|
จรพื้นดวง จรจากดาวปัจจุบันบนท้องฟ้า
จรตามอายุขัย (โค้งสุริยยาตร์) จรตามดาวปัจจุบันตามดาราศาสตร์
1 วัน = 1 ปี หรือ 1 องศา = 1 ปี ให้ดูดาววงนอกของโปรแกรม
ว่าตรงส่วนที่กางออกไปทั้ง บวก และ ลบ ว่าดาวจรมาทำมุมถึงดาวพื้นดวงหรือ
มุมกับดาว หรือปัจจัย ต่าง ๆ ที่กำหนด ปัจจัย ต่าง ๆ ที่กำหนด
อนึ่ง
ถ้าท่านดูจรแบบตามอายุขัย แกนที่กางออกไปนั้น ทั้งบวก และลบ
เราถือว่ามันเป็นจุดเจ้าชะตา
อยู่ด้วยคืออาทิตย์นั่นเอง เฉพาะนั้นส่วนที่กางออกไปทำมุมต่าง ๆ เช่น
0 45 90 180 22.30
หรือมุมแรงอื่น ๆ
กับดาวในพื้นดวง หรือดาวจร หรือปัจจัยที่กำหนดขึ้น ท่านก็สามารถให้คำตอบในเรื่องต่าง ๆ ที่ถูกตามได้เลย
ส่วนการพยากรณ์จรแบบดาวปัจจุบันบนท้องฟ้า เราจะ LOCK ตำแหน่งดาววงนอกไว้ที่ รายปีของแต่ละบุคคล
คืออาทิตย์จรทับอาทิตย์กำหนด และให้อ่านวงนอกวงในยิงมุมเข้าหากัน
รวมถึงปัจจัยต่างที่เราต้องการทราบได้เลย
แต่เป็นเหตุการณ์เพียง
1 ปี
คือนับวันเกิดปีนี้ ถึงวันเกิดปีต่อไป เช่นเกิดเดือน กันยายน
2508
เราต้องการดู
ดวงรายปีเราก็ปรับตำแหน่งให้อาทิตย์จรทับอาทิตย์กำหนด ในกรณีปีนี้เป็นปี 2541 และเจ้าชะตาต้องการทราบ
เหตุการณ์ในปี
2541
เราก็ต้องตั้ง อาทิตย์จร ไปทับอาทิตย์กำหนดในปี
2540
เราก็จะดูเหตุการณ์ตั้งแต่
กันยายน ปี 2540
ถึง
กันยายัน 2541
นี้คือเหตุการณ์ 1
ปี
เกิดตามหลักโหราศาสตร์ ไม่ใช้
1
มกราคม ในปีใหม่
และในบางครั้งเราก็อาจดูดวงสงการณ์ คือ อาทิตย์จรโคจรเข้า 00.00 ราศีมังกร หรือ 270 องศา เราก็ LOCK
ดาวบนท้องฟ้าให้เป็นเรื่องรายปี ตัวอย่าง ถ้าต้องการทราบเหตุการณ์รายปี 2541 เราต้องตั้งอาทิตย์จรเข้า
ราศีมังกร 00.00 องศาของปี 2540 ดาวบนท้องฟ้าก็จะเป็นเหตุการณ์ตั้งแต่ประมาณวันที่ 21 หรือ 22 ธันวาคม
2540 ถึง 21 22 ธันวาคม 2541 ต้องต้องการดูเหตุการณ์ปี 2542 เราก็ต้องตั้งอาทิตย์จรเข้าราศีมังกรประมาณ
21, 22
ธันวาคม
2541
และจะไปสินสุดเหตุการณ์รายปี เมื่อวันที่
21 หรือ
22
ธันวาคม 2542
อาทิตย์เข้าราศี
มังกรที่ 00.00
หรือ
ที่ 270
องศา
บทที่
483
MC
บุคลิกภาพของเจ้าชะตา จิต ตัวเจ้าชะตา คุณสมบัติ
และประสบการณ์ทางด้านจิต การดิ้นรนไปสู่ความสูงส่งในชีวิต
ไปสู่ความสว่าง ของตน
การปรับตนให้เข้ากับสังคม อาชีพการงาน และตำแหน่ง จรแปลว่านาที
AR บุคคลทั่วไป ถนนหนทาง บุคคลที่เรามีกิจธุระหรือวิสาสะด้วยเป็นการชั่วคราว แต่มิได้ทำความรู้จักกันอิทธิพลของโลก
SU ร่างกาย (ร่างกายที่มีชีวิตและจิตใจเพราะวิญญาณ) ชีวิตความปรารถนาในชีวิต ความแข็งแรง จรแปลว่า วัน
AS
ความสัมพันธ์ และความคุ้นเคย สิ่งแวดล้อมที่ใกล้ชิด ญาติและบุคคลที่สนิทชิดชอบ
บุคคลอื่นซึ่ง
อุปการะเจ้าชะตาให้ได้
เผชิญกับโลกภายนอก ผู้ซึ่งถ่ายทอดทางกรรมพันธ์ทางกายสังขาร
และบุคลิกลักษณะและมีอิทธิพลต่อเจ้าชะตา
MO สตรี ประชาชน บุคคลหลายคน การทำงานของมันสมอง อารมณ์ ต่อมต่าง ๆ การขับถ่ายของเหลว จร แปลว่า ชั่วโมง
NO ความสัมพันธ์ การติดต่อ ความผูกพัน
ME
ความเฉลียวฉลาด ความคิด การแสดงออกในทางการพูด การเขียน
และการเรียบแบบเจ้าชะตาแนวความคิด
แผนการต่าง ๆ พัฒนาการทางด้านปัญญา
ข่าวสารต่าง ๆ ความคล่องแคล่ว เด็กหนุ่ม
VE
ความรัก ความสอดคล้องต้องกัน ความสงบสุข ความสวยงาม ศิลปะความงาม ดนตรี ความหรรษา
ความสนุกทางด้าน กามารมณ์ ความมีรส ชาด
ความพอใจ สตรี สตรีที่มีความเป็นแม่และคอยดูแลเอาใจใส่
MA ความกระตือรือร้น
กิจกรรม ความปรารถนา แรง กระตุ้น การกระทำ การดำเนินการ ความหุ่นหัน ตัณหา
การอักเสบ บุคคล เพศชาย การงาน ธุรกิจ
JU โชคลาภ ความสำเร็จ ความสุข บุญกุศล การขยายตัว ความสมบูรณ์ เงินทอง ความยุติธรรม ความหวังดี ความกรุณา ความดี
SA
การพลัดพราก ความจำกัด ความยากลำบาก การสูญเสีย อุปสรรค ความหน่วงเหนี่ยว
ความเรื้อรัง ความยานาน
ความบากปั่น ความละเอียดถี่ถ้วน ความช้านาน
การเหินห่าง ความเย็น ความแก่ชรา ความเหนียวแน่น ความแข็ง
การมีความแข็งกระด้าง การมีอารมณ์ขุ่นมัว การเก็บรักษาไว้
ความขี้เหนียว ความอิจฉาริษยา
UR
ความฉับพลัน ความประหลายใจ ความตื่นเต้นตกใจ เหตุการณ์ หรือการมีอาการทางประสาท
ซึ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ใน ลักษณะอาการจู่โจม และไม่ค่อยทราบล่วงหน้ามาก่อน
ความอลหม่าน อาการแสดงออกที่วิตถาร
หรือไม่เป็นไปตามปกติวิสัยซึ่งเกิดขึ้นชั่วขณะ
กำลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงใหม่
NE ความไม่แจ่มใส
การหลอกลวง หมอก ไอน้ำ ยาพิษ แก๊ส ลม อุบายลอบทำร้าย การสลายตัว การปฏิเสธ
ความไม่รู้จัก
ความ ลึกลับ การวิปัสสนา สภาวะลับ ๆ ล่อ ๆ
พัฒนาการที่ไม่แน่นอน ของเหลว ความผิด ความลวง ความปกปิด
ไม่เปิดเผยตัว หน้าไหว้หลังหลอก
Pl การพัฒนาการ การเปลี่ยนแปล การเจริญเติบโต การแตกแยก การสถาปนาใหม่ การปฏิวัติ การแปล การปฏิรูป
CU ครอบครัว การแต่งงาน สมาคม การเป็นผู้มีคุณสมบัติในทางการสามาคม ศิลปะ การรวมกันเป็นหมู่คณะ บริษัท
HA
ความเปล่าเปลี่ยว ความขาดแคลน ความสกปรก ความยากจน ความไม่ราบรื่น ขยะมูลฝอย
ความเจ็บป่วยอยู่เป็น
เวลานาน หรือการอยู่ในสภาพที่ไม่ปรกติ หรือยุ่งยาก
เหตุการณ์ที่สร้างความระทมขมขื่น พ่อหม้าย
ZE
การอำนวยการ การประดิษฐ์ขึ้นมา การให้กำเนิด การสร้างขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
กิจกรรมที่มีแผนไว้โดยสมบูรณ์ เป้า หมายระยะยาว
ต้องการอำนวยการหรือเจรจาในฐานะผู้มีอำนาจ ไฟที่ได้รับการควบคุมบังคับ
กำลังงานที่ได้รับควบคุมบังคับ เครื่องจักรกล
ผลผลิต
KR
อิสรภาพ สิทธิอำนาจ รัฐ กษัตริย์ เจ้านาย หัวหน้า ผู้ยิ่งใหญ่ หัวหน้าครอบครัว
ผู้อำนวยการที่ไม่ขึ้นอยู่กับผู้ใด
ความมีอิสรภาพ เฉพาะบุคคล บุคคลอื่นที่เหนือกว่า
สิ่งที่บุคคลครอบครองเพื่อความเป็นใหญ่เป็นโตของเขา
PL
ชื่อเสียง ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ การแผ่ขยาย ออกไปอย่างกว้างขวาง วิทยาศาสตร์
ประสบการณ์ ความไกลความกว้าง
สันติสุข การค้า การผลิต
AD
ความจำกัดอันใหญ่หลวง การพลัดพราก ความตาย ความสงบนิ่ง ความหนาแน่น ธาตุแท้
วัตถุดิบ ต้นตอ อาการหมุน
การหมุนเวียน เข้ามาสู่ตำแหน่งนั้น ความลึกซึ้ง
VU พลังอันมหาศาล อำนาจ กำลังงาน กำลังอำนาจอันสูงสุด
PO
วิญญาณ แนวความคิด การรู้แจ้ง สิ่งเรืองแสง การตรัสรู้
บทที่
484
วันดรรชนี
(index day)
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องวันดรรชนี หรือ
index day
เราสามารถหากันอย่างไรและมีความสำคัญอย่างไรในการนำมาใช้ทำนายดวงของแต่ละคน
วันดรรชนี มาจากเราเกิดมาหนึ่งวัน เท่ากับหนึ่งปี เกิด เค้าเรียกว่า วันดรรชนี้
การคำนวณหาเราก็เอา วันเกิดตั้งและบวกเข้ากับอายุเต็มของเจ้าชะตา เช่น นาย ด เกิด
วันที่ 10/09/2498 ตอนนี้ อายุ 55
ปี เราก็จะได้วันดรรชนีคือ 05/11/2498
วันที่ได้มาคือวัน ดรรชนี เราจะเอา อาทิตย์ ณ วันนั้นเป็นวัน ดรรชนี
จุดนี้ถือว่าเป็นอาทิตย์จรตามอายุขัย เหมือนโค้งนั่นเอง
จุดนี้ถือว่าเป็นอาทิตย์รายปีมีความสำคัญรองลงมาจากอาทิตย์กำเนิด คืออาทิตย์รายปี
ถ้ามีดาวอะไร หรือจุดอิทธิพลใด เข้ามาทำมุมก็ถือว่าปีนี้จะเกิดเหตุการณ์
ตามดาวนั้นเช่น ถ้า ปีนี้ ดาวพฤหัสจรโคจรมาทำมุม 180
องศากับ อาทิตย์ index day ก็ถือว่าปีนี้เรามีโชค
โชคจากอะไรเราก็อาจมาหาโดยการดูมุมสัมพันธ์
กับเรือนชะตาก็จะบอกเราได้ว่าเรามีโชคจากอะไรนะครับ เราจะเอาอาทิตย์ดวงเดียว
แต่ถ้าใช้ทั้งหมดก็จะเป็นดวง progression ไป
มันก็เป็นแบบนี้ คือจุดเจ้าชะตาอาทิตย์จรรายปีนั่นเอง ท่านควรจะคำนวณทุกปีว่า
วันดรรชนี อาทิตย์พื้นดวงจรไปอยู่ตำแหน่งไหนและทำเครื่องหมายไว้ เราจะได้ทราบ
หรืออาจดูที่โค้ง V1 แทนพอใช้ได้ แต่ต่อไปโปรแกรม
Apollon จะทำจุดนี้ขึ้นมาให้ ถือว่ามีความสำคัญมาก
ในการดูเรื่องรายปี ส่วนมากจะไม่ค่อยเล่นกันจะลืมกันไปหมด แล้ว แต่จุดนี้ อ.
