟ        -ปวดท้อง ตับอักเสบ ตัวเหลืองตาเหลือง ถุงน้ำดีอักเสบ

                    -จุกเสียด แน่น เฟ้อ อาหารไม่ย่อย ดีซ่าน

                    -เป็นไข้ ตัวร้อน เป็นหวัด ร้อนใน เจ็บคอ ภูมิแพ้ ไซนัส

ธาตุลม       -การเต้นของหัวใจ ความหวั่นไหว วิตกกังวล

                  -ภาวะหัวใจขาดเลือด เส้นเลือดฝอยตีบตัน

                 -การเจ็บ ปวดหลัง การขัด การกระตุก ความดันโลหิต

ธาตุน้ำ    -ไข้หวัด ไอ มีเสมหะ ไซนัสอักเสบ

              -หอบหืด หลอดลมอักเสบ ปอดบวม โรคกระเพาะ

              -ท้องผูก ท้องเฟ้อ บิด มูกเลือด ริดสีดวงทวาร ปัสสาวะผิดปกติ

ส่วนธาตุดินนั้นเป็นที่ตั้งแห่งกองธาตุ กองโรคทั้งปวง ถ้าธาตุไฟ ธาตุน้ำ ธาตุลม มีปัญหามากๆ อาการจะปรากฏที่ธาตุดิน เช่น ตับแข็ง ไตพิการ แม้กระทั่งอึ เราจึงพบว่าเมื่อมีสิ่งที่ตรวจพบบนร่างกายมักจะรักษายากแล้ว การกินอาหารให้ถูกกับธาตุ และให้ถูกกับโรคเป็นสิ่งสำคัญมาก

 

บทที่ 402
 

กาลชะตาลรายสามวัน

                กาลชะตารายสามวัน เป็นการดูเหตุการณ์สำคัญที่เราคาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่โดยใช้หลักดวงจันทร์ย้ายราศีทุก ๆ สามวันกว่า ๆ มาช่วยในการบีบวันจากกาลชะตาอาทิตย์ย้ายราศีทุก 30 วัน ลงมา ว่าจะเกิดขึ้นในเดือนไหนภายในสามสิบวันระหว่างดวงอาทิตย์โคจรระหว่างราศี มันจะต้องมีวันหนึ่งซึ่งเป็นวันสำคัญที่จะเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นกับตัวเราหรือคนที่มาดูกับเรา แต่ถ้าเราได้สามวันแล้ว ข้าพเจ้าแนะนำว่าใหม่ ๆ ให้รู้เพียงว่าเรื่องหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ มันจะเกิดในช่วงสามกันก่อนก็เพียงพอแล้ว อย่างพึ่งไปบีบลงวันเพราะความชำนาญของเรายังไม่แม่นยำพออาจผิดพลาดได้ เราก็อาจบอกว่าภายในสามวันไปก่อนก็เพียงพอแล้วที่เจ้าชะตาต้องระวังหรือรอรับข่าวสารที่ตั้งใจไว้ การดูกาลชะตารายสามวันนี้ เราก็สามารถใช้เดี่ยว ๆ ก็ได้ ไม่ต้องไปดูอาทิตย์ย้ายราศีก่อน แต่ก็มีโอกาสผิดพลาดได้เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก อยากให้ผู้สนใจทดสอบดูไปก่อนจนกว่าจะหาทางพบท่านก็สามารถใช้กาลชะตารายสามวันไปก็ได้
        หลักการทำนายกาลชะตารายสามวันนี้เราเริ่มด้วยการที่เราต้องหมุนดวงจันทร์ ไปที่เส้นแบ่งราศีของแต่ละราศีที่เราต้องการทราบของช่วงวันหรือก่อนวันที่เราต้องการทราบ หรือหมุนล่วงหน้าไปยังตำแหน่งล่วงหน้าไว้ก่อน แล้วเราก็อ่านดาวจรวงนอกไปก่อนว่าช่วงจันทร์เริ่มย้ายราศีนี้มีดาวดีดาวร้ายอะไรเข้าพื้นดวงเราบ้าง ก่อน แล้วค่อยไปตั้งจุดอิทธิพลและศูนย์รังสีเข้าไปสามอีกครั้ง พอได้ว่าช่วงจันทร์ย้ายราศีช่วงนี้ไม่ค่อยดีเราก็ไม่ควรทำอะไร เราก็อาจหาต่อไปว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับเราภายในสามวันกว่า นี้ซึ่งเป็นช่วงจันทร์โคจรจากเส้นแบ่งราศีหนึ่งไปยังเส้นแบ่งราศีหนึ่งระหว่างนี้มันจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น ถ้าเป็นเรื่องดี ๆ ก็ไม่ต้องไปกังวลมัน เราจะใช้ในการเช็ครายสามวันสำหรับเรื่องการเดินทางไกล ว่าปลอดภัยหรือไม่ จะดีกว่าเช็คเป็นรายวัน เพราะแน่นอนกว่า และช่วงที่เราจะทำงานใหญ่ ๆ หรือเข้าหาผู้ใหญ่หรือติดต่อเรื่องการงานว่าช่วงสามวันนี้บนฟ้าแจ่มใสดีหรือไม่ ถ้าดีแล้วค่อยเลือกวันทำการกันต่อไป กาลชะตารายสามวันเป็นการดูคุมเรื่องต่าง ๆ ไว้ก่อน ก่อนที่เราจะดูกาลชะตารายวันอีกที เพื่อป้องกันการผิดพลาด หรือนำมาใช้ถามเรื่องการเจ็บป่วยว่าคนที่เจ็บป่วยจะไปวันไหนเราก็ใช้รายสามวันเช็คก็เป็นการเพียงพอแล้วอย่าไปใช้รายวัน เพราะโอกาสไม่ตรงจะมีมากเราให้โอกาสเจ้าชะตาเค้าสามวันให้ระวังไว้เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว แต่เราอาจดูแล้วรู้ในใจก็ได้แต่ไม่ควรบอกกับผู้มาถามเพราะจะทำให้ญาติพี่น้องหรือคนที่มาถามไม่สบายใจมากขึ้นควรปล่อยให้เค้าทำใจบ้าง ไม่ควรบอกวันขอแนะนำไว้ การบอกวันตายไม่ควรบอกใครมากนักเพราะผิดกฎบนฟ้าด้วยเหมือนกันถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ และอีกเรื่องหนึ่งที่กาลชะตาไม่ควรนำไปใช้คือเรืองเกี่ยวกับหวยหรือการซื้อหวยการพนันเราก็ไม่ควรนำไปใช้เพราะผิดกฎฟ้าเราให้เวลาดีเค้าไปเจ้าชะตาอาจถูกขึ้นมาจริง ๆ เราก็ผิดด้วยเหมือนกันเพราะไปบอกเวลาที่ฟ้าเปิดเอาทองจากฟ้าไป แต่ในที่สุดฟ้าก็ต้องเอาคืนไปอย่างแน่นอน เราควรนำไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์จะดีกว่า

