บทที่ 501

จุดสะท้อนแกนเมษ
และกรกฎ

                เรื่องของจุดสะท้อนในระบบยูเรเนียน เราจะมีอยู่สองระบบคือสะท้อนแกนกรกฏและแกนเมษ ซึ่งต่างก็ทำหน้าที่เหมือนกันทำมุมต่างกัน แต่ให้ความชุดเจนต่างกัน เราจะได้อะไรจากจุดสะท้อนทั้งสองแกนในการมองภาพของดวงของเจ้าชะตา บางทีเราใช้จุดสะท้อนแกนกรกฏเราอาจมองไม่เห็นชัดเจนแต่ถ้าเราไปใช้จุดสะท้อนแกนเมษเราก็จะเห็นอะไรมากขึ้น การเช็คจุดต่าง ๆ ถ้าเราต้องการเช็คให้ละเอียดไม่ควรมองข้ามจุดสะท้อนแกนเมษด้วย วิธีทำก็ไม่ยากนักเพราะโปรแกรมของเราทำไว้ให้สะท้อนแกนกรกฏแต่แกนเมษเราต้องช่วยตัวเอง วิธีทำคือเข้าที่  tool ไหที่ setting และไปที่ reflect type และไปเลือกแกนที่ต้องการ  เพราะดาวจรต้องใช้การสะท้อนที่แกนเมษเป็นส่วนมากกว่าแกนกรกฏ ส่วนมากเราไม่ต้องต้องจุดสะท้อนทั้งหมด เราตั้งเฉพาะจุดสะท้อนของดาวที่สำคัญ เช่น พฤหัส เสาร์ ดาวเคราะห์ร้าย หรือดาวเคราะห์ดี ๆ ก็เพียงพอ เพื่อเป็นการป้องกันว่าทำไมมันเกิดอะไรขึ้นแต่เราหาไม่พบแต่ไปพบที่จุดสะท้อนแกนเมษ ท่านควรฝึกไว้อย่าไปมองข้ามจุดสะท้อนเพราะมีความรุนแรงทีเดียว  

บทที่ 502
 

การวินิจฉัยโรคจาก ดวงจันทร์

จันทร์ ในราศีต่าง ๆ เมื่อทำมุมถึง อังคาร เสาร์ ทั้งนี้ใช้ได้ทั้งดวงชะตากำเนิด และจร

จันทร์ราศีเมษ

                เมื่อทำมุม 0 90 180 กับ เสาร์ ส่วนที่เจ็บป่วยคือ ศีรษะ ตา หวัด เยื่อคออักเสบ หรือเยื่อหุ้มปอดอักเสบ โรคกระเพาะ และเบื่ออาหาร ถ้าถูกเบียนด้วย อังคาร จะมีผลทำให้นอนไม่หลับ สำหรับโรคที่เกี่ยวกับศรีษะนั้น จะได้แก่ความไม่ปกติของเยื่อบุสมอง ปากแห้งเป็นประจำ คนไข้กระหายน้ำเป็นกำลัง ร้อนท้อง บริเวณหน้าอก และตับอักเสบ

จันทร์ราศีพฤษภ

                เมื่อทำมุมถึงเสาร์ การเจ็บป่วยจะมาจาก การกิน และการดื่มมากเกินควร มีผลคือ หน้าอกใหญ่ หรือลงพุง เป็นไข้อันเนื่องมาจากสภาวะการอุดตันในร่างกายรูปแบบหนึ่ง ปอดอักเสบและเนื้องอกในปอด เมื่อถูกเบียนด้วยอังคาร จะมีอาการไข้เรื้อรัง คอหรือลำคออักเสบ ปวดกระดูก นอนไม่หลับ และขี้เหล้า

จันทร์ ราศีมีถุน

                เมื่อถูกเบียนด้วยเสาร์ สาเหตุแห่งการเจ็บป่วยจะมาจากการอดหลับอดนอนมากเกินไปและการหมดกำลังเนื่องจากการเดินทาง มีผลทำให้อ่อนเพลีย และเกิดความอ่อนแอ การเจ็บป่วยได้แก่ อาการผอมแห้งแรงน้อย เมื่อถูกเบียนด้วย อังคาร มักเป็นไข้ความร้อนสูง และท้องผูกได้ง่าย

จันทร์ราศีกรกฏ

                เมื่อถูกเบียนด้วยเสาร์ สาเหตุคือผลสะท้อนมาจากความเย็น หรือเกิดการอาบน้ำบ่อย มีกาการแน่นหน้าอก ท้องผูก ไข้ โรคเกี่ยวกับเต้านม เมื่อถูกเบียนด้วย อังคาร โรคภัยไข้เจ็บจากการเกิดโลหิต นอนกจากนี้ยังได้แก่โรคท้องเดิน โรคเกี่ยวกับน้ำดี ท้องขึ้น เฟ้อ เรอเปรี้ยว

จันทร์ ราศี สิงห์

                เมื่อถูกเบียนด้วยเสาร์ โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดมีเม็ดโลหิตแดงมากเกินไป เจ็บเสียดที่หน้าอก ไข้ความร้อนสูง และเฉียบพลัน ร้อนนอกร้อนใน เมื่อมีตำแหน่งสัมพันธ์กับ อังคาร การเจ็บป่วยเนื่องจากความดันโลหิตสูง การมีอาการไข้ที่รุนแรงและอยู่อย่างนั้น เป็นลม ง่วงเหงาหาวนอน อ่อนเพลียทั้งร่างกาย ใจสั่น และเบื่ออาหาร

จันทร์ ราศีกันย์

                เมื่อถูกเบียนด้วย เสาร์ การทำงานของกระเพาะอาหารไม่ปกติ ทำให้อาหารไม่ย่อย รู้สึกไม่สบายที่ช่องท้องบริเวณกะบังลม ส่วนเหนือ และข้างหน้ากระเพาะอาหาร มีอาการไข้รุนแรง และไม่ปกติ หากได้ตำแหน่งสำพันธ์กับ อังคาร โรคบิด ถ่ายเป็นโลหิต โรคเกี่ยวกับประจำเดือน เป็นแผลในลำไส้และมีอาการไข้ แต่ไม่เรื้อรัง

 

 

จันทร์ ราศีตุลย์

                เมื่อถูกเบียนด้วยเสาร์ มักดื่มจัดและรับประทานจุ มักจุดเสียดเป็นประจำ เยื่อบุเมือกของศรีษะ ไอ เสียงแหบแห้ง มีอาการหอบหืด อาหารไม่ค่อยย่อย และมักมีอาการไข้เล็กน้อยในตอนกลางคืน ถ้าถูกเบียนด้วยอังคาร นอนไม่หลับ มีไข้ เจ็บปวดไปทั่งร่างกาย

จันทร์ ราศีพิจิก

                เมื่อถูกเบียนด้วยเสาร์ ฉีกขาด และมีบาดแผลหรือเนื้องอกที่อวัยวะเพศ เมื่อมีตำแหน่งสัมพันธ์กับอังคาร อักเสบ หรือมีโพลงหนองในอวัยวะเพศ หรือที่ก้น

จันทร์ ราศีธนู

                เมื่อถูกเสาร์เบียน มักก่อให้เกิดการเจ็บเนื่องมาจากเยื่อบุเมือกอักเสบ การแตกหักที่มือเท้า หรือตามข้อ การมีอาการไข้แบบสะท้านร้อนหนาว ถ้าได้ตำแหน่งสัมพันธ์กับอังคาร จะมีผลทำให้เป็นโรคบวมตามข้อ ซึ่งมีผลมาจากดื่มมากเกินไป โลหิตมากเกินไป น้ำดีออกมากเกินไป เยื่อช่องท้อง หรือท้องร่วงอย่างแรง

จันทร์ ราศี มังกร

                เมื่อถูกเบียนด้วยเสาร์ การเจ็บป่วยจะมีผลมาจากเยื่อบุอักเสบ อาการหอบหืด ไออย่างหนักในเวลากลางคืน หืดและมีไข้หนัก ถ้ามีตำแหน่งสัมพันธ์กับ อังคาร ความเจ็บป่วยจะมีสาเหตุมาจากระบบการย่อยไม่ปกติอย่างแรง ท้องร่วงและอาเจียร เบื่ออาหาร คนไข้จะต้องได้รับอาหารเสริมอยู่เสมอ มีอาการจุกเสียดแน่ที่หน้าอก และมีไข้สลับ

จันทร์ ราศี กุมภ์

                เมื่อถูกเบียนด้วยเสาร์ ความเจ็บป่วยมักมาจากการเคร่งเครียดในการงานมากเกินไปอดหลับอดนอน และอ่อนเพลีย หากมีตำแหนงกับอังคาร จะมีผลก่อให้เกิดอาการร้อน และเจ็บปวดแทรกอยู่ในอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ด้วย

จันทร์ ราศี มีน

                เมื่อถูกเบียนด้วยเสาร์ ความเจ็บป่วยมักเกิดจากความหนาวเย็น ซึ่งอาจเป็นเรื่องของอาการอาบน้ำหรือสัมผัสน้ำบ่อย ๆ นอนจากนี้ยังอาจเจ็บป่วยเป็นไข้ มีอาการหอบหืด เจ็บเสียดตามบริเวณหน้าอก และท้องน้อย หากมีตำแหน่งถึงอังคาร ความเจ็บป่วยจะมีมาจากดื่มจัด ไม่ค่อยมีความสงบในเวลากลางคืน เจ็บไข้ โรคเกี่ยวกับศรีษะ ปวดศรีษะ กระหายน้ำ อาการบ้าหมายเหตุ ดาวเคราะห์ก็ดี ราศีต่าง ๆ ก็ดี ย่อมจะแสดงถึงอิทธิพลเป็นส่วนต่างของร่างกาย ซึ่งจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับอวัยวะที่เจ็บป่วยด้วย ทั้งนี้โดยการพิจารณาจากดาวพระเคราะห์ทีถูกเบียนหรือราศีที่เป็นโทษ ซึ่งราศีใดแทนอวัยวะใด หรือมีดาวเคราะห์ใดเป็นเกษตรส่วนใดของร่างกาย ตามปกติจะกล่าวแสดงไว้ในวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้นที่ท่านเคยศึกษาจากหลายค่าย

บทที่ 503
 

กาลชะตาเป็นเรื่องของเวลาที่บ่งบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ณ วัน เวลา นั้น เราสามารถเช็คได้ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต หรือ ณ เวลาทีเจ้าชะตาถาม  ระบบกาลชะตาเราใช้การดู อาทิตย์จร จันทร์จร ลัคนา เมริเดียนจร เป็นหลัก ณ วันที่มีอะไรเกิดขึ้น หรือมีคนเข้ามาหาเรา ณ วันเวลานี้ เค้าจะมาถามเราเรื่องอะไร หรือ ณ เวลานี้เรากำลังดำเนินชีวิตเป็นอย่างไรอยู่ได้ โดยดูจาก อาทิตย์จะบอกว่าวันนี้ท่านจะทำอะไรภายในช่วงที่อาทิตย์ยังไม่โคจรอาทิตย์จะโคจรวันละ 1 องศา เท่ากับ 1 วัน  หรือดูว่าชั่วโมงนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ ก็ให้ไปตรวจเช็คจันทร์จรวงนอกว่าไปทำมุมถึงดาวอะไรในพื้นดวง และดาวจรวงนอกด้วย รวมทั้งเราสามารถตั้งจุดอิทธิพล และศูนย์รังสีเข้าไปถามมันได้ว่า ณ เวลานี้เราทำอะไรอยู่

                การฝึกกาลชะตาท่านต้องมั่นจดบันทึกเวลาที่ท่านเกิดเหตุการณ์สำคัญเช่นวันนี้เราโดนมีดบาด ณ เวลาใดเราก็ตั้งเวลาดาวจรไป ณ เวลาโดนมีบาดเราก็จะเห็นดาวมันบอกเราได้อย่างแม่นยำ หรือเค้าอาจถามว่าวันพรุ่งนี้เค้าจะไปสมัครงานได้หรือไม่ เราก็ตั้งเวลาเดินไป ณ วันเวลาที่เค้าไปสมัครงานและดูว่าดาวบนท้องฟ้าดูหรือไม่ และอาจใช้จุดอิทธิพลสอบได้เข้าไปตัดสินได้เลย หรือวันไหนดี เราก็ไปดูทางการวางฤกษ์กันไป กาลชะตาเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักโหราศาสตร์ ขั้นสูง

                เราสามารถดูได้ถึงนาทีนี้เราจะเกิดอะไรขึ้นก็ไปดูที่ลัคนาจร และเมริเดียนจร ว่า ณ เวลานี้เรามีอะไรเกิดขึ้นโดยใช้หลักการดูเหมือนการอ่านพื้นดวงและดาวจรเข้าหากัน แต่ก่อนอื่นท่านต้องฝึกดูย้อนหลังไปก่อนว่าท่านมีเรื่องอะไรที่เกิด ณ เวลาที่ผ่านมา ณ วันเวลานี้ และท่านตีดาวบนท้องฟ้าให้แตกแล้วท่านก็จะเข้าใจในการดูปัจจุบัน หรืออนาคตที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำทีเดียว ว่าเรากำลังจะไปทำอะไรดีหรือไม่ดี

