บทที่ 447
 

พระเคราะห์เสวยอายุ
บทความนี้อาจเคยลงมาแล้วแต่อยากให้ท่านให้ความสนใจอีกนิดอ่านให้ดี ๆ จะได้อะไรจากตรงนี้มากทีเดียว เรายังใช้กันอยู่จะไว้ดูดาวประจำนวนท่าน
ตอนช่วงอายุไหน  ท่านอาจค้นพบอะไรตรงจุดนี้ก็ได้ว่าทำไมเราหาจุดไม่เจอเรื่องนั้น ๆ ใช้ได้ตั้งอันเก่าและอันใหม่

                โหราศาสตร์โบราณกล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นแก้เด็ก ให้ดูจากจันทร์ สำหรับคนชราให้ดูที่ดาวเสาร์
 ต่อไปนี้เป็นรายการ พระเคราะห์เสวยอายุ ในวัยต่าง ๆ ของโหราศาสตร์โบราณท่านอาจนำไปใช้
ประกอบการพยากรณ์ก็ไม่มีปัญหาใด

                จันทร์      มีบทบาทสำคัญสำหรับวัยอายุ                ตั้งแต่ 0 ถึง 4 ปี

                พุธ           มีบทบาทสำคัญสำหรับวัยอายุ                ตั้งแต่ 4 ปี จนเข้าวัยหนุ่มสาว 14 15 16 ปี

                ศุกร์         มีบทบาทสำคัญสำหรับวัยอายุหนุ่มสาวจนถึง 23 ปี

        อาทิตย์      มีบทบาทสำคัญสำหรับบุคคลตั้งแต่อายุ 24 ถึง 42 ปี และถือว่า เป็นจุด เซนิท ของ ชีวิต

                อังคาร      มีบทบาทสำคัญสำหรับบุคคลตั้งแต่อายุ 43 ถึง 57 ปี อันเป็นวัยของการทำการงาน

       พฤหัส    มีบทบาทสำคัญสำหรับบุคคลตั้งแต่อายุ 58 ถึง 69 ปี ซึ่งเป็นวัยเก็บเกี่ยวลาภผลที่ได้รับ

                เสาร์        มีบทบาทสำคัญสำหรับบุคคลตั้งแต่อายุ 70 ปี ขึ้นไป

ตามที่ได้กล่าวไว้ว่า จันทร์ ปกครองเด็กอ่อน นั้น นักศึกษาจะเห็นได้ว่า การมีผิวหนังอันชุ่มชื้น เด็กอ่อนทุกคนจะมีใบหน้ากลม
เหมือนบุคคลเกิดในราศีกรกฏ หากจันทร์ในดวงชะตาไม่เข้มแข็ง เด็กจะรอดชีวิตได้ยาก ถ้าจันทร์ในดวงชะตาเสีย
ชีวิตในวัยเด็กจะไม่ราบรื่น เด็กอ่อนตกตึกสัก
3 ชั้น มักไม่ค่อยจะเป็นอะไรมาก ทั้งนี้ก็เพราะมีแต่เนื้อที่หยุ่นและฟู
กระดูกหักยาก แสดงว่า เสาร์ มีอิทธิพลต่อเด็กอ่อนน้อยมาก วัยที่ต่อจากวัยของ จันทร์ คือวัย พุธ ซึ่งเริ่มตั้งแต่
อายุ
4 ขวบเป็นต้นไป พุธ ของเจ้าชะตาใด หากเสีย ย่อมกระทบกระเทือนไปถึงการศึกษาเล่าเรียนในวัยเด็กของเขา
ต่อไปคือวัยของ ศุกร์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ประมาณ อายุ
17 ปี ในกรณีเป็นหญิงมักจะเริ่มก่อน ซึ่งอาจเป็น
เมื่ออายุ
15 ปี  จนถึง 23 ปี ซึ่งเป็นวัยกำดัด วัยของอาทิตย์ วัยอังคาร วัยของพฤหัส อันเป็นวัยแห่งการประสบความสำเร็จ
และวัยเสาร์ เป็นที่สุด ในวัยใด ๆ ก็ตาม หากดาวพระเคราะห์ที่ครองวัยหรือดาวพระเคราะห์ที่เสวยอายุในวัยนั้น ๆ
อยู่ในตำแหน่งที่ดี เข้มแข็ง วัยนั้น ๆ ย่อมให้คุณแก่เจ้าชะตา ดังเช่น วัยศุกร์ อายุ
17 ถึง 23 เป็นต้น ถ้า ศุกร์
อยู่ในตำแหน่งที่ดี เช่น กุมพฤหัสเป็นต้น และเข้มแข็ง เช่นทำมุม
120 องศาสนิทกับ อาทิตย์ เป็นต้น
ก็จะมีผลทำให้เจ้าชะตาเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์รักใคร่และมีโชคลาภจากเสน่ห์ของตนตรงข้ามหากดาวพระเคราะห์เสวยอายุ
สำหรับวัยใดก็ตามอยู่ในตำแหน่งเสื่อม วัยนั้น ๆ ก็จะเป็นวัยเสื่อมโทรมแห่งชีวิตของเขาด้วย
   ในทำนองเดียวกัน
ในการพยากรณ์จร โดยวิธีการใด ๆ ก็ตาม ผู้พยากรณ์จะต้องระลึกถึง วัย ของเจ้าชะตาอยู่ตลอดเวลา ดังเช่นการพยากรณ์
เรื่องการแต่งงานเป็นต้น ถ้าหากเป็นการพยากรณ์เพื่อกำหนดเวลาแต่งงานของเขาว่าจะแต่งงานเมื่ออายุเท่าใดแล้ว
จะต้องพิจารณา วัย ของเจ้าชะตาประกอบด้วย ว่าในวัยนั้น ๆ การแต่งงานของเจ้าชะตาจะเป็นไปได้หรือไม่
การพยากรณีเรื่องอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน เช่นการพยากรณ์อุบัติเหตุซึ่งมีผลทำให้กระดูกหัก ขาหัก แขนหัก ฯลฯ
เป็นต้น ถ้าเจ้าชะตาเป็นเด็กอ่อน ซึ่งอิทธิพลของเสาร์ไม่ค่อยจะมีบทบาทเท่าใดแก่เขานัก ก็ไม่ควรจะให้น้ำหนัก
ในการพยากรณ์รุนแรงถึงขั้นกระดูกหักแต่ถ้าหากเจ้าชะตาอยู่ในวัยชราแล้ว เราก็อาจพยากรณ์ได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีการยับยั้ง

                ตามที่กล่าวมาแล้วนั้น เป็นเรื่องราวของ พระเคราะห์เสวยอายุ สำหรับโหราศาสตร์โบราณ อย่างไรก็ดี
 ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมจะพัฒนาการไปตามกาลสมัย บุคคลก็เช่นเดียวกัน บุคคลสมัยนี้ย่อมมีภาวะความเป็นอยู่ผิดไป
จากบุคคลในสมัยโบราณเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น การกำหนดวัยตามที่โบราณได้กระทำไว้ จึงไม่น่าจะสมจริงเมื่อ
นำมาใช้กับบุคคลในสมัยนี้ ประกอบกับในปัจจุบันมนุษย์สามารถค้นพบดาวพระเคราะห์เพิ่มขึ้นอีกทั้งที่มองเห็น
และมองไม่เห็น เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุฉะนี้ นักโหราศาสตร์จึงได้คิดจัดแบ่งวัยและพระเคราะห์เสวยอายุเสียใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกันกับกาลสมัยหรือกับความเป็นอยู่อันแท้จริงของมนุษย์สมัยนี้ การลำดับวัยมีดังต่อไปนี้

                จันทร์                       จนถึงอายุ                  7           ปี

                พุธ                           จนถึงอายุ                14           ปี

                ศุกร์                         จนถึงอายุ                21            ปี

                อาทิตย์                     จนถึงอายุ                28            ปี

                อังคาร                      จนถึงอายุ                35            ปี

                พฤหัส                     จนถึงอายุ                 42            ปี

                เสาร์                        จนถึงอายุ                49            ปี

                มฤตยู                      จนถึงอายุ                56            ปี

                เนปจูน                    จนถึงอายุ                63            ปี

                พลูโต                     จนถึงอายุ                70            ปี

                ข้อควรสังเกตว่า วัยแต่ละวัย จะกินเวลานาน 7 ปี สำหรับระยะเวลา 7 ปีนี้ เมื่อนักศึกษาได้ศึกษาถึง
การพยากรณ์จรสุริยะคติ ก็จะทราบเองว่า เป็นระยะเวลาที่จันทร์จรสุริยะคติ โคจรได้ 
90 องศา ชีวิตของคนจะเปลี่ยนไปเมื่อ
จันทร์จรสุริยะคติโคจรอยู่ในตำแหน่งที่ทำมุม
0 , 90 180 270 กับ จันทร์กำเนิด กล่าวคือ ทุก 7 ปี
จะเป็นเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงหรือเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับเจ้าชะตา

บทที่ 448
 

จังหวะจันทร์จรสุริยะคติ
วันนี้จะมาคุยเรื่องจังหวะชีวิตคนเราในรอบของการโคจรของดวงจันทร์ การโคจรของดวงจันทร์ก็มีความหมายในเรื่องวงรอบ
ชีวิตคนเราได้เหมือนกัน ให้ท่านนำไปฝึกใช้ดูนะครับ ทุกอย่างจะซ้ำกันเป็นช่วง ๆ ของเวลาที่ผ่านไปนะครับจำไว้ให้ดี ใครทำอะไร
ก็ได้อย่างนั้นนะครับท่าน เหมือนกรรม ทำดีได้ดี ทำไม่ดีก็ได้สิ่งนั้น มันจะกลับมาหาเราอีกครั้งเมื่อถึงเวลาของมันใครทำไม่ดีก็ให้ระวังไว้
มันกลับมาแน่

        จังหวะนี้จะเกิดขึ้นทุกรอบ 7 ปีโดยประมาณ กล่าวคือ เมื่อใดที่ จันทร์สุริยะคติโคจรผ่านจุด ทวาร คือ

เมษ กรกฏ ตุล มังกร ชีวิตของเจ้าชะตา จะเปลี่ยนแปลงไป 

คำว่า จันทร์จรสุริยะคติ เราจะคำนวณจากจันทร์กำเนิดโดยใช้หลักว่าดวงจันทร์โคจร 2-3 วัน ต่อ 1 องศา เมื่อเข้า

จุดทวารเมื่อใดก็โดยประมาณ 7 วัน คือ 7 ปี 

        จังหวะจันทร์จรสุริยะคติ นี้สามารถนำมาใช้พยากรณ์เหตุการณ์ที่ผ่านมา 7 ปีที่ แล้วลงไป หรือ 7 ปีขึ้นไป