บทที่ 403
 

การดูเรือนที่ 5 เกี่ยวกับบุตรว่าเป็นอย่างไรโดยอาศัยดาวประกอบ
การดูเรื่องเกี่ยวกับบุตร

1.   อาพอลลอน ( AP )  อยู่ในเรือนที่ มีบุตรหลายคน ชอบเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์

2.   แอตเมตอส ( AD )  อยู่ในเรือนที่ 5 บุตรหลานทำความเสียหามายังท่าน

3.   วัลคานุส    ( VU )  อยู่ในเรือนที่ 5 บุตรเรียนอะไรก็จะประสบความสำเร็จ

4.   โพไซดอน  ( PO )  อยู่ในเรือนที่ 5 บุตรเป็นคนที่อุดมไปด้วยปัญญา มีความรู้ทางด้านการบันเทิง อิเลคโทรนิค

5.   โครโนศ    ( KR ) อยู่ในเรือนที่ บุตรรักความเป็นความเป็นอิสระเสรี มีความฉลาด การ ศึกษาดี

6.   เซอุส       ( ZE )  อยู่ในเรือนที่ 5   บุตรจะแข็งแรงมาแต่กำเนิด

7.   ฮาเดส      ( HA )  อยู่ในเรือนที่ 5   บุตรสร้างความผิดหวังให้ท่าน แท้งบุตร การรีดลูก

8.   คิวปิโด     ( CU )  อยู่ในเรือนที่ 5   บุตรมีความชอบด้านงานศิลป ชอบงานพูด

9.   พลูโต      ( PL )   อยู่ในเรือนที่ 5   มักจะมีบุตรฝาแฝด

10. เนปจูน     ( NE )   อยู่ในเรือนที่ 5   การพึ่งบุตรตนเองไม่ได้ การอ่อนแอ การลึกลับ

         ของบุตรที่เกิดมา

11. มฤตยู      ( UR )   อยู่ในเรือนที่ บุตรชอบศึกษาวิชาเท็คนิค เครื่องกล

12. เสาร์       ( SA )    อยู่ในเรือนที่ มีการพลัดพรากจากบุตรธิดา มีทุกข์เรื่องบุตร

13. พฤหัส     ( JU )    อยู่ในเรือนที่ บุตรชอบเป็นครู การเรียนการสอน

14. อังคาร     ( MA)   อยู่ในเรือนที่ บุตรชอบงานที่ต้องออกแรง กีฬา ทหาร

15. ศุกร์       ( VE )    อยู่ในเรือนที่ บุตรชอบงานด้าน ดนตรี ศิลปะ ความสวยงาม

16. พุธ           ( ME )   อยู่ในเรือนที่ บุตรชอบเป็นครู อาจารย์ งานทางด้านการแสดง

17. จันทร์     ( MO )   อยู่ในเรือนที่ บุตรจะเป็นหญิงมากกว่าชาย ชอบงานด้านบันเทิง

18. อาทิตย์    ( SU )   อยู่ในเรือนที่ 5   บุตรส่วนมากเป็นเพศชาย ชอบกีฬา การแสดงออกทุกประเภท

จุดอิทธิพล

                บุตรหญิง   MA+JU-MO , MA+JU-VE  , UR + ZE - VE

                บุตรชาย    MA+JU- AS  , MA+JU-MA , MA+JU-PO  , UR+ZE-MA

                ไม่มีบุตร    SU+MO -ZE , MA+JU-ZE  , MA+SA-PO  , AS+ZE-ME

                แท้งบุตร    SU+ZE-HA  , MA+JU-NE

                การทำแท้ง  MA+JU-HA

                โสดถาวร   AR+CU-AD , NE+CU-AS , PL+HA-CU , SA+PL-CU=NE

                จุดแต่งงานใหม่  SA+PL-CU = JU

บทที่ 403
 

ราศีตรีโกณ

ราศีตรีโกณ เรียกว่า States โหราศาสตร์เรียกชื่อสภาวะ ทั้ง 4 ของสะสารว่า ไฟ ดิน ลม  น้ำ และนำเอาสภาวะ ทั้ง 4 นี้มาแจกลงในจักรราศี สภาวะละ 3 ราศี คือ
                ไฟ ได้แก่ ราศี เมษ สิงห์ ธนู อันเป็นตรีโกณแก่กัน
                ดิน ได้แก่ ราศี พฤษภ กันย์ มังกร อันเป็นตรีโกณแก่กัน

                ลม ได้แก่ มิถุน ตุลย์ กุมภ์ อันเป็นตรีโกณแก่กัน
                น้ำ ได้แก่ ราศีกรกฏ พิจิก มีน อันเป็นตรีโกณแก่กัน

โดยมีความมุ่งหมายสำหรับประกอบโครงสร้างของ ชนิดและวิญญาณของแต่ละบุคคล เพื่อหาสูตรความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ จากการค้นคว้าได้ผลดีมาก โดยเฉพาะสำหรับโหราศาสตร์แนวจิตวิทยา หรือโลกจิตศาสตร์ โดยการนำเอามาใช้สำหรับวินิจฉัยจิตใจและรูปร่าง ของเจ้าชะตาให้ความแม่นยำ ในการพยากรณ์อย่างน่าพอใจยิ่ง อย่างไรก็ตามเรื่องระบบธาตุนี้ปรากฏว่าได้มีการแยกแยะออกมากมาย ต่อไปเราจะมาดูความหมายเรื่องราศีตรีโกณกันมีดังนี้
                ตรีโกณธาตุไฟ จะมีคุณสมบัติ ฉลาด โอ่อ่า ผู้ดี และเชื้อเจ้า เมษ สิงห์ ธนู
                ตรีโกณธาตุดิน มีคุณสมบัติ รอบคอบ ต่ำต้อย  และเจียมตัว พฤษภ กันย์ มังกร

                ตรีโกณธาตุลม มีคุณสมบัติ เมตตา กรุณา เข้ากับผู้อื่นได้ดี สุภาพ มิถุน ตุลย์ กุมภ์
                ตรีโกรณธาตุน้ำ มีคุณสมบัติ เยือกเย็น ช่างคิด ขี้ขลาด และขี้กังวล