                แต่หลักใหญ่ ๆ เราจะดูจันทร์จร เป็นหลัก และตามลงมาดูที่ลัคนา และเมริเดียน จะบอกเรื่องเป็นนาที ส่วนอาทิตย์จะบอกเรื่องเป็นวัน การดูกาลชะตาทั้งหมดเราอาศัยการวัดเชิงมุมเข้ามาและตีดาวที่ทำมุมกับตำแหน่งอาทิตย์ จันทร์ ลัคนา เมริเดียน เข้าไป ท่านก็จะทราบเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
บทที่ 503
วันนี้สิ้นเดือนพอดี กำลังหาเรื่องมาสอนอยู่ว่าจะเริ่มอะไรใหม่ ๆ อีกที คิดว่าจะทำเป็นขั้นตอนว่าเริ่มดูอย่างไรและจบลงตรงไหนจะดีกันไหมใครที่ติดตาม นะครับ คิดว่าทุกคนก็อาจมีปัญหาในการทำนายอย่างแน่นอนว่าจะเริ่มอะไรก่อนหลังการทำนายใช่ไหมถ้ามีคราวหน้าจะเริ่มบอกให้เป็นระดับไปว่าควรจะเริ่มอะไรกันก่อนตอนนี้เขียนมา ห้าร้อยว่า น่าจะเพียงพอในวิชาตอนนี้เราอาจจะมาลงสนามกันดีกว่าว่าจะทำนายกันอย่างไร การใช้เครื่องมือต่าง ๆ มีไว้ทำไม เยอะไปหมด ทุกอย่างในโปรแกรมเป็นเหมือนเครื่องมีเจาะชะตาชีวิตของแต่ละคนในแง่มุมต่าง ๆ ให้ละเอียดมากขึ้น เราอาจต้องมาเรียนการใช้เครื่องมือให้เป็น ไม่ยาก ตอนนี้ครูกำลังคิดอยู่ว่าจะสอนในนี้สำหรับคนที่ไม่ได้มาก็เข้ามาอ่านได้ จะได้ไม่ลืม รู้อยู่ว่ามีหลายคนเข้ามาอ่านอยู่แต่ไม่ได้มามีกิจบางประการ ก็เลยอยากจะช่วยให้ไม่ขาดตอนการเรียนนะ ครับ เรียนไปแล้วสักวันจะเห็นคุณค่าของวิชานี้ ตอนนี้ยังไม่เห็นแต่ถ้าคนสอนตายไปก็จะหาไม่ได้อีกแล้ว รีบเรียนกันหน่อย เพราะเวลามันน้อยลงทุกวันนะ ครูมีแต่ให้ บางทีปากจะร้ายไปหน่อยแต่ก็เป็นความหวังดีอยากให้วิชานะ อย่าคิดอะไรกันมากนะ อาจปากมากหรือบ่นมากไป ก็อย่างไปถือนะครับ แล้วเจอกันใหม่ อีกสองสามวันนะ กำลังคิดว่าจะเริ่มสอนแบบไหนให้เข้าใจ บางคนก็บอกว่าอ่านแล้วยากไป ก็จะปรับปรุงใหม่
บทที่ 504
หลักใหญ่ในการเริ่มต้นตรวจดวงชะตาพื้นดวง
สำหรับการตรวจพื้นดวงเจ้าชะตาขั้นแรกเราจะมองไปที่จุดเจ้าชะตาทั้ง Ar,Su,Mo,AS,MC,No ก่อนเป็นอันดับแรกว่าทำมุมถึงดาวอะไรในพื้นดวงหรืออยู่ใกล้ดาวดีดาวร้ายอะไร และดาวที่อยู่ในแกนทั้งสี่ด้วย ส่วน AS,MC เรายังไม่ต้องไปดูจนกว่าจะได้เวลาที่แน่นอนก่อน เราอาจเอาลูกศรไปจี้ไว้ที่ จุดเจ้าชะตาเช่นต้องการรู้ตัวเจ้าชะตาเราก็ไปจี้ไว้ที่ Su ก่อนว่าไปทำมุมถึงอะไรก็จะบอกได้ว่าเค้าเป็นคนอย่างไรเช่น Su ทำมุม 90 องศากับ MA เราก็อาจทำนายได้ว่าเจ้าชะตาเป็นคนใจร้อน หรือมีใจเป็นนักสู้ หรือเป็นคนในเครื่องแบบก็ได้ เป็นคนไม่ยอมคน ก่อนอื่นต้องถามเจ้าชะตาด้วยว่าเป็นแบบนี้ไหม หรือมีกิจกรรมแบบดาวที่ทำมุมไหมถ้าเป็นเราก็ตรวจกันต่อไป ถ้าเป็นไปตามนั้นเราก็ไปหาที่ Mo ต่อว่านิสัยใจคอเค้าเป็นอย่างไร ทำมุมถึงดาวอะไร แต่จันทร์เราก็สามารถบอกตำแหน่งเรื่องสุขภาพเค้าได้ว่าเป็นโรคอะไร ถ้าจันทร์อยู่ในราศีมังกร ก็อาจมีปัญหาที่เข่าก็ได้ เราก็บอกเค้าไป ถ้าตรง เราก็เริ่มไปดูที่ สภาพแวดล้อมต่อว่าเค้าอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนไปดูที่ ลัคนาพื้นดวงว่าทำมุมถึงดาวอะไร ถ้าไปตรงกับ HA ก็อาจถามเจ้าชะตาได้ว่าท่านอยู่ในที่มีคนมาก หรืออยู่กันแบบคับแคบหรือไม่ หรืออยู่ใกล้ที่เป็น HA ถ้าจริงก็แปลได้ว่าลัคนาเริ่มตรงแล้วเราสามารถนำมาทำนายได้ต่อ หรือว่ารู้อาชีพการงานของเค้าเราก็ใช้จุดอิทธิพลเรื่องนั้นเข้าไปดูได้เลย อาจใกล้เคียงว่าเค้าเป็นคนอย่างไรก็ได้ เราอาจนำเรือนชะตาลัคนามาใช้ก่อนก่อนได้ว่าสภาพแวดล้อมเค้าเป็นไปตามที่เอาอ่านได้ไหม จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการดูพื้นดวงท่าน ต่อคราวหน้า
บทที่ 505
วันนี้เราได้สูญเสียบุคคลในวงการโหราศาสตร์ Uranian ไปอีกหนึ่งคนคือ
.ศุภลักษณ์ เชตตรีฤทธิ์  ปิลไล  (Astrouranian.com)
ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวเมื่อวันที่ 01/02/2011 ที่ผ่านมานี้ ท่านอยู่ในวงการโหราศาสตร์มานาน ได้แปลหนังสือออกมาหลายเล่ม
ผลงานท่านมีมาก
ใครเป็นศิษย์ท่าน ติดต่อทาง web จะเก็บไว้ถึงวันเสาร์นี้ สอบถามได้ที่ 081-6270801 ขอให้ท่านไปอย่างสงบ
เรามาคุยกันเรื่องการดูดวงกันต่อจากเมื่อวาน เราได้คุยมาถึงการตรวจพื้นดวงชะตากันพอสมควร วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องการตรวจพื้นดวงจรกันหน่อย พื้นดวงจรมีด้วยหรือ มี แต่เป็นการคิดของนักโหราศาสตร์ เยอรมัน หลักมีอยู่ว่า ดาวในพื้นดวงจะโคจรปีละหนึ่งองศา ไปตามกฎที่กำหนดขึ้นมา เค้าเรียกว่าโค้งอายุขัย โดยทำการการกางแขนดาวไปทั้งสองข้างเท่า ๆ กันตามอายุที่เค้าเกิดมาโดยประมาน เกิดมาหนึ่งปีเท่ากับหนึ่งองศาแต่จริงแล้วมันอาจไม่ตรงนักแต่ก็พอใช้ได้ถ้าเอาให้แน่ต้องดูจากค่าของ โค้งจริงๆจากการคำนวณแต่ละปี ในที่นี้เราอาจถือว่าหนึ่งปีเท่ากับหนึ่งองศาไปก่อนฐานเข้าใจ โค้งที่ว่านี้คือ
v1 v2
นั่นเอง อาทิตย์ v1 ไปถึงดาวอะไรในพื้นดวงอะไรก็แปลว่าปีนั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นได้เลยเพราะโค้งนี้เราถือว่าเป็นจุดเจ้าชะตาชนิดหนึ่งที่มีความรุนแรง ในเยอรมันเค้าจะเป็นโค้ง v1 เป็นฐาน เพราะถือว่ามีความแรงกว่า v2 แต่ตามหลักแล้วมีผลเท่ากันไม่แรงไปกว่ากันมากนัก ถ้าโค้งเข้าแกนทั้งสี่ก็ถือว่าถึงจุดเมษเราด้วยก็แรง เช่นโค้งดาวเสาร์มาทับจุดแกนมังกรก็ถือว่าแรงทีเดียว โค้งฯ มีอยู่สองแบบ คือโค้งจุดเจ้าชะตา และโค้งดาวเคราะห์ทุกดวงเรามาทำเป็นโค้งฯได้หมด เวลาเล่นในโปรแกรมก็ให้เข้าไปที่ planet และก็ไปเลือกโค้งที่จะต้องการดูได้ เช่นต้องการดูเรื่องโชคลาภเราก็ไปดูโค้ง JU เป็นต้น ถ้าดูเรื่องการตายเราก็ไปดูที่โค้งฯ AD หรือ SA ประกอบว่ามาหรือไม่ คือไปถึงจุดเจ้าชะตาในพื้นดวงเท่านั้นเราก็ทราบว่าปีนี้มีเรื่องอะไร ส่วนมากข้าพเจ้าจะใช้โค้งฯ SA ในการตรวจพื้นดวงจรรายปีก่อนอื่นเพราะคนที่มาหามักจะมีปัญหาเราก็ไปดูโค้งฯ นี้เป็นอันดับแรกก่อนแล้วไปหาโค้งฯ ต่างๆ เท่านี้เราก็สามารถทราบเรื่องต่าง ๆ ในภาพรวม และอาจไปเจาะลึกไปที่จุดอิทธิพลบวกโค้งได้อีก คราวหน้าจะมาคุยเรื่องจุดอิทธิพลบวกโค้งกันว่าแรงแบบไหน ให้คำตอบอะไรกับเราได้

บทที่
506
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องจุดอิทธิพลบวกโค้งฯ เอาไว้ทำอะไรกัน จุดอิทธิพล+โค้งฯ คือเราเอาจุด a+b-c มาทำการใส่โค้งเข้าไปก็จะทำหน้าที่เหมือนดาวบวกโค้งฯ แต่ให้ความหมายที่ละเอียดมากกว่า เช่นเราใช้ โค้ง JU ที่จะได้ว่ามีโชคลาภ แต่ถ้าเราใช้จุดอิทธิพลบวกโค้งเราก็จะได้ว่าเป็นโชคแบบไหน เช่นจุดรับที่ดินบวกโค้งฯ เราก็จะทราบว่าปีนี้เรามีโชคทางด้านที่ดินอย่างแน่นอนแต่ถ้าเราใช้โค้งฯ JU อย่างเดียวเราก็จะทราบเพียงว่ามีโชคเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ทราบว่ามีทางด้านไหน ข้อแตกต่างระหว่างโค้งธรรมดากับโค้งจุดอิทธิพล จะให้รายละเอียดมากกว่า ไม่ต้องไปดูว่าโค้งธรรมดาไปถึงดาวอะไรบางทีอาจมองไม่เห็นก็ได้ ข้อดีตรงจุดนี้จะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปหาให้ยุ่งยาก แต่ท่านต้องรู้จุดต่าง ๆ ให้มาก หรือจำในจุดที่ใช้กันบ่อย ๆ ไว้ให้ได้จะทำให้ท่านไม่ต้องเปิดดูตำรามากนัก จุดโชคทั่งไปเราอาจใช้ AR+AR-JU อันนี้ใช้กันมากและแรง อาจบวกโค้งฯเข้าไปแล้วดูว่าจะมาในปีไหน ท่านก็ปรับปีให้เดินหน้าไปท่านก็จะเห็นโค้งฯมันกางออกไปทุกปีจนไปถึงจุดเจ้าชะตาก็ปีนั้นน่าสนใจ นะครับ หรือไปถึงดาวดีๆ ในปีนั้นก็ได้ เพราะจุดนี้ถือเป็นจุดเจ้าชะตาจรรายปีเช่นเดียวกัน หรือท่านอาจเข้าไปเช็คปีที่ผ่านมาว่าท่านมีโชคจริงไหม ก็ปรับปีให้ไปตรงกับปีที่ท่านได้โชคแรง ๆ มันก็จะบอกว่าปีที่ผ่านมาท่านมีโชคจริง อันนี้เป็นการทดสอบเวลาเกิดท่านไปในตัวด้วย การสอบเรื่องย้อนหลังถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้าเรื่องที่ผ่านมาตรงเรื่องที่ยังไม่เกิดก็จะตรงตามไปด้วย เพื่อทำให้ท่านเกิดความมั่นใจในการทำนาย
บทที่ 507
 