ประยูรฯ ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการดูรายปี ท่านควรนำไปใช้
เพราะบางทีเราอ่านดวงไม่เจอเพราะขาดจุดนี้ไปก็ได้
และการอ่านดวงก็ไม่จำเป็นที่จะอ่านเสียแต่ทุกเรื่องบางทีเราอ่านเฉพาะของสำคัญหรือเรื่องที่เราต้องการก็ได้
การอ่านหมด ก็มีหวังไม่ต้องทำนายกันพอดี จุดนี้ไม่ควรลืมนำมาใช้ในการทำนายนะครับ
ถ้าจัดนี้อยู่ในเรือนอะไรก็จะอยู่ไปอีกนานเราก็จะได้รับอิทธิพลของเรือนนั้นภพนั้นไปเลย
ถ้าอยู่ในภพที่ 2 เราก็โชคดีไปรอดาวพฤหัสจรเข้ามาก็
okay เลย มีโชคในการรับเข้ามา
แต่ต้องดูมุมตรงข้ามว่ามีดาวดีดาวร้ายอะไรมาดึงโชคของเราไปอีก คือภพ ที่ 8
นั้นเอง ท่านหัดนับวันไว้ให้ดีท่านก็จะได้วันดรรชนีแบบง่าย ๆ เอาวันเกิด+อายุเต็ม
ก็ได้วัน index day
บทที่485
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องเวลาและดวงดาวกัน เป็นการทวนของเก่ากันหน่อย ในโลกนี้จริงแล้วจะไม่มีเวลา แต่มีเรื่องของดวงดาวที่บอกเวลาได้มาตั้งสมัยหลายพันปีมาแล้ว คนเราก็ยึดหลักพระอาทิตย์ขึ้นเป็นเวลาทำงาน เวลากลางคืนก็พักผ่อนกัน และได้มีการสังเกตตำแหน่งของดวงอาทิตย์และดาวบนฟ้องฟ้าดวงอื่น ๆ ว่าขึ้นเวลานี้น่าจะเป็นช่วงของการทำอะไรดี เช่นปลูกข้าว เก็บเกี่ยว ฯลฯ ต่อมามนุษย์ได้มีการพัฒนาการโดยนักบวชชาวตะวันตก ได้ทำการคิด คำนวณ เวลา และวันที่ขึ้นมา เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้ เราจึงมีเวลาใช้กัน ทั่วโลก (แต่จริงแล้วชาวจีนเป็นผู้คิดขึ้นมาก่อน ชาวตะวันตกเสียอีก) และเวลาแต่ละท้องถิ่นก็จะไม่เหมือนกัน เรื่องนี้มนุษย์ได้มีการสังเกตดวงดาว และพระอาทิตย์ในแต่ละวัน จนมาถึงปัจจุบัน เราก็มีเวลาใช้กัน ที่เรียกว่าเวลาสากล กับเวลาท้องถิ่น เวลาสากลคือเวลาที่ใช้กันเป็นเวลากลางของประเทศอังกฤษ เป็นหลัก และประเทศไหนใช้เวลาจากจัดเริ่มต้นไปก็จะเป็นเวลาท้องถิ่นไป อย่างเช่นไทย ก็ห่างจากประเทศอังกฤษ +7 ชั่วโมง ถ้าเราต้องทราบเวลาในประเทศอังกฤษเราก็เอา 7 ไปลบออก ก็จะเป็นเวลาที่ตำบลนั้นของประเทศอังกฤษ (กรีนิช) เป็นตำบลหนึ่งของอังกฤษ ที่จะเป็น 0 และนับจากนี้ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก เวลาเราใช้นัดหมาย หรือทราบ วัน เดือน ปี ของคนเราได้ และไปเทียบกับเวลาดาวบนท้องฟ้าอีกที เราก็จะทราบเวลาเกิด คราวหน้ามาคุยกันต่อบทที่486
มาต่อจากวันวานคือเรื่องเวลาในโลกนี้ไม่มีเวลา มนุษย์ เป็นคนกำเนิดขึ้นมาใช้กันบนพื้นโลก แต่ที่แน่นคือดาวสามารถบอกเวลา บอกสถานที่ บอกห่วงเวลาต่าง ๆ ได้ เช่น ถึงเวลาน้ำขึ้น การเพาะปลูก ฤดูกาลต่าง ๆ บนพื้นโลก อันนี้เป็นของแน่นอน ดังนั้นดวงดาวก็สามารถบอกกฎแห่งกรรมได้เช่นกัน ใครทำกรรมอะไรไว้ ฟ้าก็จะจัดระเบียบการใช้หนี้กรรมเป็นจังหวะไป ทุกอย่างรอดาวเข้าทำงาน หรือมาทำมุมถึงเรา เท่านั้น ใครบอกทำบาปกรรมแล้วไม่เห็นเป็นอะไร คนทำความผิดด้วยกายและใจ สักวันท้องฟ้าก็จะลงโทษ ตามเวลาของการโคจรของดาวที่ส่งผลแห่งกรรมแต่ละคนเท่านั้นเอง ตอนนี้ยังสบายดีอยู่ ก็ใจเย็น ๆ ถึงเวลา ดาวจรไปกระตุ้นดาวพื้นดวงทำงานเมื่อใดเมื่อนั้นท่านก็จะเป็นไปตามดาวร้าย อย่างที่ท่านทำมากับคนอื่น กรรมนั้นมีจริง เหมือนเงาที่ติดตามตัวเรามาตลอดเวลา ไม่ห่าง รอจังหวะเวลาที่ดาวจะส่งกำลังให้เงามาทับตัวเราเมื่อนั้นเราก็จะถูกกระแสแห่งดาวทำงานไปวันนี้จะมาคุยเพิ่มอีกนิดหนึ่งเรื่องเรื่องเรือนชะตากรรมเราจะใช้เรือนเมริเดียนในการดูที่มีความยุ่งยากพอสมควรแต่ไม่มากนัก จะได้เรียนต่อไป ว่าการดูกรรม หรือชาตีที่ผ่านมาดูกันอย่างไร
บทที่487
พูดไปพูดมา
ทำไมถึงมาลงเรื่องกรรมเข้าไปได้ มันก็จริงกรรมคือดาวร้ายบนท้องฟ้าเช่นดาวเสาร์
เนปจูน อังคาร และดาวร้ายอื่น ๆ มันจะแสดงผลไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไม่เจ็บป่วย
ก็มีอันเป็นไปตามดวงดาว หรือถูกคนอื่นกระทำอีกที เหมือนกับเค้าที่ทำมา
ขึ้นอยู่กับดาวตัวไหนเข้ามาทำงาน ท่านไม่กลัวกรรม ไปใครทำอะไรใคร ก็จะได้อย่างนั้น
เหมือนการปลูกต้นอะไรก็ได้ผลตามต้นไม้ต้นนั้น ถ้าท่านปลูกไม้มีพิษไว้ในบ้านสักต้น
สักวันท่านก็โดนพิษของมันเอง เพราะเราเป็นคนปลูกขึ้นมา
แต่ถ้าปลูกต้นไม้ที่ดีให้ดอกผลดี เราก็จะได้รับผลดีจากต้นไม้ต้นนั้นอย่างแน่นอน
อันนี้เป็นกฎแห่งธรรมชาติ หรือกรรมที่ติดตามท่านมา จงมันปลูกต้นไม้ที่ดี ๆ
ไว้ในใจเราจะดีกว่า ไม่คิดร้าย ทำสิ่งดี ๆ
ให้กับตัวเองบ้างอย่าคิดเอาแต่ได้อย่างเดียว ไม่มองผลร้ายที่ตามมา
จริงอยู่ทุกคนอยากมี อยากได้กันทุกคน
แต่ควรอยู่ในความพอดีแล้วก็จะไม่มีกรรมตามมานะครับ ใครโกงกิน ฉวยโอกาสของคนอื่นมา
หรือเอาของคนอื่นมา สักวันสิ่งนั้นมันก็จะแสดงผลของมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การเห็นแก่เงิน ทรัพย์สิน ที่ได้มาโดยมิชอบก็มีกรรมเช่นกัน
การเรียนโหราศาสตร์บางครั้งก็สอนข้าพเจ้าให้รู้จักบุญ และกรรม ต่าง ๆ
มากพอที่ทำให้ข้าพเจ้าทำความเข้าใจกับชีวิตนี้ได้มากพอทีเดียว
และเห็นหลายคนที่ได้รับกรรมไปตามมาทันในชาตินี้เลยก็มีมาก
ตอนนี้กรรมมันไม่ทำชาติหน้าแล้วเพราะเวลาเดินเร็วเค้าจะเล่นงานในชาตินี้กันเลย
เห็นทันตา ถ้าใครไม่อยากให้มีกรรมร้ายติดมาในชาตินี้และชาติหน้าก็งดทำสิ่งไม่ดี
บางทีรู้ก็จะทำ อันนี้ยิ่งกรรมแรงมากเห็นภายในเร็ววัน กรรมคือดาวร้าย
กรรมดีคือดาวดีบนท้องฟ้า โคจรผ่านไปและก็ผ่านมาจนกว่าท่านจะลับโลกนี้ไป
บทที่488
วันนี้เรามาพูดเรื่องกรรมกันอีกนิดหนึ่ง
ถ้าลัคนาท่านดีก็เหมือนท่านอยู่ในสภาพแวดล้อมดี จิตใจก็จะดีคือ
mc
จะทำให้กรรมใหม่ท่านดีไปด้วย ดาวจร ถือว่าเป็นกรรมใหม่
เราสามารถเลือกทางเดินใหม่ของเราได้
แต่เราก็ต้องมองพื้นดวงเราด้วยว่ามีกรรมเก่าอะไรติดมา
พร้อมที่จะรับกรรมใหม่ที่ดีหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับลัคนาจรนั่นเอง as
and mc เป็นของคู่กันเสมอ คือ สภาพแวดล้อมดี mc
ก็ดีไปด้วยเพราะมุมถึงกันไง ยากนะท่านที่จะทำลัคนาใหม่ให้ดี ถ้าทำได้ก็จะส่งผลถึง