โดยนับหลักจากจันทร์เข้าจุดทวารเป็นหลัก

บทที่ 449
03/12/2010

วันนี้เรามาคุยเรื่องเบา ๆ กันหน่อย หยุดเรื่องเรียนไว้นิดเปลี่ยนเรื่องคุยกันบ้าง เมื่อสามสี่เดือนเดือนมาแล้วข้าพเจ้าได้ฝากซื้อเครื่องมือจับผีแต่ไม่ถึงกับจับได้แต่ให้ทราบว่ามีผีหรือไม่เวลาออกไปดูสถานที่ต่าง ๆ ก่อนอื่นก็ต้องทดสอบการใช้งานอยู่ ข้าพเจ้าได้มีอยู่หลายเครื่องตอนนี้ได้น้องใหม่มา ชื่อ The Ghost Meter เป็น ระบบ EMF Meter ไว้จับเคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้าที่มองไม่เห็น วิญญาณ ก็เป็นเคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งแต่ต่างกับ เคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่เหมือนกัน ราคาก็เบา ๆ ไม่แพงมาก ใช้ง่าย ข้าพเจ้าก็ทำการทดสอบเครื่องนี้โดยตอนกลางคืนข้าพเจ้าก็นำมาใช้ เวลาเปิดเครื่องจะมีเสียงบอกว่ามีอะไรอยู่ในห้องนั้นหรือไม่ ถ้าไม่มีก็จะไม่มีเสียงดังออกมาบอกว่ามีหรือไม่มี ก็น่าสนใจดี วันหนึ่งข้าพเจ้าก็ทำการทดสอบที่บ้านเลยตอนเที่ยงคืนเหมาะมาก วิญญาณ เค้าจะชอบออกมากเพราะความเย็น ความเงียบมีพร้อม ตามความจริงพลังงานพวกนี้ไม่ชอบเสียงรบกวน ข้าพเจ้าก็ออกมาที่กลางบ้านแล้วเปิดดูก็ได้ยินเสียงดังเป็นระยะ ทั่วไปหมดก็นึกว่าคงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ไม่ใช่ เพราะปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหมดเช่นพัดลม ทีวี แต่ก็ดังอีก ก็ยังไม่แน่ใจ อยู่มาวันหนึ่ง นึกถึงแม่ก็เลยตั้งจิตบอกแม่ให้มาหา และทำการวัดเคลื่อนพลังงานที่รูปท่าน  ไม่น่าเชื่อรูปคุณแม่เวลาเอาเครื่องไปจับจะมีเสียงดังมากและถี่ขึ้นถ้าเข้าไปใกล้ มันเป็นไปได้หรือ ก็ยังไม่เชื่ออีก ตอนเช้าก็มาวัดใหม่แต่ไม่มีเสียงอะไรเลย วันต่อไปก็ทดสอบใหม่เครื่องนี้จะวัดได้ตอนที่พลังงานมา แต่มักจะมาตอนกลางคืน พอดีมีลูกศิษย์บอกว่าแม่อยากมาอยู่ด้วย ลูกศิษย์คนนี้มีอะไรแปลก ๆ เค้ามักจะเห็นสิ่งพวกนี้จนคนใกล้ชิดหาว่าสติไม่ค่อยดี แต่ข้าพเจ้าก็เช็คดวงดูแล้วเค้ามีความสามารถเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ก็ถามเรื่องแม่เค้าก็บอกตรงหมดโดยที่เค้าไม่รู้เรื่องคุณแม่มาก่อน บอกว่าคุณแม่อยากมาอยู่ด้วยแต่ไม่มีที่อยู่ ลูกศิษย์คนเก่งก็เลยบอกให้เชิญคุณแม่ไปอยู่ที่ต้นไม้หน้าบ้าน ซึ่งเป็นต้นไม่ใหญ่พอสมควร พลังงานเหล่านี้ต้องมีที่อาศัย เช่นสิ่งของต่าง ๆ แต่ต้นไม้ดีที่สุด เราเคยได้ยินว่าต้นไม้ทุกต้นมีสิ่งคุ้มครองทุกต้น ก็เลยเชิญคุณแม่ที่เสียไปสองสามปี ให้มาอยู่ที่ต้นไม้หน้าบ้าน โดยจุดธูปบอกเจ้าของต้นไม่ก่อนว่าขอคุณแม่มาร่วมอยู่ด้วย เค้าก็บอกให้จุดธูป 16 ดอก ข้าพเจ้าก็ทำตามแต่เป็นตอนกลางคืน ก็รู้สึกหนาว ๆ เหมือนกัน แต่ก็ทำตามเพราะอยากรู้ว่าจริงไหม ครั้งแรกก็เอาเครื่องมือไปวัดที่ต้นไม้นั้นก็ไม่มีเสียงอะไร พอเชิญท่านมา ตกดึกออกไปวัดมีเสียงดัง ขึ้นมาข้าพเจ้าก็ งง ต้นไม้ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้า มีเสียงจากเครื่อง คราวนี้เลยมั่นใจว่าเจ้าเครื่องนี้ทำงานได้จริง เลยรีบไหว้และกลับเข้ามาบ้านกลัวเหมือนกัน แต่เป็นแม่เราก็ไม่มีปัญหาอะไรเค้ามาอยู่แล้วดีใจจัง ตอนนี้ก็ไหว้ท่านที่รูปและต้นไม้ สรุปว่าเครื่องเค้า ok เลย วัดได้ ก็เลยสั่งให้นักเรียนที่อยู่โคราชเลย เพราะเค้าเห็นเครื่องเก่าข้าพเจ้านึกอยากทดสอบอะไร แต่เครื่องเก่าเค้าจะมีหลายระบบมากใช้ยุ่งยากกว่าเครื่องนี้ราคาแพงด้วย เลยจัดการสั่งจาก อเมริกา  มาให้วันพรุ่งนี้ก็จะนำไปให้เค้าทดสอบดู ข้าพเจ้ามีความสนใจเรื่องนี้ แต่ไม่เคยเห็น แต่เชื่อว่าคนเราตายไปแล้วแต่พลังงานยังอยู่ มีกฎอยู่ว่าพลังงานไม่สูญหายไปจากโลกนี้แต่แปลสภาพเป็นอย่างอื่นได้ คือพลังงานไฟฟ้านี่เอง ถึงเค้าสามารถวัดและจับได้ เป็นเรื่องที่ฟังแล้วไม่น่าเชื่อ แต่ทางเมืองนอกเค้าสนใจกันมาก สร้างเครื่องออกมาหลายรุ่นเพื่อนทำการทดสอบ และก็ใช้ได้ผล เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง มีการหลอกันบ้าง แต่เรื่องที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมดใครสนใจก็คุยกันได้เรื่องนี้น่าสนใจมาก แต่เค้าอยู่คนละมิติเราจะรับเค้าได้หรือไม่ความถี่ของสมองเราต้องตรงกับเค้าเราก็จะสามารถติดต่อกับเค้าได้ไม่ยาก ถ้าไม่ตรงเราก็ใช้เครื่องช่วยนะครับ
เอาไว้มีเรื่องแปลก ๆ จะมาเล่าสู่กันฟังเป็นการพักสมองไปนะครับ อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ทำการทดสอบก่อน

บทที่ 450

วันนี้ก็จะมีเรื่องเล่าสู่กันฟังเปลี่ยนเรื่องเรียนกันบ้าง วันนี้ก็จะมาคุยเรื่องพลังงานกันต่อนะครับคิดว่ายังคงไม่เบื่อก่อนนะครับเพราะมันก็เกี่ยวกับโหราศาสตร์เหมือนกัน สิ่งที่เรามองไม่เห็นเราจะใช้ดาว ne ,po แทน ตอนขึ้นเขาเมื่อเดือนที่แล้วเริ่มหนาวแล้วข้าพเจ้าจะเป็นคนตื่นเช้าตีสามก็ตื่นแล้วมานั่งดูดาวเหนือว่าอยู่ตรงทิศไหนเวลาเราตั้งโปรแกรมทิศเราจะได้ดูได้ถูกต้องผิดมานานคราวนี้แน่นอนแล้ว และได้ยินต้นไม้บนเขาใหญ่เค้าคุยกันมันเป็นเสียงเบา ๆ ผ่านเข้าตอนนั่งดูดาว ทีแรกคิดว่าเป็นเสียงลมพักแต่ฟังไปฟังมาไม่ใช่เป็นเหมือนเสียงคุยกัน ก็เลยคิดว่าชีวิตในโลกใบนี้เค้ามีจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือก้อนหินสักก้อน สัตว์ทั้งหลายก็มีภาษาใช้คุยกันแต่เค้าคุยจากกระแสจิต ตอนไปเขาใหญ่ปีที่แล้วเป็นน่าร้อนแต่มีฝนตกไปกันสามคน คืนนั้นฝนตกหนักมีเต้นท์เราอยู่เต็นท์เดียว พอดีคุณตุ๊กแกชอบเห็นอะไรแปลกได้ตืนขึ้นกลางตึกสักตีสองตีสามกับศิษย์อีกคนได้เห็นอะไรบางอย่าง มันเป็นแสงสีเขียวสว่างไปหมด และเคลื่อนที่ได้ แต่ไม่ได้บอกข้าพเจ้ามาบอกตอนเช้าเห็นข้าพเจ้านอนหลับ มันคือพลังงานไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่อยู่บนเขาใหญ่ไม่ทราบว่าเป็นพลังงานแบบไหนแต่เห็นทั้งสองคนคงไม่ตาฝาดแน่นอน ถ้าข้าพเจ้าตื่นด้วยคงต้องเดินไปดูใกล้ ๆ แน่นอน เพราะมันสวยมาก จะได้เอาเครื่องจับพลังงานไปจัยดูว่าเป็นอะไร มันน่าสนใจมาก มีหลายอย่างบนโลกที่รอการค้นพบอยู่ จึงอยากบอกว่าโลกที่สามมีจริง แต่เค้ามักจะออกมาตอนไม่มีพลังงานจากแสดงอาทิตย์มารบกวน เพราะพลังงานของดวงอาทิตย์มีพลังงานมากว่าสิ่งใด คิดอะไรไม่ออกไปยืนตากแสงอาทิตย์ตอนเทียงสักพักสิ่งไม่ดีในตัวก็หมดไปแล้วนะครับ อ. บอกมา
ท่านคิดว่ามันคืออะไร คราวหน้าไปใหม่จะรู้ให้ได้ว่าเค้าเป็นพลังงานชนิดไหนครับ ตอนเขียนอยู่นี่ก็เป็นเวลาตีสามตีสี่ของวันที่ 4 ณ นครราชสีมา สรุปวิญญาณมีจริงครับ แต่เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยสัมผัสเค้ามาแล้ว ตอนนี้ก็มีคนนักเรียนที่สามารถติดต่อกับพวกนี้ได้สามารถมองเห็นด้วยตาพึ่งเข้ามาเรียนกับข้าพเจ้าไม่นานนี้ ก็บอกอะไรหลาอย่างตรงหมด การทำบุญจะช่วยพลังงานพวกนี้ได้มากเหมือนการเติมน้ำมันให้เข้า บุญเป็นสิ่งที่เค้าต้องการ
 