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการดูพื้นดวงกันอีกนิดหนึ่ง สิ่งสำคัญที่ทำให้ท่านไม่สามารถแปลความหมายดาวในพื้นดวงได้คือท่านอาจไม่แม่นเรื่องความหมายดาว อยากให้ท่านไปแปลความหมายดาวต่าง ๆ ให้แตก ว่าดาวแต่ละดวงมีความหมายอย่างไร
ดาวแต่ละดวงจะมีหลายความหมาย และถ้าดาวมาผสมกันท่านก็อาจมีปัญหาในการอ่านอีกว่าจะตีความอย่างไร เช่น
ar ju ur me ถ้าเกิดดาวในพื้นดวงหรือดาวจรมากระจุกกันแบบนี้เราก็สามารถอ่านดาววิ่งเข้าหาไปได้เลย โดยท่านก็อ่านตัวสุดท้ายไปหาตัวหน้าสุด ประธาน กริยา กรรม ไป เหมือนการผสมคำในภาษาไทยก็ได้ ดาวทำมุม กับดาววิ่งเข้าหาเราตีความหมายคล้ายกัน ท่านจะอ่านอย่างไรก็ได้ขอให้เป็นเรื่องออกมา ถือว่าท่านอ่านได้แล้ว ท่านต้องฝึกผสมดาวหลาย ๆ ดวงให้ได้ การเรียบรู้ให้เข้าใจ อยากให้ท่านเปิดโปรแกรมและหัดอ่านทุกวัน ท่านจะอ่านหรือไม่อ่านท่านก็ควรเปิดทุกวัน ไม่ตอนเช้า หรือตอนเย็นก็ได้ ให้ทำความคุ้นเคยกับดาว การเปิดทุกวันเราจะได้ทราบว่าวันนี้ดาวจรอยู่ตำแหน่งไหน ราศีอะไร เวลาท่านหลับตาก็จะมองเห็นดาวจรไปเอง ท่านต้องทำให้ได้ แล้วท่านจะเป็นนักดูดาวที่ดี ยิ่งรู้ว่าอยู่ทิศไหนยิ่งดี เพราะระบบของเราบอกทิศดาวได้ สำหรับปีนี้ทิศที่ดี คือ ทิศ ตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นตำแหน่งของดาว พฤหัส ประจำปีนี้ ทำอะไรก็ควรทำในทิศนี้จะดีที่สุดนะครับ พรุ่งนี้เรามาเรียนเรื่องทิศดาวกันว่าจะดูอย่างไร
บทที่ 508
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องพื้นดวงต่อ เรื่องทิศของดาวในพื้นดวง ดาวในพื้นดวงก็คือดาวจร ณ วันที่เจ้าชะตาเกิดมาดูโลก ดังนั้นเราก็สามารถนำดาวพื้นดวงมาดูทิศ ได้ โดยใช้โปรแกรมที่
Tool และไปที่  Mils ก่อนที่ท่านจะเลือก Mils ที่ควรจะตั้งทิศให้โปรแกรมรู้เสียก่อน คือหา จุด MC ในพื้นดวงให้พบต่อจากนั้นให้เอาลูกศรไปไว้ตรงข้ามกับ จุด MC นั้นคือทิศเหนือ ต่อจากนั้นก็เข้าโปรแกรม Mils ไปจะขึ้นวงกลมเหมือนเข็มทิศ ก็จะมีลูกศรสีแดงขึ้นมาตัวนั้นไว้กำหนดหาทิศดาวในพื้นดวงได้ว่าดาวดีดาวร้ายอยู่ตำแหน่งไหน เราก็เอาลูกศรสีแดงยาว ๆ ไปจี้ไว้ที่ดาวพฤหัสพื้นดวงเราก็จะทราบตำแหน่งดาว พฤหัส ณ วันเกิดว่าอยู่ทิศไหน ให้ไปดูองศาด้านขวามือด้านบนจะบอกตำแหน่งเป็นองศา ตัวสีแดงด้านขวาล่างจะบอกตำแหน่ง เป็น mil เป็นตำแหน่งที่ละเอียดกว่าองศา แต่เราดูเพียงองศาก็เพียงพอ แล้วเราก็เอาตำแหน่งนี้ไปใช้ในเข็มทิศดูตำแหน่งให้ตรงกัน ตำแหน่งนั้นคือตำแหน่งที่ดีสำหรับตัวท่านได้ ว่าดาวพฤหัสอยู่ทิศตำแหน่งไหน ของตัวเรา อาจไปใช้ในการวางสิ่งของภายบ้านหรือไว้ทำนายสภาพแวดล้อมของเจ้าชะตาได้ เป็นการดูภูมิศาสตร์ดาราศาสตร์ เหมือนการดูทิศดีของชาวจีนแต่เราใช้ดาวจริง ๆ ณ เวลาท่านเกิดจะแน่นอนกว่ากัน และหาตำแหน่งดาวเสาร์ว่าอยู่ตำแหน่งไหน ของบ้านก็ได้ หรือนำไปใช้ในการดูว่าทิศไหนให้คุณท่านก็ไปอยู่ทิศนั้นของประเทศก็ได้ ถ้าบอกว่าดาวพฤหัสอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เราก็คือไปตั้งถิ่นฐานยังทิศนั้นก็ได้เช่นกัน หรือในตัวบ้านท่านก็ควรนอนไปทางทิศนี้ก็ได้หรือที่ทำงานของท่านเช่นกัน คราวหน้าเรามาดูดาวจรเพราะมันต่อเนื่องถึงกันอันนี้คือตำแหน่งดาวจริงๆ บนท้องฟ้า
บทที่ 509
วันนี้เราก็จะมาคุยกันเรื่องของการดูทิศดาวจรว่าทำกันอย่างไร ให้ผลกับเราอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร โปรแกรม
Apollon15
มี เครื่องมือที่ช่วยทำให้เราทราบทิศทางของดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างแม่นยำและเที่ยงตรง ได้ทำการทำสอบมาสามสี่ปีที่ผ่านมา ก็ได้บทสรุปออกมาว่าใช้ได้และข้าพเจ้าได้ทำการทำสอบทิศดาวจากของจริงก็ตรงตามตำแหน่งที่บอกทุกประการ โปรแกรมนี้สามารถค้นหาดาวที่เราไม่ทราบได้จากการดูทิศที่ดาวดวงนั้นขึ้นทิศไหนก็จะบอกได้ชื่อดาวในระบบสุริยะของเราได้วันนี้ได้ดูดาวศุกร์ ที่นครราชสีมา สวยงามมากเค้าจะขึ้นตอนเช้ามืดสว่างมากกว่ากรุงเทพฯ เพราะไม่มีแสงไฟรบกวน และเป็นทิศที่ทำมุมเห็นดาวศุกร์ชัดเจนมาก ถ้าดาวดี ๆ ขึ้นอยู่หน้าบ้านเราปีไหนก็ถือว่าปีนั้นบ้านเราได้รับพลังงานจากดวงดาวไปด้วยดาวนั้นมีแสงและพลังงานส่งมายังตำแหน่ง ในทิศทางเป็นเส้นตรงเสมอ เพราะแสงเดินทางเป็นเส้นตรง ทิศไหนทำมุมดีๆ กับดาวนั้นเราก็จะได้รับพลังงานของดาวดวงนั้นเต็มที่เหมือนดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงจะอยู่ตรงหัวเราพอดีเค้าจะส่งพลังงานเต็มที่ในตอนที่ Mc ทับอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน และถ้าเราต้องการรู้ว่าดาวดวงไหนขึ้นหรือยังเราก็ไปดูที่ตำแหน่ง AS ถ้ามาทับกับดาวดวงไหนก็บอกได้ว่าดาวดวงนั้นขึ้นพ้นขอบฟ้ามาแล้ว ดาวแต่ละดวงขึ้นในเวลาที่ต่างๆ กันไป โปรแกรมนี้ก็บอกทั้งดาวขึ้นและตกอยู่ตำแหน่งตั้งฉากกับตัวเราได้ เราก็สามารถใช้ตำแหน่งพวกนี้ในการวางฤกษ์ ดี ๆ ในแต่ละวันได้ อย่างเช่นช่วงนี้ดาว JU ทำมุมฉากกับเราตอนประมาณ บ่าย ๆ ไปแล้ว ก็ให้ยึดหลักนี้วางนาทีดีๆในแต่ละวันได้ หรือตอนที่เค้าพ้นขอบฟ้าขึ้นมาก็ใช้ได้
MC และ AS จะบอกถึงทิศได้ AS คือทิศตะวันออกของท้องถิ่นนั้น ว่าดาวขึ้นตอนเวลาไหนได้ หลักการดูทิศก็เหมือนกับการดูดาวพื้นดวง อยากให้ท่านฝึกดูและถ้ามีโปรแกรมเสริมหรือแผนที่ดาวของท้องฟ้าลำรองก็จะทำให้ท่านเข้าใจการขึ้นตกของดาวบนท้องฟ้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น พอท่านเข้าใจถึงการโคจรของดาวท่านก็จะง่ายในการจดจำและตีความในการเป็นนักทำนายดวงดาวได้ดีขึ้น กฎของดาวบนท้องฟ้าจะเป็นศาสตร์ประเทศไหนก็จะเหมือนกัน ถ้าใช้ดาวบนท้องฟ้าเอามาตีความอย่างเช่นของชาวจีนก็จะถือว่า ณ วันขึ้นปีใหม่จีนที่ผ่านมาดาวพฤหัสอยู่ตรงทิศไหนก็จะใช้เป็นทิศดีไปทั้งปี เหมือนดวง Solar เรานั่นเอง โหราศาสตร์ใด ๆ ก็จะมาจากที่เดียวกัน หลักการเหมือนกันแต่จะต่างตรงหลักการเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีการผสมกันมากเกินไปก็จะเป็นของจริง ใช้ในการทำนายได้ ดาวทุกดวงจะขึ้นในเส้นแนวการโคจรของดวงอาทิตย์จากทิศตะวันออกและไปตกทางทิศตะวันตก ทุกดวง ดังนั้นเวลาดี ๆ เราก็ดูได้จากตำแหน่งของดาวบนท้องฟ้าว่าขึ้นหรือยัง อยู่ในทิศไหน เราก็ไปทิศนั้นหรือหันหน้าบ้านเราไปทิศนั้น ชาวจีนจะมารับพลังงานแสงอาทิตย์ในตอนเช้าตอน อาทิตย์ทับ AS แสงจะไม่มากเกินไปพอดีกับการรับพลังงานจากเค้าและตอนเย็น แต่ตอนเที่ยงพลังงานจะแรงเกินไปคือความร้อนไงครับ ที่เขียนมานี้ท่านคงมองเห็นภาพบ้างนะครับ นักโหราศาสตร์ที่ดีต้องรู้เรื่องดวงดาวเป็นอย่างดีท่านก็จะทราบถึงชีวิตคนเราได้

บทที่ 510
เราสามารถได้อะไรจากปัจจัยลัคนาบ้าง ลัคนาคือเส้นที่ทำให้เราทราบว่าทิศไหนเป็นทิศที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ ในตอนเช้าพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเสมอ และตกทางทิศตะวันตก การดูในโปรแกรมเราก็ดูได้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นตอนไหนเราก็ดูได้จากลัคนาทับอาทิตย์ก็จะบอกว่าพระอาทิตย์ได้ขึ้นพ้นขอบฟ้ามาแล้วตอนเวลาเท่าไร และถ้าเราต้องการทราบว่าพระอาทิตย์ตกตอนไหนเราก็ดูว่าพระอาทิตย์อยู่ตรงข้ามกับลัคนาคือทำมุม
180 องศากัน ดังนั้นเราก็เอาลัคนามาใช้ในการบอกถึงสภาพแวดล้อมตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น คนเราก็จะมีการดำเนินชีวิตไปตามดวงดาวบนท้องฟ้า เป็นอย่างนี้ทุกวัน ลัคนาเราจึงใช้ในการดูสภาพแวดล้อมของเจ้าชะตาว่าเป็นอย่างไร ณ ตอนเกิด เราก็จะทราบความเป็นไปได้เหมือนธรรมชาติของดวงดาวบนท้องฟ้า อันนี้เป็นที่มาของการเอาลัคนามาดูเวลาเกิด และเรือนชะตาลัคนา เป็นสิ่งจำเป็นอย่างแรกที่เราต้องดูสภาพแวดล้อมก่อนเพราะสิ่งแวดล้อมตัวเราจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับตำแหน่งลัคนานั่นเอง ถ้าลัคนาทำมุมดีตอนเกิดก็จะทำให้ชีวิตเราดีไปตลอด บางทีเราจะดูว่าใครชีวิตจะเป็นอย่างไรเราอาจดูได้จากพื้นดวง ณ เวลาดาวที่เค้าเกิดขึ้นมาดูโลกได้ว่าดีหรือไม่ดี ถ้าดีก็จะดีไปจนวันตาย ถ้าร้ายก็จะไม่สะดวกสบายมีขึ้น ๆ ลง ๆ ไปตามพื้นดวง ในบางครั้งเราอาจดูพื้นดวงอย่างเดียวก็พอจะรู้ว่าชีวิตในโลกนี้ของเจ้าชะตาจะดำเนินไปอย่างไร ขึ้นดีจบดี ถ้าเราทราบตำแหน่งลัคนาแล้วอีกปัจจัยหนึ่งที่เราทราบได้คือตำแหน่งของ
เมริเดียนเค้าจะตั้งฉากกันเสมอ เมื่อเราปรับลัคนาในพื้นดวง เมริเดียนก็จะตามไปด้วยเท่ากับว่าเราปรับเวลาเกิดเราจะได้ทั้งลัคนาและเมริเดียนตามไปด้วยสองตัวนี้เสมอ คราวหน้าจะมาคุยเรื่องเมริดียนกัน