mc พื้นดวงไปด้วย
ปัจจัยสองตัวนี้คือว่ามีความสำคัญกับการทำความดี พื้นดวงอาจไม่ดี
แต่เราได้ทำให้ลัคนาจรดี ก็จะส่งผลถึงพื้นดวงท่านไปด้วย ดาวต่าง ๆ
เราหาทางแก้ไขได้แต่ mc
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่านจะเลือกอะไรเท่านั้น คนส่วนมากจะมองข้ามสองจดนี้ไป ไปมองแต่
ดาวพฤหัสหรือดาวดี ๆ กันส่วนมาก ทำไมเราไม่ทำให้ as mc
ดีเสียก่อน สิ่งอื่น ๆ ก็จะตามมาส่งผลให้เราดีสุด ๆ ไปเลย จุดนี้คือการวางตัว
การกระทำ กรรมดีไง ถึงกล่าวว่าเกิดมาทำ as ในแต่ละวันให้ดี
แล้วมันก็จะดีเองนะท่าน วันนี้อาจมาแปลกไป แต่เป็นการแก้ไขเรื่องต่าง ๆ
ที่ไม่ดีให้กลับมาดีได้ คือกรรมดี นะท่าน จงมองจุดเล็ก ๆ ก่อนไปหาจุดใหญ่
เราทำได้ไหมถ้าทำได้อะไรมันก็ดีไปหมด
ดาวดีก็จะส่งผลดีกับเราอย่างสูงสุดไม่ใช่มาครึ่งเดียว
บทที่489
วันนี้จะมาคุยเรื่องเรือนชะตาสองชั้นมีไว้เพื่อทำอะไร
วงเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว เรือนชะตาสองชั้นจะช่วยทำให้เราดูเรื่องต่าง ๆ
ได้ละเอียดมากขึ้น เรือนชะตาสองชั้นจริงแล้วมีมานานแล้วแต่ไม่ค่อยมีใครเล่นกัน
ไม่ทราบว่าเหตุอันใด แต่ข้าพเจ้าเห็นว่ามันได้ประโยชน์จากการดูดีมาก
คนส่วนมากก็จะไปเล่นวัดมุมกันเป็นส่วนมาก
อันที่จริงเราควรดูเรือนชะตาเป็นอันดับแรกก่อนคือการดูมุมใหญ่คือ 30
องศาของเรือนก่อนว่ามีดาวอะไรเข้าภพอะไร
แล้วเราก็มาเจาะหาความสำคัญของดาวนั้นในภพต่าง ๆ อาจใช้การวัดมุมเข้ามาช่วยได้
เรือนสองชั้นไว้ดูเรื่องต่าง ๆ ในภพต่าง ๆ ได้ดี
เช่นเมื่อเราต้องการดูภพเรื่องบ้านเราก็เอาภพที่ 4
เป็นเรือนที่ 1 ไป
เราก็จะรู้ว่าบ้านของเจ้าชะตาเป็นอย่างไรส่วนไหนของบ้านมีปัญหาอะไร
สร้างได้ตรงกับดวงดาวหรือไม่ แล้วอาจไปวัดมุมเข้าไปอีกครั้งก็ได้
ความหมายของชั้นที่สองก็จะมีรายละเอียดของตัวบ้านเข้าไปให้เราทราบ
เช่นหน้าบ้านเป็นอย่างไรควรแก้ไขไปในทิศทางไหนให้เหมาะกับ as
เรา
ก็จะทำให้เจ้าชะตาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นตัวตนของเค้าได้เป็นอย่างดีไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
อันนี้เป็นการยกตัวอย่าง เราสามารถเจาะลงไปทุก ภพ ได้อย่างละเอียด
คราวนี้เราก็จะมองเห็นในเรื่องที่คนอื่นไม่ทราบได้ง่ายดาย เหมือนตาเห็น
โปรแกรมตัวใหม่ที่จะทำขึ้นเราก็จะมีเรือนชะตาสองชั้นขึ้นมาทำให้คนอื่นเข้าใจมากขึ้น
ภพ ราศี เรือนชะตาต่างๆ มีส่วนสำคัญในการวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
อาจจบลงที่วัดมุนในภพต่าง ๆ ได้อีก ตอนนี้การวัดมุมในเรือนมีแล้ว มุมสะท้อน
มุมตรงข้ามของภพ ก็สำคัญในการวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ได้ดี อย่าลืมใช้นะครับ (สภาพแวดล้อมดีจะทำให้ mc
เราดีตามไปด้วย)
บทที่490
วันนี้เราจะคุยกันเรื่องเรือนชะตาอาทิตย์เราสามารถใช้ในการดูเรื่องสุขภาพได้ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายเรายึดหลักว่าอาทิตย์คือร่างกายคนเรา
เราก็สามารถนำเรือชะตานี้มาแทนราศีได้อีกและดูได้ลึกลงไปอีกกว่าราศี
และจะบอกส่วนต่างๆ ที่ไม่ปกติของร่างกายคนเราได้ เช่นมีเสาร์อยู่ในภพที่
12
ของเรือนชะตาอาทิตย์อาจแปลได้ว่าเท้าของเจ้าชะตาอาจมีปัญหาอะไรบางอย่าง
เช่นมีการกระดูกหักช่วงขาหรือเท้ามีอาการได้รับบาดเจ็บสมัยเด็ก ๆ
ก็เป็นไปได้เราก็สามารถคุยกับเจ้าชะตาหรือถามเจ้าชะตาได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเท้าบ้าง
ไม่ว่าจะมีดาวร้ายอยู่ในภพไหนเราก็เอาภพมาเทียบกันราศีได้เลย
ตรงส่วนนี้ถือว่าเราสามารถเจาะลึกลงในภพร่างกายได้อีก และอาการต่าง ๆ
ก็จะเป็นไปตามดาวพื้นดวง เพราะเป็นกรรมเก่าที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ
จะติดมาตั้งแต่เกิดแต่รอเวลาถ้าเราถามแต่ยังไม่มีก็อาจยังไม่ถึงเวลาทำงานของดาวก็ได้ก็อาจต้องไปดูโค้งอายุจะบอกเวลาที่โรคต่างๆ
ดำเนินการของมันในปีนั้นได้ แต่บางครั้งก็เกิดไปแล้ว เราสามารถทายสิ่งต่าง ๆ
ที่จะเกิดกับเจ้าชะตาล่วงหน้าได้โดยอาศยภพ และดาวในพื้นดวงนั้นเอง
เมื่อเราทราบเราก็หาทางป้องกันไว้ก้อนได้
คราวหน้าจะมาคุยกันเรื่องดาวดีอยู่ในตำแหน่งไหนบอนท้องฟ้าเราก็ย้ายลัคนาตามไปทำได้อย่างไรติดตามคราวหน้า
บทที่491
การพยากรณ์พื้นดวงชะตาจะเริ่มต้นที่จุดไหนก่อน
ปัญหาสำคัญในการพยากรณ์พื้นดวงชะตา ในทฤษฏีพระเคราะห์สนธิ จากประสบการณ์ ได้แก่ จุดตั้งต้น ว่าจะเริ่มต้นตรงจุดใดก่อน จึงจะดี ความจริง ปัญหาเรื่อง จุดเริ่มต้นนี้ เป็นปัญหาทำนอง โลกแตก เพราะนักโหราศาสตร์ผู้มีความเชี่ยวชาญแล้ว มักเริ่มต้น ไม่เหมือนกัน บางท่านถนัดอย่างโน้น บางท่านก็ถนัดอย่างนี้ และต่างก็มีเหตุผลดีด้วยกันทั้งนั้น และยิ่งกว่านั้น ส่วนใหญ่ยังขึ้นอยู่กับตัวเจ้าชะตาเองด้วย ว่าเขาสนใจในเรื่องใด เคยพบเจ้าชะตาบางท่าน ต้องการทราบเพียงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บอย่างเดียว เรื่องอื่นไม่สนใจทั้งนั้น บางท่านก็สนใจแต่เรื่องคู่ครองเพียงประการเดียวเท่านั้น ท่านย่อมทราบดีแล้วว่า พระเคราะห์สนธิใดที่มีจุดเจ้าชะตาร่วมอยู่ด้วย มากที่สุดพระเคราะห์สนธินั้นย่อมมีความสำคัญต่อเจ้าชะตามากที่สุด เพราะเป็นพระเคราะห์สนธิที่แสดงผลเห็นประจักษ์มากที่สุด ทั้งนี้ ย่อมจะต้องคำนึงถึง มุม ความสนิทหรือระยะวังกะ ด้วยเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น การเริ่มต้น ก็ควรจะเริ่มต้น จากจุดเจ้าชะตาเสมอไป ถ้าไม่มีเหตุผลอื่นมาลบล้าง และในทางปฏิบัติจริงนั้น ส่วนใหญ่ ก็จะเริ่มที่ตรงจุดนี้ ในระหว่าง จุดเจ้าชะตา ทั้ง 6 จุด ท่านคงทราบดีแล้วว่า เมอริเดียน เป็นจุดเจ้าชะตาที่ สำคัญที่สุด ดังนั้น โดยปกติแล้ว เขาจึงเริ่มต้นการ