บทที่ 451
 

การกับคู่คนหรือสิ่งของว่าให้คุณกับเราหรือไม่

การดูเรื่องคู่ครองนั้น เราต้องตั้งดวงขึ้นมาสองดวงดวงแรกเป็นดวงผู้ชายอยู่ในวงใน ส่วนดวงสตรีจะอยู่วงนอกให้ใช้ Transit  และใส่วันเดือนปีเกิดของอีกฝ่ายหนึ่งเข้าไปแทนดาวจร วงนอกก็จะเป็นพื้นดวงของสตรีผู้ที่เราต้องการดูว่าจะเหมาะสมกับเราหรือไม่ จากนั้นให้ให้ลุกศรไปจี้ที่ดาวเสาร์ของสตรี หรือวงนอกว่าทำมุมกับจุดเจ้าชะตาของวงในหรือไม่หรือทำมุมถึงดาวศุกร์หรือไม่ ถ้าทำมุมถึงก็จะแปลได้ว่าดวงทั้งสองดวงนั้นไม่เหมาะกันแล้ว ถ้าดาวร้ายของวงนอกมาทำมุมกับจุดเจ้าชะตาในวงในมาก ๆ ก็จะส่งผลให้ดวงทั้งสองดวงนั้นไม่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง แต่ในทางกลับกันถ้าดาวดี ๆ วงนอกเข้ามาทำมุมกับจุดเจ้าชะตาวงในหรือดาวดี ๆ แล้ว ดวงทั้งสองคนนั้นเหมาะสมกันดีหรือสามารถอยู่ร่วมกันได้ เราสามารถใช้ดวงคู่นี้ดูเรื่องอะไรก็ได้เช่นว่าสิ่งที่เราซื้อมาและมีวันเดือนปีเกิดอยู่เช่นรถยนต์ที่ซื้อมา เหมาะสมกับเราหรือไม่ก็สามารถทำได้เช่นกันโดยดูวันรถออกจากอู่มาทาบกับดวงของเราเป็นต้น แต่ก่อนอื่นท่านควรจะอ่านพื้นดวงของแต่ละคนก่อนว่าจุดดีจุดด้อยเค้าอยู่ตรงไหนเวลามาผสมกันจะง่ายต่อการตีความออกมา เช่นดาวศุกร์ของฝ่ายชายเสียอยู่แล้ว เช่นดาวศุกร์ /เนปจูน ศุกร์/เสาร์ หรือ ศุกร์/ฮาเดส จะบอกได้ว่าความรักของฝ่ายชายเสีย เราจับคู่ก็อาจต้องดูตรงจุดนี้ด้วยว่าเมื่อดาวอีกฝ่ายหนึ่งเสียแล้วควรจะเป็นคู่ครองกันหรือไม่ ถึงแม้ว่าดาวดี ๆ ของฝ่ายหญิงมาถึงจุดเจ้าชะตาชาย แต่ฝ่ายชายดาวในพื้นดวงเสียอยู่แล้วก็ไม่นิยมให้แต่งงานกันเพราะฝ่ายชายจะทำเรื่องเสียหายเกิดขึ้นด้วย ในทำนองกลับกันถ้าดาวฝ่ายหญิงเสียด้วยก็จะออกในทำนองเดียวกันกับดวงผู้ชาย เช่นดวงฝ่ายหญิงดาวศุกร์เสีย เช่นศุกร์/ฮาเดส ถึงจันทร์ ถ้าแต่งงานไปก็จะทำให้ฝ่ายหญิงก็ต้องเลิกลากับฝ่ายชายไปเพราะความไม่จริงใจต่อฝ่ายชาย หรือจะไปมีคนใหม่ เป็นต้น การดูท่านต้องอาจสลับดวงด้านในเป็นชาย ก่อน และ ต่อไปก็สลับเป็นฝ่ายหญิงเข้าไปแทนด้วยเพื่อตรวจหาจุดสะท้อนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะมุมมองมันต่างกัน แต่จริง ๆ แล้วเราดูฝ่ายเดียวเราก็ทราบได้แล้วว่าดาวศุกร์เค้าเสียหรือไม่ถ้าเสียก็ไปอยู่กับใครก็จะพบอีกฝ่ายเสียไปด้วย
                วิธีนี้ใช้สำหรับดูผู้เข้าหุ้นส่วนว่าจะส่งผลดีกับเราหรือไม่ ก็ตรวจเรื่องดาว ร้ายของอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาหาจุดเจ้าชะตาเราหรือไม่ หรือจุดดี เช่น ดาวพฤหัสเค้าส่งผลต่อจุดเจ้าชะตาเราหรือไม่ เราจะเน้นไปที่ดาวคิวปิโดหรือดาวหมู่คณะว่าดีหรือร้ายก่อน แล้วค่อยไปตรวจดาวอื่น ๆ ว่ามีความสัมพันธ์กับดวงเรามากน้อยแค่ไหน แต่ไปถ้ามีโปรแกรมตัวใหม่ท่านสามารถตรวจได้ทีเดียวถึงสามคนเลยจะง่ายกว่าดูสองคน

ในทางตรงกันข้ามเราสามารถนำดวงสิ่งของหรือบ้าน รถ ฯลฯ มาตรวจว่าถูกกับตัวเราหรือไม่ได้เช่นเดียวกันเพราะสิ่งของทุกอย่างย่อมส่งผลดีและร้ายมาถึงเราด้วยไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เราเอาวันที่ได้เค้ามาตั้งเป็นวันเกิดก็ได้ เช่นแมวตัวนี้อยู่กับเราจะดื้อหรือไม่ นำโชคมาให้เราหรือไม่ก็เอาวันที่แมวเข้ามาอยู่ในบ้านเป็นวันเกิดของเค้าเลยไม่ต้องไปหาวันเกิดของแมวให้ยุ่งยาก
 

บทที่ 452

 

ตำแหน่งสัมพันธ์ ( Aspect )

                ตำแหน่งสัมพันธ์ คือ ลักษณะเชิงมุม  ที่ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยต่าง ๆ เช่น ศูนย์รังสี หรือ จุดอิทธิพล  กระทำต่อกัน

                ตำแหน่งสัมพันธ์ หรือ ลักษณะเชิงมุมที่ดาวหรือปัจจัยกระทำต่อกันนี้ มีความสำคัญแก่การพยากรณ์ในวิชาโหราศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ในการที่ดาวดวงหนึ่ง หรือ ปัจจัยต่าง ๆ จะส่งอิทธิพลไปถึงดาวอื่น หรือ ปัจจัยอื่น ได้เพียงใดนั้น จะขึ้นอยู่กับ ตำแหน่งสัมพันธ์ หรือ ลักษณะเชิงมุมระหว่างดาว หรือปัจจัยนั้น ๆ เป็นสำคัญ

                1.    ตำแหน่งสัมพันธ์ชุด จตุโกณ

1.1  มุมชุด เป็นจำนวนเท่าของ 45 องศา  คือ 0 , 45 , 90 , 135 , 180 , 225 , 270 , 315 , 360 องศา

1.2 มุมชุด เป็นจำนวนเท่า ของ 22 องศา 30 ลิปดา คือ มุมที่ซอยแบ่งครึ่งจาก 45 องศา ลงไปอีก
ซึ่งได้แก่มุม
0 , 22 0  , 450 , 67 0 , 900 , 122.50 1350 องศา

2.    ตำแหน่งสัมพันธ์ชุด ตรีโกณ 

                      ตำแหน่งสัมพันธ์ชุดตรีโกณ หรือเรียกเชิงมุมชุดตรีโกณ ได้แก่

2.1 มุมชุด เป็นจำนวนเท่า ของ 60 องศา คือ 0 , 60 , 120 , 180 ,  240 , 300 , 360 องศา

2.2 มุมชุด เป็นจำนวนเท่าของ 30 องศา คือ มุมที่ซอยแบ่งครึ่ง 60 องศาลงไปอีก ซึ่งได้แก่มุม

      0 , 30 , 60 , 90 , 120 , 150 , 180 องศา

           2.3 นอกจากนี้ยังมีมุมที่แบ่งครึ่งย่อยลงไปอีก แต่ไม่มีความสำคัญคือ มุมเป็น  จำนวนเท่าของ  15 องศา
                 และมุมเป็นจำนวนเท่าของ
7.5 องศา

บทที่ 453

 
อาทิตย์ย้ายราศีในทางโหราศาสตร์จะบอกอะไรกับเราในการพยาการณ์ดวง เมื่ออาทิตย์ย้ายราศีเราถือว่าเป็นการเปลี่ยนเดือนใหม่ ทุกวันที่ 21-22 ทุกเดือน โดยเราจะใช้แบบราศีคงที่ แต่ถ้าเป็นราศีเคลื่อนที่แบบดวงไทยก็จะไปตรงกับวันที่ 15-16 ของเดือน ในทางการเราจะใช้ราศีคงที่กัน อาทิตย์ย้ายราศีจะบอกได้ว่าเดือนไหนเจ้าชะตามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในเดือนนั้น ๆ จนกว่าอาทิตย์จะย้ายราศีอีกครั้ง เหตุการณ์ นั้นๆ ก็จะผ่านไป เราเอาไว้ดูเรื่องต่าง ๆ รายเดือน เมื่อเราทราบเรื่องรายปีแล้ว เราก็สามารถลงมาหารายเดือนต่อไป การดูรายเดือนมีหลายแบบด้วยกัน เราอาจใช้ new moon แรมสิบห้าค่ำเป็นตัวจับก็ได้ หรือ จันทร์จรทับจันทร์กำเนิดก็ได้ระยะเวลาต่างกันนิดหน่อย แต่ที่นิยมใช้กันเราจะใช้ new moon กันเป็นส่วนมาก เพราะให้ผลรุนแรงกว่าอาทิตย์ย้ายราศีแต่เราก็ควรดูทั้งสองอย่างเพื่อป้องกันการทำนายผิดเดือนไป ในโปรแกรมเราใช้ คำว่า solar ingresses อาทิตย์ย้ายราศีเวลากดไปอาทิตย์ก็จะเปลี่ยนราศีให้เราทันทีไม่ต้องไปคำนวณ ความแม่นยำจะสูง ละเอียดกว่า อาทิตย์จะย้ายราศีปีหนึ่ง 12 ครั้ง คือสิบสองเดือนนั่นเอง เราก็จะทราบว่าเดือนนี้จะเกิดอะไรขึ้น โดยภาพรวมของเดือนนั้น แล้วเราก็จะไปหาหน่วยย่อยของเดือนลงไปอีกจนถึงรายวันได้จะมาพูดครั้งหน้านะครับ

บทที่ 454

 

วันนี้จะมาคุยกันเรื่องการใช้โปรแกรมเสริมในระบบซึ่งมีอยู่สองตัวด้วยกันบางคนอาจเคยเล่นหรือยังไม่เคย อันดับแรกเราจะมาแนะนำการใช้การค้นหาจุอิทธิพลต่าง ๆ ใน โหราศาสตร์ Uranian กัน ซึ่งสมัยก่อนเราต้องเปิดสูตรพระเคราะห์สนธิกัน คือจุดอิทธิพลนั่นเองจะมีทั้งหมดเกือบห้าพันจุดมีทั้งในพื้นดวงและดาวจร รวมกันแล้วก็หมื่นกว่าจุด แต่จริงแล้วจะมีจริง ๆ ก็ ห้าพันจุด หน่อย ๆ ข้าพเจ้าก็เลยนำเอาจุดพวกนี้มาใส่ไว้ในโปรแกรมให้เรียบร้อยไม่ต้องเปิดหนังสืออีก เพียงเข้าไปที่ หน้าเมนูหลัก เข้าไปที่ Extension และไปที่ Uranian Dictionary V2  คือตัวใหม่ที่มีข้อดีคือให้เราใส่ตัวย่อของดาวลงไปโปรแกรมก็จะทำการค้นห้าคำที่เราต้องการมาให้หมด เช่นเราต้องการหาสูตรคำว่า mc+ap-po เราก็ใส่ mcappo เข้าไปได้เลย และกด (Enter) โปรแกรมก็จะทำการค้นหาคำที่เราต้องการออกกมาให้หมด ไม่ว่าเราจะใส่สลับตำแน่ง หรือตรงที่เราต้องการออกมา อะไรที่มีทั้งสามปัจจัย หรือสองปัจจัย ก็จะออกมาให้หมด แต่ในเรายังมีการค้นห้าสิ่งที่เราต้องการแบบไม่รู้ชื่อดาว แต่ต้องการทราบว่า คำนี้มีดาวอะไร เราก็ไปใส่ความหมายใน ด้านล่าง (Enter Keyword) เช่นเราต้องการหาคำว่า โหราศาสตร์ เราก็พิมพ์เป็นภาษาไทยลงไปว่า (โหราศาสตร์) โปรแกรมก็จะค้นห้าจุดที่เป็นโหราศาสตร์ออกมาให้หมดใน File ฐานข้อมูลออกมาให้เราหมด อันนี้เป็นข้อดีของโปรแกรมที่มีการพัฒนาจาก version เดิมให้ง่ายขึ้น เราก็จะทราบสิ่งที่เราค้นหาได้ง่าย ในทั้งสองระบบ ถ้ารู้ดาว ก็ใส่ดาว ไม่รู้ความหมายก็ให้ใส่ความหมายลงไป พอได้สิ่งที่เราต้องการเราก็สามารถอ่านดาวที่ทำมุมถึงกันได้ หรือจะนำไปใส่ใน compute เพื่อทำการวัดมุมกันต่อไปคราวหน้าจะมาคุยเรื่องระบบการตั้งจุดอิทธิพลที่ได้มาจาก Dictonary v2 เรากันต่อ