เราได้เพิ่มความหมายของส่วนนี้เข้ามาอีกจากเมื่อ 200 ปีก่อนมาเป็นปัจจุบัน

ไฟ ในด้านให้คุณ ผู้นำ อำนวยการ เอกกาธิปัตย์ มีชีวิตชีวา ว่องไว รู้ฉลาด
       ในดารให้โทษ ชอบกดขี่ข่มแหง ทำลาย ขัดแย้ง ตึงตัง โครมคราม กำแหง
ดิน ในด้านคุณ มั่นคง มีสติ อุสตสาหะ จริงจัง สงบเสงี่ยม เห็นการณ์ไกล
       ในด้นโทษ ดื้อ ว่ายาก ไม่เอาไหน คิดเล็กคิดน้อย

ลม ในด้านให้คุณ ชอบเรียนรู้ รวดเร็ว วิเคราะห์ มีความสามารถในการปรับตนให้เข้ากับเหตุการณ์
       ในด้านโทษ ไม่แน่นอน   ถูกปั่นหัวง่าย
น้ำ  ในด้านให้คุณ ช่างคิดช่างฝัน ลึกซึ้ง มีความรู้สึกไว

       ในด้านโทษ คิดมาก เจ้าน้ำตา
ธาตุ การนำไปใช้จำเป็นจะต้องพิจารณาเรื่ออื่นๆ ประกอบด้วยกล่าวคือจรราศี
(เมษ กรกฏ ตุลย์ มังกร) จะเป็นเหตุแม่ ธาตุในราศีเหล่านี้มีความรุนแรงที่สุด ส่วนในราศี (พฤษภ สิงห์ พิจิก กุมภ์)และอภัยราศี คือ มิถุน กันย์ ธนู มีน มีความแรงของธาตุอ่อนลงไปตามลำดับ เมื่อนำไป จะย้อนคุณสมบัติดาว จึงต้องพิเคราะห์ดูให้เหมาะสมกับความลดหลั่นของธาตุนั้น ๆ ด้วย

ในดวงชะตา หาตรีโกณธาตุในมีดาวพระเคราะห์สถิตอยู่ธาตุประจำราศีหรือตรีโกณ นั้นๆ จะยอมให้คุณสมบัติของดาวพระเคราะห์ตามความหมายที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะ ลัคนา อาทิตย์ จันทร์หรือกลุ่มดาวอื่น หากสถิตอยู่ในตรีโกณธาตุใด เจ้าชะตาจะมีบุคคลคลิกภายไม่ทางใดก็ทางหนึ่งตามลักษณะของตรีโกณธาตุนั้น  เช่น ธาตุน้ำในด้านโทษก็เป็นคนเจ้าน้ำตา เป็นต้น

บทที่ 404
 

อิทธิพลของ เพศ ธาตุ ของจักรราศี

                นักพยากรณ์จะต้องเจ้าใจว่า คุณลักษณะทั่ว 2 ประการ คือ เพศ ธาตุ จะไม่ขึ้นอยู่กับดาวพระเคราะห์ แต่ประการใดทั้งนั้น เพราะเหตุนี้ อิทธิพลของจักรราศี ทางด้าน เพศ ธาตุ จึงคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีดาวพระเคราะห์สถิตอยู่ก็ตาม ตัวอย่าง เช่น ราศีเพศชาย ย่อมีคุณสมบัติเป็นเพศชายในทุกกรณีไป คือ เน้นหนักไปทางด้านของความปรารถนาและปัญญารู้สำนึกหรือมีสติ เชิงรุก และราศีเพศหญิงก็ย่อมจะต้องมีคุณสมบัติเพศหญิงในทุกกรณีเช่นเดียวกันคือเน้นหนักไปทางด้านจิตใจและแรงผลักดัน ความทะยานอยาก ไร้สำนึกหรือไร้สติ เชิงรับ ดังนี้โดยไม่ต้องคำนึงถึง การมีกำลัง เกษตร อุจจราจร หรือไม่มีกำลัง ประ นิจ ของดาวพระเคราะห์ที่เป็นเกษตรประจำราศีนั้น ๆ แต่ประการใดทั้งสิ้นด้วย เรื่องธาตุ ก็ให้ถือปฏิบัติโดยนัยเดียวกัน

- เพศ จะเป็นผู้ปรุงแต่ง พื้นฐานของลักษณะเฉพาะของดาวพระเคราะห์ดวงนั้น

                                เพศมี ชาย หญิง

                                ดาวพระเคราะห์ มีคุณสมบัติเป็น เพศ ชาย

                                จักรราศี มีคุณสมบัติเป็น เพศ หญิง

- ธาตุ จะเป็นผู้ปรุงแต่ง พื้นฐานของแนวทางการแสดงอิทธิพลของดาวพระเคราะห์นั้น หรือปรุงแต่ง

                                ธาตุ มี ไพ ดิน ลม น้ำ

              อารมณ์ อันได้แก่  ฉุนเฉียว เฉื่อยชา เหี่ยวแห้ง ร่าเริง  อันเกิดขึ้น จากอิทธิพลของดาวพระเคราะห์นั้น

ตำแหน่งดาวเกษตรที่ควรทราบไว้  

     ดาวเกษตรคือการที่เราทำการจับเอาลักษณะและความหมายของดาวที่มีลักษณะคล้ายราศีมาอยู่ด้วยเพื่อไว้ใช้ในการพยากรณ์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งถ้าท่านเล่นเชิงมุมเราก็จะใช้น้อยลงไปหรือไม่ได้ใช้เลย แต่ถ้าท่านเล่นเรื่องเรือนชะตามพอใช้อยู่บ้านแต่อย่าไปให้ความสำคัญมากนักจะทำให้ท่านสับสนไปเอง    
               อาทิตย์     เป็นเกษตรใน        
ราศีสิงห์

                จันทร์      เป็นเกษตรใน         ราศีกรกฏ

                พุธ           เป็นเกษตรใน         มิถุน และ กันย์

                ศุกร์         เป็นเกษตรใน         พฤษภ และ ตุลา

                อังคาร      เป็นเกษตรใน         เมษ และ วิจิกิจฉา

                พฤหัส     เป็นเกษตรใน         ธนู และ มีน

                เสาร์        เป็นเกษตรใน         มังกร และ กุมภ์

                มฤตยู      เป็นเกษตรใน         กุมภ์ และ มังกร

                เนปจูน    เป็นเกษตรใน         มีน และ ธนู

                พลูโต      เป็นเกษตรใน         วิจิกิจฉา
บทที่ 405
 

ขั้นต่อไปเป็นการตรวจพื้นดวงด้วยราศีและเรือนชะตา

1. ตรวจจุดเจ้าชะตาในราศีต่าง ๆ จะบ่งบอกถึง สันดาน หรือ กรรมเก่า ของเจ้าชะตา ให้ตรวจตำแหน่งอาทิตย์ จันทร์ เมอริเดียน ลัคนา ราหู ว่าอยู่ในราศีอะไรก็ให้อ่านความหมายตามราศีนั้น ๆ