บทที่ 511
เส้นเมริเดียนมีไว้เพื่อบอกตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้าแต่ในทางโหราศาสตร์เราถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่บอกถึงตัวเจ้าชะตา จิต วิญญาณ แต่ในทางดาราศาสตร์เราเอาไว้บอกพิกัดตำแหน่งทิศ ใต้ และตำแหน่งดาวบนท้องฟ้าว่าขึ้นมาอยู่ตรงไหแล้วได้ ท่านควรจำไว้ว่า ถ้าเมริเดียนทับดาวอะไรก็หมายความว่าดาวดวงนั้นได้ส่งพลังงานเต็มที่ ณ วันนั้น เช่นอาทิตย์จะส่งพลังงานได้เต็มที่ก็ตอนที่ เมริเดียนทับอาทิตย์ ตอนเทียงกว่า ๆ เราก็สามารถนำมาใช้การวางเวลาดี ๆ ได้ โดยให้ เมริเดียนมาทับดาวพฤหัสจร เราก็ถือว่าพฤหัสเค้าได้ทำงานเต็มที่ ณ วันนั้น ได้ ดาวที่จะทำงานได้เต็มที่นั้นต้องอยู่
90 องศากับเราหรืออยู่เหนือหัวเราพอดีไม่ว่าทิศใดก็ตาม จุดนี้เองเลยทำให้เราทราบการโคจรของดาวบนท้องฟ้าว่าขึ้นไปกี่องศาแล้วโดยดูจาก
เมริเดียน และทิศได้ตามโปรแกรม
MILS ที่กำหนดว่า mc คือทิศใต้เสมอ เส้นสองเส้นนี้จึงมีความสำคัญในการที่ทำให้เราทราบดาวขึ้นตกส่งพลังงานและทิศดาวบนท้องฟ้าได้ ท่านควรฟังเสียงอาจารย์ประยูรฯ ที่ทำไว้ให้จะได้ความรู้มากขึ้นคิดว่าจะเปลี่ยนไปทุกๆ สองเดือน ให้ท่านฟังเพื่อจะได้มีความรู้มากขึ้น ควรจะฟังนะครับ ฟังซ้ำ ๆ ก็จะได้มีความรู้มากขึ้นท่านฟังครั้งเดียวอาจไม่เข้าใจแต่ฟังไปเลื่อย ๆ ก็จะเข้าใจไปเองนะครับ
บทที่ 512
การสำรวจพื้นดวงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะพื้นดวงเป็นรากฐานของชีวิตคนเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าเราไม่สามารถอ่านดาวพื้นดวงได้แตกเราก็ไม่สามารถบอกเรื่องต่างๆที่เจ้าชะตาต้องการทราบได้ ดังนั้นพื้นดวงเป็นเรื่องน่าสนใจมากเพราะตัวตนของเจ้าชะตาคือพื้นดวงนั่นเอง เค้าจะเป็นตัวเป็นตนแบบไหนขึ้นอยู่กับดาวพื้นดวงที่เป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเจ้าชะตาคนนั้น ถ้าเราทราบข้อสำคัญตรงนี้แล้วเราก็ควรหัดอ่านพื้นดวงให้มาก นักดูดวงคนที่ดีต้องเป็นคนช่างสังเกตหน่อย และหัดจำดาวต่าง ๆในพื้นดวงของแต่ละคนให้ได้ยิ่งท่านดูมากท่านก็จะเริ่มมีการปรับตัวให้รู้จักดาว เช่นการทำมุม ต่าง ๆ หรือดาวอยู่ในภพนี้เค้าจะเป็นอย่างไร รวมไปถึงกรรมเก่าของเจ้าชะตาด้วย บางครั้งเราต้องรอเวลากว่ากรรมจะหมดถึงจะให้เค้าดำเนินการต่าง ๆ ได้ เวลาเท่านั้น เป็นชีว่าเค้าเริ่มดีขึ้นหรือยัง เราอาจดูจากโค้งก็ได้ ว่าโค้งพฤหัสมาหรือยัง โค้งเสาร์ไปหรือยัง สองโค้งให้ท่านยึดไว้เป็นข้อสำคัญในการดูพื้นดวงจรตามอายุขัยได้เป็นอย่างดี อีกข้อหนึ่งที่ท่านต้องเอามาใช้คือโค้งฯ เมษ เป็นสิ่งที่จะบอกเรื่องที่ผ่านมากับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในองศาที่วิ่งเข้าหาดาวดีดาวร้ายต่าง ๆ ในพื้นดวงเป็นตัวกระตุ้นกรรมดีกรรมไม่ดีที้งหลาย การดูโค้งฯ เมษ นี้ง่ายหน่อยเราจะเป็นได้ทันทีเลยว่าเค้าเป็นอย่างไร เพราะโค้งฯนี้แน่นอนคงที่กว่าโค้งฯ จุดเจ้าชะตาอื่น ๆ แต่ถ้าเป็นโค้งฯอาทิตย์ก็ใช้ได้ แต่การดูใหม่ ๆ ไม่ควรใช้โค้งฯ ลัคนา เมริเดียน เพราะยังไม่ปรับอาจผิดได้ ดูค่าของโค้ง เมษ พฤหัส เสาร์ สามโค้งก็ใช้ได้แล้วในระดับแรกที่ไม่เคยดูมาก่อนเลย

บทที่ 513
สำหรับการสำรวจพื้นดวงยังมีอีก ทั้งมือเก่าและมือใหม่ควรให้ความสนใจเกี่ยวกับดาวที่อยู่ในราศี อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เราสามารถบอกได้ว่าเจ้าชะตาเป็นคนนิสัยอย่างไร เช่น จันทร์อยู่ในราศีเมษ ก็จะบอกนิสัยว่าเจ้าชะตาเป็นคนใจร้อนชอบเอาชนะนะท่าน
วันนี้ได้คุยกับแฟนพันธ์แท้เข้าแล้วดีใจครับที่การเขียนมามีคนสนใจ ดีใจครับ การเป็นผู้ให้ต่อไปก็จะเป็นผู้รับนะครับทำดีไว้ แล้วผลบุญจะกลับมา เป็นสองเท่าที่ทำไป ข้าพเจ้าได้เห็นมาแล้ว  เหมือนเราปลูกต้นไม้อะไรเราก็จะได้กินผลอย่างนั้นนะ ขอบคุณมากครับที่ได้ติดตาม ค่อยมีกำลังใจหน่อย  เอามาเข้าเรื่องกันต่อท่านต้องจำให้ได้ว่าจุดเจ้าชะตามีอะไรบ้างไปอยู่ในราศีไหน ท่านต้องจำความ หมายมของราศีให้แม่นด้วยเพราะมันเป็นพื้นฐานสุด ๆ ในการให้คำตอบกับเราอย่างมาก ใครไม่เข้าใจราศีก็จบกัน  ท่านต้องเข้าใจราศีและดาวในราศีก็จะบ่งบอกเรื่องต่างในชีวิตเจ้าชะตาหมดทั้งนิสัย การทำมาหากินอะไรดี เรื่องสุขภาพ ก็ง่าย ดูดาวร้ายอยู่ในราศีไหน หรือจันทร์ ในราศีไหน ฯลฯ เกือบทั้งหมดในพื้นดวงเค้าจะบอก อาทิตย์ดวงเดียวก็สามารถบอกอะไรได้มากแล้วถ้าไปทำมุมกับดาวอะไรเจ้าชะตาก็จะเป็นไปตามนั้น เช่นอาทิตย์ทำมุม 45 กับอังคาร เจ้าชะตาก็จะเป็นใจร้อน ชอบเอาชนะผู้อื่น ชอบอยู่เหนือผู้อื่น การใช้กำลังเป็นต้น ดูกันยาวเลยท่านอาทิตย์ดวงเดียว อ่านกันหน้ามืด การดูดวงจริง ๆ แล้วไม่ใช่สองสามชั่วโมง ถ้าเอากันจริงเราสามารถอ่านได้เป็นปีเลย แต่ในการทำนายเราต้องย่อเวลาให้เหมาะสมกับคนที่มาหาเรา เค้ามาหาเรื่องอะไรเราก็มองไปที่จุดนั้น ได้หรือไม่ได้ คือคำตอบที่เจ้าชะตาต้อง เช่นต้องการรู้ว่าเค้าจะได้งานในปีนี้ไหม เดือนไหน วันไหน เราก็หาได้อีก เอาเป็นว่าคุยกันวันพรุ่ง

บทที่ 514

สำหรับวันนี้เรายังคงอยู่กับพื้นดวงต่อกันอีก เพราะมีอะไรที่จะคุยอีก จะสรุปขั้นตอนการสำรวจพื้นดวงแบบง่าย ๆ ให้เข้าอีกครั้งหนึ่งสำหรับท่านที่มีพื้นหรือไม่มีพื้นฐานเลย พื้นดวงก็คือดาวจรนั่นเอง ณ ตอนที่เราเกิด ก็คือ วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด จังหวัดเกิด ที่ทางโรงพยาบาลจดบันทึกไว้ให้ตอนหมอทำคลอดเราออกมา ถือว่าเป็นเวลาเกิดของเรา แต่จริงแล้วแล้วเราต้องปรับเวลาเกิดมาเป็นเวลากำหนดในภายหลัง อีกที เวลากำหนดนั้นเป็นเวลาที่นักโหราศาสตร์ใช้ในการทำนาย อาจตรง ก่อน เกิน จากเวลาเกิดนิดหน่อย เพราะต้องรอให้ จิตวิญญาณ เรามาด้วย ณ เวลานั้น เราสามารถหาได้จากการดูไปสักระยะหนึ่งแล้วค่อย ๆ ปรับ ลัคนา เมริเดียน ไปจนพื้นดวงเป็นตัวตนของเจ้าชะตานั้นเอง ขั้นตอนการปรับเวลานั้น ยังคงไม่พูดตอนนี้เพราะอาจยากไปหน่อย เอาไว้ท่านเก่งก่อนแล้วค่อยพูดอีกที จริง ๆ แล้วมันก็มียากแต่ท่านจะสับสนในตอนแรก ๆ พอท่านจับหลักการของมันได้แล้วไม่ยาก ข้าพเจ้าฝึกหาอยู่นานกว่าจะหาเจอ เมริเดียน ตัวเดียว กว่าจะได้ตัวตนของเรา ถ้าได้ทำการฝึกหาเป็นแล้วคิดว่าไม่ยากสำหรับท่านเลย เพราะถ้าเวลากำหนดได้แล้วจะดูอะไรก็จะตรงเกือบหมด เพราะมีปัจจัยที่ทำให้เราไม่สามารถนำเวลาเกิดมาใช้ หนึ่งเวลาไม่ตรง ณ ตอนจด, สองพ่อแม่จำไม่ได้ อาจเกิดที่บ้าน ,มีลูกหลายคนเลยสับสน, ณ ตอนแรกเราก็ใช้เวลาเกิดไปก่อนในการผูกดวง ก็พอใช้ได้ บางทีแล้ว เวลามันก็อาจตรงกันพอดีไม่ต้องปรับก็ได้ อันนี้เป็นเรื่องที่ท่านต้องคอยติดตามประวัติของเจ้าชะตาที่ผ่านมาโดยการสอบถามเรื่องสำคัญในชีวิตตั้งแต่เกิดมามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เวลาไหน เพราะถ้ามีเรื่องหรือเหตุสำคัญ เกิดกับเจ้าชะตา ดาวบนท้องฟ้าดี ร้าย มักจะตรงกับจุดเจ้าชะตาหรือลัคนา เมริเดียน ที่เรานำมาใช้ ถ้าเราสอบย้อนหลังไปได้ ถ้าเจ้าชะตาจำเรื่องต่าง ๆ พอได้ เราก็จะเห็นดาวจร ณ เวลานั้นมีมุมสัมพันธ์ อย่างไรกับพื้นดวงเสมอไป อนึ่ง เมื่อท่านสอบได้แล้วการดูเรื่องที่ยังไม่เกิดก็ไม่ยากแล้ว การสอบเราอาจใช้ โค้ง AR , AD ,SA มาตรวจเพราะเป็นโค้งฯที่บอกการเปลี่ยนแปลงของเจ้าชะตาในด้านต่าง ๆ ได้ดี ส่วนมากคนเราจะจำด้านไม่ดีเป็นส่วนมาก ส่วนดีมักจะลืมไป เราก็เลยเอาโค้งฯ พวกนี้มาใช้ แต่ถ้าจำเรื่องดี ๆ ได้ เราก็เอาโค้งฯ พฤหัส มาจับ ย้อนหลังไปได้ ว่าปีนั้น เดือนนั้น เวลานั้น เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าชะตาบ้าง ถ้าตรงกับ จุดเจ้าชะตา สักสองสามเรื่องในชีวิตที่ผ่านมาก็ถือว่าเราเริ่มเข้าหาเวลากำหนดได้แล้ว อาจปรับขึ้นลงนิดหน่อย เพราะลัคนา เมริเดียน เค้าเดินเร็ว กว่า ดาวอื่น เค้าเดินเป็นนาที เกิดห่างไป สิบนาที ลัคนา เมริเดียนก็อาจไปอยู่อีกราศีหนึ่งแล้วท่าน การตีความอาจผิดไปได้ ก็คือการดูแล้วไม่ตรงไง ท่าน พูดเรื่องต่าง ๆ อาจไม่ตรง แต่ดาวอื่น ๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับเค้า การปรับเราปรับได้แค่ ลัคนา เมริเดียน ไม่เกิน 12 ชั่วโมง และจันทร์ก็จะตามไปด้วย เราจะได้จุดสำคัญที่มีการเปลี่ยนองศาถึงสามปัจจัย คือ ลัคนาเปลี่ยนองศาไป เมริเดียนเปลี่ยน จันทร์เปลี่ยน เท่านี้ก็มากพอที่ให้อะไรกับเราได้มากแล้ว
บทที่ 515
เรื่องเวลาเกิดมีความสำคัญมากในวิชาโหราศาสตร์แบบละเอียด เพราะมีตัวแปรที่อ่อนไหวสองตัวที่กล่าวมาคือลัคนา
และเมริเดียนที่เค้าจะเดินเร็วมาก สองนาทีกว่าต่อ
1 องศา ถ้าให้เวลาไม่ตรงมาก็จะทำให้เราไม่สามารถล่วงรู้พื้นฐานชีวิตที่แท้จริงเค้าได้เลยเช่นถ้าลัคนาจริงในเวลากำหนดอยู่ในระยะที่จะใกล้เปลี่ยนราศีแล้ว ถ้าบอกผิดไปก็จะไปอยู่อีกราศีอื่นเลยทำให้เราอาจทำนายผิดหรือไม่ตรงมากนักก็เป็นไปได้สูง เราจะต้องจับลัคนา ให้ตรงให้ได้ งานละเอียดหน่อย การหาเวลาเกิด แค่ก็ไม่ยากนักถ้าท่านมั่นสังเกตนิสัยหรือเรื่องต่าง ๆ  สุขภาพ ส่วนมากจะดูที่เมริเดียนพื้นดวงว่าอยู่ในราศีไหนก่อน และถ้านิสัยเค้า เป็นไปตามราศีนั้น ๆ ก็ใช้ได้ แต่ราศีมี 30 องศาก็ยังกว้างอยู่เราก็อาจจะไปดูว่าเมริดียนไปทำมุมถึงดาวอะไรหรืออยู่ในศูนย์รังสีอะไรก็ได้ เค้าก็จะบอกตัวตนเองเจ้าชะตาอย่างละเอียดให้กับเราได้ทีเดียว อย่างแรกเราต้องหาราศีที่แท้จริงของเริเดียนพื้นดวงให้ได้ก่อนต่อจากนั้นเราก็หาว่าเมริเดียนเค้าไปทำมุมกับดาวอะไรค่อยๆดูไปแล้วท่านก็จะเห็นเอง หรือดูที่ลัคนาก็ได้ว่าเค้าอยู่ในสภาพแวดล้อมตามราศีนั้นหรือไม่ หรือทำมุมถึงดาวอะไรในพื้นดวง ถ้าเราจับลัคนาก็ได้ เอาอย่างใดอย่างหนึ่งอีกตัวก็จะตรงไปเองเพราะสองตัวนี้เค้าตั้งฉากกันเสมอในทางซีกโลกนี้ แต่เป็นทางตะวันตก ลัคนากับเมริเดียนจะหายากหน่อยและเค้าจะไม่ตั้งฉากกัน อาจต้องถึงสองตัวเลย เอาเป็นว่าท่านต้องทำความเข้าใจจุดอ่อนไหวสองตัวนี้ก่อน ว่าทำไมเราให้ความสำคัญสองจุดนี้ที่ไม่มีจริงบนท้องฟ้าแต่เป็นการกำหนดขึ้นมาแต่ก็ให้ความสำคัญในพื้นดวงอย่างมาก ทีเดียว อย่ามองข้ามไป บางท่านเป็นนักทำนายเก่ง ๆ ก็อาจพลาดได้ เพราะลัคนา และเมริเดียนไม่ตรงนั้นเองนะครับ อย่างลืมว่าลัคนาใช้เวลาเดินในราศีสองชั่วโมงกว่าต่อหนึ่งราศี จะเดินเร็วกว่าดาวอื่น ๆ หรือปัจจัยต่าง ๆ บนท้องฟ้า เราถึงกล่าวได้ว่ามันเป็นจุดอ่อนไหวในดวงชะตา หลายท่านอาจตกม้าตายเพราะลืมนึกถึงสองจุดนี้ ทำให้ดูผิดพลาดไปได้ทีเดียว อาจทำให้การทำนายไม่ตรงก็ได้ ควรระวังไว้หน่อยนะครับ ถ้าเราสามารถปรับได้แล้ว ทุกอย่างจะอยู่ในมือของเราหมด ฝึกเอาไว้ของเล็กน้อยก็สำคัญนะ