บทที่ 455


 

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง การนำจุดอิทธิพลที่ได้จากการหาใน Uranian Dictonary v2 มาใช้ในการป้อนเข้าไปในพื้นดวง เมื่อเราได้มาแล้วให้ไปที่เมนู
compute และไปคลิกตรงใต้ Formula จะมีเครื่องหมาย > นี้ให้คลิกไปตรงนี้จะมีเครื่องคิดเลขไว้ป้อนข้อมูลได้ ก็ให้เลือกว่าจะใส่ในพื้นดวงหรือจร ถ้าท่านต้องการใส่ในพื้นดวงให้เลือก N คือพื้นดวง หลังจากนั้นให้เลือกตัวแปรเป็นตัวอักษร เช่น A และใส่ จุดอิทธิพลเข้าไปโดยเอาเมาส์ไปเลือกชื่อดาวต่าง ๆ เช่นเราจะใส่จัด MC+AP-PO เราก็เลือกความหมายดาวลงไปและกด Plot โปรแกรมก็จะคำนวณจุดนี้ในพื้นดวงและปรากฏในพื้นดวงเป็นตัว A ขึ้นมาในพื้นดวงท่าน และก็ทำการวัดมุมว่าจุดนี้ทำมุมถึงดาวอะไรบ้าง ในทำนองเราจะหาจร เราก็ใส่ T แทน N ไป ก็จะเป็นจรไป คราวน่าจะมาคุยกันเรื่องการเก็บข้อมูลที่ป้อนเอาไว้ใช้ในดวงต่อไปได้

บทที่ 456
 

 

วันนี้เราจะมาต่อกันเรื่องการ save จุดอิทธิพลเข้าไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลส่วนตัวของเราในกรณีที่เราตั้งไปแล้วและอยากจะนำมาใช้อีกไม่ต้องไปหาใหม่ทำได้โดยการตั้งจุดทีเราต้องการลงไป และไปลด ปุ่ม add โปรแกรมก็จะทำการบันทึกข้อมูลที่ป้อนเข้าไปลงไปเก็บไว้ให้ และให้ใส่ชื่อจุดที่เราต้องการใน discription ก็ให้ใส่เป็นภาษาไทย หรืออังกฤษก็ได้ และกด save หรือก่อนกด add ให้ใส่ความหมายลงไปด้วยโปรแกรมก็จะทำการจัดเก็บไว้ ครั้งต่อไปเมื่อเราดูดวงใหม่ เราก็เรียกออกมาใช้ได้ โปรแกรมก็จะจำค่าไว้และคำนวณตำแหน่งใหม่ในดวงใหม่ให้ไม่ต้องกลัวว่าจะซ้ำของเดิมเพราะจะใช้ได้ทุกคนการเก็บควรแยกไว้เป็นหมวดหมู่ก็จะดีจะได้หาง่ายขึ้น เช่นจุดเกี่ยวกับโชค ก็ชุดหนึ่ง สุขภาพก็จุดหนึ่ง เป็นต้น และเราก็สามารถนำมาแสดงในพื้นดวงได้หลายจุดโดยทำเครื่องหมายถูกไว้ที่หน้าจุดอิทธิพลต่าง ๆ ก็จะมาแสดงให้หมด ถ้าเราไม่ add เก็บไว้เค้าจะแสดง ณ ขณะที่เรา port เท่านั้น แต่ถ้าต้องการแสดงหลายจุดเราก็ทำการ add และถ้าต้องการเอาออก ก็กดเครื่องหมายถูกออกเท่านั้น และกด x ค่าต่าง ๆ ก็จะหมายไป เราสามารถทำให้ทั้งพื้นดวงและจร คราวหน้าจะมาคุยกันเรื่องต่อไปนะครับ

บทที่ 457

 

วันนี้เรามาศึกษาเรื่องการใช้ search point กันจะเป็นโปรแกรมเสริมขึ้นจากตัวโปรแกรมแม่ เราจะมีสองตัวคือ Uranian Dict v2 ,Search point
Search point
มีไว้ทำอะไรบางคนยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่โปรแกรมตัวนี้เหมือน เครื่องทำนายทุกอย่างให้ โปรแกรมจะทำการค้นหาจุดต่างๆ ที่ทำมุมกับดาวทีอยู่ในพื้นดวงและดาวจรได้โดยบอกจุดอิทธิพล และศูนย์รังสี และมีรายละเอียดให้อ่าน เพียงท่านเอาลูกศรไปวางไว้ตรงตำแหน่งดาวที่ต้องการแล้วไปที่ เมนู Extention และไปที่ serach point ก็จะขึ้น หน้าต่าง ๆ ให้ใส่ มุมที่ท่านต้องการทราบ ท่านก็ทำการทำเครื่องหมายถูกที่ มุมให้หมดหรือจะเลือกเอามุมแรงมุมใดมุมหนึ่งก็ได้ และไปที่ Type เลือกศูนย์รังสี และจุดอิทธิพล และสามารถเลือกเอาเฉพาะดาวดวงใดดวงหนึ่ง หรือจะเอาที้งหมดก็ มี all ด้านหลังไป Solar Arc ไว้ใส่โค้งที่มาทำมุมถึงจุดที่ลูกศรไปจี้อยู่ และก็สามารถเลือกมุมย่อย ๆ ลงไปได้อีก ต่อไปท่านก็จะต้องเลือกว่าจะดูพื้นดวงก็ไปทำเครื่องหมายถูกที่ Natal point คือการเช็คดาวพื้นดวงไปทีละตัวหรือจุดที่เราต้องการ หรือดูจรก็ได้ ก็ให้เอาลูกศรไปจี้ไว้ที่ดาวจร และทำเครื่องหมายถูกที่ transit point และที่ขาดมิได้คือ Discription คือรายละเอียดที่จะเป็นภาษาไทย แต่มี version ที่เป็นภาษาอังกฤษ ตอนนี้ยังไม่บ่อยให้ใช้ เพราะเป็นตัวใหม่เหมาะสำหรับคนที่เก่งภาษาหรือคนต่างชาติเข้ามาเล่น พอเราตั้งข้อมูลให้ลูกแล้วกด (Seach) โปรแกรมก็จะคำนวณจุดต่าง ๆ ที่เราเอาลูกศรไปจี้ไว้เช่นเราจะดูวันนี้มีอะไรเราก็เอาลูกศรไปจี้ไว้ที่อาทิตย์จรรายวัน โปรแกรมก็จะแสดงจุดต่าง ๆ พร้อมมุม และรายละเอียดที่เป็นภาษาไทยออกมาให้หมด อาจจะมีมากท่านต้องเลือกดูว่าต้องการดูเรื่องอะไร เช่นการเดินทางอย่างเดียวท่านก็ ป้อนคำว่าเดินทางเข้าไปในช่อง Find และกด Find โปรแกรมก็จะทำการเลือกอักษรที่เราป้อนเข้าไปว่าไปตรงกับจุดอิทธิพลหรือศูนย์รังสีที่เกี่ยวกับการเดินทางออกมาให้หมด  โปรแกรมนี้ถ้าถามว่ามีความแม่นยำไหม ข้าพเจ้าก็อาจบอกได้ว่ามันค้นหาจุดต่าง ๆ แทนเราได้ละเอียดมาก และแม่นยำและตรงมากด้วย ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็อาจมีเราก็ถามเข้าไปโดยป้อนในช่อง Find และกด Seach อีกครั้งโปรแกรมก็จะทำการค้นหาคำที่เราต้องการอีก เห็นไหมว่าเราไม่ต้องจำเป็นต้องทราบอะไรมากเพียงแต่รู้วิธีการทำงานของโปรแกรมเราก็ได้ความหมายของสิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือสิ่งที่อยู่ในพื้นดวงได้อย่างแม่นยำมาก ข้าพเจ้าคิดตัวนี้ขึ้นมาได้เพราะจะเป็นตัวช่วยให้ท่านมั่นใจในการทำนายครั้งสุดท้ายไม่ควรดูก่อนการวัดมุมอย่างเดียว ควรทำตามที่สอนไว้ และสุดท้ายค่อยมาหาในนี้ก็จะเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น แต่ท่านต้องเลือกจุดที่อ่านแล้วเข้าใจเพราะภาษาข้าพเจ้านำมาจากของท่าน อาจารย์ประยูรฯ มา เป็นภาษาไทยที่เก่าหน่อย แต่ท่านต้องตีความดี ๆ เพราะข้าพเจ้าไม่อยากเข้าไปแก้สำนวนของท่านเพราะดีอยู่แล้ว หัดใช้ดูนะครับเพราะจะช่วยให้เราออกคำทำนายได้ถูกต้องแม่นยำและเกิดความมั่นใจบางทีเราดูเรื่องหนึ่งมันอาจมีเรื่องอื่นเข้ามาด้วย
การทำงานของโปรแกรม เค้าก็จะทำการ ขวาดหาจุดทั้งห้าพันจุดว่ามีจุดใดบ้างเข้าทำมุมที่เราเลือกไว้และแสดงออกมา ส่วนมากข้าพเจ้าไว้ดูเรื่องรายวันจะตรงมาก ส่วนพื้นดวงก็ตรงแต่ทราบแล้ว แต่ถ้าใครสนใจพื้นดวงเป็นคนอย่างไรก็ให้ไป ทำเครื่องหมายถูกที่ Natal point ก็ทำในแบบเดียวกัน เหมาะสำหรับท่านที่ยังไม่ชำนาญในการดู และผู้ที่ดูเป็นแล้ว เป็นเครื่องมือช่วยในการค้นหา มือใหม่อาจชอบโปรแกรมนี้เพราะไปต้องไปวัดมุม แต่ไม่ควรใช้มากเพราะจะทำให้เราไม่อยากทำการค้นหาด้วยตัวท่านเองก่อน แถมนิดพอเราป้อนคำที่เราต้องการหาแล้ว ให้กด find ไปเลื่อยๆ จะมีแถบดำขึ้นมาตามอักษรที่เราป้อนเข้าไปให้ทำการกดไปจนกว่าจะหมดแล้วอ่านดู และมาทำการประมวนภาพว่าน่าเป็นเรื่องสิ่งที่ดีหรือไม่ดี บางทีก็อาจมีขยะออกมามาก เราถึงมีระบบ ทำการค้นหาคำที่เราต้องเท่านั้นท่านจะได้ไม่ต้องไปอ่านจนหมด คงพอเข้าใจในโปรแกรมนี้นะครับ สามารถไปจี้ที่ as ma จร ดูรายนาทีก็ได้แม่นทีเดียว