และแปลตามจุดเจ้าชะตาเช่นอาทิตย์ จะบ่งบอกถึงเจ้าชะตาเป็นคนราศีอะไร มีนิสัย สันดานดิบเป็นอย่างไร ตรวจจันทร์ จะบ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ตรวจเมอริเดียน จะบ่งบอกถึงจิตวิญญาณของเจ้าชะตาจิตใต้สำนึกว่าเป็นคนอย่างไร ตรวจลัคนา ให้ตรวจสภาพแวดล้อมว่าเป็นคนอย่างไร ตรวจราหูจะบ่งบอกถึงบุคคลใกล้ชิดเป็นอย่างไร

2. ตรวจเรือนชะตา เรือนชะตาจะบ่งบอกถึง ความเป็นอยู่ ซึ่งมีผลมาจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ของเจ้าชะตา ว่ามีดาวอะไรอยู่ในเรือนอะไร เราจะใช้เรือน เมอริเดียน  อาทิตย์ จันทร์ ลัคนา ราหู เป็นหลัก ส่วนรายละเอียดให้อ่านจากเอกสารประกอบถึงเรือนชะตาต่าง ๆ

เรือนชะตาเมอริเดียน บ่งบอกถึงจิตวิญญาณ จิตใต้สำนึก และไร้สึกนึก  และหมุนเรือน

9 กับ 10 ไว้ที่ตำแหน่ง เมอริเดียนพื้นดวง และอ่านว่ามีดาวอยู่ในเรือนอะไรบ้าง ส่วนมากจะดู เรือนที่ 1 4 7 10 เป็นหลัก ว่ามีดาวดีหรือดาวร้ายสถิตอยู่ ก็จะบ่งบอกถึงเจ้าชะตาเป็นคนอย่างไร ก่อนที่จะตรวจเรือนชะตาเมอริเดียนควรจะมีการปรับเมอริเดียนให้แน่นอนเสียก่อน

เรือนชะตาอาทิตย์ บ่งบอกถึงตัวของเจ้าชะตา ร่างกาย  และหมุนเรือน 3-4 ไว้ที่ ตำแหน่งอาทิตย์พื้นดวงและอ่านดาวในเรือนชะตาต่าง ๆ สามารถใช้ดูพื้นดวงและการพยากรณ์จรได้ และเรือนชะตาอาทิตย์ไว้ดูเรื่องเกี่ยวกับสามี และพ่อ ของเจ้าชะตาหญิง รวมถึงบุคคลเพศชายร่วมสายโลหิต

เรือนชะตาจันทร์ บ่งบอกถึงเรื่องอารมณ์ของความรู้สึกนิสัยของเจ้าชะตา โดย หมุนเรือน 9 – 10 ไว้ที่ตำแหน่งจันทร์ ในพื้นดวง และอ่านดาวในเรือนชะตาจันทร์ เรือนจันทร์จะบ่งบอกถึงภรรยา

และแม่ หรือสตรี ของบุคคลเพศชาย

เรือนชะตาลัคนา บ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมของเจ้าชะตาเป็นอย่างไร และตั้งเรือน 1-12 ไว้ที่ ลัคนาพื้นดวง และอ่านดาวในเรือนชะตาลัคนาจะบ่งบอกเรื่องต่างเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของเจ้าชะตา แต่ควรจะปรับลัคนาแล้วถึงจะใช้ดูได้

เรือนชะตาราหู บ่งบอกถึงบุคคลใกล้ชิดของเจ้าชะตา ว่าเป็นคนอย่างไร  และตั้งเรือน 1-12 ไว้ที่ ราหูพื้นดวงและอ่านดาวในเรือน

เราสามารถอ่านดาวในราศีพร้อมๆ กับดาวอยู่ในเรือนชะตาไปในเวลาเดียวกันได้ แต่ต้องฝึกให้มีความชำนาญก่อนที่จะอ่าน อนึ่งจุดเจ้าชะตาอยู่ในราศีอะไรก็จะบ่งบอกถึงโรคประจำตัวของเขาด้วย

และดาวร้ายในราศีต่างๆ ด้วย ให้หาเอกสารเกี่ยวกับโรคภัยต่าง ๆ ตามราศีเพื่ออ่านประกอบ

บทที่ 406
 

โหราศาสตร์ใช้ในการพิจารณาดวงของสิ่งมีชีวิต เหตุการณ์ สิ่งของและสิ่งอื่นได้

ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์คือ พุธ / จันทร์
 

PRIVATEเรือนที่ 1

ตัวถัง ประตู ที่นั่งคนขับ กันชนหน้า ตะแกรงลมส่วนหน้า แตร ระบบจุดระเบิด สตาร์ตเตอร์ คันเร่ง

เรือนที่ 2

แผงมิเตอร์หน้าคนขับ ที่นั่ง เครื่องประกอบ เครื่องประกอบที่มีค่า

เรือนที่ 3

รอยต่อทั่วไป การเชื่อมต่อระหว่างส่วนต่างๆ พัดลม กันกระแทก ปั้มน้ำมัน ท่อน้ำมัน รอยท่อ เครื่องเตือนภัย วิทยุ เครื่องเสียง ระบบพวงมาลัย ระบบถ่ายนเทอากาศ น้อตล้อ ไฟเลี้ยว ขอบล้อ

เรือนที่ 4

ทางเดินเชื้อเพลิง ห้องโดยสารในรถ ที่นั่งผู้โดยสาร เข็มขัดนิรภัย สีกันสนิม สีรองพื้น ท่อน้ำ ปั้มน้ำ

เรือนที่ 5

คัสซี กระบอกสูบ เครื่องยนต์ แท่นเครื่องและน้อต ไฟหน้า มอเตอร์ ลูกสูบ

เรือนที่ 6

เครื่องคอลโทรลรถยนต์ทั่วไป ไส้กรองน้ำมัน(เชื้อเพลิง,น้ำมันเครื่อง) ที่ใส่ของหน้ารถ ที่ใส่เครื่องมือ ยางอะหลั่ย ก้านกระทุ้งวาวล์

เรือนที่ 7

ศูนย์รถ โชคอัพ สปริง ระบบกันสะเทือน เครื่องรักษาการทรงตัว หน้าต่าง ที่กันลม กระจกหน้ารถ ใบปัดน้ำฝน