บทที่ 516
การหาลัคนา และ เมริเดียน ได้ผ่านไปท่านพอจะเข้าใจบ้างนะ ถ้าท่านมีโปรแกรมท่านก็จะเห็นการโคจรของปัจจัยสองดวงนี้ เราจะเอาไว้ดูกาลชะตาในดาวจร เป็นการดูเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกิดในนาทีนั้น ว่า ลัคนา เมริดียนไปทำมุมกับดาวดวงไหนในพื้นดวงและดาวจรบนท้องฟ้า ถ้าเราปรับ ลัคนา และเมริเดียนในพื้นดวงตรงแล้วก็ยิ่งดูง่ายมากขึ้น เราก็จะทราบว่า  ณ เวลา นาทีนี้เจ้าชะตากำลังทำอะไรอยู่ จิตใจกำลังนึกถึงอะไร และอยู่ในสภาพแล้วล้อมอย่างไร ในนาทีนั้น เช่นลัคนาจรทับดาวพุธ ก็จะบอกได้ว่าเจ้าชะตากำลังเดินทางหรือมีการติดต่อสื่อสารบางประการกับใครก็ดูดาวจรที่ทำมุมถึง ลัคนาเข้าไปอีก และจิต ณ เวลานั้นเป็นอย่างไร กำหลังคิดอะไรอยู่ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ท่านต้องฝึกฝนให้ได้ท่านก็จะเห็นว่าปัจจัยทั้งสองสามารถบอกอะไรได้เป็นนาทีเลย จุดเด่นของยูเรเนียน ก็ตรงนี้ โหราศาสตร์อื่นไม่สามารถทำให้ และมีความแม่นยำสูง พอที่จะบอกได้ว่าเจ้าชะตากำลังทำกิจกรรมอะไร นักเรียนบางคนที่มาเรียนก็มีหลายอาชีพมีอยู่คนหนึ่งที่ทำงานทางด้านสืบสวน เขาได้นำวิชานี้ไปหาคนกระทำผิดได้อย่างไม่น่าเชื่อเพราะคนจะไม่พูดความจริง แต่ดาวจะความจริงให้กับท่านได้ ในทางการสืบความจริงว่าเจ้าชะตากระทำผิดอะไร ณ เวลานั้น ๆ ได้ อันนี้เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจมาก
บทที่ 517
 

เมื่อเราทำการปรับลัคนา และเมริเดียนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่บางคนอาจ งง อยู่บ้าง ท่านคงต้องมีโปรแกรมนะ จะได้เห็นภาพจริง แต่ถ้าท่านมีโปรแกรมตัวอื่นก็อาจใช้ได้ แต่ถ้าท่านใช้ Apollon 15 ก็จะดูได้ง่ายเพราะจะหมุนให้เห็นจริง เดินหน้าถอยหลังวัน เดือน ปี นาที วินาที ได้ ต่อไปเราก็มาสนใจเรื่องของจันทร์พื้นดวงกันบ้าง พื้นฐานของดวงจันทร์นี้เราก็ทราบกันดีแล้วว่าเป็นส่วนหนึ่งของโลกคือเป็นดาวเคราะห์บริวาร ที่หมุนรอบโลกใช้เวลา 28 วันกว่า ทำให้เรานำมาใช้ในการดูรายชั่วโมงได้ คือ สองชั่วโมงครึ่ง ต่อ 1 องศา หลักนี้ท่านต้องจำไว้ ดาวแต่ละดวงมีการเดินอย่างไรในแต่ละวัน ดวงจันทร์เราถือว่าเดินเร็วมาจากลัคนา และ เมริเดียน และไม่มีการถอยหลัง หรือพักต์ ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลง มีผลทางด้านธรรมชาติบนพื้นโลก อย่ามากมาย ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต ความรู้สึกของจิตคนเราด้วย ดังนั้นเราก็เอาจันทร์มาดูเรื่องของความรู้สึกภายในใจเจ้าชะตาได้ คือจันทร์พื้นดวง แต่จันทร์จรไปดูเรื่องเป็นชั่วโมงนี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่างกัน ท่านต้องทำความเข้าใจว่าจันทร์สองจันทร์นี้ทำงานต่าง กัน จันทร์พื้นดวงไว้ดู จิต นิสัย อารมณ์ ความรู้สึก เวลาใดเวลาหนึ่ง ตาม ลัคนา จร ในพื้นดวง จันทร์จะบอกเรื่องของบุคคลเพศหญิงทั้งหมดที่เข้ามาเกี่ยวกับเจ้าชะตา เช่น แม่ แฟน ทั้งเจ้าชะตาชายและหญิง และบอกเรื่องจุดของสุขภาพส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเราด้วยจันทร์ไปอยู่ตำแหน่งก็จะบอกตำแหน่งสุขภาพของท่านด้วย ถ้าจันทร์ไปอยู่ราศีด้านมืดคือตั้งแต่ ราศีตุลย์ ไปถึง มีน เค้าก็จะมีปัญหาเรื่องระบบท้อง ขา เท้า ไป ถ้าไปอยู่ราศีมังกร ก็มีปัญหาเรื่องเข้า ถ้าไปอยู่ราศีมีนก็จะมีปัญหาเรื่องเท้าไป ท่านคงต้องกลับไปตูตำแหน่งโรคตามราศีที่หาอ่านได้ข้าพเจ้าได้เขียนไปแล้วในบทก่อน ๆ ได้ จันทร์ยังบอกถึงสิ่งที่เค้าชอบด้วย ทั้งหมดคือจันทร์ในพื้นดวงนะ ไม่ใช่จันทร์จร ส่วนจันทร์จรจะบอกเรื่องตามชั่วโมงที่จันทร์โคจรไปชนดาวอะไรในพื้นดวงหรือดาวจรก็ได้แต่ถ้าจรอาจต้องมีทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาด้วยนะ

บทที่ 518
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องราศีว่ามีบทบาทสำคัญต่อการทำนายอย่างไร ราศีคือกลุ่มดาวทั้ง
12 กลุ่มดาวที่อยู่รอบดวงอาทิตย์เรา ในสมัยก่อนได้มีการดูดาวกันและตั้งชื่อกันไปตามจินตนาการในคนสมัยนั้น ก็ได้บทสรุปออกมาเป็น 12 กลุ่มดาวเริ่มจากราศีเมษ ไปถึงราศีมีน ก็คือ 12 เดือนนั่นเอง และเราก็จะทราบได้ว่าเจ้าชะตาเกิดเดือนไหนก็จะเป็นราศีนั้นแต่ในทางดาราศาสตร์เค้าจะตัดอาทิตย์ย้ายราศีในช่วง 21-21 ของเดือนนั้น ก็เลยมีปัญหาอยู่บ้างในคนที่เกิดหลัง 21 ไปก็จะเป็นคนในราศีต่อไปนะ
แต่ทางไทยเราจะไม่ดูดวงอาทิตย์ว่าเป็นคนราศีไหน เค้าจะไปดูลัคนาเป็นหลักกัน และไทยก็ดูแบบราศีเคลื่อนที่ไป การตัดดาวในราศีก็ต่างกันออกไป แต่เราใช้ราศีคงที่ ดาวแต่ละดวงที่จะอยู่ในราศีหรือภพต่างกันไป เราก็ต้องบอกก่อนว่าเราดูแบบสากลไม่ใช่ดูแบบไทย ก็มีปัญหาอยู่บ้าง ถ้าเราไม่บอกก่อนคนจะหาว่าเราดูผิดไป มีนักเรียนหลายท่านไม่ได้บอกที่มาที่ไปทำให้คนดูหาว่าเราดูง่าย ๆ ก็ผิดเสียแล้ว เราต้องบอกก่อนว่าเราดูแบบสากลทั่วโลกเค้าใช้กัน แต่ในแทบตะวันออกก็จะมักดูแบบราศีเคลื่อนที่ไป อย่างเช่นถ้าดูแบบราศีคงที่ดาวพฤหัสเราก็จะอยู่ราศีเมษแล้ว และของไทยยังคงอยู่ราศีมีนอยู่ก็ได้เราะความห่างกัน
22 องศา ของราศีเคลื่อนที่ทำให้เราตัดราศีไม่เท่ากันดาวก็ผิดไป ถ้าดูในระบบเรือนชะตามีผล แต่ถ้าวัดมุมไม่มีผล แต่เราก็สามารถเอาราศีมาคุยได้ เพราะดาวอยู่ในราศี ถ้าจะถามว่าตัดอย่างไรตรง ก็จะบอกว่าการตัดแบบสากลตรงกว่า ทุกวันที่ 21-21 แต่ไทยตัด 14-15 เป็นราศีถัดไปนะ เข้าใจไว้หน่อยจะได้ไม่ตีกันนะครับ ที่มาที่ไปก็มาจากที่เดียวกันแต่มาแตกกันในระยะหลังเพราะการเดินทางของโหราศาสตร์มาหลายทาง ก็มีการเพิ่มแต่งกันไปตามแต่ละประเทศนะ ระบบของไทยจะเรือนชะตาเป็นหลัก หรือภพ นั่นเอง แต่ของเราสามารถดูได้ทั้งภพ และการวัดมุมดาวที่แม่นยำกว่า

บทที่ 519
ดาวในพื้นดวงต้องอยู่ในราศีจะไม่มีดาวอยู่นอกราศี เพราะราศีเป็นตัวพื้นฐานที่จะบอกว่ากรรมของแต่ละคนเป็นอย่างไร ส่วนดาวเป็นตัวบอกรายละเอียดแห่งกรรมดีกรรมไม่ดี เมื่อเราทราบที่มาที่ไปของพื้นดวงแล้วเราก็เอาโหราศาสตร์เข้าไปเทียบกับธรรมมะได้เลย ว่าคนเรามีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ราศีก็จะเริ่มตั้งแต่ ราศีเมษ การเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ ราศี พฤษ คือการรับเข้ามาคือการกินของเพื่อดำเนินชีวิตต่อ ราศีมิถุน คือการเรียกร้องความต้องการ ราศีกรกฎ คือการเลี้ยงดูการรู้จักสังคม ป้องกันตัว ต่อจากนั้นชีวิตก็มีการพัฒนาการไปอีกขั้นหนึ่งคือการรับบทแห่งกรรม คือราศีสิงห์ เป็น ราศีแรกแห่งเริ่มกรรมดีไม่ดี ตอนนี้เหมือนเด็กจะเสียหรือไม่เสียต่อตอนนี้ ขึ้นอยู่กับดาวในราศีสิงห์ และสภาพแวดล้อมสามารถช่วยแก้ไขได้ ตอนนี้เท่ากับวัยหนุ่มสาว ชอบแสวงหาสิ่งแปลกให้กับตัวเอง พอผ่านช่วงชีวิตนี้มาได้ก็จะเข้าวันทำงาน คือราศีกันย์ อันนี้ก็กรรมชั้นที่สองที่มีบทบาทไปอีกหลายราศี ถือว่าเป็นราศีที่ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรในช่วงสุดท้ายของชีวิต คือราศีมีน ต่อไปราศี ตุลย์ ก็ยังอยู่ในช่วงของการใช้ชีวิตช่วงเกิดอยู่ คือการสืบพันธ์ การดำรงอยู่คนเรา การมีลูกหลานสืบกรรมต่อไป ต่อจากนี้ก็เริ่มใช้กรรมที่ทำมาแล้วคือราศี
พิจิก กรรมมากน้อยราศีนี้จะเป็นการแสดงออกของกรรมดีกรรมไม่ดี ต่อไป พอหลุดจากราศี พิจิก แล้ว ก็เหมือนใช้กรรมไปบางส่วนแล้ว ก็จะเริ่มเข้าวัย ชราแล้ว ราศีธนู และราศีมังกร เป็นราศีคนเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักการทำความดี การเข้าวัดหาความสุขในชีวิตช่วงปลาย คือ วัยชรา ต่อจากราศีนี้ไปก็ มีการรับกรรมช่วงสุดท้ายคือการเจ็บ ราศี กุม และมีน คือการลาจากโลกนี้ไปจากผลการกระทำที่ทำมาในชาตินี้และชาติก่อนหน้านี้ ว่าจะไปแบบไหน ทั้ง 12 ราศีก็เข้าหลักของธรรมะ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และก็จะวนกลับมาอีกคือการเกิดใหม่อีกครั้ง เพราะจิตไม่มีวันตาย ไปจากเอกภพนี้ ใครทำไม่ดีก็จะได้ไปเกิดในภพที่ไม่ดี ใครทำดีก็จะเกิดในภพที่ดี หรือไม่ต้องมาเกิดในโลกอีกต่อไป พื้นดวงของเจ้าชะตาจะบอกเรื่องเล่านี้หมดท่านต้องค้นหาคำตอบให้ได้ว่าแง่มุมไหนเป็นเรื่องอะไร ตอนไหน เรื่องต่างจะทำงาน เรามีเครื่องมือไว้วัดดูได้เกือบหมด อย่างลืมว่า ชนิดของกรรมมีทั้งกรรมเก่า และกรรใหม่ ที่สร้างขึ้นมาในตอนที่มีชีวิตอยู่ ถ้าอยากไปเกิดดีก็ทำกรรมใหม่ให้ดี ๆ ก็จะช่วยให้หลังราศีมีนไปแล้วจะได้ไปเกิดในเอกภพที่ดีได้นะ