พยากรณ์พื้นดวงชะตา ที่ เมอริเดียน ก่อน โดยวิธี ตั้ง จุด ลูกศร ที่ตำแหน่ง เมอริเดียน ในดวงชะตา เพื่อทำการสำรวจว่าเมอริเดียนมีความสัมพันธ์กับดาวหรือปัจจัยใด ๆ บ้างในพื้นดวงชะตา เราก็จะได้คำตอบของเจ้าชะตาดวงนั้น โดยดูได้จากเมอริเดียนสถิตในราศี หรืออยู่ในเรือนชะตาใด รวมไปถึงการทำมุมถึงดาวและปัจจัยต่าง ๆ ให้อ่านออกมาให้หมดเราก็จะได้คำตอบของชีวิตของเจ้าชะตาเค้าได้อย่างง่าย ๆ ต่อจากนั้นก็ไปทำการสำรวจจุดเจ้าชะตาอื่น ๆ ต่อไป เช่น อาทิตย์ จันทร์ ราหู เมษ ลัคนา เป็นต้น ระยะวังกระไม่เกิน 2 องศา
การสำรวจจุดอิทธิพลเมอริเดียน เราจะใช้ AR+AR-MC เป็นการสำรวจสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการทราบรองลงมาจากตำแหน่ง เมอริเดียนจริงของเจ้าชะตา
บทที่492
ราศีธาตุที่ไม่ถูกกัน
ราศีธาตุไฟ จะดับที่
ราศีธาตุน้ำ
ราศีธาตุดิน จะดับที่ ราศีธาตุไฟ
ราศีธาตุลม จะดับที่ ราศีธาตุดิน
ราศีธาตุน้ำ จะดับที่ ราศีธาตุลม
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนธาตุในธรรมชาติของโลกเราจะมีเพียงสี่ธาตุ ต่างจากวิชาอื่น
แต่แนวความคิดของข้าพเจ้าก็ถือว่าใครคิดได้เค้าก็มีเหตุผลเหมือนกับเรา
แต่ตามหลักศาสนาธาตุที่เป็นพุทธธรรมชาติแล้วมีแค่ สี่ เท่านั้น
เราจะมาพูดแค่สี่ธาตุเท่านั้นส่วนเกินกว่านี้ก็มาจากที่เดียวกัน
ธาตุปรุงแต่งดาวให้มีความเปลี่ยนแปลงสภาพของดาวดีดาวร้ายที่อยู่ในราศี
ราศี เป็นเรื่องของการแสดงออกทางกาย ส่วนเรือนจะรับเข้ามาภายในตัวของเรา สองอย่างนี้ต่างกัน ถึงเรือนจะมาจากราศีก็ตาม ท่านต้องเข้าใจเรื่องราศีและเรือนชะตาให้คล่องแล้วท่านจะมองเห็นความแตกต่างกัน
บทที่493
แบบต่าง ๆ ของเรือนชะตา
เรือนชะตาที่ใช้ในการพยากรณ์ทางโหราศาสตร์
1. เรือนชะตาโลก เป็นเรือนชะตาที่เกิดขึ้นจากการตั้ง จุกกรฏ ที่ กรกฏ ในดวงชะตา เรือนชะตาโลกจะให้ข่าวสารแก่เรา เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจ้าชะตากับบุคคลทั่วไป (ใช้แกน 9-10)
2. เรือนชะตาเมอริเดียน เกิดจากการตั้ง จุดกรกฏ ที่จุดเมอริเดียนในดวงชะตา เรือนชะตาเมอริเดียน
นี้ เป็นเรือนชะตา ที่สำคัญที่สุด ใช้ประโยชน์สำหรับอ่านคุณภาพทางด้านจิต (ใช้แกน 9-10)
3. เรือนชะตาลัคนา เป็นเรือนชะตาที่เกิดจากการตั้ง จุด ตุลย์ ของจานหมุนที่ ลัคนา ในดวงชะตา เรือนชะตา ลัคนา จะให้ข่าวสารแก่เราทางด้านที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจ้าชะตา กับ สิ่งแวดแวดล้อม เช่นข่าวสารเกี่ยวกับ ผู้คุ้นเคย ญาติสนิท ฯลฯ เป็นต้น(ใช้แกน 1-12)
4. เรือนชะตาอาทิตย์ เป็นเรือนชะตาที่เกิดจากการตั้ง จุดมังกร ในจานคำนวณที่ อาทิตย์ ในดวงชะตา สำหรับในดวงชะตาจรประจำวัน เรือนชะตาอาทิตย์นี้ จะให้ข่าวสาร สำหรับวันนั้น ๆ
( ใช้แกน 3-4 )
5. เรือนชะตาจันทร์ เกิดขึ้นโดยวิธีการตั้ง จุดกรกฏ ที่ตำแหน่งของจันทร์ ในดวงชะตา เรือนชะตา
จันทร์ จะให้ข่าวสารแก่เราในเรื่องราวที่เกี่ยวกับบุคคลเพศหญิง ในดวงชะตาหญิง จะบอกเรื่องราวที่เกี่ยวกับ
กายสังขารของเจ้าชะตาด้วย โดยทั่วไปจะบอกถึงการทำงานของมันสมองของมนุษย์ สำหรับเหตุการณ์ประจำวันในวันหนึ่ง ๆ นั้นเรือนชะตาจันทร์ จะให้ข่าวสารปรากฏการณ์ภายในชั่วโมงต่าง ๆ (ใช้แกน 9-10)
6. เรือนชะตาราหู เกิดขึ้นโดยวิธีตั้ง จุด ตุลย์ ที่ตำแหน่งราหูในดวงชะตา เรือนชะตาราหูจะให้ข่าวสารเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์โดยทั่ว ๆ ไป ของเจ้าชะตา ( 1-12 )
7.
นอกจากนี้ยังมีเรือนชะตาของบรรดาดาวพระเคราะห์อื่น ๆ เช่น พุธ ศุกร์
ฯลฯ การตั้งเรือนชะตาดาวพระเคราะห์ต่าง ๆ ปฏิบัติโดยการ ตั้งอาทิตย์ หรือ แกน
3-4
ที่ตำแหน่งของดาวนั้น ๆ ในดวงชะตา จะนำมาใช้เพื่อวินิจฉัยดวงชะตาบางกรณีเท่านั้น
ดวงดาวกับโรคภัยต่าง ๆ
อาทิตย์ หัวใจ ตาขวาของชาย ตาซ้ายของหญิง มันสมอง ประสาท ประสาทการมองเห็น และร่างกายซีกขวา
จันทร์ สมอง กระเพราะอาหาร ท้อง เต้นมน ลำไส้ ร่างกายซีกซ้าย กระเพาะปัสสาวะ ตับของหญิง และอวัยวะของหญิง
พุธ ส่วนที่เกี่ยวกับการพูดและการได้ยิน
การมองเห็นภาพพจน์ต่าง ๆ ความทรงจำ ลิ้น นิ้วมือและมือ
น้ำดีของตับ ต้นขา ปอด ประสาทมันสมอง
ศุกร์ ได้แก่ ไต ก้นกบ ตับ กลิ่น มดลูก อวัยวะสืบพันธ์สตรี เต้นนม และบั้นเอว
อังคาร ได้แก่ อัณฑะ อวัยะเพศชาย ไต น้ำดีในตับ หูซ้าย หลอดเลือดดำ
พฤหัส ได้แก่ อสุจิชาย ชีพจร ตับ เส้นโลหิตแดง
เสาร์ ได้แก่ กระดูกและฟัน หูขวา ม้าม กระเพาะปัสสาวะ
มฤตยู คุณภาพทางระบบประสาทและมันสมอง ไขสันหลัง น่อง ข้อเท้า
เนปจูน นิ้วเท้า และเท้า เนื้อร้ายต่าง
พลูโต
หลอดปัสสาวะ ฝีเย็บริมทวารหนัก ระบบสิบพันธ์ภายใน
บทที่495
หลักการพยากรณ์พื้นดวงเพื่อสรุปหาแนวทางการพยากรณ์
1. ดู ลักษณะทั่วไป ( ควรตั้งจุดสะท้อนไว้ด้วยทุกครั้ง )
1.1 ดูอุปนิสัยพื้นดวงว่าเป็นคนแบบไหน ดูได้จากจุดเจ้าชะตา เช่น อาทิตย์อยู่ในราศี
หรือในเรือนอะไร รวมถึงดวงจันทร์ ( เพศหญิง ) รวมไปถึงอารมณ์ความรู้สึกของ
เจ้าชะตา
1.2 ดูพื้นฐานความเป็นอยู่หรือฐานะ ให้ดูดาว พฤหัส หรือดาวดี ๆ ที่อยู่ในเรือนดี และทำมุมถึงจุดเจ้าชะตา
1.3 ดูพื้นฐานกรรมเก่าของเจ้าชะตา เราดูได้จากดาวร้าย ๆ เช่น ดาวเสาร์ เนปจูน อังคาร
1.4 ดูพื้นฐานเรื่องความรัก และครอบครัว ว่าดาวศุกร์ อยู่ในเรือนดี หรือทำมุมดีกับดาวดี หรือดาวร้าย
1.5 ดูพื้นฐานเรื่องความสูงส่ง ตำแหน่งหน้าที่
1.6 ดูพื้นฐานเรื่องสุขภาพให้ดูเป็นคนราศีอะไร เสาร์ในราศีอะไร และจันทร์ ฮาเดส
1.7 ดูพื้นฐานทางด้านการเงิน ชั้นแรกให้ดูเรือนการเงิน และตามด้วย ดาวการเงินมีอะไรมาทำมุม
1.8 ดูพื้นฐานดาวต่าง ๆ ที่เราต้องการทราบข้อมูล โดยใช้หลักการวัดเชิงมุม
1.9 ทำการสรุปออกมา ว่าพื้นดวงนี้ออกมีจุดเด่นเรื่องอะไร หรือเป็นบุคคลที่มีกรรมดีหรือไม่ดี
1.10 ทำการตั้งจุดศูนย์รังสี หรือจุดอิทธิพล เพื่อตรวจสอบเรื่องราวต่าง ๆ ว่าในพื้นดวงมีเรื่องนั้น ๆ
ดูเหตุการณ์รายปี
1. ทำการตรวจโค้งอายุสำหรับเรื่องที่ต้องการทราบ เช่นโค้ง JU VE KR SA และโค้งจุดเจ้าชะตาไว้ด้วย
2. ทำการตรวจดวงรายปี คืออาทิตย์จรประจำปีทับ SUN กำเนิด และดูวงนอกจะเป็นเหตุการณ์รายปีหรือเรื่องที่จะเกิดปีนี้
3. ทำการตรวจดวงอาทิตย์เข้าราศีมังกรร่วมไปด้วย เพื่อยืนยัน
4.