เรือนที่ 8

ระบบไอเสีย ท่อเก็บเสียง หม้อน้ำ เครื่องรักษาความสมดุลของโวลท์

เรือนที่ 9

หลังคาที่เปิดได้ ถังน้ำมัน อ่างน้ำมันเครือง ช่องหลังคา(sunroof) กากะบาด

เรือนที่ 10

คลัช ระบบความเย็น เพลาขับเคลื่อน เบรคมือ กัฟเวอร์เนอร์ เฟื่องท้าย

เรือนที่ 11

ลมในยาง แบตเตอรี่ คาบูเรเตอร์ กาารเดินสาย ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ ทางออกของไอเสียจากเครื่องยนต์ ปั้มหัวฉีด ที่ชาร์ตไฟฟ้า ระบบไฮโดลิก แสงสว่างภายใน เครื่องช่วยกำลังรถ วาวล์

เรือนที่ 12

ยางรถ ตัวรถทั้งหมด

บทที่ 407

วันนี้จะมาคุยเรื่องการหาเวลาดี หรือเรียกกันวางฤกษ์ ยาม กันหน่อยเพราะมีหลายคนที่ยังใช้ผิด ๆ อยู่ทำให้ลูกค้า
หรือคนมาดูมีปัญหาได้นะครับ การหาเวลาที่ดีนี้สำคัญอย่างมากในการเป็นนักโหราศาสตร์ ถ้าหาผิดไปชีวิตเค้าก็เดิน
ทางผิดไปด้วยนะครับมาเริ่มหลักง่าย ๆ กันก่อน ถามว่าเวลาดีในการทำอะไรมีตอนไหนมีตอนจันทร์เข้าทำมุมกับดาวดีในพื้นดวงและดาวจร จะมีทุกเดือน หรือวันก็ได้
1. สิ่งแรกที่เราต้องนำมาใช้คือจันทร์จร นั่นเอง จันทร์จรจะเดินรอบราศีใช้เวลา 28-29 วันแล้วแต่เดือนนั้น
2. เราเอาจันทร์จรไปทับดาวดี  ๆในพื้นดวงเช่น ju ap vu kr po me ดาวนี้ ๆใช้ได้หมด แต่อย่าไปชนกับดาวร้ายก็แล้วกัน
3. ดูราศีที่ดาวพื้นดวงอยู่และจันทร์จรด้วย ณ เวลานั้น ไม่ควรอยู่ในราศีที่เสียมีสามราศี กันย์ พิจิก มีน หรือถ้าจะใช้ก็ให้จันทร์ไปทำมุมห้ามนำจันทร์ไปทับในราศีเสีย
4 พอได้จังหวะจันทร์ทำมุมกับดาวที่ต้องการแล้ว ก็ต้องดูว่าเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรม มีส่วนด้วย ควรทำในเวลาข้างขึ้นตั้งแต่
ขึ้น
8 ค่ำเป็นต้นไปจะดีและเป็นช่วงเช้าจะดีกว่า ไม่ควรให้ตอนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว
5 พอเราไดวันดี จันทร์จรทำมุมกับดาวดีและไม่อยู่ในราศีเสียแล้ว ต่อไปเราก็มาดูนาที คือ as mc ว่าไปจับดาวอะไรนาทีนั้น
สรุปว่าชั่วโมงดี นาทีก็ต้องดีด้วย ตัวเลขของเวลาก็ควรรวมกันให้ได้ตัวสุดท้ายเป็นเลขดีด้วย เช่น
4 6 8 9
สิ่งที่กล่าวมาเป็นหลักใหญ่ ในการหาวันดี ถือเป็นการแก้ไขดวงเหมือนกัน ให้สังเกตดูว่าเดือนหนึ่งจันทร์จรจะทับพฤหัส
พื้นดวงหนึ่งครั้งนั่นก็เป็นเวลาดีแล้ว นะครับ หรือทับ พฤหัสจรอีก ก็ดีแต่ต้องทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาด้วยก็ยิ่งแรงมาก แต่ถ้า
ไม่ทำมุมก็ถือว่าเป็นวันดีแบบกลาง  ๆ
พอเข้าใจไหมสำหรับคนที่ยัง งง กับการวางเวลาดี อ่านดูนะครับ ยังมีอีกคราวหน้าจะมาต่อให้ครับ

บทที่ 408

วันนี้เราจะมาคุยเรื่องเมื่อวานต่ออีกนิดหนึ่ง เวลานั้นสำคัญในการที่จะทำการใด ๆ จงมองหาดาวที่ดี ๆ ใช้ในการวางเวลาดี
ถ้าวันนั้นไม่มีเราก็สามารถใช้
ma mc ก็ได้ ไม่ว่ากันแต่เวลาจะลดลงไปในการทำอะไร เราสามารถวางได้ทุกวันเพราะ
ปัจจัยสองอย่างนี้เดินทุกวัน แต่เวลาจะทำอะไรก็ลดลงไป จันทร์เรามีเวลาถึงสองชั่งโมงกว่าแต่ถ้ามาใช้
mc as ก็เหลือ
ห้านาทีกว่า แต่ก็ใช้ได้ถ้าจำเป็น ดีกว่าเอาเวลาสะดวก เค้าเรียกว่ายามนะครับ ยามนี้ก็ใช้ได้ อีกประการหนึ่ง ชั่งโมงดี นาที
ดีก็เป็นอันว่าใช้ได้ หน่วยย่อยของฤกษ์คือยาม เอา
as ไปทับพฤหัส หรือดาวดี ก็ใช้ได้ วิธีเหมือนกับการใช้จันทร์ทุกประการแต่อาจไม่ต้องดูข้างขึ้นข้างแรมก็ได้ เพราะเป็นยาม นะครับทดลองดูนะครับ สอบสอบการทำงานดูก่อนว่าจริงไหม
ก่อนให้ยามคนอื่นไป เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสำคัญนักโหราศาสตร์เพราะคนจะถามมากฝึกดูไว้นะครับ จะได้เป็น หัดสังเกต
ดูจากตัวเราเองก่อน ว่าดาวเค้าทำงานไหมจะได้นำไปใช้ได้อย่างมั่นใจ