บทที่ 520
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องเครื่องมือในการวัดหาดาวในพื้นดวงและดาวจร เรามีเครื่องมือ คือมาตรา การวัดระยะทางของมุม และมาตราเวลา สองมาตรา นี้ใช้หลักอันเดียวกันคือ
1 องศา มี 30 ลิปดา 1 ลิปดา มี 30 พิลิปดา ในจาน 360 จะมีทั้งหมด 360 องศา
 

หน่วย ค่า สัญลักษณ์ ตัวย่อในภาษาอังกฤษ ค่าประมาณในหน่วยเรเดียน
องศา 1/360 ของวงกลม ° deg 17.4532925 mrad
ลิปดา (arcminute) 1/60 องศา arcmin, amin, MOA 290.8882087 µrad
พิลิปดา (arcsecond) 1/60 ของลิปดา arcsec 4.8481368 µrad
มิลลิพิลิปดา (milliarcsecond) 1/1000 ของพิลิปดา   mas 4.8481368 nrad

 เป็นเครื่องมือในการหามุม และเวลาของดวงดาวในพื้นดวง และดาวจร เราจะมาพูดเรื่องนี้กันนี้หนึ่ง คือ องศาเราใช้วัดมุมดาว ว่าดาวดวงไหนห่างจากดาวอีกดวงเป็นระยะกี่องศา และองศาที่ใช้กันในจาน 360 องศาก็มีหลายมุม แต่ที่ใช้กันมาก ๆ คือ มุม ทับ = 0 องศา  มุม 45 องศา มุม 90 องศา มุม 180 องศา มุม 135 องศา มุม 22 ครึ่ง มุมเหล่านี้เราถือว่ามีบทบาทในการใช้ทำนาย อาจมีหลายมุมแต่ขอคุยเพียงมุมแรงๆ ก่อน ว่าถ้าดาวมาทำมุมใกล้ที่สุดก็จะมีความแรงมากสุด จาก 0 องศาไป จะถามว่ามุมไหนแรงคือมุมดาวที่ทับกันเป็น 0 องศาต่อกัน เราจะมีแขนของการวัดมุมให้ทำการวัดมุมดาวค่าออกมาก็จะเป็นองศา ลิปดา และไปถึง พิลิปดา ที่เป็นหน่วยย่อยของการวัดมุม ที่เราทำขึ้นมาแล้ว ความละเอียดมาก ในการวัด คิดว่ามีโปรแกรมน้อยรายที่ลงถึง พิลิปดา และ มิลลิพิลิปดา เราก็มีใช้ แต่คงไม่ต้องลงไปลึกมาก แต่ทำไว้ให้คนสนใจในการศึกษาแบบละเอียดในการวัดเชิงมุม โปรแกรมที่ดีต้องมีเครื่องมือที่ครบ คราวหน้าเรามาคุยเรื่อง มาตราของเวลาว่าใช้ทำอะไร

บทที่ 521
วันนี้เราจะมาพูดกันเรื่อมาตราของเวลาที่เราใช้ในวิชาโหราศาสตร์กัน มาตราเวลาก็จะเหมือนกับมาตราหน่วยขององศานั่นเอง คือ
1 วันมี 24 ชั่วโมง 1 ชั่วโมง มี 60 นาที 1 นาทีมี 60 วินาที เ
วลา มาตรฐานของประเทศไทยยังคงเป็นเวลาเดิม
คือ เวลาตามมาตราเวลาพิกัดสากล UTC+7 ชั่วโมง   หน่วยการวัดนี้เราเอามาใช้ในการคำนวณเวลาของการโคจรของดวงดาวบนท้องฟ้าและเวลาเกิดของคนที่อยู่ในประเทศไทย การเดินของดวงดาวก็จะเดินเป็นวัน ชั่วโมง นาที วินาที ตามหลักของเวลาบนพื้นโลก แต่มีอีกเวลาหนึ่งคือเวลาดาว ที่ต่างกับเวลาบนพื้นโลก อยู่ 23 ชั่วโมง กว่า ๆ เราต้องเทียบมาเป็นเวลาบนพื้นโลกเสียก่อนถึงนำมาใช้หาระยะการเดินของดาวได้ โปรแกรมได้ทำการเทียบมาให้แล้ว เราคงไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับการคำนวณมากนักเพราะเพียงให้ทราบเพราะมันจะยุ่งยากมากพอสมควรเอาไว้ท่านคล่องกว่านี้จะกล่าวให้ฟัง  มาตรา การวัดมุม และมาตราเวลาใช้หลักการอันเดียวกันหน่วยย่อยเป็น พิลิปดา และเวลาก็เป็น วินาที ในที่ใช้กัน แต่ก็ยังมีละเอียดไปกว่านี้แต่เราไม่สามารถอ่านได้เพราะหน่วยเล็กมาก แค่วินาทีก็เพียงพอให้เราทราบเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกิดได้ ความเป็นจริงในโปรแกรมต่าง ๆ เค้าจะทำเพียงนาทีเท่านั้นแต่ของเราได้ปรับให้ลงไปถึงวินาที เพราะต่อไปอาจต้องใช้ มีหลายคนเล่นกันเป็นวินาทีนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็น้อย เราเล่นแค่นาทีนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นก็เพียงพอแล้ว เพียงเรากระพริบเข็มยาวก็เดินไปหนึ่งวินาทีแล้ว เรื่องที่จะเกิดขึ้นก็ชั่วกระพริบตาเช่นการเกิดอุบัติเหตุ เร็วมาก และก็ผ่านไปเลย รอเวลาเป็นนาทีเป็นการคงอยู่ของเรื่องที่เกิดขึ้นมา ณ เวลานั้น การหาเวลาดี ๆ ก็ใช้มาตราเวลาเช่นกัน เราให้ ชั่วโมง คือจันทร์ นาทีคือ ลัคนา และเมริเดียน ในการค้นหาชั่วเวลาดี ๆ บนท้องฟ้า เมื่อเมริเดียนเดินมาจากขวาไปซ้ายทับพฤหัสจร เราก็ได้นาทีที่ดีแล้ว เราก็ต้องรีบดำเนินการต่าง ๆ ให้เสร็จภายในนาทีนั้น แต่อาจเร็วเกินไป เราก็ไปใช้ร่วมกับชั่วโมงคือเมื่อจันทร์จรทับพฤหัสจร และเมริดียนหรือ ลัคนาทำมุมกับ พฤหัส ก็ถือว่าเราได้เวลาดีเป็นชั่วโมง เพราะจันทร์จะทับอยู่ ประมาน สองชั่วโมงกว่า ๆ เราก็สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทัน และต้องให้นาทีดีด้วยถึงจะเข้าปัจจัย และอาจต้องดีวันดีคือข้างขึ้นจะดีกว่าข้างแรม หลักจากที่จันทร์ทับอาทิตย์จะเป็นแรม 15 ค่ำต่อไปก็จะขึ้นหนึ่งค่ำไปจนถึงขึ้น 15 ค่ำเมื่อจันทร์เล็งกับอาทิตย์จร ก็หมดแรมเป็นแรมหนึ่งค่ำอีก เดือนหนึ่งก็จะมีสองครั้งเท่านั้น เราควรสังเกตการโคจรของดาวในโปรแกรม ว่าเค้าเดินอย่างไรดาวดวงไหนเดินเร็วเดินช้า เรามีปุ่มกดที่เรียกว่า clock
เมื่อกดลงไปเวลาก็จะเดินดาวก็จะเดินเป็นวินาทีไป ท่านก็เพียงมองดูการเคลื่อนไหวของดาวได้เป็นวินาที ของดีอยู่ตรงนี้เมื่อ ลัคนา เมริเดียน เริ่มจับอะไรในพื้นดวง หรือดาวจรมันก็จะมีเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมาเช่นมีโทรศัพท์เข้าในวินาทีนี้เป็นต้น มีคนเดินเข้ามาหาเราเป็นต้น ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ยูเรเนียนทำได้ เพราะเราอ้างถึงดาวและเวลานั่นเอง

บทที่ 522

วันนี้ตื่นขึ้นมาตอนตีสี่กว่า ได้เห็นดวงจันทร์เต็มดวงสวยงามมาก ก็เลยขอคุยเรื่องดวงจันทร์นิดหนึ่ง วันนี้เป็นวันข้างขึ้นสุดท้ายแล้วดวงจันทร์ทำงานเต็มที่ แสงสว่างจากดวงจันทร์ทำให้ไม่ต้องเปิดไฟได้เลย เพราะข้าพเจ้าจะตื่นมาตอนนี้เสมอ ทุกวัน นอนเร็วตื่นเช้า ถ้าใครโทรมาตอนตีสี่กว่า ก็จะได้คุยกับผม คิดว่าสมองกำลังเริ่มเปิด จะเขียนอะไรก็จะคิดออกมาดีใครที่อยากเก็บข้อมูลที่เขียนมา ห้าร้อยกว่าก็รีบเก็บไว้นะครับต่อไปอาจหาไม่ได้แล้ว เพราะคนเขียนก็เริ่มชรา ลงตามวัยแห่งอายุขัย คือโค้งฯนะครับ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าเหมือนดวงดาวได้นะ ใครทำอะไรก็จะได้อย่างที่ดาวบอกนะครับคือกรรมไงท่าน ดวงจันทร์ก็จะบอกถึงเวลารับกรรมดี กรรมร้ายหรือยัง เป็นรายเดือนได้ บางเดือนท่านจะรู้สึกดี ช่วง full moon ความคิดเราการเรียนเราจะวิ่งดี คิดอะไรออกมาได้มาก นะ เพราะระบบในร่างกายเราได้ทำงานเต็มที่ เพราะแรงดึงดูดจากดวงจันทร์ จันทร์พื้นดวงอยู่ในราศีไหนก็จะบอกเรื่องต่าง ๆ เช่น นิสัยใจคอ  แนวความคิดในใจ สุขภาพ ฯลฯ อื่น ๆ อีกมากมาย ไม่แพ้อาทิตย์กำเนิด การที่เราอ่านจันทร์พื้นดวงได้ดีก็จะทำให้เราทำนายได้ตรงหมายที่ต้องการ ท่านต้องจำความหมายของราศีให้แม่น เพราะจันทร์อย่างไร ก็ไม่พลาดเหมือนลัคนา และเมริเดียน ที่เดินเร็ว ดวงจันทร์เค้าจะเดินสามวันต่อหนึ่งราศี อย่างไรก็ทำนายได้ ควรจับดวงจันทร์พื้นดวงมาพูดก่อนว่าเจ้าชะตาเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าก็จะดูเรื่องนิสัยใจคอ สุขภาพ เป็นหลักก่อน ว่าจันทร์เค้าเสียไหม ถ้าเสียก็จะไปทำมุมกับดาวที่เสีย จันทร์ก็จะมีปัญหาไปได้เลย แต่ถ้าจันทร์เค้าทำมุมดีกับดาวดีก็เป็นคนที่ดีไป นะ ท่าน ดังนั้นการอ่านพื้นดวงเราก็ดูที่จุดเจ้าชะตาเป็นหลักไว้ก่อน เช่น อาทิตย์ อยู่ราศีไหน จันทร์  ราหู ลัคนา เมริเดียน เป็นจุดเริ่มค้นหาความจริงของชีวิตเจ้าชะตา เพราะเราต้องดูว่าตรงไหม ถ้าตรงก็สามารถดูเรื่องต่างๆ ในวันหน้าได้ตรงไงท่าน ทำไม่ถึงต้องค้นหาความจริงจากพื้นดวงก่อนก็เพราะว่าเป็นการดูให้แน่ใจว่าเราจะไม่ทำนายผิดในเรื่องที่ยังไม่เกิด ถ้าเราสามารถมองย้อนหลังไปหรือดูเรื่องในใจเค้าได้ก็แปลว่าดาวตรงตำแหน่งของเค้าแล้ว บางคนเกิดมาไม่ทราบเวลาเกิด จำผิด วันไปก็มีนะ เราควรจำเป็นต้องศึกษาชีวิตเจ้าชะตาเสียก่อนว่าเป็นอย่างไรดำเนินชีวิตมาถึงช่วงไหนแล้ว และต่อไปจะเป็นอย่างไร ก็ให้ดูโค้งฯ ไป หรือดาวจรรายปีไป อีก การเขียนมานี้อาจมีคำผิดบ้างต้องขออภัยไว้ด้วยเพราะเขียนสด อาจไม่มีเวลาตรวจเพราะต้องมีงานอื่นเตรียมอีก ถ้ามีเวลาก็จะมาอ่านและแก้ไขให้นะ วันนี้คงแค่นี้ก่อนเพราะเช้าแล้วต้องไปวิ่งต่อนะ
บทที่ 523
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของต้นข้าวโพดกัน พอดีข้าพเจ้าได้ปลูกต้นข้าวโพดไว้ดูเล่นตั้งแต่เป็นเมล็ด ก็เลยอยากเอามาเปรียบเทียบกับการเจริญเติมโตของคนเรา ตอนนี้โตแล้วเริ่มจะลงดินได้แล้ว ถ้าเค้าได้ดินดี น้ำดี ปุ๋ยดี ก็จะได้รับรับผลผลิตจากเค้า