บทที่ 458
 

lสวัสดีครับไม่ได้คุยกันหนึ่งวันเพราะผ้าป่าที่พวกเราช่วยกันบริจาคกันเข้ามา ข้าพเจ้าได้เดินทางไปทำให้พวกท่านเรียบร้อยตามประสงค์ ขอให้บุญที่ท่านทำจงมาถึงท่าน ถามว่าเหนื่อยไหม ก็จะบอกว่าเหนื่อยมาก เดินทาง และเตรียมข้าวของใส่รถก็หมดแรง เพราะต้องไปรับระหว่างทางอีกหลายที่ทำให้ล่าช้าในการเดินทางไปถึงสว่างแดนดิน ก็เหมือนทำท่าจะสว่างจริง ๆ เพราะไม่เคยไปกัน หลงทางอยู่หลายชั่วโมง กว่าจะไปถึงสถานที่ก็มือแล้ว เข้าไปลึกมาก มีแต่ทุ่งนา ไกลไหมไกลมาก 14 ชั่วโมงเห็นจะได้ แต่ก็ดีใจนะ ที่ได้ทำบุญครั้งนี้ เห็นเด็ก ๆ ชาวบ้านมารับของก็ดีใจ ของที่เราไม่คิดว่าจะใช้ได้แล้วกลับมีค่ากับพวกเขามาก เห็นเด็กนั่งอ่านหนังสือเก่าที่ไม่ใช้ อดปลื้มไม่ได้ ดีใจมาก  ดีใจที่เค้ามารับกันของกันหมด เหลือไว้พระท่านบอกว่าเก็บไว้เอาไปแจกตอนปีใหม่ แต่ส่วนมากก็แจกไปเกือบหมด ส่วนของที่ถวายพระก็ทำให้เรียบร้อยแล้ว ถึงมือหมดพระท่านได้ใช้แน่นอน คอมฯเป็นสิ่งจำเป็นเพราะท่านเอาไว้พิมพ์งาน เพื่อเผยแพร่ศาสนาให้กับชาวบ้าน แต่มีปัญหาเครื่องกระแสไฟฟ้ายังไม่ดีนักเพราะไฟฟ้าหลักยังเข้าไม่ถึง ทางวัดต้องต่อไปจากชาวบ้านมาใช้ จะมีไฟฟ้าตก บ้าง อันนี้ก็จะเป็นงานต่อไปของข้าพเจ้าที่จะไปทำบุญเกี่ยวกับไฟฟ้า เพราะต่อไปจะเป็นสถานที่สั่งสอนและปฏิบัติธรรม ของประชาชนทั่วไปได้ ห้องน้ำก็เรียบร้อยแล้วด้วยน้ำใจของนักเรียนกลุ่มหนึ่ง  ที่พักพอไปได้ ตอนนี้สามารถ รับรองคนที่ไปนั่งสมาธิ หรือฝึกจิตได้ ว่าง ๆ ก็เชิญไปกันนะครับ คิดว่าจะจัดทัวร์กันไปนั่งสมาธิ กันดีไหม ใครสนใจติดต่อเข้ามาได้นะครับรับรองว่าได้สิ่งดี ๆ กลับมาแน่ตอน การทำบุญ บุญก็จะกลับมาเป็นของเรานั่นเอง เข้าไปดูภาพกันหน่อยนะครับ  ที่นั่งสงบ เย็นสบาย เป็นธรรมชาติ ชาวบ้านก็น่ารัก คิดไม่ผิดที่ข้าพเจ้าเลือกทำบุญที่นี่ ว่าง ๆ จะไปอีกเอาของไปแจก อิ่มบุญนะ

บทที่ 459
 

สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาคุยเรื่องขั้นตอนการทำนายว่าเราจะเริ่มต้นจากไหนก่อน สิ่งแรกเราอาจจะเริ่มจาก พื้นดวงเค้าก่อน ดูสิ่งที่เด่น ๆ คือดาวในพื้นดวง แล้วก็มาดูที่โค้งฯ ต่าง ๆ เช่น โค้ง sa เป็นอันดับแรก เพราะคนมาหาเรามักจะมีทุกข์ มีปัญหานั่นก็คือ sa เป็นส่วนมาก แต่ถ้าเค้ามาตรง ๆ ถามเรื่องที่ต้องการทราบว่าวันที่นี้จะสอบได้หรือไม่ หรือได้งานในวันที่นี้ได้หรือไม้ เราอาจเริ่มที่โค้ง ju ap kr ก่อน ว่าดีไหม และก็มาเจาะลงในเดือนนั้นได้เลย และลงรายสามไปอีก และก็ไปดู ณ วันนั้นได้เลย อันนี้เป็นทางลัด โค้ง อย่างเดียวก็สามารถบอกภาพรวมของเรื่องที่เค้าถามได้แล้วว่าได้หรือไม่ได้ ถ้าโค้งดูมามากๆ ในปีนี้เค้าทำอะไรก็มักสำเร็จในชีวิตเค้า เพราะกรรมดีมาแล้ว แต่ดูแล้วไม่มีโค้งดีมา มีแต่โค้งร้าย ก็อาจไม่ต้องไปหาอะไรอีก อาจตอบว่าต้องผ่านปีนี้ไปก่อนถึงจะได้สิ่งที่ต้องการ คือพ้นวันเกิดเค้าไปแล้ว โค้งจะทำงานแค่วันเกิดชนวันเกิดเท่านั้นก็เปลี่ยนแล้ว หนึ่งองศาก็สำคัญนะ หรือจะวันนี้ให้เค้าไปทดสอบดูก็ได้อันนี้ก็จะเป็นการเปลี่ยนแนวชีวิตเค้าไปจากไม่ได้กลายเป็นได้ แต่อาจอยู่ไม่นานกับสิ่งที่เค้าได้มา ก็ได้ แต่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรทำ แต่ถ้าเค้าถาม วันออกรถ ขึ้นบ้านใหม่วันไหนดี ท่านก็ดูได้เลยเพราะเป็นเรื่องปกติสามารถดูได้ แต่ก็ขอให้กลับไปดูโค้งเสียก่อนว่าเค้าสามารถไหมปีนี้ ถ้าโค้งดีมี ก็ให้ฤกษ์ เค้าได้เลยไม่มีปัญหาอะไร แนวทางการดูมีหลายแบบแต่ที่กล่าวมานี้เป็นแบบทางลัด หรือจะไปดูเรือนชะตาก็ได้ง่ายดีสำหรับเรื่องที่เค้าถาม ถ้าใครมีความสามารถทางเรือนชะตาก็เอามาผสมกันได้นะครับ
 

บทที่ 460
 

สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนาม และมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือน เมษายน สำหรับในทางโหราศาสตร์ สากลเราจะใช้วันที่ 22-23 ธันวาคม ทุกปี เป็นวัน สงกรานต์ ถือเป็นที่อาทิตย์ย้ายเข้าราศีมังกร เป็นวันสำคัญที่ใช้ในการดูเรื่องต่าง ๆ รายปี อาทิตย์ทับเส้นแบ่งราศีพอดีเราสามารถเอาวันนั้นมาดูลเรื่องรายปีได้ เป็นดวงรายปีของชนิดหนึ่ง นับว่าใช้ได้ดี ในการดีเรื่องทั่ว ๆ ไป ว่าปีนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรอบตัวเจ้าชะตา เป็นส่วนใหญ่ เวลาหาวัน เราก็คลิกเมาส์ขวา และไปที่ เมนู Solar Quarlarly และไปที่ Capricornus เราก็จะได้อาทิตย์ทับเส้นแบ่งราศีพอดี ในสมัยก่อนต้องปรับที่ Transit เอาเสียเวลา เลยมีการทำตัวนี้ขึ้นมาให้หาง่ายขึ้น พอได้แล้วเราก็สามารถอ่านดวงชะตารายปีของคนนั้นได้เลย ดาวจร ณ วันสงกรานต์ กับพื้นดวงทำมุมถึงกัน ก็อ่านออกมา การอ่านเราก็อ่านปีชนปี เช่นปีนี้ เราก็อ่านตั้งแต่ วัน 22 ธันวาคม 2553 ถึง 22 ธันวาคม 2554 ถือเป็นหนึ่งปี พอดี สำหรับวันนี้เราถือว่าชีวิตคนเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ของธรรมชาติ ใครชีวิตไม่ดี ก็จะเริ่มดีขึ้น  วันนี้ดาวบนท้องฟ้าจะบอกถึงเรื่องสำคัญในปีใหม่ที่จะถึง ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เลยข้าพเจ้าถือว่าหลังจากวันที่ 22 ไปแล้วจะเป็นวันปิดการสอนให้นักเรียนไปพักผ่อน ทำตัวใหม่ รับกับวันปีใหม่ ที่มาที่ไปของดวงสงกรานต์ยังมีอีกแต่เอาพอเข้าใจ สิ่งสำคัญคือทำวันนี้ให้ดีที่สุดวันต่อไปก็จะดีเองนะครับ

บทที่ 461

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องวันสงกรานต์กันต่ออีกนิด ดวงวันสงกรานต์นี้ เราสามารถนำมาใช้กับ เจ้าชะตาที่ไม่มีเวลาเกิดที่แน่นอน เพียงแต่บอกว่าเกิดช่วงไหน โดยประมาน เราก็สามารถใช้ดูดวงรายปีได้ ดีกว่าใช้ดวง Solar Return เพราะเป็นดวงที่จะกำหนดเวลาออกจะแน่นอนเราถึงจะใช้ดวงรายปีนี้ได้ เช่นเราอยากจะดูดวงสิ่งของก็ให้ใช้ดวงสงกรานต์ นี้ได้ เพราะเวลาไม่แน่นอน หรือดวงเมืองในปีนี้เป็นอย่างไร ก็ใช้ดวงนี้ได้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของดวงรายปี คือทำให้ทราบว่าเจ้าชะตามีกรรมดีหรือกรรมไม่ดีในปีนี้หรือไม่ ดาวจรของดวงสงกรานต์ คือกรรมใหม่ ที่จรมาแต่ละปี พื้นดวงคือกรรมเก่าที่ก่อเกิดให้เป็นตัวเราตั้งแต่เกิดเราหนีไม่พ้นแน่ แต่กรรมใหม่ที่เข้ามาเราสามารถหลีกหนีพอได้นะครับ ถ้ามาพูดเรื่องกรรมใหม่ กรรมเก่า กัน ก็คงต้องมาคุยยาวหน่อย สรุปคือ คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า พอหมดก็ไปเกิดใหม่ การเกิดใหม่คือกรรมใหม่นั่นเอง พอเข้าใจไหม พื้นดวงก็คือ ดาวจรนั่นเอง ไม่ผิดอะไรที่เราจับดวงจรมาเป็นพื้นดวงคือหาเวลาที่ดีในการทำอะไรสักอย่าง เช่นหาวัน เดือน ปี ให้เด็กที่จะเกิดได้ การออกรถ ปลูกบ้าน ฯลฯ พูดไปก็คือการวางฤกษ์นั่นเอง พอคงเข้าใจนะครับ ในที่สุดก็มาถึงเรื่องธรรมะกันแล้ว กรรม คืออะไร กัน เอาไว้วันพรุ่งนี้เรามาคุยกันต่อว่ากรรมคือกลม ๆ บุญคือแบน ๆ หรือยังไงกัน

บทที่ 462
 

การพยากรณ์จรรายปี  จังหวะใด ก็ตามบนฟ้า เราสามารถจะนำเอามาใช้

สำหรับการพยากรณ์จร ได้ทั้งสิ้น

          ความต้องการของมนุษย์ ดิ้นรนไปตามหนทาง 2 หนทางคือ

1.   ตามเป้าหมาย ของ แรงผลักดัน

2.   ตามเป้าหมาย ของ ความต้องการ

           ภารกิจของชีวิตมนุษย์ ปฏิบัติเพื่อการบรรลุถึงเป้าหมายทั้ง 2 นี้ เพราะฉะนั้น ความหมายของชีวิต จึงได้แก่ การเจริญเติบโต การพัฒนาการ การรู้และการกระทำ การเพิ่มพูนประสบการณ์ การอำนวยการ การทำให้เกิดความสมบูรณ์และการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ให้เกิดขึ้น การถึงแก่กรรม การทำความชั่วร้ายและการรับใช้ประเทศชาติ อันเป็นเรื่องของการทำลายหนทาง และการต่อสู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลสำเร็จตามเป้าหมายทั้งสอง ตามกาลเวลาที่เรามีอยู่ ซึ่งมีลีลาขึ้น ลง เดี๋ยวแพ้เดี๋ยวชนะ เรียกว่า โชคชะตา