บทที่ 409
วันนี้ครบรอบ 2 ปี ของการจากไปของนาย Udo
 Rudolph บรมจารย์ ทางโหราศาสตร์ Uranian
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของการใช้เวลาดี ๆ กันต่ออีกนิด ในการที่เราจะทำสิ่งใดในสมัยก่อนก็ต้องดูจังหวะดีหรือฤกษ์ ยาม
กันไว้ก่อน ในสมัยนี้เราก็ยังนำมาใช้กันอยู่ สิ่งนี้เป็นเรื่องน่าสนใจ ไม่ใช่
เอาฤกษ์สะดวก เข้าว่าบางทีก็ดีไป ก็ไม่เป็นไร
แต่ข้าพเจ้าเห็นมาหลายอย่างแล้วการให้เวลาดีๆที่ไม่เหมาะไปก็จะทำงานนั้นมีปัญหาไม่ผ่านหรือติดขัด ไม่สำเร็จอย่าง
ที่มุ่งหวังเอาไว้ เช่นไปสอบก็ไม่ผ่าน เข้างานไม่ได้อยู่ไม่ได้นาน ด้วยเหตุนี้จึงอยากให้ท่านมีความแม่นในการวางเวลาดี ๆ
ให้ได้ดีเพราะมีผลต่อเจ้าชะตามาก เช่นการเดินทางออกจากบ้านไม่ดี ก็ทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นได้  เราใช้การออกจากบ้าน
จันทร์ทำมุมกับดาวพุธ คือการเดินทาง พิธีกรรมต่าง ๆ
PO  ติดต่องานใหญ่ KR หรือเปิดร้านค้าใช้ AP จะดีมาก ความรัก
ve , cu ถ้าคิดไม่ออกก็ใช้ดาว พฤหัสไปได้เลย ส่วนดาวร้าย ๆ เราไม่นำมาใช้กัน แต่ในทางตรงข้ามเราจะใช้ดาวร้ายกัน
แต่จะเอาไปใช้ในการทำลายหรือต่อสู้กับผู้ที่เราต้องการเอาชนะ เช่นใช้ดาวอังคารในการรบเป็นต้น หรือ
ze ก็ได้
ถ้าต้องการทำลายผู้ต่อสู้ก็เอาดาวร้ายเข้าไปวางในการทำสิ่งนั้นได้
คราวหน้าเราจะเอาจุดอิทธิพลแรงมาวางกัน
 

บทที่ 410
 

การกำหนดวันแบบง่าย ๆ โดยใช้จุดอิทธิพล สี่จุด พื้นดวง และจร
                มีคนถามว่าเรื่องนี้จะเกิดวันไหนเดือนไหน เรามีวิธีหาได้หลายแบบแต่ที่จะแนะนำท่านในวันนี้เป็นการดูแบบง่าย เราควรบอกบอกให้เจ้าชะตาแบบกลาง ๆ ไปก่อนถ้าเรายังไม่แม่น ควรบอกไปสามวันไปก่อน

                ขั้นตอนมีอยู่ว่าถ้าเข้าถามเรื่องอะไรก็ตามแต่ให้เราตั้งจุดอิทธิพลที่ถามขึ้นมาสี่จุดด้วยกันมีดังนี้ จุดที่หนึ่ง จุดที่เค้าถามพื้นดวง (compute) n. จุดที่สอง บวกarc  จุดที่สาม ลบ arc จุดที่สี่เราไปตั้งไว้ในด้วงจรรายปีวงนอก อาทิตย์จรทับอาทิตย์กำเนิดว่าปีนี้มีหรือไม่ ใช้ (compute) t. ตั้งจุดที่เจ้าชะตาถามเข้าไปและเราก็ดูว่าปีนี้มีเหตุการณ์ที่เค้าต้องการทราบเกิดขึ้นหรือไม่ถ้ามี อันดับต่อไปเราก็ปรับวันให้เป็นวันปัจจุบันโดยใช้  now  มายัง ณ วันปัจจุบัน และเริ่มหมุนโดยปรับเวลาเดินหน้าไป  ช่วยให้จุดที่เราตั้งวงนอกไปทับกับจุดที่เราตั้งไว้วงในวันไหนเดือนไหนก็จะเป็นวันนั้น เราจะได้อยู่โดยประมานสาม หรือสามเดือนก็ได้ เราก็สามารถบอกเจ้าชะตาได้แล้ว ถ้าเค้าถามในเรื่องความเป็นความตายเราใช้วิธีนี้ปลอดภัยที่สุด ไม่ควรบอกตรง ๆ ถ้าบอกตรงไปจะทำให้เจ้าชะตาเครียดหรือมีความกังวลมากเกินไป เราจะบอกโดยประมาทจะดีกว่าบอกตรง ๆ ไป เพราะทางแก้ไขมันก็มี อยู่ เป็นการดูรายเดือนแบบง่าย ๆ หรือดูมุมก็ได้จุดที่เราตั้งทำมุมถึงจุดที่เราตั้งวงในก็ได้แต่ขอให้เป็นมุมแรง ๆ ก็แล้วกัน เช่น 0 , 22.50,(จุดแดง) 45,90 องศา
                ท่านทดลองใช้ดูเพราะง่ายในการหารายเดือน และรายวันด้วย มันอาจไม่ตรงมากนักแต่ก็ไม่ห่างไปจากนี้มากนัก ใช้ได้ผลถ้าไม่ตรงก็บอกเจ้าชะตาไปว่าเวลาเกิดมันยังไม่ตรง  เพราะการดูแบบนี้ใช้ได้ดีสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ปรับเวลาเกิด หรือไม่มีเวลาปรับให้ลูกค้า เราเล่นวิธีนี้จะดีกว่าการไปหารายเดือนรายวันที่เราต้องปรับเวลาเกิดเค้าเรียบร้อยแล้วและมั่นใจว่าเวลาเกิดเค้าตรงแล้วเท่านั้น

บทที่ 411
 

ความหมายของเรือนชะตาที่สามารถแปลได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรือนชนิดใดก็จะมีความคล้าย ๆ กัน