                ต้นไม้                                        กับ                                         มนุษย์

1   การที่เราเริ่มปลูกเมล็ดลงดินเท่ากับ                          การฝังตัวอ่อนชายในมดลูกหญิง  คือ ราศีพิจิก
2   มีการงอกออกมาดูโลกมีกิ่งก้านใบ                           การออกมาดูโลกของคนเราคือราศีเมษ การกำเนิดชีวิตใหม่ พื้นดวงเริ่มต้น
3   มีการดูแร่ธาตุในพื้นดินแสงแดด                              การกินให้เจริญเติบโตของคน คือราศี พฤษ
4   โตขึ้นเป็นข้าวโพดเริ่มมีความแตกต่างจากต้นไม้อื่น   การเริ่มแสวงหาสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเอง การติดต่อกับคนทั่วไป ราศีมิถุน
5   ต้นไม้ต้องการการปกต้องจากภัยธรรมชาติ               คนเราต้องการหาที่อยู่ที่ป้องกันตัวเองให้พ้นภัยธรรมชาติ ราศีกรกฎ
6   ต้นไม้เริ่มแข็งแรงพร้อมที่จะผลิดผล                         คนเราก็เริ่มหาความต้องการของตัวเองเพื่อนการดำรงอยู่ต่อไป ราศีสิงห์
7   ต้นไม้เริ่มทำงานหาอาหารเพื่อการขยายพันธ์            คนเราก็เริ่มมีการทำงานเพื่อนสะสมเงินทองเพื่อหาคู่ครอง  ราศีกันย์
8   ต้นไม้เริ่มมีการหาต้นที่ดี ๆ ไว้ผสมพันธ์                    คนเราก็เริ่มหาคู่ไว้สืบสกุล มีความรัก คือราศี ตุลย์
9   ต้นไม้เริ่มมีการผสมพันธ์มีดอกมีผล                         คนเราเริ่มมีการสืบพันธ์เช่นกัน ตอนนี้ก็มาถึงจุดเริ่มใหม่ คือราศีพิจิก
10 ต้นไม้เริ่มให้ผลเต็มที่พร้อมที่จะเก็บผลได้                 คนเราก็เริ่มมีการพัฒนาการของตัวเองคือโตเต็มที่พร้อมที่จะเป็นพ่อแม่คน ราศีธนู
11 ต้นไม้เริ่มถึงเวลาต้องเก็บผลผลิตจากคน                 คนเราเริ่มมาถึงจุดพร้อมด้วยการเก็บผลจากการทำงานในชีวิตเริ่มชรา ราศีมังกร
12 ต้นไม่เริ่มหมดอายุขัยในการให้ผล                          คนเราเริ่มเข้าสู่วัยทอง สุขภาพ ตามมา เริ่มจะกลับไปหาจุดเริ่มต้น ราศีกุมภ์
13 ต้นไม้เริ่มหมดอายุและกลายเป็นธาตุลงดิน              คนเราก็เริ่มถึงเวลาสละร่างกายคือหมดสภาพกลายเป็น 4 ธาตุลงดินเช่นกัน ราศีมีน
 

คนเรากับต้นไม้มีความเหมือนกันในเชิงธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ มีการเกิด การให้ผลผลิต การจบชีวิต และมีการเกิดขึ้นใหม่จากการสืบ เผ่าพันธุ์โดยเมล็ด ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิต ก็จะมีการผสมพันธ์ เพื่อดำรง สายเลือดกันต่อไป อันนี้คือการเทียบกับราศีทั้ง 12 ราศี เกิดมาแล้วท่านต้องเป็นต้นไม้ที่ให้ผลผลิตที่สมบูรณ์ ไม่ไปดูสิ่งไม่ดีให้กับตัวเอง ก็จะทำให้ต้นไม้มีปัญหาไม่ออกผลผลิตได้ ปุ๋ยน้อยไป น้ำน้อยไปหรือมากไปก็ตาย คนเราก็เหมือนกันไปดูดในสิ่งไม่ดีมาไว้ในจิตใจ หรือทำร่างกายไม่แข็งแรงก็หมดการที่จะเจริญเติบโตไปถึงจุดหมาย เช่นกัน
จงใส่ปุ๋ยให้กับตัวเองคือความดี ไม่คิดร้าย เอาแต่ได้ คือรับน้ำมากเกินไปก็ตาย น้อยเกินไปก็ตาย ลงรับแต่พอดี
คือทำดี ถ้าไม่ดี ธรรมชาติก็จะทำลายไปเอง คือจากภัยธรรมชาติ บ้าง จากคนบ้าง

บทที่ 524
ต่อไปเมื่อต้นไม้เริ่มโต ออกผล และก็หมดประโยชน์ ก็จากไป เป็นธาตุในดินต่อ ก็เหมือนชีวิตคนที่ทิ้งร่างเก่าไป และนำจิต หรือ เมริเดียนไปด้วยเพื่อนไปบังเกิดในภพใหม่ การเกิดใหม่ก็มีผลบุญ และกรรมที่จะเป็นแรงขับส่งไปภพดีหรือไม่ดี แต่ก็คงจะเข้าอยู่ในวงรอบของการเกิดแก่เจ็บตายเช่นเคย ถ้าคนนั้นยังไม่พ้นจาก กรรมเก่าที่ติดมาด้วย ด้วยเหตุนี้ ณ เวลาเกิดใหม่ก็เป็นพื้นดวงใหม่ของเจ้าชะตา ที่จะบอกว่าเขามีกรรมดีหรือไม่ดี ถ้ามีกรรมดีก็พื้นดวงดี ได้เวลาเกิดที่ดีถ้าเราไม่ทำการกำหนดให้คือเกิดเอง แต่ถ้าชาติที่ผ่านมาทำกรรมไม่ดี พื้นดวงใหม่ก็ไม่ดีด้วย มีดาวไม่ดีทำมุมมาก ๆ กับเจ้าชะตา เวลาจะเกิดก็ดันไปเกิดในช่วงเวลาที่ดาวบนท้องฟ้าทำมุมไม่ค่อยสวยนัก ก็จะเป็นเหมือนแผนที่ดาวที่บอกเรื่องของเจ้าชะตาไปในตัวตั้งแต่เกิดจนตายอีกครั้ง พื้นดวงคือการดูว่าเค้าเกิดมาด้วยแรงบุญหรือกรรมนั้นเอง
คราวนี้เราก็มีดูเรื่องของการใช้กรรมดี และกรรมไม่ดีบ้างว่าเค้าดูกันอย่างไร ตามหลักของโหราศาสตร์เราก็มีเครื่องมืออยู่หลายตัวที่ใช้ดูกัน แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่นิยมในการดูว่าเรื่องดีร้ายจะเกิดปีไหน เราก็อาศัยโค้งอายุขัยเจ้าจับว่า เรื่องดีๆร้อย ๆ จะมาปีไหน การทำงานของโค้งอายุก็คือดาวในพื้นดวงเดินปีละหนึ่งองศาไปทั้งด้านซ้ายและขวา เค้าจะกางออกไปตามอายุจริง
ถ้าอายุ
20 ปี ก็จะมีดาวกางออกไป 20 องศา เช่นดาว เสาร์จรอยู่ในราศีอะไรตำแหน่งอะไร เข้าก็จะเริ่มทำงานตั้งแต่เกิดคือ 1 ปี หลังเกิด และนับไปจนถึงอายุเต็มตอนนี้ถ้าดาวเสาร์กางไปถึงดาวอะไรในพื้นดวงเช่นถึงลัคนา พื้นดวงก็จะบอกว่าเจ้าชะตาปีนี้จะต้องมีเรื่องของการพลัดพราก การย้ายที่อยู่เกิดขึ้นเป็นต้น ถ้าไปทำมุมกับดาว ไม่ดีเช่น ฮาเดส ก็อาจจะมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น ท่านต้องจำไว้ว่าโค้งดาวทั้งสองขาคือจุดเจ้าชะตาจรพื้นดวง ไม่ว่าไปถึงดาวอะไรก็ทำให้มีเรื่องต่าง ๆ ตามพื้นดวงเกิดขึ้น อันนี้ดูง่าย ในสมัยก่อนยังเค้ายังไม่ใช้ดาวจรเข้ามาดูก็ใช้โค้งอายุขัยดูเรื่องในปีนั้นๆ ไปได้อย่างแม่นยำทีเดียว เรามีรู้จักโค้งอายุขัยกันเป็นตัว ๆ ดีกว่า
โค้งเมษ เป็นจุดเจ้าชะตาจุดหนึ่ง ถ้าไปโดนดาวอะไรในพื้นดวงก็หมายความว่าเจ้าชะตาต้องพบกับเรื่องนั้น ๆ ไม่ใช่แปลว่าพบกับมวนชลที่ใหญ่นะ เพราะตอนนี้เราเอามาใช้ดูเรืองต่าง ๆ ความหมายก็จะต่างไป
โค้ง ลัคนา ก็เป็นจุดเจ้าชะตาเช่นกัน เราเอาไว้ดูเรื่องสภาพแวดล้อมที่กำลังจะเกิดในปีนั้นว่าดีหรือไม่ดี
โค้ง เมริเดียน ก็เอาไว้ดูเรื่องความต้องการของจิตว่าปีนั้นเราต้องการทำอะไรมีอะไรให้จิตเปลี่ยนแนว
โค้ง ราหู ก็เอาไว้ดูความเป็นไปในชีวิติว่าใกล้กับอะไรหรือตนใกล้ชิด โค้งนี้จะแรงหน่อยแต่ไม่ค่อยมีใครใช้นักถ้ามีเวลา
หัดทดลองดูโค้งนี้กันนะจะได้เห็นอะไรได้มากขึ้น
โค้ง อาทิตย์พื้นดวง เราก็ดูว่าตัวของเจ้าชะตาเจออะไรในปีนี้ เรื่องดีหรือไม่ดี ไปชนดาวดีก็ดี ไปชนดาวร้ายก็จบไป
โค้งจันทร์ ก็ดูเรื่องความรู้สึกนึกคิดหรือตัวเจ้าชะตาเอง อาจแยกดูหญิงโค้งจันทร์ โค้งอาทิตย์ไว้ดูชายก็ได้
การดูโค้งจุดเจ้าชะตาก็จะเหมือนกับโค้งอายุขัยดาวเคราะห์เช่นกัน แต่ถ้าเราดูโค้งฯดาวเคราะห์ ก็ออกมาเหมือนกันแต่อาจดูง่ายกว่า อยากดูเรื่องอะไรเราก็ไปดูโค้งฯ ดาวดวงนั้น ๆ ได้เลย คราวหน้ามาคุยเรื่องโค้งดาวเคราะห์กัน