โชคชะตา ไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ แต่เป็น สิ่งที่ได้ ถูกกำหนดไว้โดยแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งกรรม  เป็นกฎสำคัญ ที่มั่นคง และเป็นอมตะ

    ปัจจัยของโชคชะตา คือ ลักษณะทางกายสังขาร พันธุกรรม การศึกษา พื้นเพ สิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ ฟ้า ในความหมายอย่างกว้างที่สุด จากประสบการณ์ พบว่าโชคชะตานี้ อยู่ในอิทธิพลของดวงดาว นั่นก็คือ หลักพื้นฐานของปรัชญาแห่งโลก สาขาวิชา โหราศาสตร์ ซึ่งเรากำลังศึกษากันอยู่ ปัจจัยของโชคชะตานี้เป็นสิ่งที่ ฟ้า ประทานมาให้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นสิ่งที่ได้กำหนดขึ้นไว้โดยแน่นอนด้วย โครงสร้าง อันสูงส่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับอำนาจลึกลับชนิดหนึ่ง ลำพังตัวของเราเองย่อมจะไม่มีทางที่จะเรียกร้องความต้องการใด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตา เราได้ชีวิตของเรามาด้วย การเกิด ซึ่งการเกิด นี้ หาใช่เป็นความต้องการของเราไม่ จุดจบของชีวิตที่เป็นไปตามกาลเวลา คือ ความตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นแก่มนุษย์เช่นเดียวกันกับ การนอนหลับ

ชีวิตของคนนั้นมีขั้นมีตอน ลีลาของชีวิตจะแบ่งออกได้เป็นขั้น ตามกาลเวลา เช่น วัยเด็ด หรือ ปฐมวัย วัยเจริญเติบโตหรือมัชณิมวัย วัยชราหรือปัจฉิมวัย เป็นต้น  มาตราที่สำคัญซึ่งเราใช้การวัดหรือใช้สำหรับการแบ่งการคำนวณขั้นตอนดังกล่าวนี้ คือ วัน เดือน และ ปี มาตรานี้ เราเอามาจาก อาทิตย์ ถึงแม้ในบางกรณีเราจะเอามาจากการโคจรของดวงจันทร์ ก็ตาม และ โลก กล่าวคือ เมื่อโลกหมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบ เราได้ วัน และเมื่ออาทิตย์โคจรรอบจักรราศีครบ 1 รอบ เราจะได้  ปี จึ่งเห็นได้ว่า ความจริงนั้น บทบาทของ อาทิตย์ ที่มีต่อชีวิตคน หาใช่เพียงเป็นผู้บันดาลแสงสว่างกับความร้อนเท่านั้นไม่ แต่ยังทำหน้าที่เป็น นาฬิกา บอกถึงขั้นตอนต่าง ของชีวิตอีกด้วย

ในการพยากรณ์เหตุการณ์ ก่อนอื่นท่านจะต้องทำความคุ้นเคยถึงธรรมชาติของ เวลาให้มากขึ้นอีกสักนิด เพราะเป็นสิ่งที่เราจะต้องใช้สำหรับระบุการปรากฏของเหตุการณ์ต่าง นักปรัชญาคือ คันท์ ( Kant ) กับ โชเปนเฮาเออร์ ( Schopenhouer ) กล่าวว่า เวลาของเรานั้นไม่มี แต่จะมีขึ้นได้ ก็โดยการอาศัยความนึกคิดเท่านั้น  คำกล่าวนี้ ถึงแม้จะเข้าใจยากสักนิด แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามีประโยชน์มากถ้าหากลองคิดให้ดี ตราบใดที่เวลายังหมายถึงอดีตและอนาคต เวลาของเราย่อมจะไม่มี เพราะอดีตจะมีขึ้นได้ก็โดยอาศัยการจำของเราเท่านั้น ถ้าจำไม่ได้ อดีตก็ไม่มี อนาคตก็เช่นเดียวกัน เราต้องคิด ต้องการสังหรณ์ จึงจะมี ที่มีอยู่จริง นั้น คือ ปัจจุบัน ตราบเท่าที่เรายังเป็นตัวของเราอยู่ ปัญหาสำคัญที่กำลังเป็นอยู่คือ อันปัจจุบันนั้นขนาดไหน วันนี้หรือ ไม่ใช่ เพราะส่วนหนึ่งของวันนี้ย่อมกลายเป็นอดีตไปแล้ว ชั่วโมงนี้ ก็ไม่ใช่อีก ปัจจุบันนั้นคือ ขณะนี้ ซึ่งนานชั่วพริบตา หรือหากกล่าวเป็นภาษาคำนวณ ก็นานเพียงขนาดของเวลาเท่านั้น เวลาจึงมีอยู่ชั่วขณะเดียว แล้ก็ผ่านเลยไป เมื่อเทียบกับความไม่สิ้นสุด จึงถือว่าไม่มี

กฎการดลบันดาล กฎของ ต้นเหตุ กับ การแสดงผล สร้างสะพานเชื่อมโยงจากอดีตไปสู่ อนาคต การพยากรณ์ล่วงหน้า คือการประเมินค่าจาก เหตุในอดีต เพื่อหา ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากการพยากรณ์ที่หวังผลได้ อย่างแน่นอนที่สุด จำต้องอาศัย วิชาดาราศาสตร์ เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ข้อมูลต่าง อันเกี่ยวกับท้องฟ้า เพราะฉะนั้น จึงต้องมีการใช้ การคำนวณ ประกอบการพยากรณ์ด้วย

บทที่ 463

เกษตรของดวงชะตา

                คำว่า เกษตรของดวงชะตา หมายถึง ดาวพระเคราะห์ ที่สถิตใกล้กับ จุดเจ้าชะตา 2 จุดจุดใดจุดหนึ่ง คือ เมอริเดียน หรือ ลัคนา ดาวพระเคราะห์ใด ๆ ก็ตาม หากสถิต ใกล้ จุด เมอริเดียน หรือ จุดลัคนา เราเรียกดาวพระเคราะห์นั้น ๆ ว่า เป็น เกษตร ของ ดวงชะตา ซึ่งดาวพระเคราะห์ใด ก็ตามที่มีสภาพเป็น เกษตร ของดวงชะตา ดาวพระเคราะห์ดวงนั้น ๆ ย่อมจะมีอิทธิพล ครอบคลุม ดวงชะตาดวงนั้น ๆ ทั้งดวง หรือชีวิตของเจ้าชะตาผู้นั้น ทั้งชีวิต เสมือนกับดาวพระเคราะห์ที่เป็นเกษตรประจำราศีใด ย่อยจะมีอิทธิพลครอบคลุมราศีนั้น ทั้งราศี  อาจรวมไปถึงการทำมุม 90 องศา และ 45 องศา  180 องศา กับ เมอริเดียน และลัคนา ด้วย แต่จะอ่อนลงไป

บทที่ 464
 

เวลาดาราศาสตร์ ( Sideral Time )

เวลานี้เป็นเวลาบนฟ้าที่เป็นการโคจรของดวงดาว แต่เวลาใช้เราต้องนำมาคำนวณให้เป็นเวลาบนพื้นโลกเสียก่อน เพราะเวลาต่างกันพอสมควร เป็นสิ่งที่ท่านควรทราบไว้ว่าเวลามีสองเวลาคือเวลาบนฟ้าและเวลาบนพื้นโลก

                คือเวลาซึ่งกำเนิดมาก จากการใช้ ดาวฤกษ์ เป็น จุด สังเกต เวลาดาราศาสตร์ มีหน่วยวัดเป็น วันดาราศาสตร์ ชั่วโมงดาราศาสตร์ นาทีดาราศาสตร์ และวินาทีดาราศาสตร์

                ตามเกณฑ์ 1 วัน เท่ากับ 24 ชม. 1 ชม. เท่ากับ 60 นท. 1 นท. .เท่ากับ 60 วท.

                ดาราศาสตร์  1 วันดาราศาสตร์ จะมีความนาน เท่ากับ 23 ชม. 56 นท. 4 วท. ของเวลาธรรมดา เวลาดาราศาสตร์ จะเริ่มต้น 00 ชม. 00 นท. 00 วท. ที่จุด วิษุวัต หรือจุด เมษ เสมอ

เมื่อวานนี้ได้มีประกาศออกมาถึงนักเรียนทุกท่านที่หายไปไม่ค่อยเข้ามาเรียนเป็นประจำต่อไปนี้เราจะมีการปรับเปลี่ยนเวลาเรียนใหม่ตั้งแต่วันที่ 1/1/2554 ว่าทุกคนต้องเวลาเวลาเรียนเป็นของตัวเอง และใครจะเปลี่ยนเวลามาเรียนเวลาอื่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ใครหายไปเป็นเวลา หก เดือนขึ้นไป ถ้ากลับมาเรียนใหม่จะต้องเสียค่าลงทะเบียนเรียนใหม่ อีก หนึ่งหมื่นบาท เพราะปีหน้าจะเรียนขั้นสูงแล้ว ตอนนี้เรามีเด็กใหม่ และเด็กเก่า อยู่ หลายคน  ข้าพเจ้ามาคิดดูว่าถ้าใครมาบ้างไม่มาบ้าง การเรียนก็จะทำให้ผู้เรียนขาดความสามารถในการทำนายไป หรือเรียนไม่ทันเพื่อน เลยมีกฎออกมาถ้าใครไม่มารายงานตัวก่อนสิ้นปีนี้จะตัดออกจากการเป็นนักเรียนไป เพราะต้องการคนที่สนใจจริง แต่ถ้าใครยังคงมีกิจไม่สามารถเข้ามาเรียนได้ก็โทรหรือเข้ามาบอกก่อนสิ้นปี จะได้จัดเวลาเรียนสำหรับกลุ่มที่ไม่ค่อยได้มาให้เข้ามาเรียนทันเพื่อน ไม่แล้วถือว่าที่พ้นจากการเป็นนักเรียนในปีนี้ คงไม่โหดนะครับ เพราะข้าพเจ้าอยากได้คนที่สนใจจริงๆเข้ามาเรียน
ถึงออกกฎนี้ขึ้นมา และปีหน้าข้าพเจ้าก็อาจมีการไปสอนต่างจังหวัดด้วยเลยต้องทำแผนการเรียนใหม่ จะได้ไปสอนได้สองที่ สำหรับนักเรียนปี 53 มีกำหนดให้เรียน อาทิตย์เว้นอาทิตย์ เพราะผ่านการทดสอบเบื้องต้นไปแล้ว คราวนี้ก็จะมาขึ้นขั้นสูงกันเวลาเรียนน้อยลงแต่มีงานให้ทำมากขึ้น ท่านมีการดูดวงให้มาก ต่อไปเราจะเรียนกันแบบผู้ใหญ่กันหน่อย หวังว่าคงจะได้รับความร่วมมือ

 

บทที่ 465
 

ดวงชะตา ( Horoskop or  Horoscope )

                ความหมายของดวงชะตา หากพิจารณาทางด้านเท็คนิคของวิชาโหราศาสตร์จริง ๆ ดวงชะตาก็คือ จุดลัคนา นั่นเอง สมัยนี้อาจเปลี่ยนเป็น เมอริเดียน แทน ตามแนวทางของท่าน อัลเฟรด วิคเตอ นั่นเป็นแนวหนึ่ง  และก็ยังมีอีกหลาย ๆ ความหมาย  อย่างไรก็ดี เพื่อความง่ายแก่การศึกษาและไม่ให้ยุ่งยาก อาจแบ่งดวงชะตาออกเป็น 2 ชนิด คือ

1.    ดวงชะตากำเนิด คือแผนผังท้องฟ้าซึ่งประกอบด้วยตำแหน่งปัจจัยต่าง ๆ ณ ขณะเกิดของเจ้าชะตา หรือก็คือ ดวงชะตา ตามความหมายที่ได้กล่าวมาแล้วนั่นเอง