ความหมายของเรือนชะตา

เรือนที่ 1 ชีวิตทั่วไป สิ่งแวดล้อม

เรือนที่ 2 การได้มา ทรัพย์สมบัติ

เรือนที่3 พี่น้อง คิด ขาย ติดต่อ

เรือนที่ 4 บ้าน ที่ดิน บิดามารดา

เรือนที่5 บุตร ความต้องการ

เรือนที่6 โรคภัย งาน ลูกน้อง

เรือนที่ 7 คู่ครอง คู่แข่ง หุ้นส่วน

เรือนที่ 8 การสูญเสีย ความตาย

เรือนที่ 9 ปัญญา แดนไกล ขยาย

เรือนที่ 10 ตำแหน่งหน้าที่ การงาน อาชีพ

เรือนที่ 11 ความสมหวัง มิตรแท้

เรือนที่ 12 เบื้องหลัง กักขัง ศัตรู
บทที่ 412
 

วงรอบของดาวจรของดาวที่สำคัญ
ดาวพฤหัส
 ดาวพฤหัสจรปัจจุบันหรือ ทรานสิต ต้องใช้เวลาราวๆ 12 ปี จึงจะโคจรมาครอบ 1 รอบ หรือหนึ่งวงรอบ ถึงพฤหัสกำเนิด แต่ละครั้ง จะแสดงถึงความหมายการมองโลกในแง่ดี การหลงใหลในการเรียนรู้เพื่อที่ให้ได้ ประสบการณ์ และยังเกี่ยวข้องกับโชคลาภ จึงอาจแสดงถึงการบรรลุถึงจุดสุดยอดเพื่อรับผลแห่งความสำเร็จ และเรายังดูได้จากดาวพฤหัสโคจรผ่าน จุดเจ้าชะตาในพื้นดวงก็จะส่งผลดีในด้านต่าง ๆ ตามจุดเจ้าชะตานั้น เช่น อาทิตย์ ก็จะมีความสุขทางกายสังขาร หรือมีโชคดีครั้งใหญ่ ถ้าผ่านลัคนาก็จะได้รับการยกย่องการมีชื่อเสียง ฯลฯ
ดาวเสาร์
เป็นดาวที่น่าประทับใจมากที่สุด วงรอบของดาวเสาร์ใช้เวลา 29-30 ปี ต่อ 1
วงรอบ ถ้าดาวเสาร์โคจรมาทับดาวเสาร์กำเนิด จะบ่งบอกถึงเรื่องความวิกฤติ เช่นการโยกย้ายครั้งสำคัญในชีวิต การเดินทางไกล การพลัดพรากการลาจากของบุคคลใกล้ชิด บางคนก็จะจนที่สุด ฯลฯ จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีทั้งนั้น และถ้าดาวเสาร์จรมาถึงจุดเจ้าชะตาในพื้นดวงก็จะบ่งบอกถึงเหตุร้ายต่าง ๆ ตามจุดเจ้าชะตานั้นในรอบปีนั้นด้วย เช่นเสาร์ถึง ลัคนา ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพแวดล้อมใกล้ตัว เกิดขึ้น หรือทับอาทิตย์ ก็จะมีเรื่องการพลัดพรากทางด้านกายสังขารเกิดขึ้น
บทที่ 413
 

ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่อาจเกิดปัญหาในราศีต่าง ๆ

 ราศีเมษ                  ส่วนของศรีษะ ใบหน้า สมอง ฟันชุดบน สายตาสั้นเอียง หรือผิดปกติ

                                อาการปวดหัว

ราศีพฤษภ             ลำคอ หู หลอดเสียง ไทรอยด์ ทอมซิล ฟันส่วนล่าง กระดูหลังหู กระดูต้นคอ

ราศีเมถุน               ปอด กระดูกไหปลาร้า แขน มือ ไหล่ ระบบประสาท

ราศีกรกฏ              บริเวณส่วนอก กระเพาะ ซีกบนของตับ หลอดอาหาร ตับอ่อน เต้านม

ราศีสิงห์                                หัวใจ หลัง กระดูกสันหลัง

ราศีกันย์                 ส่วนของลำไส้  ซีกล่างของตับ ท้อง ไส้ติ่ง

ราศีตุลย์                 ไต สะโพก แผ่นหลังส่วนล่าง เอว รังไข่

ราศีพิจิก                 อวัยวะสืบพันธ์ กระเพาะปัสสาวะ ช่องทวาร ลำใส่ใหญ่ ไข่ดัน ริดสีดวงทวาร

ราศีธนู                   สะโพก ต้นขาส่วนบน เส้นโลหิตแดง บริเวณเหนือกระดูกก้นกบ

ราศีมังกร               เข่า ขาส่วนล่าง ผิวหนัง กระดูกขา

ราศีกุมภ์                 ข้อเท้า หน้าแข้ง เส้นโลหิตโป่งพอง

ราศีมีน                   เท้า นิ้วเท้า

บทที่ 414

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องเรือนชะตาดาวเคราะห์ ว่าสามารถบอกอะไรกับเราบ้าง การดูระบบเรือนชะตานั้นมีหลายแบบนอกเหนือจากเอาจุดเจ้าชะตามาทำเป็นเรือน เช่นเรือน su เราก็เอาเส้นแบ่งเรือน 3-4 ไปวางไว้ตำแหน่ง su พื้นดวง เรือน mo เราก็จะเอา 9-10 ไปวางที่ mo กำเนิด เป็นต้น แต่เรือนชะตาดาวเคราะห์นั้น ให้เอา 1-12 ไปวางไว้ตำแหน่งดาวต่าง ๆ ทั้งดาวจร และพื้นดวง และอ่านเหมือนกัน แต่ให้อ่านเป็นเรื่องของดาวนั้น ๆ ไป เช่นเอา 1-12 ไปวางที่ จรรายปี เราก็จะทราบว่าปีนี้เราจะมีโชคทางด้านไหน เป็นต้น จะลงลึกไปอีกกว่าเรือนชะตาอื่น อีก เราจะใช้ 1-12 เท่านั้น ไปวางในตำแหน่งดาวเคราะห์จร หรือพื้นดวง ถ้าเป็นพื้นดวงก็จะเป็นเรื่องดาวที่ติดมาเมื่อชาติที่แล้วก็ได้ว่าเราทำความดีหรือทำไม่ดีก็ให้ดูที่ดาว ju, sa เราก็ทราบว่าพื้นฐานดีไหม และสามารถดูรายนาทีก็ได้ให้อา 1-12 ไปวางไว้ทีตำแหน่ง as mc เราก็จะทราบว่านาทีนี้เราจะมีอะไรเกิดขึ้นได้อีก เอาเป็นว่าให้ทดลองหัดเล่นกันดูก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อให้อีก.
บทที่ 415

วันนี้เรามาต่อเรื่องเรือนชะตาดาวเคราะห์ว่าเราควรจะตั้งจานอะไรไว้ก่อน ในสมัยก่อน โปรแกรมจะฟรีให้คนใช้ตั้งเอง แต่มีปัญหาตั้งผิดตั้งถูกเลย lock ให้เป็นเรือน ๆ ไป จะได้ไม่ งง กัน ตอนนี้เราจะมาเล่นแบบฟรี ต้องรู้จักใช้กันหน่อย ก่อนอื่นท่านต้องเข้าไปที่เรือนชะตา as ก่อน มุมเรือนจะใช้ได้มุมสะท้อนก็จะใช้ได้เพราะการสะท้อนของเรือนถูกต้อง พอเสร็จเราก็เอาเส้นแบ่งเรือน 1-12 ไปวางไว้ในตำแหน่งดาว ที่ต้องการ แล้วกด [ctrl] แล้วเอาเมาส์เลื่อนเส้นไปยังดาวที่ต้องการนะครับ เราก็สามารถเปลี่ยนเป็นเรือนชะตาดาวเคราะห์ได้แล้ว แต่อย่างลืมว่าเราใช้เฉพาะดาวเคราะห์เท่านั้นส่วนจุดเจ้าชะตาก็ให้เล่นเหมือนเดิม ที่มีไว้ให้นะครับ ถ้าเราไปจี้ที่ดาวพื้นดวงก็จะบอกเรื่องต่าง ๆ ได้ละเอียดลงไปอีกว่าเสาร์เราเป็นอย่างไรในแต่ละเรือน ทุกอย่างอ่านเป็นเรื่องความทุกข์ของเสาร์ให้หมดนะครับ ถ้าเป็น พฤหัส ก็ให้อ่านเป็นเรื่องของดาวนั้น ๆ ให้หมดทุกเรือนว่าดีอย่างไรในเรือนต่าง ๆ  ทั้ง 12 เรือน นะครับ