ทำการต้องจุดศูนย์รังสี หรือจุด Half
sum
ที่ผู้ดูต้องการทราบในปีนั้นไว้ด้วยว่าทำมุมถึงดาวอะไร
บทที่496
จตุรางคดล
ดาวพระเคราะห์ทั้งหลายย่อมจะมีอิทธิพลทั้งทางด้านคุณและด้านโทษ
แสดงคุณสมบัติทั้งเพศหญิงและเพศชาย เว้นแต่อาทิตย์ จันทร์
ซึ่งทางโหราศาสตร์ถือว่ามีเพศเดียวเดียวเป็นเพศที่บริสุทธิ์
เมื่อใดจึงจะทราบว่าดาวดวงนั้น ๆ มีคุณสมบัติชาย หญิง ในด้านให้คุณ
เมื่อใดแสดงคุณสมบัติเพศหญิงหรือเพศชายให้โทษ
จำเป็นต้องศึกษาและวิเคราะห์จักรราศีหรือเพศชายในด้านโทษ
0จำเป็นต้องศึกษาศึกษาและวิเคราะห์ราศีและเรือนชะตาให้รูแจ้งเห็นแจ้งเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยได้ถูก
ทฤษฏีจตุรางคดลที่กำลังกล่าวถึงนี้เป็นทฤษฏีสำคัญทฤษฏีหนึ่ง
ซึ่งเพิ่มความลึกซึ้งให้แก่ท่านในการศึกษาปัจจัยจโหราศาสตร์อื่น ๆ
ก็จะทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของวิชาโหราศาสตร์ได้ เกือบหมดสิ้นทุกระบบ
จตุรางคดเป็นทฤษฏีที่ขยายกฏเกณฑ์ ของอัฒจักรให้ละเอียดขึ้น
แต่ศัพท์แสงที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นคำทางจิตวิทยาและปัชญา อ่านง่าย
แต่ออกจะเข้าใจยากอยู่สักหน่อย ครั้นข้าพเจ้าจะแปลมาเป็นศัพท์พื้น ๆ
ก็เกรงว่าจะขาดความลึกซึ้งไป จึงจำเป็นต้องคงเอาไว้เช่นนั้น
อนึ่ง การค้นคว้าในวิทยาการแขนงใด ๆ ก็ตามย่อมไม่มีที่สิ้นสุด จะต้องกระทำสืบทอดและต่อกันไปทุกยุคทุกสมัย วิชาโหราศาสตร์ก็เช่นกัน คนเราได้พยายามค้นคว้าเพื่อหวังในความวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานับพัน ๆ ปี ไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะให้มาสดุดหยุดยั้งหรือขาดตอนเสีย ในสมัยเรา
เรามาเริ่มกันเลย
เราจะแบ่งราศีออกเป็นสี่ส่วนมีดังนี้
จตุรางคดที่
1
เป็นจุดฤดูใบไม้ผลิ
ได้แก่ราศี เมษ พฤษก มิถุน มีอิทธิพลทางด้านจิตวิทยาคือ แสดงออกอย่างแท้จริง
หรือแสดงออกเชิงรุก
จตุรางคดที่ สอง ฤดูร้อน ได้แก่ราศี กรกฏ สิงห์ กันย์
เป็นการแสดงออกโดยสัมพันธ์กับไม่แสดงออก หรือแสดงอกเชิงรับ
จตุรางคดที่ สาม ฤดูใบไม้ร่วง ได้แก่ราศี ตุล พิจิก ธนู
ไม่แสดงออกโดยสัมพันธ์กับแสงออก หรือไม่แสดงออกเชิงรุก
จตุรางคดที่สี่ ฤดูหนาว ได้แก่ราศี มังกร กุมภ์ มีน ไม่แสดงออกอย่างแท้จริง
หรือไม่แสดงออกเชิงรุก
การนำไปใช้
ให้ดูว่ามีดาวอะไรไปอยู่ในกลุ่มทั้งสี่มากน้อยเพียงไหนเจ้าชะตาก็จะมีนิสัยหรือดาวก็จะออกไปตามราศีที่เค้าสถิตอยู่
รวมไปถึงดาวจรด้วย สามารถนำไปใช้ได้
มันจะทำให้เราทราบรายละเอียดของดาวกับราศีที่ประกอบกันเป็นตัวเจ้าชะตาว่ามีนิสัยอย่าไร
ไปทางเชิง การแสดงออก หรือไม่แสดงออก ซึ่งเราจะเอาไว้ทายนิสัย เจ้าชะตา และรู้ว่าคน
ๆนั้นเป็นอย่างไรในชีวิตเค้าลึกลงไปอีก ถ้าเราไม่ใช้วิชานี้เราก็จะเห็นภาพรวม ๆ
เท่านั้นการวิเคราะห์ ดวงก็น้อยลงไป ในการตัดสินใจก็ยากขึ้นว่าคน ๆ นั้นเป็นอย่างไร
อนึ่งขอให้ท่านสักเกตว่าการนับจตุรางคลนั้น เขานับตามจักรราศี
ทั้งนี้ก็เพราะดวงอาทิตย์ของปีโคจรตามจักรราศี
ส่วนจตุรางดลเรือนชะตาซึ่งจะกล่าวต่อไปนับเวียนจักรราศี
เพราะดวงอาทิตย์ของวันโคจรย้อนจักรราศี สวนทางกันดวงอาทิตย์ของปี
ถ้าเราเล่นแบบเรือนชะตาจะมีดังนี้
จตุรางคดที่ 1 ได้แก่ เรือนที่ 12 11 10
จตุรางคดที่ 2 ได้แก่เรือน 9 8 7
จตุรางคดที่ 3 ได้แก่เรือน 6 5 4
จตุรางคดที่ 4 ได้แก่เรือน 3 2 1
บทที่497
1. การพัฒนาการของพื้นที่ ตามเวลา
พุธ = การเคลื่อนไหว เหมือนกายสังขารหนึ่งมีการเคลื่อนไหว ผูกพันกับ
ศุกร์ = ความผูกพัน กายสังขารอื่น จะพัฒนาเป็น การคุ้นเคย การวิสาสะ
การทำความรู้จักกัน
ต่อจากนั้น ก็จะเกิดเป็น
ศุกร์ = ความผูกพัน ความสนิทสนม ความสัมพันธ์ทางเพศ การร่วมทางเพศ
อังคาร =การกระทำ การลงมือ การร่วมเชื้อสาย การปฏิสนธิ
ผลที่เกิดขึ้น คือ
อังคาร =การกระทำ การลงมือ การประสบผล และการเกิด
พฤหัส =ความสำเร็จ
ทั้งนี้ จะต้องกลายเป็น
พฤหัส =ความสำเร็จ โชคลาภ ผู้ใหญ่ และแก่ชรา
เสาร์ =ความกระด้าง การกลายเป็นกระดูก
ในที่สุด ก็สิ้นสุดโดย
เสาร์ =ความแข็งเทื้อ จากไป ถึงแก่กรรม การเก็บเกี่ยว
มฤตยู =ความอกสั่นขวัญหาย
ความตายคือ
มฤตยู =ความอกสั่นขวัญหาย การเข้าไปอยู่ในโลกอื่นในโลกหน้า
เนปจูน =การสลายตัว ความรู้สำนึกและความไร้สำนึก
สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ ย่อมถูกนำกลับคืนเอาไป
เนปจูน=การสลายตัว การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้จาก
ภายนอก
พูลโต=การเปลี่ยนแปลงภายใน หมดสิ้นไป การเปลี่ยนแปลงที่เห็นไม่ชัด อวสาน ชีวิต
กลายเป็นสิ่งในอดีต
สิ่งที่หมุนเวียนมาใหม่โดยไม่มีวันจบสิ้น
พูลโต=การเปลี่ยนแปลงและพัฒนา การขยายตัวของชีวิตใหม่ ขนบธรรมเนียม
จารีตประเพณี การเกิดใหม่ ชีวิตใหม่
คิวปิโด=สังคม ครอบครัว
วิวัฒนาการของชีวิตสำหรับ ขั้นแรกยุติลงเพียงเท่านี้ วิถีโคจรของพูลโต ตัดกับ วิถึโคจรของ
เนปจูน ณ จุด ใกล้สุด จากดวงอาทิตย์ และยังตัดกับวิถีโคจรของฮาเดส ณ จุด ไกลสุด จากดวง
อาทิตย์ด้วย พูลโตจึงเป็นจุดอวสาน และเป็นจุด เชื่อมต่อ กับ วิวัฒนาการของบรรใดชีวิตใน
ระดับต่อไป การที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพลูโต เป็นผู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการแปร
สภาพที่สำคัญ และด้วยเหตุนี้เอง พูลโต จึงเป็นดาวแห่งการวิวัฒนาการ
ในลำดับต่อไป คือ ปฐมบท ซึ่งควรแก่การพิจารณาอย่างที่สุดบทหนึ่ง สำหรับโหราศาสตร์แนว
ปรัชญา
2. พัฒนาการของ เวลา ใน พื้นที่
พูลโต =พลังงานในการสร้างอดีต มีพันธ์ใหม่ เชื้อ ทารกในครรค์
คิวปิโด=พลังงานในการสร้างอนาคต
มี
คิวปิโด=พลังงานการสร้างอนาคต การได้รับการถ่ายทอดสิ่งบกพร่องติดมา ชีวิตใหม่
ฮาเดส=พลังงานในการทำลายอดีต เหล่านี้นำเชื้อแห่งความตายติดตัวมาจากอดีต จาก
บิดามารดา และโดยการบังคับ
จากนี้จะก่อให้เกิด
ฮาเดส=ความบกพร่องหรือความขาดแคลน การเกิดที่มีการติดเชื้อโรค และเด็กทารก
ที่ป่วยเป็นโรคทั้งหลายที่ได้รับมาจากอดีต
เซอุส=การให้กำเนิดและสร้างสรร
จากนั้นจะมีการตื่นตัว
เซอุส=การให้กำเนิดและการสร้างสรร ชีวิตแห่งการต่อสู้ การฟันผ่าอุปสรรคต่าง ๆ
โคโนส=ความสูงส่ง ความเด่น
หลังจากการมีชัยในการต่อสู้ต่าง ๆ