บทที่ 525
วันนี้เราจะมาพูดเรื่องโค้งอายุขัยดาวเคราะห์กัน วันก่อนไม่อยู่เลยไม่ได้ขึ้นมาเขียนพอดีไปนครปฐมไปช่วยแม่ชีดูที่เพื่อออกแบบสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่ให้ดีขึ้น มาเริ่มกันดีกว่า เราทราบโค้งฯจุดเจ้าชะตาไปแล้ว คราวนี้เรามาดูโค้งฯ ดาวเคราะห์กันบ้านว่าใช้ทำอะไรให้อะไรกับเราบ้าง บางครั้งเราก็จำเป็นต้องดูโค้งฯดาวเพื่อช่วยให้เราทราบเรื่องต่าง ๆ รายปีได้ง่ายขึ้น แต่ก็ควรผสมกับโค้งฯจุดเจ้าชะตาไปด้วยเพื่อความมั่นใจ
1.  โค้งฯ ดาวอังคาร ไว้ดูเรื่องเกี่ยวกับ เหตุต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเราหรือเราจะทำอะไรก็ตาม กิจกรรม รวมไปถึงเรื่องกะทันหันต่าง ๆ ที่ไม่ค่อยจะดีนัก อย่างเช่นวันนี้จันทร์จารหรืออาทิตย์รายปีทับโค้งฯอังคารก็จะทำนายได้ว่าเดือนนี้ วันนี้ ปีนี้ ท่านต้องระวังการมีปัญหา การมีปากเสียง กับเจ้านาย หรือคนใกล้ชิด หรือการได้รับการบาดเจ็บต่าง ๆ โค้งฯรายปีนี้เราถือเป็นดาวในพื้นดวงอีกชนิดหนึ่งแต่เป็นรายปีได้ อะไรเข้ามาทำมุมก็เป็นเรื่องได้เช่นกันเหมือนดาวอังคารพื้นดวงแต่แรงกว่า
2.
โค้งฯ ดาวพุธ เอาไว้ดูเรื่อง การเดินทาง การติดต่อสื่อสาร เอกสาร การติดต่อเจ้าคนใกล้ชิดว่าปีนี้เป็นอย่างไร มีเรื่องอะไรไหม มีการเดินทางไหม ถ้าปีนี้โค้งดาวพุธ ไปทำมุมถึงจันทร์พื้นดวงก็จะแปลว่าเรามีความคิดที่จะเดินทางก็ได้ หรือมีเรื่องเกี่ยวกับการติดต่อสื่อการกับคนภายนอกได้เช่นกัน
บทที่ 526
เรามาดูโค้งฯ ดาวศุกร์ กันว่าไว้ทำอะไร ถ้ามีคนถามว่าจะพบคู่รัก หรือแต่งงานในปีนี้ไหม เราก็ใช้โค้งฯนี้ได้เลย ไปทำมุมกับดาวพื้นดวงหรือจุดเจ้าชะตาในพื้นดวง หรือดาวจรรายปี ก็จะพูดได้ว่าปีนี้เจ้าชะตามีกิจกรรมเกี่ยวกับความรักเกิดขึ้นแล้ว การทำงานของโค้งฯ หนึ่งองศาก่อนทับดาว หรือจุดเจ้าชะตานั้น ๆ จำไว้หนึ่งองศาก็ทำงานแล้ว เราอย่าไปดูว่าต้องทับจริง ส่วนมากแรงขับของโค้งเค้าจะเริ่มทำงานก่อนหนึ่งองศาเสมอเท่าที่สังเกตมานะ ถ้าไปทับดาวแล้วเราถือว่าเจ้าชะตาจะได้พบกับเรื่องนั้น ๆเรียบร้อยไปแล้ว แต่ถ้าออกไปหนึ่งองศาแต่เรายังไม่ทำอะไรเรื่องนั้นก็ผ่านไปแล้ว บางทีอาจเป็นระยะสุดท้ายที่โค้งฯนั้น ๆ เค้าทำงาน ถ้าเรื่องการแต่งานของสตรี เราจะดูโค้งฯศุกร์ และโค้งฯ ราหู โค้งฯคิวปิโด เข้าไปช่วยด้วยเพื่อความมั่นใจ การดูเรื่องแต่งงานจะมีทั้งสามโค้งนี้จะต้องมาหมด หรือสองในสามก็ได้ แต่ถ้าผ่านไปแล้วยังไม่แต่ง และในองศาต่อไปไม่ไปทำมุมกับดาวอะไรที่ใกล้ ๆ มากนัก ก็คงรอไปอีกหลายปีจนกว่าจะทำมุมอีก ก็อาจไม่ได้แต่งงานก็ได้เพราะเราถือว่าโค้งฯสุดท้ายของการที่เราจะทำเรื่องนี้แล้ว ต่อไปก็อาจจะเกินอาจไป อย่างเช่นโค้งฯ ชุดนี้มาตอนอายุ 45 ปี คือสุดท้ายที่คนเราคิดจะแต่งงานแล้วจะเข้ามาอีกก็ 50 กว่า ก็อาจไม่ได้แต่งก็ได้ อาจไปพบเรื่องอื่นแทนก็ได้ อายุคนเราก็สำคัญกับโค้งฯ บางเรืองว่าเหมาะสมกันไหมนะ

บทที่ 527
วันนี้เรามาพูดเรื่องโค้งอายุขัยดาวพฤหัส ดาวดวงนี้จะเป็นดาวดีก็ว่าได้ เราจะเอาไว้ดูเรื่องกรรมดี หรือข่าวดีที่เข้ามาในรายปีของเจ้าชะตาในแต่ละปีตั้งแต่เกิดจนถึงจบการเป็นคน ว่าอย่างนี้กันเลย เพราะส่วนมากเราจะใช้กันมาก พอ ๆ กับโค้งฯ เสาร์
แต่เป็นเรื่องดี  ๆ ที่จะเกิดขึ้นว่าปีไหนเรามีโชคดีเราก็ดูโค้งฯดาวพฤหัสกันว่าขาทั้งสองข้างที่กางออกไปทำมุมถึงดาวอะไรหรือจดเจ้าชะตาอะไร ถ้าไปถึงดาวดีในพื้นดวงก็ถือว่าปีนั้นดีไปทั้งปี ความหมายแกนที่กางออกไปจริง ๆ แล้วจะให้ผลเท่ากันแต่ในทางปฏิบัติทางตะวันตกเค้าจะดูว่าโค้ง
V1 หรือ โค้ง บวก ของเราจะแรงกว่า เพราะจะเดินเหมือนดาววงนอกคือการวิ่งเข้าหาดาว บางทีเราอาจใช้โค้ง บวกอย่างเดียวในการตรวจสอบก็ได้ แต่ทางที่ดีเราก็ใช้ทั้งของโค้งฯจะดีกว่าเพราะใช้ได้เหมือนกัน เราได้มีการทดสอบดูว่าอันไหนแรง ก็ออกมาว่าพอ ๆ กัน ถ้าเจ้าชะตาถามว่าปีนี้เค้าจะได้เปลี่ยนงานไหม ขายที่ได้ไหม มีการเปลี่ยนตำแหน่งไหม มีโชคบางไหม ถ้าโค้งดาวพฤหัสไปทับจุดเจ้าชะตาก็แบบได้เลยว่าปีนั้นเจ้าชะตามีโชคแน่นอนแต่เป็นโชคแบบไหนเราอาจต้องใช้โค้งจากจุดอิทธิพลเข้ามาจับหารายละเอียดอีกทีก็ได้ ขั้นตอนการหาก็เหมือนกัน โดยตั้งจุดอิทธิพลพื้นดวงแล้วกางออกไปว่าไปทำมุมถึงดาวหรือจุดเจ้าชะตาก็จะเป็นเรื่องนั้น เมื่อเราคุยเรื่องโค้งดาวทุกดวงจบเราก็จะมาว่ากันเรื่องจุดอิทธิพลบวกโค้งฯกันต่อ

บทที่ 528

วันนี้เราจะพูดเรื่องโค้งฯ เนปจูน โค้งฯนี้เอาไว้ใช้ดูเรื่องเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ การหลอกลวงของเจ้าชะตาที่ไปติดต่องานต่าง ๆ หรือดูเกี่ยวกับ เรื่องไม่ค่อยดีนัก ถ้าเจ้าชะตากำลังมีอาการป่วยอยู่เราก็เปิดโค้งฯนี้หรือมีคนในครอบครัวคนใดคนหนึ่งเจ็บป่วยเราก็สามารถใช้โค้งฯนี้ดูได้ว่าใครป่วยถ้าโค้งฯเนปจูนไปทำมุมถึงราหูก็จะแปลว่าบุคคลใกล้ชิดป่วยหรือกำลังถูกหลอกอะไรบางอย่างจากสภาพแวดล้อมที่เค้ากำลังทำอยู่ก็ได้ แต่ถ้าเราดูเรื่องสุขภาพเราควรจะต้องใช้โค้ง ฮาเดส เข้ามาประกอบด้วยว่าการเจ็บป่วยนี้ยาวนานไหมแต่ถ้าในพื้นดวงจันทร์ ฮาเดส ก็จะมีโชคประจำตัวบางอย่างที่รักษากันยาวนานหรือไม่หายขาดก็เป็นไปได้ แต่ถ้าดูว่าการป่วยครั้งนี้กำลังมีการผ่าตัดหรือเข้าห้อง ICU  ว่าจะผ่านไหมให้ใช้โค้งฯ Ad เข้าไปเสริมอีกโค้ง ถ้าทั้งสามโค้งทำงานหมดก็หมายความว่าไม่ค่อยดีนักให้หาทางแก้ไข อาจใช้จุด ma+sa-no คือจุดถึงแก่ความตายเข้าไปจันดู การดูอาจดู จุด นี้จรรายเดือนก็ได้ แต่ก่อนท่านต้องดูรายปีก่อนว่ามีไหม โดยใช้ดวงรายปีตั้งก่อน และใช้จุด ma+sa-no เข้าไปจับในพื้นดวงโดยกางแขนออกไปว่าไปชนอะไร โดยทั้งที่ n. คือดูพื้นดวง และบวก arc เข้าไป ถ้าต้องการทราบเดือนไหนก็ไปจับ t. คือดูจรรายเดือนกันต่อไปว่าเดือนไหนแรงคนส่วนมากจะจากโรคนี้ไปก็ตอนวันพระหรือก่อนวันพระหนึ่งวัน คือ new moon พระใหญ่ นะ ถ้าเจ้าชะตาผ่านจุดนี้ไปได้ก็สามารถอยู่ต่อไปได้อีก หนึ่ง new moon แล้วมาว่ากันใหม่ คือว่าต้องผ่านเป็นเดือน ๆ ไป จนถึงจุดอาทิตย์ย้ายราศี เข้าแกนใดแกนหนึ่งของจุดทั้งสี่ ก็พอจะผ่านเรื่องไม่ดีได้

บทที่ 529
 


วันนี้เราจะมาพูดเรื่องโค้งฯต่อไปอีกจนหมด เรามาถึงการดูโค้งฯการเจ็บป่วยคือโค้งฯเนปจูนไปพร้อมกับ ฮาเดส ต่อไปเราก็จะมาคุยกันเรื่องโค้งที่ถามกันบ่อย ๆ ว่า มีการปรับตำแหน่งไหม เราก็ดูโค้ง KR กับ VU ว่าทำมุมถึงกับจุดเจ้าชะตาหรือไม่ ถ้าโค้ง KR ผ่านจุดเมษไปแล้ว การถามเรื่องตำแหน่งก็อาจไม่มีเพราะหมดการทำงานไปแล้ว แต่ถ้าในพื้นดวง KR เด่น ๆ ก็ให้เจ้าชะตารับราชการหรือทำงานที่เกี่ยวกับรัฐได้ แต่ถ้าโค้งดีมาก็มักจะมาหมด เช่น JU, AP, KR, VU มักจะมาร่วมด้วยก็จะแปลได้ว่าปีนั้นท่านอาจได้ปรับตำแหน่งหรือเปลี่ยนงาน หรือได้งานใหม่ บางทีอาจดูโค้ง KR เพียงโค้งเดียวก็ได้ ก็บอกผลได้เหมือนกัน แต่ถ้าโค้งอื่นมาด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ คิดจะเปลี่ยนงาน หรือปรับตำแหน่ง ก็จะได้ผลดีหมดคือผลแห่งกรรมเก่าได้เกิดขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าปีนี้โค้ง KR ไปทำมุมกับตาวไม่ดีก็อาจบอกได้ว่าเค้าไม่สามารถมีการโยกย้าย หรือปรับตำแหน่ง ได้ หรือเอาไว้ใช้ดูจุดสูงสุดของเจ้าชะตาว่าได้เดินทางมาถึงจุดประสพความสำเร็จหรือยังในชีวิตนี้ ก็มักจะถึงดาวดี ๆ ไป หรืออาจเอาจุดอิทธิพลเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานมาทำเป็นโค้งฯก็ได้ว่าได้ปรับตำแน่ง ได้งาน ย้ายงาน หรือไม่ก็ได้ จะได้บอกเจ้าชะตาได้ละเอียดมากขึ้นว่าเรื่องที่มาจะเป็นเรื่องอะไร ปีนี้ ต่อจากนั้นเราก็ดูรายเดือนต่อไป ว่าเดือนไหนเป็นเดือนที่น่าสนใจในการปรับตำแหน่ง

บทที่ 530
วันนี้เราจะมาคุยเรื่องโค้งฯกันต่ออีกไม่มากแล้วเพราะบอกไปเกือบหมดแล้ว มีอยู่โค้งหนึ่งที่น่าสนใจคือโค้ง
UR โค้งฯนี้มาปีไหนให้ระวังเรื่องไม่ดีกำลังจะมาหาท่านแล้ว มักจะมากับโค้ง SA,MA  เป็นส่วนมาก ก็จะหมายความถึงเรื่องการได้รับบาดเจ็บส่วนมากก็จะมากจากการใช้รถยนต์ หรือความเร็ว การเก็บแบบฉลับพลันทันใดอาจไม่ต้องตัวก็ได้ จะถามว่ามีความสามารถที่จะเป็นอย่างอื่นได้หรอไม่ต้องไปดูโค้งฯ AD ,HA เข้ามาด้วยจะบอกได้หลักหรือไม่หนัก มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมนั่งสังเกตดวงคนที่มาหาแล้วหลายร้อยดวง ถ้าเป็นเรื่องดี ๆ โค้งฯ ดี ๆ ก็มักจะมากันหมด  เรื่องการดูพื้นดวงตามอายุขัยนี้มีความแม่นมาก เป็นการดูรายปีที่ดูง่ายไม่ต้องตั้งละอะไรมากเพียงเปิดโค้งมาอย่างเดียวก็สามารถทราบว่าปีนั้นเจ้าชะตาจะเป็นอะไร โดยนับจากวันเกิดชนวันเกิด แต่ถ้าต้องการดูดาวจรไปด้วยก็ต้องไปตั้งดวงรายปีวงนอกเข้าไปด้วยก็จะเห็นภาพมากขึ้น เราสามารถดูพื้นดวงกับดาวจรรายปีพร้อมกันผสมกันไปด้วยไม่มีปัญหาสามารถทำได้ หรือเป็นรายเดือนก็ทำได้ เพราะเรื่องต่าง ๆ มาจากปีก่อนแล้วมาลงเดือนต่อไปอีกครั้ง ตามหลักเราต้องดูรายปีไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนใช้ได้หมดตามที่ท่านชอบก็แล้วกัน ถ้าได้เรื่องที่ต้องการแล้วเราก็จะลงไปหารายเดือนกันต่อไป โดยหาเป็นเดือน ๆ ไปตั้งแต่วันที่เจ้าชะตามาดูกับเรา เราก็ใช้ new moon ตรวจไปเป็นเดือน ๆ จนถึงวันเกิดครั้งต่อไป และดูว่าเดือนไหนเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดเราก็มาแยกดูเดือนนั้นกันต่อไป