2.    ดวงชะตาจร คือแผนผังท้องฟ้าซึ่งประกอบด้วยตำแหน่งปัจจัยต่าง ๆ ที่จรไปตามกฎเกณฑ์ของวิชา     โหราศาสตร์หรือตามกฎในทางดาราศาสตร์ก็ตาม ดวงชะตาจรนี้ ใช้ประโยชน์สำหรับการพยากรณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่เจ้าชะตาในปัจจุบันและในอนาคต และการกลับไปดูตำแหน่งดาว ณ ตำแหน่งอดีตที่ผ่านมา นักศึกษาก็จะทราบว่าดาวจรทำมุมกับดาว หรือ ปัจจัยต่าง ๆ ในพื้นดวงท่าน
 

บทที่ 466

วันนี้เป็นวันที่อาทิตย์ยกเข้าราศีมังกร ถือว่าเป็นวันสงกรานต์ เป็นวันปีใหม่ของทางโหราศาสตร์ สากลกัน และชะตาชีวิตทุกคนที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเริ่มจากวันนี้ ใครดีก็จะดียิ่งขึ้นนะครับ ขอให้โชคดีปีใหม่นะครับ วันที่  22/12/2554 เวลา 06.38.19 วินาที

การพยากรณ์ รายเดือน

มีเท็คนิคสสำคัญอยู่ที่ การใช้ดวงชะตาจร ซึ่งนิยมใช้กันดังนี้

ในการพยากรณ์เหตุการณ์รายเดือนที่นิยมกันและใช้กันมากคือ

1.    ดวง วันอมาวสี  ( New Moon ) คือแรม 15 ค่ำ ของทุกเดือน ถึง New Moon ต่อไป

ดวง New Moon นี้ จะบอกเหตุการณ์ว่าเดือนนี้จะมีเรื่องที่เราต้องการทราบเกิดขึ้นหรือไม่

ให้ดูที่ตำแหน่งดวงจันทร์ทับกับดวงอาทิตย์ เป็นจุดตั้ง และดูว่า เรื่องที่เราต้องการค้นหา

เช่น  ดาวโดด ศูนย์รังสี จุดอิทธิพล ฯลฯ มาทำมุมถึงจุด นี้หรือไม่ ซึ่งในโปรแกรมจะมีเมนูให้กด

ที่ New Moon เราก็จะได้ตำแหน่ง พร้อมทั้งปรับเวลามาเป็นประเทศไทยได้เลย ถ้าเปิดในปฏิทิน Raphae*s เราจะต้อง บวก 7 เพื่อให้เป็นเวลาทางตะวันออกเสียก่อนถึงจะนำมาใช้ได้

 

2.    ดวง วันปูรณมี  ( Full Moon )  คือขึ้น 15 ค่ำ ของทุกเดือน ถึง Full moon ต่อไป

ดวง Full Moon นี้ ใช้สำหรับหาเหตุการณ์รายเดือน เหมือนกัน โดยใช้จุดดวงจันทร์ เป็นตัวกำหนดว่า

มีดวง หรือปัจจัย ที่เราต้องการทราบทำมุม หรือเข้าเรือนชะตาอะไรบ้าง ถ้าไม่เข้ามุม หรือเข้าเรือนที่ต้องการ

ก็อาจยังไม่เกิดในเดือนนี้ ให้ทำการตรวจเช็คต่อไป ว่าเดือนไหนจะทำมุมหรือเข้าเรือนที่แรง ๆ ก็น่าจะเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ ที่เราต้องการทราบ

     หลักในการพยาการณ์เหตุการณ์รายเดือนนี้ ทั้ง New Moon และ Full Moon ท่านสามารถเลือกใช้ได้

ว่าอย่างไหนจะให้ความรุนแรงกว่ากัน ควรจะทำการทดสอบให้บ่อย ๆ จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น  แต่ส่วนมากจะ

ดูดวง New Moon มากกว่า ทั้งด้านดี และด้านร้าย เพราะมีผลที่เด็ดขาดในการให้คำพยากรณ์มากกว่า

ส่วน Full Moon ก็ใช้ได้เหมือนกัน

     หลังจากเราทราบว่าเดือนไหนจะเกิดเหตุการณ์ที่เราต้องการทราบ เราก็เริ่มหาวันให้แคบคงไป

โดยดูที่จันทร์ย้ายราศี หรือ ให้ดูที่ First Quarter และ Last Quarter ซึ่งจะได้วันที่แคบลงไปจาก 28 วัน

นี้จะเกิดอะไรขึ้น ก็อาจจะลดลงไปเหลือ ประมาณ 8 วัน  ซึ่งเราก็จะต้องจุด First และ Last Quarter

ว่าทำมุมถึงจุดที่เราตั้งขึ้นมาหรือไม่  บางครั้งเราอาจดูให้แคบลงไปอีก คือดวงจันทร์ย้ายราศี ว่าตรงกับ

จุดที่เราที่การทราบหรือไม่ เราก็จะได้วันแคบลงไป เหลือ 3 วัน โดยประมาท

     ในบางโอกาสนักพยากรณ์บางท่านก็ให้ดวง อาทิตย์ย้ายราศีเป็นตัวดูเหตุการณ์รายเดือนก็ได้

เราก็จะทราบวันที่แคบลงมาจากอาทิตย์ย้ายราศี จากเดือนนี้ไปถึงเดือนหน้า โดยไปวัดมุม ณ. จุด

ตำแหน่งที่อาทิตย์เข้าจุดราศีต่าง ๆ ว่าจะทำมุมแรง ๆ ถึงจุดที่เรากำหนดขึ้นมาหรือไม่

     การอ่านให้อ่านดาววงนอก เป็นเหตุการณ์ 28 วัน 30 วัน หรือ 3 วัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้เลย

แต่ตรงจุดนี้มีข้อแนะนำให้มีความอดทน  บางครั้งอาจหา New Moon ไม่พบ แต่อาจไปพบ ที่ Full Moon

ก็เป็นไปได้ รวมถึงดวงต่าง ๆ ก็กล่าวมา ตรงจุดนี้นักศึกษาควรให้ความสำคัญในเรื่องของเวลาเกิดของผู้ดู

ด้วยบางครั้งเวลาที่ไม่ตรงอาจทำให้การพยากรณ์ไม่ตรงมาวันที่กำหนดไว้ได้ เหมือนกัน ตามที่ข้าพเจ้าได้

พบมา แต่จะไปเกิด เร็ว หรือ ช้ากว่า ที่เรากำหนดเอาไว้ ถ้าเป็นอย่างนี้  แนะนำให้ตรงสอบเวลาเกิดอีกครั้ง

และถ้าเป็นไปได้ควรปรับเวลาเกิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ก็สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นเหตุการณ์ที่

น่าประทับใจทั้งด้านดีและด้านร้าย เราสามารถนำมาใช้ในการปรับหาเวลาเกิดได้ ซึ่งจะกล่าวในส่วนต่อไป

ความหมายทางโหราศาสตร์ และปัจจัยต่าง ๆ ที่บอกแปลในเรื่องของเวลา

เมอริเดียน จร          แปลว่า   นาที หรือขณะนั้น ไม่ได้แปลว่า ฉัน

อาทิตย์  จร             แปลว่า   วันนั้นวันที่ควรพิจารณาที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ

จันทร์ จร              แปลว่า   ชั่วโมงนั้น  หมายถึงชั่วโมงที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ

จากความหมายทางโหราศาสตร์ของ ปัจจัยจรปัจจุบัน ตามที่ได้กล่าวข้างต้น ทำให้เราสามารถที่จะ

พอมองเห็นภาพได้ว่า อันดวงชะตานั้น ๆ เทียบได้รับ เป็น นาฬิกา เรือนหนึ่ง ซึ่งมีความสลับซับซ้อน

กล่าวคือ

     เข็ม เมอริเดียน    จร       ตีบอก นาที

     เข็ม จันทร์         จร       ตีบอก ชั่วโมง

     เข็ม อาทิตย์       จร       ตีบอก วัน

     เข็ม อาทิตย์       จย       ตีบอกปี

วิชาโหราศาสตร์นิยมเทียบ วัน ว่าเหมือนปี และโดยทั่วไปบุคคลทั่ว ๆ ไป ก็มักนิยมนำเอาวันกับ ปี

มาเทียบกัน เช่นเดียวกัน ดังจะเห็นได้จากบทประพันธ์ต่าง ๆ กล่าวคือ เหมือนเพลง 16 ปี เหมือน 16 วัน แห่งความหลัง เป็นตัน

     เวลาเช้า            เทียบได้กับ        ฤดูใบไม้ผลิ                        12.00,  00.00

     เวลาเที่ยง          เทียบได้กับ        ฤดูร้อน

     เวลาเย็น           เทียบได้กับ        ฤดูใบไม้ร่วง      9.00 , 21.00                        15.00 .03.00

     เวลากลางคืน       เทียบได้กับ        ฤดูหนาว

                                                                                        6.00 ,18.00        

ในวันหนึ่ง ๆ อาจแบ่งออกได้เป็น 8 ห้วงด้วยกัน แต่ละห้วงมี จุดเปลี่ยน คือ

00.0 . 6.00 . 12.00 . 18.00 . และตรงจุดกึ่งกลางของห้วงเวลา 03.00 . 09.00. 15.00. 21.00

จุดเปลี่ยนทั้ง 8 นี้ การเปลี่ยนแปลงทางอุตุนิยมวิทยาและทางเคมี จะเป็นไปในลักษณะ สูงสุด กับต่ำสุด

อันได้แก่ ความกดอากาศ การเคลื่อนไหวของอากาศ อาการสั่นของแม่เหล็กโลก เป็นต้น

บรรดาพืชพันธ์ทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จะผลิต กลูโคสมากที่สุดและน้อยที่สุด ดูดน้ำและคลายน้ำ ฯลฯ ณ

จุดเปลี่ยนทั้ง 8 นี้

     สำหรับมนุษย์ ตรงจุดเปลี่ยนทั้ง 8 ตับและไตจะมีการขับถ่ายในลักษณะ มากที่สุดและน้อยที่สุด ความดันโลหิตจะสูงที่สุดและต่ำที่สุด อุณหภูมิในร่างกายสูงที่สุดและต่ำที่สุด ฯลฯ

บทที่ 467

ดวงชะตากำเนิด กับ การพยากรณ์จร

เวลา ย่อมผ่านไป ตามแนวทางของมัน โดยมิได้พวงว่า เราจะรู้อนาคตของเราหรือไม่ โดยการพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ นักอุตุนิยมวิทยาไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ฉันใด นักโหราศาสตร์ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้ฉันนั้น อย่างไรก็ดี เรามีความสามารถที่จะรู้และเข้าใจ สามารถที่จะทราบเรื่องราวและสาเหตุที่มาของโชคชะตาได้ฉันนั้น   และสามารถที่จะปรับตนให้สอดคล้องกับแนวทางต่าง ได้ แต่ในขณะเดียวกัน การพยากรณ์จึงมิใช่การปฏิบัติเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะ ขุดทองจากดวงชะตา เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง นักโหราศาสตร์เองก็คงกลายเป็นเศรษฐีกันไปตามกันหมดแล้ว

สิ่ง ที่แสดงอยู่ในดวงชะตากำเนิดนั้น ในระยะต้น จะอยู่ในลักษณะ แอบแฝง อยู่เฉย กล่าวคือจะ สงบนิ่ง