โครโนส=ความสูงส่ง ความเด่น ผู้มีอำนาจ การมีความรู้อย่างกว้างขวาง ประสบการณ์ การมีความรู้จริง การมีตำแหน่ง
การมีเกียรติยศเกียรติศักดิ์
อาพอลลอน=การขยายตัว การขยาย ประสบการณ์
และแล้วก็ดูเหมือนว่า จะบรรลุเป้าหมายนั้น
อาพอลอน=การขยายตัว การแผ่ขยาย การมีความพอใจในสิ่งที่สมความปราณา
แอดเมตอส=การจำกัดเขต การสงบนิ่ง
แต่สวรรค์ไม่เคยยอมให้ผู้ใดบรรลุถึงเป้าหมายเสมอไป และคงจะต้องทำการทอสอบเสียก่อน
แอดเมตอส=การจำกัดเขต การสงบนิ่ง โชกร้ายอย่างหนัก มืดมน ได้รับความบีบคั้นต่าง ๆ
วัคคานุส=อำนาจ พลังงาน ความแข็งแรง
หลังจากผ่านการทดสอบแล้ว ก็จะเป็นผู้ใหญ่ และพร้อมที่จะไปสู่สวรรค์
วัลคานุส=อำนาจ พลังงาน ความแข็งแรง กำลังปัญญา ความสำนึกได้ ความพูมใจ เกียรติยศ
โพไซดอน=ปัญญา
วิญญาณ มีชื่อเสียง
บทที่498
ในการพยากรณ์ ทั้งการพยากรณ์พื้นดวงและการพยากรณ์จร ก่อนอื่นท่านจะต้องระลึกอยู่เสมอว่า เมอริเดียนกับลัคนาในดวงชะตานั้นเราคำนวณมาจาก เวลาเกิด ของเจ้าชะตา ซึ่งเจ้าชะตาเป็นผู้บอกให้ทราบ จะตรงกับที่เป็นจริงหรือไม่ จะสอดคล้องกับชะตาของเขาหรือไม่ เราก็ไม่รู้และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าชะตาบางคนก็จำเวลาเกิดไม่ได้ หรือจำได้ก็โดยประมาณ
ฉะนั้น ในทางปฏิบัติในขั้นต้นเราจะต้องไม่เชื่อเวลาเกิดตามที่เจ้าชะตาบอกไว้ก่อน กล่าวคือ จะยังไม่ใช้เมอริเดียนและลัคนา สำหรับการพยากรณ์ในทันที ทั้งนี้จนกว่าจะได้ทำการตรวจสอบจนเห็นว่ามีความสอดคล้องกันกับประวัติในหนหลังเป็นอย่างดีแล้ว จึงจะนำไปใช้ในการพยากรณ์ได้ วิธีการตรวจสอบเมอริเดียนและลัคนาเพื่อวินิจฉัยถึงตำแหน่งที่สอดคล้องกับประวัติในหนหลังนี้คือ การปรับดวงชะตาหาเวลาเกิดที่แท้จริง
ตามปกติจะปรับโดยใช้การพยากรณ์จร โดย โค้งสุริยาตร์ เป็นหลัก เมื่อปรับและให้สอบบุคลิกของเจ้าชะตาอีกครั้ง โดยการตั้งจุด กรกฏ ที่ MC หรือจะใช้วิธีสอ AR+AR-MC หรือ
MC+MC-AR ก็ได้ ซึ่งผลการสำรวจ จะต้องเป็นจริงทุกประการ เช่น เมื่อได้ตั้ง จุด กรกฏ ที่ MC แล้ว พบว่า MC = VE เช่นนี้ เจ้าชะตา จะต้อง เป็นผู้มีเสน่ห์ ชอบความสวยงาม หรืองานศิลป โดยไม่มีปัญหาหรือ ถ้าพบว่า MC=UR เขาจะต้องเป็นบุคคลขี้ตื่นและทะเยอทะยานอย่างแน่นอน
ในการปรับดวงชะตาอย่างง่าย ๆ เขาใช้วิธีสังเกตว่า มีดาวอะไรอยู่ใกล้บริเวณ MC บ้าง ถ้ามีก็ให้หาระยะ เป็นองศา ลิปดา จาก MC ถึงดาวดวงนั้นได้กี่องศา ลิปดา นี่ก็คือ โค้งสุริยาตร์นั่นเอง ให้แปลเป็น อายุเสียแล้วถามเจ้าชะตาว่า เมื่ออายุเท่านั้นเขาประสบเหตุการณ์ตามความหมายของ
ดาวดวงนั้น ๆ หรือไม่ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะต้องประสบเหตุการณ์ตามความหมายของดาว
ดวงนั้นแน่ๆ และอาจเป็นในปีนั้นพอดี หรือ คลาดเคลื่อนเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นปี สองปี ก็ได้ หาก
คลาดเคลื่อนไป ก็ให้ ขยับ เมอริเดียน ให้ได้ระยะห่างจากดาวดวงนั้น ตรงกับอายุเป็นปีของเจ้าชะตา
ที่ประสบเหตุการณ์นั้น ๆ พอดี เมอริเดียนในตำแหน่งใหม่นี้ จะเป็นเมอริเดียนแท้จริงของเขาเมื่อได้
เมอริเดียนใหม่ ก็ให้ทำการสำรวจดวงชะตาโดยการตั้ง จุด กรกฏ ที่ เมอริเดียน ใหม่นี้ รายการโชคชะตาที่ได้จากการสำรวจ จะตรงกับชีวิตจริงของเขาโดยไม่มีข้อยกเว้น
จากการตรวจดวงชะตา พบว่า เนปจูนอยู่ห่างจาก เมอริเดียน เท่ากับ 20.15 องศา และเมื่อแปลงเป็นอายุ จะตรงกับอายุ 20 ปี เช่นนี้ ก็ให้ถามเจ้าชะตาเมื่อเจ้าชะตาอายุ 20 ปี ประมาณ อาจขาดหรือเกินเป็นเดือนหรือวันได้ เขาได้ประสบเหตุการณ์เรื่องถูกหลอกลวง ไม่สะบายใจอย่างหนักหรือไม่ หรือ
บางทีก็ประสบภัยทางน้ำ เพราะเนปจูนเป็นดาวพระเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ หากเขาจำได้ว่า เขาประสบเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่ออายุ 22 ปี ไม่ใช่เมื่อตอนอายุ 20 ปี ท่านก็ขยับเมอริเดียนให้ห่างจาก
เมอริเดียนเดิมออกไปอีก 2 องศา(คิดองศาละปี) เมอริเดียนในตำแหน่งจะเป็นเมอริเดียนจริงของเขา
กรณีไม่ทราบเวลาเกิดเลย
1. มีหลักการอยู่ว่า เมื่อไม่ทราบเวลาเกิดของเจ้าชะตา ตามปกตินักโหราศาสตร์จะใช้จันทร์เป็นเครื่องมือในการหาชั่วโมงที่เจ้าชะตาเกิดเป็นมูลฐาน เพราะในท้องฟ้าดาวที่โคจรเร็วที่สุดคือดวงจันทร์ และดวงจันทร์ มีความหมายทางโหราศาสตร์ว่าชั่วโมง
เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ จันทร์ ในการหาเวลาเกิดเช่นนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาถึงอิทธิพลของดวงจันทร์ ที่มีต่อเจ้าชะตานั้น
เหตุการณ์เด่นในชีวิต ซึ่งมีผลทางด้านจิตวิทยาก่อให้เกิดความประทับใจแก่เจ้าชะตาจากประสบการณ์ทางโหราศาสตร์พบว่าคือ เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นจากอิทธิพลผสมระหว่า จันทร์ กับ เสาร์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจาก จันทร์ จรสุริยาตร เสาร์ หรือ เสาร์ จรสริยาตร จันทร์
2. อิทธิพลผสม จันทร์ – เสาร์
เมื่อจันทร์ จย. ถึงเสาร์ หรือ เสาร์ จย. ถึงจันทร์ แล้วจะต้องเกิดเหตุการณ์เด่นในชีวิตเสมอไป
การพยากรณ์ที่ให้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ ก็คือ เจ้าชะตา จะต้องตกอยู่ในสภาวะที่ก่อให้เกิดความวังเวงใจ จึงขอให้ท่านทราบข้อเท็จจริงตรงนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี ในกรณีไม่ทราบเวลาเกิดเลย เราฝากความแม่นยำในการหาเวลาเกิดเอาไว้กับอิทธิผลของจันทร์กับเสาร์ แต่ในขณะเดียวกันเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดพลาด เราจึงต้องมีขั้นตอนการทดสอบเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษอีก 1 ขั้น เพื่อวินิจฉัยว่าเวลาเกิดที่หาได้นั้นน่าจะเป็นเวลาเกิดที่แท้จริงหรือไม่ ซึ่งตามปกติจะทดสอบโดยตำแหน่งของจันทร์ที่หาได้เสียก่อนว่า ให้ผลในการพยากรณ์สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่
3. กฎ ครึ่งโค้งสุริยยาตร เต็มโค้งสุริยยาตร สองเท่าโค้งสุริยยาตร กฏนี้ต้องใช้ให้เป็นประจำในชีวิตของการพยากรณ์เลยทีเดียว และจะต้องพลิกแพลงให้เป็นด้วย กฏนี้ใช้ควบคู่กันไปกับ โค้งสุริยยาตร 45 องศา และ กฎ โค้งสุริยยาตร 50 องศา
4. กฏโค้งสุรยยาตร 90 องศา