บทที่ 416

ลักษณะรูปร่างของคนในแต่ละราศี
ราศีเมษ
     จะมีรูปร่างผมสูงผิวสองสี หน้าเหลี่ยมทั้งหญิงและชาย ออกจะมีคางยื่นหน่อย ๆ หน้าผากใหญ่
ราศีพฤษภ 
 จะมีรูปร่างอ้วนเตี้ย หรือออกเจ้าเนื้อท้วม ใบหน้ารูปไข่ ออกไปทางกลมทั้งหญิงและชาย ผิวสีขาวส่วนมาก
ราศีมิถุน 
     เป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาออกแหลมมีคางเล็ก หัวออกโตหน่อย ๆ ผิวสองสี ถึงดำ ทั้งหญิงและชาย
ราศีกรกฏ 
   เป็นคนรูปร่างท้วมออกจะอ้วนมีใบหน้ากลม มักไม่ค่อยจะมีคาง ตาคม ผิวขาวเป็นส่วนมาก
ราศีสิงห์  
    เป็นคนมีรูปร่างสง่าสูงโปร่งหุ่นดี ออกเป็นผู้ดีหน่อย ๆ มักแต่งตัวดี ผิวสองสี ทั้งชายและหญิง
ราศีกันย์  
   เป็นคนมีรูปร่างเล็ก ไม่ใหญ่โตมากนัก พอประมาณ ผิวขาว ใบหน้ารูปไข่ไก่ ไม่กลมมาก หน้าตาออกดุนิด ๆ
ราศีตุลย์ 
    เป็นคนมีรูปร่างสูงโปร่งรูปร่างดีผิวขาวทั้งชายและหญิง เป็นคนมีหน้าตาดีเป็นส่วนมาก ชอบแต่งตัว
ราศีพิจิก 
    เป็นคนมีรูปร่างผมสูงผิวออกดำหน้าเป็นกระดูก จมูกโด่งเป็นสัน ตาลึกเข้าไปข้างใน
                  ใบหน้าเป็นรูปเหลี่ยมเป็นส่วนมากทั้งชายและหญิง
ราศีธนู 
       ป็นคนรูปร่างไม่สูงมากนักท้วม ๆ ใบหน้ากลมเจ้าเนื้อนิด ๆ ผิวขาวเป็นส่วนมาก ทั้งชายและหญิง
ราศีมังกร       เป็นคนรูปร่างผมสูงมีกระดูกเป็นส่วนมาก ตัวออกยาว ๆ ไม่สมส่วนหน้ายาว ทั้งชายและหญิง ผิวสองสี
ราศีกุมภ์       รูปร่างเล็กไม่ใหญ่โตมากมีความสูงไม่มากนัก ทั้งชายและหญิง ใบหน้าใหญ่ ศรีษะโตคางเล็ก
                  ทั้งชายและหญิง ผิวออก  ขาว   หรือมีสีน้ำตาล
ราศีมีน         เป็นคนรูปร่างท้วมออกเตี้ยทั้งหญิงและชาย ใบหน้ารูปไข่ ออกไปทางใบหน้ากลม ผิวออกคล้ำ ๆ ทั้งชายและหญิง
                  รูปร่างของคนแต่ละราศีนี้ไว้ให้ดูเกี่ยวกับเนื้อคู่ หรือของหายได้ว่าใครเป็นคนเอาไปรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
 

บทที่ 417
การใช้โค้งสุริยยาตร์

โค้งสุริยาตร์ ก็คือ กุญแจการพยากรณ์ จรตามอายุขัย ชนิดหนึ่งนั่นเอง ซึ่งเมื่อนำเอามา บวก หรือ ลบ สมผุสของดาวพระเคราะห์ หรือ ปัจจัยต่าง ในดวงชะตา เราก็จะได้ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยต่าง ๆ ในตำแหน่งใหม่ หรือพูดตามเท็คนิคของวิชาโหราศาสตร์ ก็คือ ทำให้เกิด ดาวพระเคราะห์จร หรือ ปัจจัยจร ขึ้นอีกชนิดหนึ่ง +ซึ่งมีสมผุสเปลี่ยนแปลงไป ตามระยะของโค้งทั้ง 2 นี้ ในโปรแกรม Apollon 15 เราจะให้ + ARC หรือ – ARC ตามหลังสูตรดาวที่เราต้องการที่จะค้นหา ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยโหราศาสตร์ซึ่งมีสมผุสเปลี่ยนแปลงไปตามระยะของโค้งทั้ง 2 นี้ มีชื่อเรียกว่า ปัจจัยหรือดาวพระเคราะห์ จรสุริยยาตร์ กล่าวคือ

ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัย + โค้งสุริยยาตร์ ( ARC) เรียกว่า ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัย จรสุริยยาตร์

ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยจรสุริยยาตร์ จะเป็นผู้กำหนด   ปี    ที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราต้องการทราบหรือ

ค้นหาจากโปรแกรม Apoollon 15

        การพยากรณ์โดยการใช้ โค้งสุริยยาตร์  มีชื่อเรียกว่า  การพยาการณ์จรสุริยยาตร์ 

ตัวอย่าง เช่นต้องการหาศูนย์รังสี  SU/JU พื้นดวง และต้องการใช้จรตามโค้งสุริยยาตร์ ต้องใช้สูตรดังตัวอย่างนี้

ให้กด compute  และใส่เครื่องหมายตัวแปร และ ศูนย์รังสี หรือ จุดอิทธิพล 

ตัวอย่าง      (n)1 = SU$JU + ARC– ARC 
หรือจุดอิทธิพล  (n)Z= SU+JU-UR +ARC -ARC          
การพยาการณ์จรตามโค้งสุริยยาตร์ตามหลัง 1 องศา = 1 ปี นี้ ท่านต้องจำไว้ เพราะเป็นการดูจรในพื้นดวงที่มีความเที่ยงตรงทีเดียว