อยู่ในบุคคลเป็นรูปของ คุณสมบัติต่าง ความโน้มเอียงหรือความชอบพอ ความสนใจ ความสามารถ ประสิทธิภาพ เหมือน หลับอยู่  ครั้นเมื่อถึงเวลา สิ่ง ต่าง เหล่านี้ ก็จะถูก ปลุกให้ตื่น โดย การพัฒนาการ ที่เหมาะ สิ่งที่มีอยู่ในตัวบุคคลนั้น ย่อมจะแสดงออกมา ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่งตามพัฒนาการของมัน ในรูปต่าง เช่น แบบ รูปร่าง ความชื่นชมยินดี ความดีใจ การแสดงกาย ประสบการณ์ การมีชีวิตอยู่ การเกิด

 การพยากรณ์ เพื่อต้องการทราบว่า เมื่อใด สิ่งที่มีอยู่ในดวงชะตาในสภาพของการ แอบแฝง อยู่นี้ จะปรากฏขึ้น คือ
 การพยากรณ์จร นั้นเอง

ปรัชญาของการตรวจดวงชะตา

ในการตรวจดวงชะตาในวิชาโหราศาสตร์ โดยทั่วไปกับนักโหราศาสตร์มีปรัญาว่า

ไม่ใช่ ตรวจเพื่อจะทราบว่า วันนี้จะมีอะไร ดังที่เคยกว่ากันเล่น   แต่ตรวจเพื่อ ให้ทราบว่า

วันนี้ จะมีเหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นหรือไม่

กล่าวคือ ใช้วิธี ตรวจเป็นเรื่อง

1.    วิธีตรวจเรื่องร้าย

เพ่งเล็ง ไปที่ ดาวบาปเคราะห์

อังคาร เสาร์ มฤตยู เนปจูน ฮาเดส แอดเมตอส

สำหรับ จุดเจ้าชะตา ที่ใช้ ให้ใช้ จุดเมษ อาทิตย์ หรือ จันทร์ หากเจ้าชะตาเป็นหญิง สำหรับ เมอริเดียน กับ ลัคนา นั้น เมื่อมั่นใจจึงใช้
 (
มั่นใจในการปรับดวงชะตา )

บทที่ 468
 


ถ้าท่านหันเครื่องไปทางทิศเหนือเราก็จะได้แกนตามนี้ ควรใช้เข็มทิศเข้าช่วย

การดูทิศในแบบโหราศาสตร์ยูเรเนียน
          
                                                                                   N

                ลัคนาของเจ้าชะตาอยู่ตรงจุดไหน ทางนั้นเป็นทิศตะวันออก

                เมอริเดียนของเจ้าชะตาจะอยู่ไปทางด้านล่าง ทิศใต้

                ทิศตะวันตก จะอยู่ทางซ้ายมือท่าน                                                            W                                             E (AS)

                ทิศตะวันวันออก จะอยู่ทางด้านขวามือ ( จุดลัคนา )

                               

                                                                                                                                                                                                                       S  (MC)

          ทิศที่ดีคือทิศที่มีดาวพฤหัสสถิตอยู่ ใช้ได้ทั้งจังหวัด และประเทศ

 

 

รังสีของดาวพระเคราะห์

ตามแนวทางของท่าน อัลเฟรด วิตเตอ

พุธ          แดงอมน้ำเงิน       อังคาร    เหลืองอมแดง       เสาร์   เขียว            คิวปิโด น้ำเงินอ่อน

ศุกร์        แดง                   มฤตยู      เขียวอมน้ำเงิน      อาเดส    คราม

โลก แดงอมเหลือง              พฤหัส    น้ำเงินอมเขียว      เนปจูน   น้ำเงินอมเขียว      เซอุส ม่วงแก่

ดาวเคราะห์คู่ใดก็ตามที่รังสี กลืนกัน หากไม่กลมกลืนกัน อิทธิพลจะออกมาในรูปของการทำลายล้าง ดังเช่น อังคารกับเนปจูน เป็นต้น หากไม่กลมกลืนกัน สีที่เข็มแข็งกว่าก็จะเป็นผู้ชนะและอิทธิพลที่ปรากฏก็จะออกมาตามอิทธิพลดวงวสีนั้น ดังเช่น ศุกร์ เป็น สีแดง เมื่อผสมกับ เสาร์ มฤตยู หรือเนปจูน ก็ดี เนื่องจากสีเข้ากันไม่ได้และสีแดงเข้มแข็งกว่า อิทธิพลที่ปรากฏจะออกมาในรูปของ ความรัก ความสงบ เป็นต้น

                เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ ท่าน อัลเฟรด ได้คิดไว้เพียงถึง เซอุส เท่านั้น ท่านก็มีอันถึงแก่กรรมและไม่มีผู้ใดในยุคปัจจุบันสามารถที่จะคิดต่อได้อีก

บทที่ 469
 

1.    ดวงสงกรานต์

เป็นการพยากรณ์จรรายปีให้ทราบว่าปีนี้จะเกิดอะไร โดยอ่านจาก ตำแหน่งดาวและปัจจัยต่าง บนท้องฟ้า วันที่ อาทิตย์จรรายปี ย้ายเข้าราศีมังกร ที่ 00 Cp 00  หรือ 270.0  จากราศีเมษ  ส่วนมากจะเป็นการ เป็นดวงรายปีชนิดหนึ่ง ที่สามารถบอกรายละเอียดได้อีกแบบหนึ่ง เราควรเช็คดวงรายปีทั้งสองอย่างพร้อมกันเพื่อหารายละเอียดในแต่ละปี

2.    ดวงทินวรรษ  (Sala Return)

เป็นการดวงชะตาเฉพาะบุคคลนั้น จึงอาจอ่านชะตาชีวิตในรอบปีนั้น จากวันเกิด ถึงวันเกิดของปีต่อไป

      จากดวงทินวรรษได้อีกด้วย กล่าวคือ อ่านดวงทินวรรษทำนองเดียวกับอ่านดวงชะตากำเนิด

      จึงอาจสรุปการอ่อนได้ดังนี้

     1.    อ่านดวงทินวรรษอย่างเป็นเอกเทศ

    2.     อ่านดวงทินวรรษโดยเทียบไปกับดวงชะตากำเนิดซึ่งในการอ่านดวงชะตานั้น ก็จะต้อง

เป็นอันทราบกันดีว่า มีข้อสนใจอยู่ 2 ประการที่สำคัญคือ

1.    สนใจปัจจัยที่สัมพันธ์กับ จุดเจ้าชะตา พร้อมทั้ง จุดสะท้อน และ บวก ลบ โค้งสุริยายาตร์

2.    สนใจเรือน 1 4 7 10 โดยเฉพาะ เรือนที่ 10 เรือนที่ 1 และเรือนที่ อาทิตย์และลัคนาทินวรรษสถิต เพราะเรือนนี้จะบอกเรื่องราวที่สำคัญในปีนั้น

3.    โค้งอายุ ARC

3.    ดูจรสุริยยาตร์  เริ่มจากวันเกิดนับไปตามอายุจริง และดูดาวจร วันนั้นว่าทำมุม

บทที่ 470

ความรู้เกี่ยวกับเรือนชะตา

เป็นหลักการสำคัญและ ใช้เสมอในการอ่านดวงชะตาโดยทฤษฎีเรือนชะตา ขอให้นักศึกษาอ่านด้วยความระมัดระวังและเข้าใจให้ถ่องแท้

เรือนเกณฑ์

เป็นเรือนที่สำคัญที่สุดในเรือนชะตา และเทียบได้กับจรราศี ได้แก่ เรือนที่ 1  4   7  10  ที่ว่าสำคัญเพราะมีลักษณะเป็น จุดเปลี่ยน อันหนึ่งทำนองเดียวกับราศีเมษ กรกฏ  ตุลย์  มังกร  อันเป็นจุดเปลี่ยนของธรรมชาติในรอบปีเมื่ออาทิตย์โคจรถึงจุดทั้ง 4 นี้ ดาวพระเคราะห์ที่สถิตในเรือนเกณฑ์จะแสดงอิทธิพลเน้นหนักไปทาง ด้านนอก หรือ ปฏิบัติ เสมอไป ตัวอย่างเช่น อังคารสถิตในเรือนที่ 7 จะมีผลทำให้เจ้าชะตามีอันต้องเข้าไปวุ่นวายกับสังคมอยู่เป็นนิจ คู่ครองเป็นบุคคลแข็งกล้า หากเป็นด้านร้าย มักก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทอุตลุด ดังนี้เป็นต้น

เรือนกลาง

ได้แก่เรือนที่ 2  5   8  11  อันเทียบได้กับสถิตราศี เรือนชะตาเหล่านี้มีอิทธิพลไปทางที่ก่อให้เกิดความหนักแน่น มีแนวโน้มในการยับยั้งความวู่วามของเรือนเกณฑ์ อันเป็นเรือนที่ 12 ของเรือนตน เช่นราศีพฤษ มีแนวโน้มยับยั้งความวู่วามของราศีเมษเป็นต้น หากเป็นโทษจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการพุ่งไปสู่ความสูงส่งของชีวิต

เรือนปลาย

ได้แก่เรือนที่ 3  6  9  12  ซึ่งเทียบได้กับอุภยราศี เรือนชะตาเหล่านี้มีอิทธิพล ไปในทางก่อให้เกิดความไม่แน่นอน ทางโหราศาสตร์ถือว่า เรือนที่ 3 กับ 9 เป็นเรือนชะตาแห่งปัญญาความฉลาด ดาวพระเคราะห์ที่สถิตในเรือนทั้ง 2 นี้ หากมีสภาพเป็นดาวเด่นในดวงชะตา เช่น มีตำแหน่ง สัมพันธ์ถึง ลัคนา เมอริเดียน หรือจุดเจ้าชะตาอื่น ดาวพระเคราะห์นั้น ๆ จะแสดงอิทธิพลเน้นหนัก ไปทางด้านในหรือทางทฤษฎี อันเป็นคุณสมบัติที่ตรงกันข้าม กับคุณสมบัติของเรือนเกณฑ์ ดังได้กล่าวมาแล้ว ส่วนดาวพระเคราะห์ที่สถิตในเรือนปลายอีก สองเรือนที่เหลือคือเรือนที่ 6 กับ 12 จะแสดงถึงการมีหัวทางด้ายอาชญากรรม

บทที่ 471

ดาวอรุณ  ดาวสนธยา

                หมายถึงดาวพระเคราะห์ที่อยู่ใกล้กับอาทิตย์ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ ในขณะอาทิตย์ขึ้น เช้าตรู่ หรือในขณะที่อาทิตย์ตก หัวค่ำ การใช้ ดาวอรุณ - ดาวสนธยา ในการพยาการณ์หรืออ่านดวงชะตา เป็นมรดกตกทอดกันมาจากโบราณ ในโหราศาสตร์ยูเรเนียนใช้ พุธ กับ ศุกร์ ซึ่งอยู่ใกล้อาทิตย์ อันจะมีสภาพเป็น ดาวอรุณ - ดาวสนธยา อยู่ในดวงชะตาทุกดวงไป มาประกอบการพยากรณ์

                ดาวอรุณ                คือดาว ที่สถิต หลัง อาทิตย์ 

                ดาวสนธยา คือดาวที่สถิต หน้า อาทิตย์

                พุธ หากเป็นดาวอรุณ          ความหมาย ประสิทธิภาพในทางความคิด จะมากขึ้นตามอายุ

                พุธหากเป็นดาวสนธยา      ความหมายชอบเสนอแนะ หรือ สอนง่าย

 

                ดาวพุธ                  โคจรพักร ขณะเกิด วัตถุนิยม

                                           โคจรปกติ    อุดมการณ์

                ดาวศุกร์อรุณ          ความหมาย มีเสน่ห์ ยิ่งมีอายุยิ่งสวย

                ดาวศุกร์สนธยา       เกรงใจผู้อื่น

 

                ผู้ที่เกิดข้างขึ้น     จะถนัดปฏิบัติ วัยเด็กแข็งแรง

                ผู้ที่เกิดข้างแรม    จะถนัดทฤษฎี  วัยเด็กอ่อนแอ