ให้ควบคู่กับกฏในข้อ 3 กฏนี้กล่าวว่า เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เมื่อโค้งมีค่าต่างกัน หรือรวมกันแล้วได้ 90 องศา เหตุการณ์นั่น ๆ จะเป็นเหตุการณ์จำพวกเดียวกัน
ตัวอย่าง นาย ก. มีลาภลอยเมื่อโค้งสุริยยาตร 40 องศา ครั้นเมื่ออายุนาย ก.มากขึ้นจนโค้งสุริยยาตรมีค่าเท่ากับ 50 องศา ( 40+50 = 90 องศา) นาย ก. จะได้ลาภลอย หรือลาภที่คล้ายคลีงกันใหม่อีกเป็นต้น
5. กฎ โค้งสุริยยาตร์ 45 องศา เช่นเดียวกับกฏโค้งสุริยยาตร 90 องศา เหตุการณ์จะอุบัติขึ้น ในทำนองคล้ายคลึงกัน จำพวกเดียวกัน เมื่อโค้งอายุต่างกันหรือรวมกันแล้ว เท่ากับ 45 องศา
6. การคัดเลือกประวัติ เราจะต้องใช้ดุลย์พินิจเป็นอย่างมาก ว่าเหตุการณ์ใดน่าจะใช้สำหรับการหาเวลาเกิดของเจ้าชะตาได้ ทั้งนี้ด้วยการคิดถึงเหตุการณ์ซึ่งมั่นใจว่า น่าจะอุบัติขึ้นเพราะอิทธิพลของจันทร์กับเสาร์ ซึ่งตามปกติแล้วเหตุการเด่นอันเกิดจากจันทร์กับเสาร์ จันทร์ ถึงเสาร์ เสาร์ถึงจันทร์ ก็คือ การพลัดพลากจากบุคคลเพศหญิง หรือมีการพลัดพลากของบุคคลเพศหญิง รวมทั้งการจากที่อยู่ที่เรียนด้วย ในขณะเดียวกันก็ใช้กฏในข้อ 3 4 5 โดยเฉพาะคือ กฎ ครึ่ง เต็ม สองเท่า เป็นแนวทางในการสอบถามประวัติในหนหลังซึ่งน่าจะเกิดขึ้นเพราะอิทธิพลของจันทร์ กับเสาร์ เพื่อช่วยให้เขานึกออก เมื่อสอบจนได้เหตุการณ์ที่มีความมั่นใจสูงมากว่า เกิดจากอิทธิพลของจันทร์กับเสาร์ ได้ 2 เหตุการณ์แล้ว ก็พยายามสอบหาเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ในชีวิตของเขา อีกเหตุการณ์หนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ 3 เพื่อเอาไว้ใช้สำหรับทอสอบขั้นหนึ่ง
เมื่อได้สอบถามเหตุการณ์ ซึ่งเป็นตามหลักเกณฑ์ของเรา ดังกล่าวจนได้ครอบทั่ง 3 เหตุการณ์แล้ว เราก็เริ่มคำนวณตำแหน่งจันทร์ในดวงชะตาของเขาก่อน
7. การทอสอบ
เมื่อคำนวณได้ตำแหน่งของจันทร์ในดวงชะตาที่น่าจะเป็นแล้ว ซึ่งอาจมี 2 ตำแหน่งก็ได้ ก็ปฏิบัติการทอสอบโดยตั้งจุดกรกฏที่จันทร์ เพื่อตรวจสอบบุคลิกภาพและโชคชะตาของ ญาติสนิทหญิง (ถ้าเป็นเจ้าชะตาชาย) หรือ ตัวเจ้าชะตาเอง (ถ้าเจ้าชะตาเป็นหญิง) โดยวิธีการพยากรณ์ดวงชะตาธรรมดาที่ได้ศึกษามาแล้ว ทั้งพื้นดวงและการพยากรณ์จรแล้วพิจารณาดูว่า ตรงกับที่เป็นจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าหากผลการตรวจสอบสอดคล้องกับชีวิตแล้ว จันทร์ ที่คำนวณได้นี้ก็จะเป็นจันทร์ที่แท้จริงในดวงชะตาของเขา
7. คำนวณเวลาเกิด
เมื่อได้ตำแหน่งของจันทร์ ซึ่งมีความมั่นใจสูงมากกว่า เป็นตำแหน่งจันทร์ที่แท้จริงในดวงชะตาของเขาแล้ว ก็ให้การคำนวณย้อนขึ้นไปหาเวลาเกิดของเจ้าชะตา อย่างไรก็ดี เวลาเกิดที่คำนวณได้นี้ อาจคลาดเคลื่อนไปจากเวลาเกิดจริงถึง ครึ่งชั่วโมงก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อคำนวณได้เวลาเกิดแล้ว ก็ได้คำนวณหาเมอริเดียนกับลัคนาด้วย เมื่อได้ตำแหน่งสมผุสของเมอริเดียนกับลัคนาแล้ว ก็ให้ทำการปรับแบบละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาเวลาเกิดที่ถูกต้องจริง ๆ ซึ่งการปรับละเอียด เราจะได้เวลาเกิดที่อาจคลาดเคลื่อนได้จากเวลาเกิดจริง ๆ ไม่เกิน 4 นาที
บทที่499
อาทิตย์ย้ายราศีบอกอะไรกับเราบ้าง 101
อาทิตย์ ย้ายราศีเราไว้ใช้ในการดูเหตุการณ์รายเดือน
หลังจากเราดูเหตุการณ์รายปีมาแล้วว่ามีเหตุการณ์ที่เราต้องการทราบ
เมื่อเราทราบว่ามีเหตุการณ์สำคัญรายปีเกิดขึ้นมาแล้วไม่ว่าจะเป็นดวง
sola returen
หรือดวง สงการณ์ ก็ตามเราก็เริ่มมาหาเหตุการณ์รายเดือนต่อไป
หลักการมีอยู่ว่าเราต้องบีบจากรายปีมาเป็นรายเดือน จาก 365 วัน เหลือ 30 วันและหรือ
3 วัน และดูให้เหลือ 1 วัน จนถึงรายนาที ให้ได้ วิธีทำเราก็ตั้งจุดต่าง ๆ
ไว้ที่รายปีไว้ ต่อไปเราก็หมุนอาทิตย์ตั้งแต่เดือนเกิดของเจ้าชะตาไปเลื่อย ๆ
ว่าอาทิตย์ย้ายราศี ณ วันไหน
และวันนั้นน่าจะมีความรุ่นแรงในเรื่องที่เราตั้งไว้ในรายปีหรือไม่ ว่าจุดต่าง ๆ
ได้เข้าจุดเจ้าชะตา หรือเข้าแกน เข้าโค้ง หรือจุดอิทธิพลที่เราสร้างขึ้นมา
เราจะต้องตรวจเช็คไปเลื่อย จนเจอเดือนที่น่าสนใจที่สุดภายในสิบสองเดือน
เมื่อเราทราบเดือนแล้วเราก็สามารถบอกกับเจ้าชะตาได้แล้วว่าเดือนไหนน่าจะเกิดเหตุการณ์สำคัญ
แต่น่าจะมีเดือนให้เจ้าชะตาเลือกสักสองสามเดือนเพื่อไม่ให้เจ้าชะตาถูกบีบจนเกินไปถ้าเราดูเรื่องร้าย
ๆ แต่ถ้าดูเรื่องดี ๆ เราก็เพื่อไว้สักสองสามเดือน
ที่แรงกันไว้สำหรับมือใหม่จะได้ไม่พลาด ต่อจากนั้นเราก็มาหาเหตุการณ์รายวันต่อไป
การหาเหตุการณ์รายวันเราก็ดูจันทร์ย้ายราศีเพราะจันทร์ย้ายราศีทุก ๆ สามวัน เราก็ใช้วิธีเดือนกันกับการดูรายเดือนซึ่งจะแนะนำต่อไป เรากับมาสนใจเรื่องเหตุการณ์รายเดือนก่อนว่าสามารถบอกอะไรกับเราได้บ้าง
ข้าพเจ้าบอกแล้วว่าเหตุการณ์รายเดือนต้องมาจากเหตุการณ์รายปีเป็นการดูต่อเนื่อง แต่เราสามารถดูเหตุการณ์รายเดือนได้ เป็นการดูแบบกาลชะตาได้เหมือนดูกาลชะตารายวัน แต่รายเดือนจะบอกก่อนว่าเดือนนี้เป็นอย่างไรเป็นภายใหญ่ ๆ ไว้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เราสามารถดูเหตุการณ์รายเดือนว่าเดือนนี้ดีหรือไม่ดีได้เช่นกัน ความแม่นยำสูงพอสมควร แต่เราต้องแยกออกจากการดูเหตุการณ์รายเดือนที่มาจากรายปี
การดูเหตุการณ์รายเดือนแบบกาลชะตาเราก็ตั้งอาทิตย์อยู่ตรงเส้นแบ่งราศีได้เลยและตั้งจุดที่เราต้องการทราบเข้าไปถามเค้า เราสามารถใช้โค้ง จุดศูนย์รังสี จุดอิทธิพล จุดสะท้อน จุดสะท้อนวงนอกได้ด้วย เราก็ทราบว่าเดือนนี้เป็นอย่างไรบ้างก่อนที่เราจะมาดีกาลชะตารายวันกันต่อไปซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพื่อป้องกันการดูพลาดได้ ต่อไปเราก็มาดูจันทร์ย้ายราศีเพื่อกำหนดวันสำคัญที่น่าสนใจสำหรับเรื่องที่เราต้องการทราบต่อไป
การดูกาลชะตารายเดือนจะบอกเหตุการณ์สำคัญที่เราคาดคิดเอาไว้ว่าได้หรือไม่ได้เป็นส่วนสำคัญ และเราก็จะมาดูว่าวันไหนจะเกิด ส่วนกาลชะตาที่บอกวันเดือนปี เวลามา และถามเราเรื่องใดเรื่องหนึ่งมันเป็นกาลชะตาอีกแบบหนึ่งแต่ก็เหมือน ๆ กัน แต่รายเดือนเราไม่คาดหวังว่าจะเกิดแต่เรารู้ว่าได้หรือไม่ได้ เป็นการรู้ล่วงหน้าแบบไม่มีเป้าหมาย
บทที่
500
ชีวิตรัก ชีวิตการครองคู่
ต้องพิจารณาจากภพที่ 5 หรือ ภพที่
7 ด้วย
การพิจารณาดวงกำเนิด สามารถให้ข้อมูลที่แม่นยำได้ในเรื่องชีวิตรักของเจ้าชะตา โดย พิจารณาจากว ศุกร์ แต่ต้องพิจารณาจากภพด้วยโดยพิจารณาที่ ภพที่ 5 และภพที่ 7 ด้วย เราก็พิจารณาราศีด้วยให้ละเอียด เช่น เมื่อมีราศีธาตุไฟหรือธาตุดินมาเกี่ยวข้อง เราก็จะพิจารณาว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองและมั่นคงหรือยืนยาวหรือไม่อย่างไร
มาถึงตอนนี้เราต้องหาข้อมูลพื้นฐานว่าเป็นอย่างไร
โดยส่วนมากเกือบร้อย ภพมักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราศีสองราศีเสมอ
บางครั้งก็ถึงสามราศีก็มี
การพิจารณาเรือนต้องบวกกับราศีทุกราศีที่เกี่ยวข้องและสำคัญด้วย อิทธิพลเหล่านี้
จบอกออกมา ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะเป็นอย่างไร
เรามาพิจารณาว่าราศีอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับภพ 5 และ ภพที่ 7 จะมีอิทธิพลอย่างไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจ้าชะตากับคู่ คนรัก หุ้นส่วน อย่าลืมต้องบวกดาวที่อยู่ในราศีด้วย ฯลฯ
ภพ 5
ราศีเมษ : หมายความว่า เอาจริงเอาจัง จริงใจ กับความรัก แต่ข้อเสียก็คือแสดงออกมากเกินไป ถ้าคุณมี รักเมื่อแรกพบ จะมีความประทับใจมากแต่ก็มีโอกาสพบความเบื่อหน่ายได้เร็ว(ไฟ)
ราศีพฤษภ : ในราศีนี้ ความรักมั่งคงแน่นอนแต่ก็มีความหวงแหน ตามมาด้วยและคิดว่าเป็นของตัวเสมอ ความรักจะไม่ถือว่าไม่แน่นอน เจ้าชะตาจะถือว่าความรักต้องคงทนตราบชีวิต ความรักจะเหมือนเป็นทรัพย์สิน ต้องเกี่ยวข้องกันตลอดไป ซื่อสัตย์และยอมเพื่อความรักได้
ราศีมิถุน : ความรักในราศีนี้ มีอิทธิพลที่ไม่แน่นอน ยุ่งเหยิง อยู่ไม่นิ่ง มักจะมีรักซ้อน มักจะมีการที่รถไฟชนกันเสมอ อาจจะเจ้าชู้ ประทับใจในความรักง่าย มักไม่ค่อยใช้เหตุผล มีแนวโน้มจะมีบุตรหลายคน มีโอกาสจะมีบุตรฝาแฝด
ราศีกรกฎ : มีโรแมนติคด ีอ่อนไหวง่ายและมีความไม่แน่นอนอยู่ด้วย(น้ำ) ระวังจะรักเด็กและจะรักหลายคน
ราศีสิงห์ : ถือความรักเป็นอุดมการณ จะไม่เจ้าชู้ไม่เลือก ความประทับใจจะมีมากเมื่อมีความรักถึงส่วนลึก ซื่อสัตย์และมีแนวโน้มว่าจะมีบุตรเพียงคนเดียว
ราศีกันย์ : ความรักในราศีนี้จะบริสุทธิและจะไม่รักใครง่ายๆ พอใจที่จะอยู่เป็น และถ้ามีความรักและมีวิกฤต จะโทษคู่ครอง ครหุ้นส่วน ในราศีนี้มักจะไม่มีความประทับใจในความรักสักเท่าไหร่มีแต่ความเย็นชา
ราศีตุลย์ ความรักในราศีนี้มีความนุ่มนวลอ่อนหวานและเมื่อมีความรักจะคิดไกลไปถึงการแต่งงาน(คู่ครอง)เป็นความรักแท้ หรือไม่ก็ความมีบุตรและทำให้มีการแต่งงานกัน
ราศีพิจิก : ในราศีนี้ความรักจะประทับใจจนบานฉ่ำ เอาเป็นเอาตาย และพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นความเกลียด เมื่อมีความรักก็รักมากจนเกินไป รุนแรง ชอบการร่วมเพศ และมักจะมีความรักที่ซ่อนเร้น
ราศีธนู : ความรักจะไม่เป็นความรักที่รักเดียวจนตาย ความรักในราศีนี้มักจะเป็นความรักกับคนต่างชาติ หรือไม่ก็มีบ้านอยู่ในเมือง และจะเกี่ยวข้องกับการมีอิสสระเสรี ดังนั้นจะมีเปลี่ยนแปลงที่จะจำกัดอิสสระเสรีจะต่อต้าน
ราศีมังกร : จะไม่เจ้าชู้และจะถูกรักกับคนที่อายูแก่กว่า ความรักจะมั่นคง ซื่อสัตย์ แต่ไม่หวานสักเท่าไร ขี้หึง เจ้าระเบียบ มีวินัย รอบคอบ
ราศีกุมภ์ : ความในรักในราศีมักมีความแปลกๆ มีอิสสระเสรี ไม่สนใจใคร ไม่มีแบบแผน มักจะพบ " ความรักเมื่อพบ "บ่อยๆ และความรักเป็นเสมือนเพื่อน
ราศีมีน : ความรักในราศีนี้มักเป็นความรักที่มีอุปสรรค มีข้อขัดแย้ง เสียสละ ระทมทุกข์ คนรัก คู่ครองมักจะเป็นคนมีอุดมการณ์มากไปหน่อยทำให้อึดอัดและผิดหวัง อาจจะไม่ยอมรับความจริง มีแนวโน้มที่จะเป็นนักประพันธ์หรือนักแต่งเพลง
ภพ 7
ราศีเมษ
:
การแต่งงานหรืออยู่ด้วยกันกับคนที่มีลักษณะของดาวอังคาร
ภายใต้อิทธิพลของราศีเมษหรือ
ราศีพิจิกหรือดาวอังคารแรงในดวง จะเป็นคนใจร้อนแต่ก็มีความรักที่ซื่อสัตย์
หรือแต่งงานเร็ว
ราศีพฤษภ : ชีวิตคู่ครองจะมีความมั่นคง คู่ของคุณมีอิทธิพลของดาวศุกร์ซึ่งเกี่ยวข้องกับราศีพฤษภ, ราศีตุลย์หรือดาวศุกร์มีอิทธิพล์แรงในดวง เขาหรือเธอจะมีลักษณะที่ขี้หึงและดื้อรั้น
ราศีมิถุน : การแต่งงานหรืออยู่ด้วยกันมักจะเริ่มจากความเป็นเพื่อนที่มีความรู้และเฉลียวฉลาดหรือจากความรู้ คู่ที่มีลักษณะของดาวพุธคือคนที่เกิดในราศีมิถุน ราศีกันย์หรือมีดาวพุธมีอิทธิพลแรงในดวงกำเนิด อ่อนไหวง่าย ฉลาดมาก
ราศีกรกฎ : คู่ของคุณจะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ไม่แน่นอน มีอารมณ์ทางโรแมนติค อาจจะมีคู่เมื่อมีอายุมากหน่อย
ราศีสิงห์ : คุณจะต้องเกี่ยวข้องกับคนที่มีอุดมการณ์ อารมณ์รุนแรง มีศักดิ์ศรีอยู่ภายในธาตุแท้ ซื่อสัตย์ จริงใจ การแต่งงานจะมีขึ้นหลังจากเป็นเพื่อนกันมานาน
ราศีกันย์ : ราศีนี้มักจะพอใจที่จะอยู่เป็นโสด แต่อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์จะเริ่มจากความใกล้ชิด อาจจะชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบให้คนอื่นมา ยุ่งเกี่ยว
ราศีตุลย์ : ตามปกติในราศีนี้ชีวิตจะมีความรักกันดี ประนีประนอม
ราศีพิจิก : ชีวิตรักในราศีนี้เต็มไปด้วยความรุนแรงดีก็ได้ เสียก็ได้ จะมาจากความประทับใจ เอาจริงเอาจัง แบบดาวพลูโต ซึ่งมีในราศี พิจิก ราศีเมษ ราศีมิถุนหรือดาวพลูโตแรงในดวง
ราศีธนู : อาจจะเป็นไปได้ว่าการแต่งงานเกิดในต่างประเทศ หรือกับคนต่างชาติ ราศีนี้มีอิทธิพลเกี่ยวกับอิสสระเสรี หนทางไกลหรือต่างประเทศหรือคิดการณ์ไกล ตู่ครองมีอิทธิพลของดาวพฤหัส ซึ่งเกี่ยวกับราศีธนู ราศีมีนหรือไม่ก็ดาวพฤหัสมีอิทธิพลในดวงแรง
ราศีมังกร : ในราศีนี้การมีคู่มักช้าหรือไม่ก็มีคู่ที่มีอายุห่างกัน แต่ก็มีความมั่นคง คู่ครองที่มีอิทธิพลของดาวเสาร์หมายถึงว่ามีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับราศีมังกร ราศีกุมภ์หรือมีดาวเสาร์มีอิทธิพลแรงในดวง
ราศีกุมภ์ : ในราศีนี้ความไม่แน่นอนมีมากถ้ามีความสัมพันธ์กันนาน นอกเสียจากว่าคุณสามารถประนีประนอมกับคู่ครองในเรื่องของความหุนหันหุนหันง่าย และต้องทำใจว่าเหตุการณ์หุนหันจะมีบ่อยๆด้วย ชีวิตคู่ของคุณเป็นเสมือนเพื่อนคู่คิดเสียมากกว่า คู่ครองมีอิทธิพลของดาวมฤตยูหมายความว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของราศีกุมภ์หรือดาวมฤตยูมีอิทธิพลแรงในดวง
|